Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

หญิงตั้งครรภ์ อายุ 20 ปี GA 39+6 wks by LMP, Active phase, Perinium -…

- - - - Cx.0-3 ,Eff 0-40%,D 30-45 s ,I 5-10 min, Int mild-mod
        
        ผู้คลอด Cx. 1FT , Eff 25%,St -1,D=40",I=5'
        int moderate เป็นไปตามทฤษฎี
    - - Cx.8-10,Eff 100%,D 60-90 s ,I 2 min, Int = strong-severe strong
        
        ผู้คลอด Cx.10 cm,Eff100% ,St +1,D=45",
        I=2' strong (ไม่เป็นไปตามทฤษฎีผิดปกติที่ Duration )
        
        ทารกเสี่ยง fetal distress เนื่องจากมดลูกหดรัดตัวถี่และรุนแรง
    - - เกิดจากส่วนนำของทารกเคลื่อนต่ำผ่านปากมดลูกลงมากดพื้นเชิงกรานและลำไส้ส่วนกลางทำให้ผู้คลอดอยากเบ่งอุจจาระซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อปากมดลูกเปิดหมดแรงนี้มักจะเกิดขึ้นในระยะที่สองของการคลอด และจะมีอาการไม่สุขสบาย กระสับกระส่าย
        
        ผู้คลอดเมื่อปาดมดลูกเปิด 10 Cm มีสีหน้าไม่สุขสบาย รู้สึกกระสับกระส่าย หน้านิ่วคิ้วขมวด
        
        ไม่สุขสบายเนื่องจากเจ็บครรภ์คลอด
  - - - ระยะ Transitional phase cx.10 cm Interval 2min ,Duration 60-90 s ,intensity strong
        
        ผู้คลอดรายนี้ มี interval 2',D45" intensity Strong พบปัญหา คือ Duration น้อยกว่าปกติ
    - - ในระยะ Transitional phase มารดาจะมีความรู้สึกอยากเบ่งที่เกิดจากส่วนนำของทารกเคลื่อนที่ต่ำ ลงมากขึ้น เมื่อมีปากมดลูก เปิด10cm มารดาจะเริ่มมีลมเบ่ง โดยการคลอดที่ดี คือ เมื่อมดลูกหดรัดตัวแข็ง มารดาควรหายใจเข้าลึกๆ ปิดปาก คางชิดอกเบ่งเหมือนถ่ายอุจจาระเบ่ง 8-10วินาที เบ่งได้ 3 รอบ
        
        ผู้คลอดรายนี้ สามารถเบ่งสามารถวิ่งได้ถูกวิธีการเบ่งคลอดโดยปวดท้อง 1 ครั้ง สามารถ เบ่งได้ 3 รอบในการหดรัดตัวมดลูก เบ่งนาน 8-10 s
        ผู้คลอดมีการเบ่งลงไปก้นมีอุจจาระออก ซึ่งเป็นไปตามทฤษฎี
  - - - มีการหดรัดตัวของมดลูกเพื่อขับรกออกจากโพรงมดลูกสังเกตพบก้อนกลมแข็งอยู่ที่บริเวณหน้าท้องบริเวณสะดือเอียงไปทางขวา
        
        หญิงตั้งครรภ์รายนี้สังเกตพบว่า มดลูกกลมแข็งอยู่ที่บริเวณหน้าท้องบริเวณสะดือเอียงไปทางขวาเป็นไปตามทฤษฎี
      - แรงจากการหดรัดตัวของมดลูกที่เป็นจังหวะ สม่ำเสมอจะมีความสำคัญต่อการลอกตัวของรก หลังคลอดทารกมดลูกส่วนล่าง+ผนังช่องคลอด ยืดขยายออกเต็มที่จะแฟบลงทำให้มดลูกส่วนบนเคลื่อนต่ำลงมาระดับยอดมดลูกเหนือสะดือ
- - - - ปากมดลูก
        
