Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
โภชนาการของบุคคลในภาวะปกติ - Coggle Diagram
โภชนาการของบุคคลในภาวะปกติ
โภชนาการส าหรับหญิงตั้งครรภ์ (Nutrition for pregnant women)
-โภชนาการส าหรับหญิงตั้งครรภ์
▪ การตั้งครรภ์เป็นการเปลี่ยนแปลงของร่างกายในภาวะปกติตามธรรมชาติ
▪ มีการสร้างเนื้อเยื่อต่างๆ เพิ่มมากขึ้น ท าให้ร่างกายต้องการสารอาหารมากขึ้น
▪ หากได้รับอาหารไม่เพียงพอ
-การเปลี่ยนแปลงด้านสรีระของหญิงตั้งครรภ์
มดลูกเพิ่มความจุ (จาก 10 มล. >> 5 ลิตร / น้ าหนัก จาก 70 กรัม >> 1,100 กรัม)
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน (estrogen และ progesterone เพิ่ม)
การเปลี่ยนแปลงของการไหลเวียนของเลือด
การเปลี่ยนแปลงระบบทางเดินอาหาร
อาการคลื่นไส้อาเจียน
น้ าหนักตัวเพิ่มขึ้น
ความต้องการสารอาหารขณะตั้งครรภ์
สารอาหารที่ให้พลังงาน
▪ ตลอดการตั้งครรภ์ หญิงมีครรภ์ต้องการพลังงานเพิ่ม 80,000 kcal หรือประมาณ 300 กิโลแคลอรี่ต่อวัน (วันละ 2,050 kcal)
▪ เพื่อใช้ในการเสริมสร้างอวัยวะต่างๆ ของทารก / เนื้อเยื่อต่างๆ ของแม่ / การท างานของ อวัยวะต่างๆ ที่เพิ่มขึ้น
▪ ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต ไขมัน โปรตีน (จากเนื้อสัตว์ นม ไข่ ข้าว)
▪ ควรหลีกเลี่ยง ขนมหวานจัด น้ าอัดลม อาหารที่มีไขมันมาก ได้แก่ อาหารทอด หมูติดมัน กะทิ (ให้พลังงานสูง >> น้ าหนักเพิ่มมากเกินไป)
โปรตีน (Protein)
แคลเซียม (Calcium)
ธาตุเหล็ก (Iron)
ไอโอดีน (Iodine)
โฟเลท (Folate)
วิตามิน B6
วิตามิน C
วิตามิน A
วิตามิน D
-แนวทางการบริโภคอาหารของหญิงตั้งครรภ์
เนื้อสัตว์
▪ ควรได้รับเนื้อสัตว์ต่างๆ เช่น เนื้อ หมู ปลา กุ้ง หอย ไก่หรือเป็ด วันละ 120-180 กรัม หรือประมาณ 1/2-3/4 ถ้วยตวง หรือมื้อละ 3-4 ช้อนโต๊ะ วันละ 3 มื้อ
▪ หญิงตั้งครรภ์ที่กินมังสวิรัติควรบริโภคถั่วเหลืองหรือเต้าหู้แทนเนื้อสัตว์
นม >> ควรดื่มนมไขมันต่ าวันละ 1-2 แก้ว หรือดื่มนมถั่วเหลืองแทน
ไข่ >> ควรกินไข่วันละ 1 ฟองเป็นประจํา
ผลไม้ >> ควรกินผลไม้ทุกวันๆ ละ 2-4 ครั้ง เพื่อให้ได้รับวิตามินและเกลือแร่ ▪ ผลไม้ที่ควรกินเป็นประจำ
ผัก ▪ ควรกินผักใบเขียวทุกวัน ในปริมาณไม่จ ากัด หรืออย่างน้อยวันละ 2-3 ถ้วยตวง เช่น ผักบุ้ง ผักต าลึง ผักคะน้า ฟักทอง
