Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 1.3 แนวคิด ทฤษฎีการพยาบาล, ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบคลาสสิคของวัตสัน(…
บทที่ 1.3 แนวคิด ทฤษฎีการพยาบาล
แนวคิดทางด้านชีวภาพทางการแพทย์
พันธุกรรม
ชีวเคมี เชื่อว่าการทำงานของสมองทำให้เกิดพฤติกรรม ความคิดและอารมณ์
กายวิภาคของสมองโรคจิตเภทมีโพรงสมองโตกว่าปกติ
ประสาทสรีรวิทยา
แนวทางการรักษา
การบำบัดรักษาด้วยยา การรักษาด้วย กระแสไฟฟ้า และการผ่าตัด
ทฤษฎีจิตวิเคราะห์
ซิกมันต์ ฟรอยด์ เป็นจิตแพทย์ชาวเวียนนา เป็นบิดาของจิตวิเคราะห์ ทฤยฎีแรกที่ได้อธิบายการทำงานของจิตใจ ซึ่งเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมมนุษย์ ฟรอยด์เชื่อว่า พฤติกรรมทุกพฤติกรรมมีความหมาย ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่จะมีจิตส่วน หนึ่งดำเนินการและสั่งการให้เกิดรูปแบบพฤติ กรรมนั้นๆ และสิ่งที่มีอิทธิพลในการแสดงพฤติกรรม ได้แก่ ประสบการณ์ในวัยต้นชีวิต
แนวคิดหลัก 5 แนวคิด ว่า เป็นองค์ประกอบใหญ่ในพฤติกรรมมนุษย์
2.โครงสร้างของจิตใจ
ซุปเปอร์อีโก้
มโนธรรม
อุดมคติแห่งตน
ได้แก่ 1.ระดับของจิตใจ
จิตสำนึก
จิตกึ่งสำนึก
จิตใต้สำนึก
3.สัญชาตญาณ
สัญชาตญาณทางเพศ
สัญชาตญาณทางก้าวร้าว
5.และพัฒนาการของบุคลิกภาพ
ระยะของความพอใจทางปาก
ระยะของความพอใจทางทวารหนัก
ระยะพึงพอใจในอวัยวะ
ระยะความต้องการแฝง
ระยะขั้นวัยรุ่น
4.กลไกการป้องกันทางจิต
การเก็บกด Repression
การลืม Suppression
การเลียนแบบ Identification
การโทษตนเอง Introjection
การกล่าวโทษผู้อื่น Projection
ทฤษฎีสัมพันธภาพระหว่างบุคคล
ผู้ริเริ่มทฤษฎีคือ Harry Stack Sullivan จัดเป็นทฤษฎีจิตวิเคราะห์ของฟรอย แต่ไม่เห็นด้วยกับฟรอยในบางประเด็น
เป็นทฤษฎีที่ให้ความสำคัญกับสัมพันธภาพระหว่างบุคคล โดยเฉพาะสัมพันธภาพระหว่างเด็กทารกกับแม่ผู้เลี้ยงดู ซึงจะ มีปฎิสัมพันธ์ต่อกันและเป็นพื้นฐาน ของการพัฒนาบุคลิกภาพ ของบุคคล ซึ่ง Su llivan เห็นว่าพฤติกรรมและบุคลิกภาพ ของบุคคล เป็นผลมาจากสัมพันธภาพระหว่างบุคคล
บุคคลที่มีความสมบูรณ์ เป็นบุคคลที่มีชีวิตอยู่ในสังคม สามารถมีความสัมพันธ์และอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บุคคลที่ขาดความตระหนักหรือไม่เห็นความสำคัญของการมี สัมพันธภาพระหว่างบุคคล เป็นสาเหตุสำคัญทำให้บุคคลเกิดการ เจ็บป่วยทางจิต
สัมพันธภาพ ( Relationship ) เป็นแหล่งที่มาของการเกิดความวิตกกังวล ( Anxiety ) ในระดับต่างๆ
ระบบความเป็นตัวตน ( Self system ) เป็นส่วนสำคัญของ บุคลิกภาพ ที่ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกัน หรือช่วยหลีกเลี่ยงความวิตกกังวล ที่เกิดจากการมีสัมพันธภาพระหว่างบุคคล
ภาพพจน์แห่งตนและผู้อื่น