        Latent phase = cx 0-3 cm ไม่เกิน 5hr ในG หลัง
        
        หญิงตั้งครรภ์รายนี้ปากมดลูกเปิดช้าเปิดเฉลี่ยยประมาณ 11 hr ไม่เป็นไปตามทฤษฎี
        
        อาจมีภาวะ prolong Labour
        
        คือ การคลอดล่าช้าหรือการคลอดเนิ่นนานในระยะที่หนึ่งของการคลอด(Prolonged first Stage of Labour)หมายถึง การคลอดที่ใช้ระยะที่หนึ่งของการคลอดหรือการเจ็บครรภ์คลอด นานเกิน 20 ชั่วโมงในครรภ์แรก เกิน14 ชั่วโมงในครรภ์หลัง หรือการเจ็บครรภ์คลอดไม่มีความก้าวหน้า ทางกลไกการคลอด หรือกลไกการคลอดดำเนินไปช้า ซึ่งอาจเป็นข้อบ่งชี้ว่าหากปล่อยทิ้งไว้อาจเกิดอันตรายได้
        
        สาเหตุ
        
        กระดูกเชิงกรานแม่เล็กเกินไป
        
        2 more items...
        
        รูปร่างผิดปกติ
        
        1 more item...
        
        ทารกตัวใหญ่
        
        2 more items...
        
        Active phase = 4-10 cm ไม่เกิน 3 hrในG หลัง
        
        ผู้คลอดรายนี้เปิดเฉลี่ยยประมาณ 55 นาทีเป็นไปตามทฤษฎี
      - กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
        
        อายุน้อยกว่า 18 ปี กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานจะขยายตัวไม่ดี
      - ช่องคลอด
        
        ในผู้คลอดที่อายุ 35 ปีช่องเชิงกรานจะขยายได้น้อย ทำให้ส่วนนำเคลื่อนลงต่ำช้า ส่งผลให้เกิดการคลอดล่าช้าได้
        
        หญิงตั้งครรภ์รายนี้อายุ 20 ปีไม่เสี่ยง
    - - Mid pelvis : ช่องเชิงกรานค่อนข้างกลม มีเส้นผ่านศูนย์กลางแนวหน้าหลังประมาณ 11.5 cmแนวขวางแคบสุดของเชิงกรานเรียกว่า Inerspinous diameter ยาว ประมาณ 10 cm
        
        จากการตรวจภายในผู้คลอด พบ interspinus ischial Spine ประมาณ10 cm อาจมีการคลอดติดขัด แต่ในระยะคลอดไม่มีปัญหาการคลอดติดขัด
      - Pelvic outlet : เชิงกรานรูปรีแนวตั้งด้านบนเป็นกระดูก Symhysis pubis ด้านล่างเป็นกระดูก coocyx มุมของsupra pubic arch ไม่น้อยกว่า 90 องศา
        
        จากการตรวจภายในผู้คลอดมีการเคลื่อนต่ำของส่วนนำ Suparpubic arch น้อยกว่า90องศา เล็กน้อยแต่ไม่มีภาวะคลอดติด ขัด
      - Pelvic intlet : ลักษณะเป็นรูปวงรีแนวขวาง diagonal diameter 13 cm,true conjugate =11-11.5cm,conjugate diameter =10.7-11cm,เมื่อมี HE-> st=0
        
        จากการตรวจภายในผู้คลอด cx2 cms eff 25% st -1 MI และพบ Diagonal diameter ประมาณ 12.5 Cms น้อยกว่าทฤษฎี
  - - - Bladder
        
        กระเพาะปัสสาวะต้องไม่เต็ม เพราะจะขัดขวางการเคลื่อนต่ำส่วนนำการคลอดล้าช่าได้
        
        ผู้คลอดมี bladder full ได้รับการ single cath
      - Perinium
        
        ฝีเย็บจะต้องบางมันวาว เพื่อจะตัดช่วยให้เกิดกระบวนการ expulsion
        
        ผู้คลอดมี perinium ยืดขยายไม่เพียงพอจึงพิจารณาตัดฝีเย็บ Right Medio-lateral episotomy
        (เป็นไปตามทฤษฎี)
        
        เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการคลอดในระยะที่ 2เช่น
        การฉีกขาดและการติดเชื้อของแผลฝีเย็บ
  - - - Bladder
        