ถั่วเมล็ดต่างๆ ▪ ควรกินถั่วที่สุกวันละ 1/2 ถ้วยตวง เช่น ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วแดง ถั่วด า ถั่วลิสง
ไขมันหรือน้ ามัน >> ควรบริโภคในระดับปานกลาง
น้ า >> ควรดื่มน้ าวันละ 1,500-2,000 มล. หรือ 6-8 แก้ว
-ปัญหาโภชนาการในหญิง ให้นมบุตร
ความเชื่อเกี่ยวกับอาหารแสลง
ความยากจน
นิสัยการบริโภคไม่ดี
ขาดความรู้ด้านโภชนาการ
โภชนาการส าหรับวัยทารก (Nutrition in infancy) วัยทารก หมายถึง เด็กแรกเกิดจนถึงอายุ 1 ปี
-โภชนาการของวัยทารก
▪ อาหารที่เหมาะสมส าหรับทารก ทั้งชนิดและปริมาณ เป็นปัจจัยส าคัญต่อการพัฒนาและ การเจริญเติบโตของร่างกายและสมอง เพราะทารกเป็นระยะที่ร่างกายเติบโตอย่างรวดเร็ว น้ าหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
▪ เมื่ออายุ 4-5 เดือน ควรมีน้ าหนักตัวเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าของน้ าหนักแรกเกิด
▪ เมื่ออายุ 1 ปี น้ าหนักควรเพิ่มเป็น 3 เท่าของน้ าหนักแรกเกิด
▪ ร้อยละ 80 ของจ านวนเซลล์สมองของคนเราจะถูกสร้างขึ้นในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของ การตั้งครรภ์จนถึงอายุ 2 ปี >> การได้รับอาหารที่เหมาะสมจึงมีความส าคัญต่อพัฒนาการ และการเจริญเติบโตของทารก
-ข้อแนะนําการให้อาหารส าหรับทารก
▪ ให้นมแม่อย่างเดียวตั้งแต่แรกเกิดถึง 6 เดือน ไม่ต้องให้อาหารอื่นแม้แต่▪ เริ่มให้อาหารเสริมเมื่อ อายุครบ 6 เดือน เต็มควบคู่ไปกับนมแม่▪ เมื่อลูกอายุ 10-12 เดือน ให้อาหารที่มีคุณภาพและครบ 5 หมู่ทุกวัน >> เพิ่มจ านวน มื้ออาหารเมื่ออายุลูกเพิ่มขึ้น จนครบ 3 มื้อ▪ เนื้อสัมผัสอาหาร >> จัดให้เหมาะสมกับพัฒนาการของทารก (เริ่มจากอาหารเหลว กึ่ง เหลว กึ่งแข็ง อ่อนนิ่ม และหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ)▪ ให้อาหารรสธรรมชาติหลีกเลี่ยงการปรุงแต่งรส ▪ อาหารต้องสะอาดและปลอดภัย ▪ ให้ดื่มน้ําสะอาด งดเครื่องดื่มรสหวานและน้ําอัดลม ▪ เล่นกับลูกสร้างความผูกพัน▪ หมั่นติดตามการเจริญเติบโตและพัฒนาการของลูก
-อาหารที่ให้ส าหรับทารกใน 1 วัน
อายุ 6-12 เดือน
▪ นมแม่และอาหาร 1-3 มื้อ ผลไม้เป็นอาหารว่าง
▪ ข้าวบดละเอียด 3-5 ช้อนกินข้าว
▪ ไข่แดงครึ่งฟอง สลับกับตับบด 1-2 ช้อนกินข้าว หรือ เนื้อปลาบด 2 ช้อนกินข้าว
▪ ผักบดครึ่งช้อน-2ช้อนกินข้าว
