Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
แนวโน้มและปัจจัยการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการไท…
แนวโน้มและปัจจัยการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทย
สำคัญที่สุด
มรสุมที่ตั้งเค้าในระบบเศรษฐกิจโลก
จะกระทบเรามากน้อยแค่ไหน คนเริ่มใช้ชีวิตตามปกติ New Normal มาถึงแล้ว จะเห็นได้ว่า ตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ ขณะนี้ก็เริ่มมีคนไทยกลับไปใช้ชีวิตตามปกติมากขึ้น เรากำลังเข้า Phass ใหม่ของเศรษฐกิจช่วงที่ถูกกระทบอย่างรุนแรงจากการระบาดของโควิด จากก่อนหน้าเราต้องประคองตัวSME ให้พ้นผ่าน ช่วงเปลี่ยนผ่านช่วงความผันผวน อีก 2 ปี
พร้อมความท้าทายชุดใหม่
จากภาวะซบเซาความท้าทายในการปกครองตนเองให้อยู่รอด
-ความขัดแย้ง ได้แก่ สหรัฐ รัสเซีย จีน
-ความผันผวนในระบบการค้าและการเงินโลก
-Technological Disruption
-การแข่งขันและโอกาสที่เปิดในยุค "ศตวรรษของเอเชีย" ที่จะนำไปสู่ Nex Chapter
จะมีสัญญาณเตือนกรุณารัดเข็มขัด อยู่ในช่วงแปรปรวนถ้าหากเราไม่ระวังธุรกิจอาจจะเสียหายได้. ดอกเบี้ยที่กำลังขึ้น. คนที่ทำเรื่องบ้านก็ต้องเสียหาย. เรื่องของตัวการค้าโลกที่กำลังมีความปั่นป่วนแปรปรวนราคาสินค้าต้นทุนต่างๆที่กำลังขึ้นลงราคาเหล็ก. ราคาโลหะต่างๆอยู่ๆก็พุ่งขึ้นเดี๋ยวก็พุ่งลงเตียรมการไม่ดีก็เสียหาย
7 ความท้าทายในช่วง Phase ใหม่
• วิกฤตความขัดแย้งระหว่างประเทศ ที่เกิดจากสหรัฐ จีน รัสเซีย
• วิกฤตราคาพลังงาน ที่มาจากสงคราม สหรัฐ รัสเซีย
• วิกฤตอาหารโลก ที่มาจากสงคราม สหรัฐ รัสเซีย
• ความปั่นป่วนในตลาดการเงินโลก
• Recession ในสหรัฐและในประเทศต่างๆ
• โอกาสเกิดวิกฤต Emerging Markets
• ปัญหาเศรษฐกิจจีน
ความขัดแย้งระหว่าง สหรัฐ-จีน
ทำไมเราต้องกังวลใจเรื่องนี้เพราะเรื่องนี้จะอยู่กับเราอีกนานแล้วก็จะมีนัยยะกับเรื่องของสงครามการค้าการโยกย้ายถิ่นฐานซัพพลายเชนแล้วก็ผู้ประกอบการก็ได้ทั้งประโยชน์และไม่เสียประโยชน์ซึ่งที่น่าสนใจที่สุด การส่งออกของไทยไปอเมริกาดีเป็นพิเศษเลยในช่วงนี้ทั้งๆที่เกิดวิกฤตต่างๆ ไทยกำลังทดแทนประเทศจีนเนื่องจากว่าอเมริกาไม่อยากจะส่งสินค้าจากเมืองจีนโดยตรง เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความท้าทายขึ้นมา ในช่วงเวลาเกือบ 500 กว่าปีที่ผ่านมาสมัยก่อนเมืองจีนผลิตดินปืน เข็มทิศ ลูกคิด เครื่องมือวัดแผ่นดินไหวและอื่นๆอีกมากมายและต่อมาค่อยๆลดลงมา