( Personification )
เป็นภาพพจน์ที่บุคคลมีต่อตนเองและผู้อื่น ซึ่งเกิดจากใน ช่วงแรกของชีวิตที่ทารกได้รับประสบการณ์การเลี้ยงดูจากแม่ หรือผู้เลี้ยงดู นำมาซึ่งความพึงพอใจและไม่พึงพอใจแก่ทารก ซึ่ง Personification ที่เกิดขึ้น มี 3 แบบ ด้วยกันคือ
Good me
Bad me
-Not me
ทฤษฎีพฤติกรรมนิยม Behavioral Therapy
Behavioral Theory 1. Classic Conditioning Theory หรือ Respondent Behavior จะเน้นถึงวิธีการตอบสนองแบบควบคุมไม่ได้ (Involuntary response) และอยู่ในลักษณะของพฤติกรรม ปฏิกริยาสะท้อน(Reflex behavior)โดยเข้ามาเชื่อมโยงกับวัตถุ หรือเหตุการณ์จำเพาะ 2. Operant Behavior เน้นถึงวิธีการตอบสนองแบบควบคุมได้ (Voluntary response) โดยเข้ามาเชื่อมโยงกับผลของการกระทำ ที่จะได้รับรางวัลหรือลงโทษ
Classic Conditioning Theory
นักจิตวิทยาในกลุ่มนี้ ได้แก่ 1. Ivan Pavlov 2. John B. Watson 3. Wolpe
การเรียนรู้แบบ classical conditioning
ㆍ 1. ผู้เรียนมีการตอบสนองต่อสิ่งเร้าใดสิ่งเร้าหนึ่ง โดยไม่สามารถ บังคับได้ มีลักษณะ reflex เกิดขึ้นเองโดยไม่มีการเรียนรู้ ( unconditioned ) เป็นไปโดยอัตโนมัติ ผู้เรียนไม่ สามารถควบคุมพฤติกรรมได้
การเรียนรู้เกิดขึ้นเพราะความใกล้ชิดและการฝึกหัด โดย การนำสิ่งเร้าที่มีลักษณะเป็นกลาง คือไม่สามารถทำให้เกิดการ ตอบสนองได้มาเป็น conditioned stimulus (cs) โดยนำมาควบคู่กับสิ่งเร้าที่ทำให้เกิดการตอบสนองโดย อัตโนมัติในเวลาใกล้เคียงกัน และทำซ้ำๆ ในที่สุดสิ่งเร้าที่เป็น กลางจะมีผลทำให้ผู้เรียนเกิดการตอบสน่อง ในช่วงที่ผู้เรียน เกิดการตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่เคยเป็นกลางนั้นเรียกว่าเกิดการ เรียนรู้ชนิดมี conditioned
ทฤษฎีกลุ่มมนุษยนิยม
Humanistin Theory เป็นทฤษฎีที่มุ่งศึกษาเกี่ยวกับชีวิตและเป้าหมาย สำคัญของการเป็นมนุษย์ เชื่อว่ามนุษย์ สามารถพัฒนาตนเองได้
กลุ่มปรัชญาฮิวแมนนิสติก มองมนุษย์ในแง่ดี เชื่อว่า มนุษย์มีศักยภาพที่จะพัฒนาตนเองได้
กลุ่มปรัชญาเอกซิสเทนเชียสลิสท์ เน้นที่ตระหนักใน คุณค่าของตนเอง เสรีภาพในการตัดสินใจและความ รับผิดชอบในการตัดสินใจนั้น
ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบคลาสสิคของวัตสัน( Watson)
ㆍวัตสัน (John B.Watson) เป็นนักจิตวิทยาซาวอเมริกัน เป็นผู้นำกลุ่ม จิตวิทยาพฤติกรรมนิยม ได้นำเอาทฤษฎีของ Pavlov มาเป็นหลักสำคัญ ในการอธิบายเรื่องการเรียนรู้แนวความคิดของ Watson ก็คือ การวางเงื่อนไข แบบคลาสสิคทำให้เกิดการเรียนรู้กล่าวคือ การใช้สิ่งเร้าสองสิ่งมาคู่กันคือสิ่งเร้า ที่วางเงื่อนไข (CS) กับสิ่งเร้าที่ไม่วางเงื่อนไข (UCS) แล้วทำให้เกิดการ ตอบสนองอย่างเดียวกัน
นายสมยศ ไสยรส รหัส6314991028