▪ ผลไม้สุก 2-4 ชิ้น หรือกล้วยน้ าว้าสุก 1 ผล
▪ กินนมแม่ตามจนอิ่ม
โภชนาการส าหรับเด็กก่อนวัยเรียน (Nutrition in pre-school children) เด็กวัยก่อนเรียน หมายถึง เด็กอายุ 1-6 ปี
-โภชนาการของเด็กวัยก่อนเรียน
▪ เป็นวัยที่มีการเจริญเติบโตของร่างกายและสมองช้ากว่าในวัยทารก▪ เด็กวัยนี้เสี่ยงต่อภาวะขาดสารอาหาร เนื่องจากเด็กยังไม่โตพอที่จะเข้าโรงเรียนและพ่อแม่ ต้องไปทํางาน จึงต้องเตรียมอาหารที่เหมาะสมและเพียงพอกับความต้องการของเด็ก
▪ หากขาดสารอาหาร จะทัาให้ความเจริญเติบโตหยุดชะงัก ร่างกายอ่อนแอ ขาดภูมิต้านทานโรค ป่วยบ่อย
-การสร้างนิสัยการรับประทานอาหารที่ดีแก่เด็กก่อนวัยเรียน
▪ เด็กมีการเจริญเติบโตของร่างกาย และมีการเล่นออกกําลังกาย ท าให้สูญเสียพลังงาน ▪ ต้องจัดอาหารให้เพียงพอ และให้เพิ่มเมื่อเด็กต้องการ
▪ ไม่ควรบังคับหรือฝืนใจเด็ก ควรหาวิธีปรุงอาหารตามที่เด็กชอบ▪ ควรฝึกให้รับประทานอาหารหลักวันละ 3 มื้อ ให้มีอาหารว่างระหว่างมื้อเช้าและบ่าย▪ ดื่มนมสด หรือนมถั่วเหลืองวันละ 2-3 แก้ว▪ ควรหัดให้เด็กรับประทานอาหารทุกชนิด ผักและผลไม้สดทุกวัน
▪ ให้เด็กลองรับประทานอาหารใหม่ ๆ▪ ควรให้ครั้งละน้อย ๆ ปรุงรส และสีสันให้น่ากิน
ตัวอย่างรายการอาหารสําหรับเด็กวัยก่อนเรียน ใน 1 วัน
อาหารเช้า
▪ ข้าวสุก 1 ถ้วยตวง
▪ แกงจืดต าลึงหมูสับ 1 ถ้วยตวง
▪ ไข่เจียว 1 ฟอง
▪ มะละกอสุก 1 ชิ้น
อาหารว่าง
▪ นมสด 1 แก้ว
อาหารกลางวัน
▪ ข้าวผัดปูใส่ไข่ 1 จาน
▪ แกงจืดมักกะโรนีกุ้ง 1 ถ้วย
▪ เต้าส่วน
อาหารเย็น
▪ ข้าวสวย 1 ถ้วยตวง
▪ แกงจืดผักกาดขาวหมูสับ 1 ถ้วย
▪ ผัดเปรี้ยวหวานปลา 1 จาน
▪ ส้ม 2 ผล
โภชนาการสําหรับเด็กวัยเรียน (Nutrition in school-age children) เด็กวัยเรียน หมายถึง เด็กอายุ 7-12 ปี
-โภชนาการของเด็กวัยเรียน
▪ เป็นวัยที่มีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากเด็กก่อนวัยเรียน ▪ อัตราการเจริญเติบโตในช่วงวัยเรียนตอนต้นจะเป็นไปอย่างช้าๆ ในช่วงวัยเรียนตอนปลาย อัตราการเจริญเติบโตของร่างกายจะสูงมากอีกครั้ง
▪ เพศหญิง เริ่มเข้าสู่วัยแรกรุ่น เมื่ออายุ 10 ปี เร็วกว่าเพศชายประมาณ 2 ปี
▪ การเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อ สมอง และระบบประสาทจะไม่มีการเจริญเติบโตเพิ่มขนาด แต่จะมีพัฒนาการด้านการเสริมสร้างเชาวน์ปัญญา ▪ พฤติกรรมการกินที่เป็นปัญหาของเด็กวัยนี้ คือ