ทำให้อังกฤษขึ้นมาอังกฤษจักรวรรดิอังกฤษแล้วสุดท้ายเกิดสงครามโลกก็นำไปสู่เรื่องของการพุ่งขึ้นมาของอเมริกาแต่ที่น่าสนใจที่สุดคือว่าอเมริกาก็เมื่อพุ่งขึ้นแล้วก็กำลังลดลงเช่นกันและก็เมืองจีนกำลังกลับขึ้นมาใหม่อันนี้มันน่าคิดมากเพราะว่าคุณเรดิโอก็บอกว่าทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนผ่านระหว่างเบอร์ 1 กับเบอร์ 2 เบอร์ 1 กับเบอร์ 2 โดยส่วนมากจะมีสงครามเกิดขึ้นเพราะว่าเบอร์ 1 เขาไม่อยากจะทิ้งอำนาจของเขาไปเขาต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อรักษาหน้าของตนเองไว้ซึ่งครั้งนี้ก็ไม่ธรรมดาเช่นกันเพราะ แต่ก่อนอเมริกาเนี่ยเมื่อ 20 ปีที่แล้ว 30% ของเศรษฐกิจโลกปัจจุบันเหลือประมาณ 20% และอีกไม่นานก็ต่ำกว่า 20% อันนี้คือสิ่งที่น่าภูมิใจลักษณะเดียวกันในฐานะพื้นที่เศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของโลก อันนี้ก็น่ากังวลใจมากก็คือเรื่องของการจดทรัพย์สินทางปัญญานี้ได้สร้าง international เยอะกว่าที่อเมริกาผลิตขึ้นมาแล้วก็เยอะกว่าญี่ปุ่นที่สูงกว่านวัตกรรมที่สูงกว่าก็หมายความว่าการแซงขึ้นมาของจีน ในอนาคตก็จะสลับกันระหว่างเมืองจีนและอเมริกาต่อไปนี้แน่นอน อเมริกายอมไม่ได้อยู่แล้วอเมริกาก็ต้องบอกว่าถ้าเป็นแบบนี้ขอต่อสู้ให้เต็มที่ทำให้เกิดเรื่องความขัดแย้งไม่ใช่แค่เรื่องเศรษฐกิจและยังมี่เรื่องของการทหารเช่นเดียวกัน
ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐ-รัสเซีย
อเมริกามีความตั้งใจที่จะจัดการกับรัสเซียให้ได้เพราะสมัยก่อนที่คุณปูตินจะมาเป็นประธานาธิบดีรัสเซียจากแต่ก่อน 30% ของอเมริกา ตอนสมัยแรกๆตอนหลังรัสเซียหรือแค่ 2% ของอเมริกาเท่านั้นแต่ว่ามีกองทัพใกล้เคียงกับอเมริกาในขณะเศรษฐกิจแค่ 2% ตั้งแต่ปูตินเป็นประธานาธิบดีขนาดของรัสเซียขึ้นไปถึง 14% หมายความว่าโตขึ้น 7 เท่าตัวแต่อเมริกาได้โอกาสช่วงการขนส่งที่เกิดการแฟชั่นเกิดขึ้นแล้วทำให้เศรษฐกิจของรัสเซียเนี่ยหดตัวไปทั้งหมด 20% ใน 5-6 ปี แต่สุดท้ายก็ได้แค่ 20% ยังไม่สามารถกลับไปเหมือนแต่ก่อนได้ ท่านนายพลต่างๆในนาโต้มีอยู่ในใจเพราะว่าต้องการใช้โอกาสนี้ในการบอนไซม์เศรษฐกิจของรัสเซียให้เล็กลงแล้วทำให้รัสเซียไม่สามารถที่จะหาเงินมาสร้างยุทโธปกรณ์แข่งขันกับตัวของอเมริกาได้และเมื่อดำเนินการได้ดังกล่าวนะครับก็จะทำให้อเมริกา 5 ปี 10 