Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
หลักการออกแบบสื่อ 9 ขั้นตอน - Coggle Diagram
หลักการออกแบบสื่อ 9 ขั้นตอน
3. การทวนความรู้เดิม
เป็นการทบทวนหรือการเชื่อมโยงระหว่างความรู้เดิม เพื่อเชื่อมกับความรู้ใหม่
2.ควรจะมีการประเมินความรู้เดิมการทดสอบก่อนการเรียน
1.เป็นการทบทวนหรือเชื่อมกับความรู้ใหม่
2. การบอกวัตถุประสงค์
เพื่อเป็นการให้ทราบถึงเป้าหมายหรือสิ่งที่จะทราบหลังจากรับชมสื่อแล้ว
2.หลีกเลี่ยงคำที่ยังไม่เป็นที่รู้จักและเป็นที่เข้าใจ โดยทั่วไป
3.ไม่ควรกำหนดวัตถุประสงค์หลายข้อเกินไปในเนื้อหาแต่ละส่วน
1.ใช้คำสั้น ๆ และเข้าใจได้ง่าย
5. การชี้แนวทางการเรียนรู้
เป็นการยกตัวอย่างหรือตั้งคำถามชี้แนะแบบกว้าง ๆ ให้แคบลง เพื่อให้ผู้เรียนวิเคราะห์เพื่อค้นหาคำตอบ
4.การเสนอเนื้อหาที่เป็นรูปธรรมไปสู่นามธรรม จากนามธรรมไปสู่รูปธรรม
5.กระตุ้นให้ผู้เรียนคิดถึงความรู้และประสบการณ์เดิม
1.แสดงให้ผู้เรียนได้เห็นถึงความสัมพันธ์ของเนื้อหาและช่วยให้เห็นสิ่งย่อยนั้นมีความสัมพันธ์กับสิ่งใหม่อย่างไร
2.แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของสิ่งใหม่กับสิ่งที่ผู้เรียนมีความรู้หรือประสบการณ์
3.พยายามให้ตัวอย่างที่แตกต่างกันออกไป เพื่อช่วยอธิบายความคิดใหม่
4. การเสนอเนื้อหา
การนำเสนอเนื้อหาโดยใช้ตัวกระตุ้นที่เหมาะสม
2.พยายามใช้ภาพเคลื่อนไหวในเนื้อหาที่ยากและที่มีการเปลี่ยนแปลงตามลำดับ
ใช้แผนภูมิ แผนภาพ แผนสถิติ สัญลักษณ์หรือภาพเปรียบเทียบประกอบเนื้อหา
4.จัดรูปแบบของคำ ข้อความให้น่าอ่าน เนื้อหาที่ยาวให้จัดกลุ่มแบ่งตอน
ใช้เสียงให้สอดคล้องกับกราฟิก
1.ใช้ภาพนิ่งประกอบการเสนอเนื้อหา โดยเฉพาะส่วนเนื้อหาที่สำคัญ
3.ในเนื้อหาที่ยากและซับซ้อนให้เน้นข้อความที่สำคัญ เช่น ขีดเส้นใต้ ทำสี
9.การจำและนำไปใช้
การจัดกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ประยุกต์ใช้ความรู้ เพื่อการเชื่อมโยงข้อมูลความรู้เดิมกับความรู้ใหม่
4.บอกแหล่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการศึกษาให้กับผู้เรียน
3.เสนอแนะเนื้อหาที่เป็นความรู้ใหม่ซึ่งจะนำไปใช้ประโยชน์ได้
2.ให้ผู้เรียนได้ทราบว่าความรู้ใหม่มีความสัมพันธ์กับความรู้เดิมหรือประสบการณ์ที่ผ่านมาอย่างไร
1.ทบทวนแนวคิดที่สำคัญและเนื้อหาที่เป็นการสรุป
8. การทดสอบความรู้
เป็นการประเมินผลว่าผู้เรียนได้เกิดการเรียนรู้ได้ตามเป้าหมายหรือไม่
1.ต้องแน่ใจว่าสิ่งที่ต้องการวัดนั้นตรงกับวัตถุประสงค์
2.ข้อทดสอบ คำตอบและ Feedback อยู่ในเฟรมเดียวกัน
3.หลีกเลี่ยงการให้พิมพ์คำตอบที่ยาวเกินไป
4.ให้ผู้เรียนตอบครั้งเดียวในแต่ละคำถาม
5.อธิบายให้ผู้เรียนทราบว่าควรจะตอบด้วยวิธีใด
6.ควรมีรูปภาพประกอบด้วย นอกจากข้อความ
7.คำนึงถึงความแม่นยำและความน่าเชื่อถือของแบบทดสอบด้วย
6. การกระตุ้นการตอบสนอง
การกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองโดยกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการคิดเเละโต้ตอบ
1.พยายามให้ผู้เรียนได้ตอบสนองด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งตลอดการเรียน
2.ควรให้ผู้เรียนได้มีโอกาสพิมพ์คำตอบหรือข้อความเพื่อเร้าความสนใจ แต่ก็ไม่ควรจะยาวเกินไป
3.ถามคำถามเป็นช่วง ๆ ตามความเหมาะสมของเนื้อหา เพื่อเร้าความคิดและจินตนาการของผู้เรียน
4.หลีกเลี่ยงการตอบสนองซ้ำ ๆ หลายครั้งเมื่อทำผิด ควรมีการเปลี่ยนกิจกรรมอย่างอื่นต่อไป
5.ควรแสดงการตอบสนองของผู้เรียนบนเฟรมเดียวกันกับคำถาม รวมทั้งการแสดงคำตอบ
1. เร้าความสนใจ
เป็นการกระตุ้นและเกิดแรงจูงใจให้ผู้ชมมีความต้องการที่จะรับชม
กราฟิกควรจะใช้เทคนิคที่แสดงผลได้อย่างรวดเร็ว
ควรใช้สีเข้าช่วยโดยเฉพาะสีเขียว น้ำเงินหรือสีเข้มอื่น ๆ ที่ตัดกับพื้นชัดเจน
ใช้กราฟิกเกี่ยวข้องกับส่วนเนื้อหา ควรมีขนาดใหญ่ ชัดเจน ไม่ซับซ้อน
ใช้ภาพเคลื่อนไหวหรือเทคนิคอื่นๆ เพื่อแสดงการเคลื่อนไหวที่ควรสั้นและง่าย
ใช้เสียงให้สอดคล้องกับกราฟิก
6.กราฟิกที่ใช้ต้องเกี่ยวข้องกับเนื้อหาและเหมาะสมกับวัยของผู้เรียน
7. การให้ข้อมูลย้อนกลับ
การให้ผลกลับไปยังผู้เรียนเกี่ยวกับความถูกต้อง ถือเป็นการเสริมแรงอย่างหนึ่ง
4.แบบทำเครื่องหมาย หมายถึง การทำเครื่องหมายบนคำตอบในรูปของวงกลมขีดเส้นใต้หรือใช้สีที่แตกต่าง
3.แบบโต้ตอบ หมายถึง การเสริมแรงด้วยกิจกรรมเชิงโต้ตอบกับบทเรียนการกระตุ้น เช่น เกมส์
2.แบบเคลื่อนไหว หมายถึงการเสริมแรงด้วยการแสดงกราฟิก เช่น ภาพหน้ายิ้ม หน้าเสียใจ หรือมีข้อความประกอบให้ชัดเจน
1.แบบไม่เคลื่อนไหว หมายถึง การเสริมแรงด้วยการแสดงคำหรือข้อความ บอกความ ถูก หรือผิดและรวมถึงการเฉลย