จะไม่ลองกินอาหารที่ไม่เคยกิน
กินอาหารไม่เป็นเวลา มัวแต่เล่นจนลืมกิน
เล่นมากจนเพลียไม่อยากกินอาหาร
เลือกกินอาหารที่ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ
-ข้อปฏิบัติในการจัดอาหารเด็กวัยเรียน
▪ จัดอาหารให้ครบ 5 หมู่ ในแต่ละวัน โดยมีปริมาณพอเหมาะกับความต้องการ▪ ควรให้เด็กเป็นผู้เสนอรายการอาหารบ้าง เพื่อให้รู้สึกถึงการมีส่วนร่วม
▪ ฝึกวินัยในการรับประทานอาหารให้เป็นเวลา ไม่รับประทานอาหารจุบจิบ หรืออาจจะยอม ให้เด็กกินอาหารผิดเวลาบ้างในวันหยุดเพื่อผ่อนคลายความกดดันที่โรงเรียน
▪ ฝึกให้เด็กรู้จักความพอดีในการรับประทานอาหารแต่ละประเภท ไม่ควรตามใจหรือ ให้อาหารเป็นสิ่งต่อรองให้เป็นรางวัลหรือท าโทษ
▪ ควรมีอาหารส ารองไว้บ้าง เป็นอาหารที่เตรียมได้ง่ายๆ แต่มีประโยชน์ (เนื่องจาก >> เด็กกินอาหารไม่เป็นเวลาเพราะห่วงเล่น หรือยังไม่หิว)
โภชนาการส าหรับวัยรุ่น (Nutrition in adolescents) วัยรุ่น หมายถึง ผู้ที่มีอายุ 13-18 ปี วัยที่ร่างกายเริ่มเปลี่ยนแปลงจากวัยเด็กสู่วัยผู้ใหญ่
-โภชนาการสําหรับวัยรุ่น
▪ ร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาหลายอย่าง
▪ วัยรุ่นจะรู้สึกหิวบ่อยและรับประทานอาหารมากขึ้น
▪ วัยรุ่นชายจะรับประทานอาหารมากกว่าวัยรุ่นหญิง
ความต้องการสารอาหารของวัยรุ่น
พลังงาน
▪ วัยรุ่นชายควรได้รับพลังงาน 2,300-2,400 kcal/วัน ▪ วัยรุ่นหญิงควรได้รับพลังงาน 1,850-2,000 kcal/วัน
โปรตีน
▪ ควรได้รับโปรตีนอย่างน้อยวันละ 1-2 กรัมต่อน้ าหนักตัว 1 kg
▪ ปัจจุบันมีการก าหนดความต้องการโปรตีนตามความสูงของวัยรุ่น
น้ํา
▪ ควรดื่มน้ าวันละ 6-8 แก้ว
วิตามิน
▪ วิตามิน A >> ใช้ในการเจริญเติบโตและคงสภาพเยื่อบุต่างๆ
▪ วิตามิน B2 >> เป็นเอนไซม์ในการเผาผลาญสารอาหารในร่างกาย▪ วิตามิน C >> เป็นส่วนประกอบของเซลล์ใช้ในการสร้างคอลลาเจน
เกลือแร่ ▪ แคลเซียมและฟอสฟอรัส
▪ ธาตุเหล็ก >> ร่างกายต้องการเหล็กมากขึ้น โดยเฉพาะวัยรุ่นหญิงในระยะมีประจ าเดือน▪ ไอโอดีน >> ต่อมไธรอยด์มีการผลิตฮอร์โมนมากขึ้น >> ต้องการไอโอดีนมากขึ้น
-ความสําคัญของอาหารในเด็กวัยรุ่น
▪ กินอาหารให้ครบ 5 หมู่
▪ กินอาหารให้ครบ 3 มื้อ ** หากงดมื้อใดมื้อหนึ่ง เช่น งดมื้อเช้า จะท าให้ขาดสารอาหาร ที่ร่างกายควรได้รับไปอย่างน้อย 1 ใน 3 ของความต้องการทั้งวัน ▪ เด็กวัยรุ่นที่ต้องการควบคุมน้ าหนัก