ปีให้หลังเนี่ยจะสามารถปรับสมดุลใหม่ของการทหารของโลกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนอันนี้ก็มีคนพูดกันนะครับว่าสาเหตุที่สงครามรัสเซียไม่จบไม่ใช่เพราะว่ายูเครนเก่งแต่เพราะว่ารัฐอเมริกาและนาโต้ไม่ยอมให้จบต้องการใช้โอกาสนี้ในการทำลายล้างล้างตัวของแสนยานุภาพทางการทหารของรัสเซียให้หมดให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้แล้วทำให้รัสเซียอ่อนเปียกในเรื่องของเศรษฐกิจทำให้ไม่สามารถมีเงินใหม่มาสร้างกองทัพชุดใหม่ได้
ราคาพลังงานราคาน้ำมัน
ก็จะอยู่อันดับที่สูงไปอีกระยะเวลาหนึ่งอย่างน้อย 1-2 ปี ก็เพราะว่าต่อให้สงครามยูเครนจบแต่แฟรงชั่นจะไม่จบเพราะความจริงแชรงสมัยไทยเมียก็ไม่เคยจบเลยนะครับอยู่มา 6-7 หมายความว่าน้ำมันและแก๊สของรัสเซียจะเป็นที่รังเกียจของโลกเป็นระยะเวลาซึ่งถ้าเป็นลักษณะนี้ก็จะทำให้ตัวของสมดุลของตลาดน้ำมันโลกเนี่ยเปลี่ยนไปราคาน้ำมันก็จะอยู่ในระดับที่สูงต้นทุนการขนส่งพลังงานราคาน้ำมันดีเซลของเมืองไทยก็จะสูงไประยะเวลาหนึ่งก็อยากให้คนเตรียมการไปล่วงหน้าเลยว่าเราจะต้องเตรียมการรับกับราคาน้ำมันสูงในประเทศไปอีกประมาณปีถึง 2 ปีอย่างน้อยหรืออาจจะอยู่เป็นระยะเวลานานซึ่งถ้าเกิดเป็นดังนั้นนะหมายความว่าต้องคิดว่าจะทำยังไงเพราะว่าต้นทุนการขนส่งก็ไม่น้อยสำหรับทุกคน
วิกฤตอาหารโลก
ที่กำลังเกิดขึ้นล่าสุดที่เกิดขึ้นที่ศรีลังกา อาหารแพงน้ำมันแพงไม่มีเงินนำเข้าก็เลยทำให้คนอดอยากอยู่ลำบากก็เลยเดินขบวนแล้วก็ประท้วงแล้วสุดท้ายก็ขับไล่ท่านนายกออกไป ราคาอาหารโลกยังไม่ลดราคาลงเพราะว่าตัวของยูเครนเนี่ยเป็นคนผลิตข้าวสาลีใหญ่ของโลก ยิ่งไปกว่านั้นคือราคาน้ำตาลก็สูงแต่ยิ่งไปกว่านั้นคือว่าตัวของ
ราคาปุ๋ยโลก
เนี่ยกำลังสูงเป็นพิเศษ ตอนนี้ตัวของชาวบ้านเวลาที่เขาดำเนินการปลูกต้นไม้หรือปลูกพืชผลทางการเกษตรต้องคิดหนังเพราะราคาปุ๋ยแพงขึ้นเกือบ 3 เท่าตัว 3 ใน 2 ปีที่ผ่านมาอันนี้ก็หมายความว่า ที่ว่าอาหารแย่แล้วในช่วงนี้ต่อไปราคาอาหารก็จะแพงขึ้นเป็นพิเศษในฤดูกาลถัดไปเพราะในขณะนี้เกษตรกรทั่วโลกกำลังประหยัดการใช้ปุ๋ยอยู่เมื่อไม่ใช้ปุ๋ยผลผลิตก็ยากจะออกมาแล้วเมื่อผลผลิตน้อยลงปัญหาวิกฤตอาหารโลกกำลังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตัวของสินค้าเกษตรในสต๊อกเริ่มหมดไปวิกฤตอาหารโลกก็จะรุนแรงต่อเนื่องและก็มีเป็นเรื่องของพลังงานที่จะต่อเนื่องอย่างน้อยปี 2 ปีอาหารที่จะแพงขึ้นเรื่อยๆก็จะนำไปถึงเรื่องของปัญหาเงินเฟ้อที่ตัวของราคาเงินเฟ้อเนี่ยจะเป็นแรงกดดันให้กับธนาคารกลางในทุกประเทศทั่วโลกซึ่งอันนี้ก็จะนำมาถึงปัญหาอีกอันนึงที่ทุกคนต้องกังวลใจก็คือนอกจากลูกจ้าง