Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

การพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับการติดเชื้อโรคติดต่อ (Communicable…

- - - - ระยะแรก ผู้ป่วยจะมีอาการท้องเดิน จึงถ่ายเป็นนํ้าคล้ายนํ้าซาวข้าวและมีกลิ่นเหม็นคาวจัด ถ้าเป็นอยู่นานๆจะมีนํ้าดีออกมาด้วย ไม่มีมูกเลือด
      - ระยะที่ 2 ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงหากไม่ได้รับการรักษาภายใน 2-12 ชั่วโมงจะเข้าสู่ ระยะช็อค
      - ระยะที่ 3 หากได้รับการรักษาหรืออาการไม่รุนแรงผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงอาจตายภายในไม่กี่ชั่วโมงเนื่องจากการไหลเวียนของโลหิตล้มเหลว
  - - - การติดต่อทางตรง คือทางปาก
      - ทางอ้อม เช่น การใช้สิ่งของร่วมกับผู้ป่วย
  - - - การตรวจด้วยชุดตรวจเชื้ออหิวาต์
      - การตรวจตัวอย่างอุจจาระผู้ป่วย เทคนิคพีซีอาร์ (Polymerase Chain Reaction: PCR)
      - เกณฑ์การประเมินผลตรวจทางห้องปฏิบัติการที่เกี่ยวข้อง ปริมาณฮีโมโกลิบินในเม็ดเลือดแดง (MCHC),ระดับฮีโมโกลบิน (Hb), ค่า(pH),blood sugar potassium (K)
  - - - ให้ยาตามแผนการรักษา
      - -ดูแลการให้สารน้ำทดแทนและบันทึกสารน้ำเข้าสารน้ำออก
      - -จัดให้มีการสุขาภิบาลในเรื่องการทำลายอุจจาระและการป้องกันแมลงวัน
      - -ระมัดระวังเรื่องความสะอาดของอาหาร
  - - - ภาวะเลือดคั่งในปอด (Pulmonary edema)
      - ภาวะไตวายเฉียบพลัน (Acute tubular necrosis)
      - ภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำ (Hypokalemia)
      - ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia) 5. ภาวะตะคริว (Tetany)
      - ภาวะช็อกจากร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่ (Hypovolemic Shock)
  - - - 1.ประเมินร่างกายเพื่อดูภาวะขาดน้ำและอีเล็กโทรไลต์
      - 2.ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับสารน้ำทางหลอดเลือดดำ
      - 3.ให้ยาปฏิชีวนะและยาบรรเทาอาการ
- - - - แพทย์จะตรวจร่างกายเบื้องต้นเพื่อสังเกตดูอาการของโรคบาดทะยัก เช่น อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและกล้ามเนื้อชักกระตุก
      - -สอบถามถึงประวัติการฉีดวัคซีนป้องกันโรคบาดทะยัก
      - -เพาะเชื้อ C.tetani ได้จากแผลแต่โดยทั่วไปแล้วมักจะเพาะเชื้อไม่ได้
  - - - -การรักษาเฉพาะให้ tetanus antitoxin (TAT) เพื่อให้ทำลาย tetanus toxin ที่ยังไม่ไปจับที่ระบบประสาท
      - -ให้ยาปฏิชีวนะ Penicillinขนาดสูงเพื่อทำลายเชื้อ C.tetani ที่บาดแผล
      - -ให้การรักษาตามอาการ ให้ยาระงับชัก ยาลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ
  - - - 1.กระดูกแตก
      - 2.โรคลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด
      - 3.การเสียชีวิตการติดเชื้อขั้นรุนแรง
  - - - 1.ให้การพยาบาลตามอาการ
      - 2.ดูแลในเรื่องระบบหายใจ
      - 3.งดน้ำและงดอาหารทางปาก ในขณะที่มีอาการเกร็งหรือชัก
      - 4.ดูแลตามแผนการรักษา ให้ยาระงับชัก ยาลดเกร็งของกล้ามเนื้อ
        5.จัดให้มีการฉีดวัคซีนป้องกันDTPในเด็ก