โภชนาการสําหรับวัยผู้ใหญ่ (Nutrition in Adult) วัยผู้ใหญ่ หมายถึง ผู้ที่มีอายุ 20 -59 ปี
-โภชนาการในวัยผู้ใหญ่
▪ วัยนี้ร่างกายจะไม่มีการเสริมสร้างเพื่อการเจริญเติบโต แต่ยังมีการเสริมสร้างเซลล์ต่างๆ เพื่อรักษาสมรรถภาพการท างานในร่างกายให้คงที่
▪ เมื่ออายุมากขึ้นการท างานของเซลล์ต่างๆ เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง ประสิทธิภาพการท างาน ของเซลล์ต่างๆ จะลดลง ขึ้นอยู่กับภาวะโภชนาการและความแข็งแรงของร่างกาย ▪ ผู้ใหญ่ที่มีภาวะโภชนาการดี สามารถท าให้อายุขัยยืนยาว มีชีวิตที่มีคุณภาพ และเข้าสู่วัย สูงอายุอย่างมีสุขภาพดีสมบูรณ์แข็งแรง▪ เมื่ออายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป จะมีปัญหาเรื่อง น้ าหนักเกิน >> ท าให้เกิดโรคต่างๆ เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง
-ความต้องการสารอาหารในวัยผู้ใหญ่
พลังงาน▪ ผู้ชายต้องการพลังงานมากกว่าผู้หญิงเพราะในผู้หญิงมีน้ าหนักตัวน้อยกว่าและทํากิจกรรม น้อยกว่าผู้ชาย ถ้าได้รับพลังงานจากอาหารมากแต่ใช้แรงงานในการท ากิจกรรมน้อย >> น้ำหนักก็จะเพิ่มมากขึ้น
▪ พลังงานทั้งหมด = คาร์โบไฮเดรตร้อยละ 55 + โปรตีนร้อยละ 15 + ไขมันร้อยละ 30 โปรตีน ▪ วัยนี้ต้องการโปรตีนเพื่อเสริมสร้างเซลล์ต่างๆ ให้ทํางานปกติ ▪ ควรได้รับโปรตีนวันละ 1 กรัมต่อน้ําหนักตัว 1 kg วิตามินและเกลือแร่
▪ วัยนี้มีความต้องการพอๆ กับวัยรุ่น ยกเว้น แคลเซียมและฟอสฟอรัสต้องการน้อยลงเหลือ 800 mg/day เนื่องจากในระยะนี้ไม่มีการสร้างกระดูกเพิ่มขึ้น▪ ผู้ชายต้องการเหล็กลดลงเหลือ 10.4 ในขณะที่ ผู้หญิงต้องการเท่าเดิมจนกว่าจะถึง วัยหมดประจ าเดือน
น้ํา
▪ ต้องการประมาณ 1,500-2,000 ml/day
ตัวอย่างเมนูอาหารสําหรับวัยผู้ใหญ่ (2,000 kcal)
อาหารเช้า (ให้พลังงาน 504 kcal)
▪ ข้าวสวย 1 1/2 ถ้วยตวง
▪ ต้มจืดเลือดหมูตําลึง
อาหารกลางวัน (ให้พลังงาน 529 kcal)
▪ ผัดเซียงไฮ้ทะเล 1 จาน
▪ กล้วยหอม 1 ผล
อาหารว่างบ่าย (ให้พลังงาน 256 kcal)
▪ ขนมซ่าหริ่ม 1 ถ้วย อาหารเย็น (ให้พลังงาน 574 kcal)
▪ ข้าวสวย 1 จาน
▪ ต้มย าปลากะพง 1 ถ้วย▪ ผัดผักรวม 1 จาน ▪ ส้มโอ 2 กลีบ
วัยทอง (Golden period)
-อาหารของสตรีวัยทอง