ตัวของเจ้าของธุรกิจต้องประสบกับราคาสินค้าที่ไม่นิ่ง ราคาต้นทุนที่ไม่นิ่ง และเมื่อเงินเฟ้อขึ้นเยอะๆธนาคารกลางรอดูอยู่ไม่ได้เขาก็ต้องจัดการให้เงินเฟ้อลดลงไปแล้วก็จะนำมาถึงเรื่องของการขึ้นของดอกเบี้ยในประเทศต่างๆทั่วโลกพร้อมๆกัน ดอกเบี้ยธนบัตร 2 ปีอเมริกาประมาณ 0.25 ปัจจุบันเนี่ยขึ้นมาเกือบ 3% ในระยะเวลาสั้นๆประมาณแค่ปีเดียวอันนี้ก็น่าหนักใจแล้วก็สูงพอๆกับก่อนที่เป็นโควิดเรียบร้อยแล้วนะครับตัวของอเมริกาเองเสร็จเนี่ยก็ประกาศเรียบร้อยแล้วว่าอยากจะขึ้นดอกเบี้ยปลายปีนี้ให้ไปถึง 3.4% แล้วก็ต่อไปถึงประมาณ 3.8% แล้วก็ค่อยๆปรับลดลงมาตัวของสภาพคล่องที่อัดเยอะ 5 ล้านๆในช่วงโควิดจะเร่งดูดกลับโดยเร็ว
นัยยะกับสินทรัพย์ต่างๆ ทั่วโลก
ดัชนีดาวโจนส์จาก 30,000 ขึ้นไป ประมาณ 36,000 หลังจากนั้นเนี่ยตอนนี้ปัจจุบันก็กลับมาเกือบจะ 30,000 แล้วตอนนี้ตัวของ bitcoin 70,000 เหลือ 20,000 ตัวของราคาพันธบัตร 10 ปีขึ้นไป 140 ดัชนี ลดลงมาเหลือ 120 ดัชนี ขณะนี้กำลังทุบตลาดเจาะลูกโป่งขณะเดียวกันเนี่ยนำมาถึงความผันผวนของค่าเงิน ค่าเงินเยน 135 136 ค่าเงินตัวของหยวนก็ขึ้นมากระชากขึ้นมาช่วงหลังๆแม้กระทั่งตัวค่าเงินบาทก็กระชากขึ้นไปอีกวัน 36 บาทและที่สำคัญก็กำลังจะมีนัยยะไปอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญพูดน้อยอยู่ก็คือฟองสบู่อสังหาอยู่ที่ประมาณ 200 ใช่ไหมครับต่ำกว่า 200 นิดนึงปัจจุบันขึ้นไปที่ 300 หรือขึ้นมาเกือบประมาณเกือบเท่าตัวของเมื่อเกิดสงครามครั้งที่แล้วแล้วทุกอย่างที่เกิดขึ้นเนี่ยจะเห็นว่าขึ้นจริงๆเป็นต้นมาประมาณเกือบ 50% ในช่วงเวลาสั้นๆแค่ 2 ปีซึ่งในวันนี้ตัวของดอกเบี้ย 30 ปี ขึ้นจาก 3% ไปที่ประมาณ 5%-6% ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์กำลังสั่นสะเทือน กำลังลดคนงาน ลดพนักงาน ติดออฟโบรกเกอร์แล้วก็ขณะเดียวกันยอดขายเองก็อาจจะมีรอบสุดท้ายคนกำลังลังเลใจแล้วก็ราคาบ้านกำลังลดในบางพื้นที่เช่นเดียวกันอันนี้ก็จะมีระยะการดำเนินการต่อไปนะครับกำลังทำร้ายสินทรัพย์ต่างๆและทำให้เกิดความผันผวนแปรปรวนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ข่าวอเมริกาทุกเช้าเพราะดาวเป็นยังไงจะดาวจะรุ่งหรือดาวจะตกเอิ่มแล้วก็หลังจากนั้นเนี่ยจะกระทบกับตลาดเขาจะปั่นป่วนผันผวนอีกระยะเวลานึ่ง
เเนวโน้มและปัจจัยเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทย :
-โอกาสเกิด Recession ในสหรัฐ = 68% ของ CEOs 30% ของ Economists คิดว่าจะมีโอกาสเกิด Recession ในปีหน้า เนื่องจาก เป็นการขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง ทำให้เศรษฐกิจต้องชะลอตัวลง เเละรัฐเชียประกาศปิด ส่งเเก๊สให้กับยุโรปทำให้ราคาเเก๊สในยุโรปขึ้นมาประมาณ 7 เท่าตัว เเละสิ่งที่ผู้ประกอบการกลัวอยู่ ณ ขนาดนี้คือ ธนาคารกลางทุกคนต้องสู้กับปัญหาเงินเฟ้อ นำมาสู่ปัญหาหนักหน่วง -โอกาสเกิด Emerging Market Crisis = ดอกเบี้ยที่ขึ้นที่อเมริกาเรื่อยๆ จะนำไปสู่ปัญหาการจ่ายหนี้ของ Emerging Market เเละจะทำให้นำไปสู่ภาวะวิกฤษทางการเมืองที่ตามมา เป็นผลวนมาสู่ประเทศไทยได้ทำให้น่ากังวลใจในอนาคตอย่างมาก
สิ่งที่น่าจับตามองเเละการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว = จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มเยอะขึ้นโดยเรียงลำดับดังนี้ นับจากวันที่ 1-15 มิถุนายน 2565 1.มาเลเซีย 61,486 คน 2.อินเดีย 51,800 คน 3.สิงคโปร์ 31,580 คน 4.เวียดนาม 18,885 คน 5.สหรัฐอเมริกา 15,708 คน
โอกาสเกิดวิกฤษในรอบนี้ ได้เเก่ อุตสาหกรรมรถไฟฟ้า มอเตอร์ไซด์ไฟฟ้า อุตสาหกรรมพลังงานทดเเทน ระบบ Logistics สมัยใหม่ ภาคเกษตร อาหารเเห่งอนาคต อุตสาหกรรมปุ๋ย ภาคท่องเที่ยว ช่องทางการชำระเงินแบบใหม่ โอกาสลงทุน โอกาส Aquisitions เเละการขยายธุรกิจในภูมิภาค เเละ 4 ช่วงวิกฤตของรอบนี้ รอบเเรก = นักลงทุน Exit หนีตาย รอบสอง = Fad ขึ้นเอกเบี้ยสู้กับเงินเฟ้อ รอบสาม = Recession เงินเฟ้อลง Em Crisis รอบสี่ = Fed ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอีกรอบ
เข้าใจกลไกของวิกฤตสร้างภูมิคุ้มกันภัยพอที่จะรับคำถามสำคัญ = คือ หากยังเข้าช่วงนี้อะไรที่ไม่จำเป็นควรชะลอไว้ก่อน สภาพคล่องจะสำคัญกับเรา ที่สำคัญสุดคือเราควรเอาตัวเองให้รอดก่อน ลดโครงงานการมี่ไม่จำเป็นออกไป พอเริ่มมองว่าธุรกิจไปได้ต่อ เราค่อยมานั่งคิดการเดินไปข้างหน้าอีกรอบนึง
-สิ่งที่น่าจะตามอง เเละการเปลี่ยนเเปลงเครื่องยนต์ใหม่ให้เศรษฐกิจไทย = ในปี 2021 ส่งออก = คือส่งออกดีเป็นพิเศษ บริโภคในประเทศ = คือถือว่าดีเป็นพิเศษเเละดีกว่าปีก่อนๆที่ผ่านมา
ไทยเที่ยวไทย = คือถือว่าไปได้ ส่งเสริมกันในด้านที่ดี = ในปี 2022-24 ส่งออก = ส่งออกได้ครึ่งนึงของปีที่เเล้ว เนื่องจากเศรษฐกิจโลกชะลอขึ้น เกิดปัญหาเงินเฟ้อ ท่องเที่ยวจากต่างประเทศ = ส่วนมากคนหาตังจ่ายค่าราคาน้ำมันมากกว่าสนใจเที่ยว เเละคนเที่ยวต่างประเทศเยอะขึ้นเนื่องจากไทยเต็มที่ไปหมดกับการสร้างอะไรในรูปแบบซ้ำๆเเละเดิมๆ