▪ ควรรับประทานอาหารประเภท ถั่วต่าง ๆ เมล็ดธัญพืช ข้าวซ้อมมือ ปลา ผัก และผลไม้สด
▪ อาหารประเภทถั่วเหลืองมี phytoestrogen ช่วยบรรเทาอาการช่องคลอดแห้ง และ โรคกระดูกพรุนได้
-ควรหลีกเลี่ยง
▪ อาหารที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ น้ าอัดลม และช็อกโกแลต >> อาการกระวนกระวาย และมีการแปรปรวนของอารมณ์
▪ แอลกอฮอล์ จะไปกดประสาทส่วนกลาง >> เหนื่อยล้า และซึมเศร้า ▪ น้ าตาล >> ลดการกักเก็บวิตามิน B complex และแร่ธาตุที่จ าเป็น >> อาการตึงเครียด
▪ เนื้อสัตว์ติดมัน >> อ้วน
▪ เครื่องในสัตว์ >> โรคข้ออักเสบ ▪ อาหารที่มีเกลือ และอาหารที่มีโซเดียมสูง >> อาการบวม และความดันโลหิตสูง
โภชนาการสําหรับวัยผู้สูงอายุ (Nutrition in the elderly) วัยผู้สูงอายุ หมายถึง ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป
-การเปลี่ยนแปลงของผู้สูงอายุที่มีผลต่อภาวะโภชนาการ
การทํางานของประสาทสัมผัสทั้ง 5 ลดลง ได้แก่ การมองเห็น การรับรส การดมกลิ่น การได้ยิน และการสัมผัส
ภาวะสุขภาพปากและฟัน >> ฟันผุหรือไม่มีฟัน / ต่อมน้ าลายท างานลดลง >> การบดเคี้ยว 3. การเคลื่อนไหวของกระเพาะอาหารและลำไส้ลดลง >> ท้องผูก ย่อยโปรตีนได้น้อยลง 4. ประสิทธิภาพการเผาผลาญกลูโคสลดลง เนื่องจากตับอ่อนหลั่งอินซูลินได้น้อยลง และเนื้อเยื่อ ต่อต้านการท างานของอินซูลิน >> ระดับน้ าตาลในเลือดสูงขึ้น 5. การท างานของระบบไหลเวียนและไตลดลง >> ความสามารถในการขับของเสียลดลง 6. กล้ามเนื้อ อวัยวะต่างๆ และเนื้อเยื่อกระดูกลดลง >> โปรตีนในร่างกายลดลง 7. เนื้อกระดูกลดลงเมื่ออายุ 40 ปีขึ้นไป เนื่องจาก ได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอ การเปลี่ยนแปลง ของฮอร์โมนที่มีผลต่อการท างานของแคลเซียมและวิตามิน D >> กระดูกหักง่าย 8. ปัจจัยด้านเศรษฐกิจและจิตสังคม (ผู้สูงอายุที่อยู่คนเดียวจะรับประทานอาหารได้น้อยลง)
-ความต้องการสารอาหารในผู้สูงอายุ
พลังงาน ▪ ผู้สูงอายุมีความต้องการพลังงานน้อยกว่าวัยหนุ่มสาว
▪ ข้อกําหนดความต้องการสารอาหารที่ควรได้รับประจ าวันของผู้สูงอายุ>> ก าหนดให้
โปรตีน 3. ไขมัน 4. คาร์โบไอเดรต 5. วิตามิน A 6. วิตามิน D 7. วิตามิน E 8. วิตามิน K 9. วิตามิน C 10. วิตามิน B6 11. วิตามิน B12 12. โฟเลต์ 13. แคลเซียม 14. เหล็ก 15. สังกะสี