        ประเมินกระเพาะปัสสาวะ เพื่อดูว่า bladder full หรือไม่โดยตรวจดูบริเวณหัวหน่าวหากพบ bladder full จะไปขัดขวางการหดรัดตัวมดลูก ทำให้รกคลอดตัวไม่สมบูรณ์
        
        ผู้คลอดไม่มี bladder full รกลอกตัวสมบูรณ์เป็นไปตามทฤษฎี
- - - - ปกติรกจะเกาะบริเวณ Fundusและไม่ขัดขวางช่องทางคลอด หรือหากมีภาวะรกบางส่วนหรือทั้งหมดลอกตัวออกจากมดลูกของสตรีมีครรภ์ก่อนทารกคลอด จากสาเหตุต่างๆ เช่นการเกิดอุบัติเหตุ เป็นต้น เสี่ยงต่อรกลอกตัวก่อนกำหนดทำให้ผู้ป่วยมีเลือดออกจากช่องคลอด มีอาการเจ็บครรภ์
        
        สตรีตั้งครรภ์ ให้ประวัติได้รับอุบัติเหตุลื่นล้มก้นกระแทกพื้น
        
        การเกิดอุบัติเหตุกระทบกระแทกขณะตั้งครรภ์ ส่งผลทั้งด้านแม่และลูก ดังนี้
        
        ผลต่อมารดา
        
        -placental abruption
        -เสียเลือด เลือดออกจากช่อคลอด จากภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด
        -มีการกดเจ็บที่มดลูก
        -มดลูกแตก
        
        มีโอกาสเกิดภาวะ placenta abruption เนื่องจากหญิง
        ตั้งครรภ์ประสบอุบัติเหตุลื้นล้มก้นกระแทกพื้น
        
        ผลต่อลูก
        
        fetal anemia , fetal death
        
        nonreassuing fetal heart rate tracing
        
        ทารกขาดออกซิเจน
        
        จากการ On NST แรกรับ พบว่าเป็น CAT II
        ทารกอาจมีภาวะ fetal distress
        
        มีความเสี่ยงเกิดplacenta abruption
        
        รกลอกตัวก่อนกำหนด (Abruptio placenta หรือ Placental abruption) หมายถึง ภาวะที่รกซึ่งเกาะอยู่บริเวณส่วนบนของโพรงมดลูกในตำแหน่งปกติ แต่เกิดมีโรคหรือมีภาวะแทรกซ้อนบางอย่าง เช่น ความดันโลหิต ครรภ์เป็นพิษสูง ครรภ์ถูกกระทบกระเทือน หรือสาเหตุอื่น ๆ ที่ในปัจจุบันยังไม่ทราบแน่ชัด จนทำให้รกเกิดการลอกตัวจากผนังมดลูกก่อนถึงกำหนดวันคลอดหรือก่อนที่คุณแม่จะเจ็บท้องคลอด ทำให้มีเลือดออกระหว่างผนังมดลูกกับตัวรก เมื่อมีเลือดออกมากก็จะทำให้รกลอกตัวจากผนังมดลูกมากขึ้น
        
        แบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือ
        1.ภาวะรกลอกตัวแบบไม่เปิดเผย ( Internal hemorrhage) คือ เลือดที่ออกมาจะคั่งอยู่หลังรก ไม่ไหลออกมาทางช่องคลอดให้เห็นอย่างชัดเจน
        2.ภาวะรกลอกตัวแบบเปิดเผย ( external hemorrhage) คือ ภาวะที่รกลอกตัวแล้วเลือดไหลเซาะระหว่างเยื่อถุงน้ำคร่ำกับผนังมดลูกและไหลออกมาทางปากมดลูกและช่องคลอด
        3.ภาวะรกลอกตัวแบบผสม (Mixed type ) เป็นชนิดที่พบได้มากที่สุ เลือดที่ออกจะแทรกอยู่ระหว่างรกกับผนังมดลูก เมื่อเลือดออกมามากขึ้นจึงสามารถเซาะแทรกถุงน้ำคร่ำกับผนังมดลูกแล้วผ่านออกมาทางปากมดลูกได้
        
        อาการ รกลอกตัวก่อนกำหนด จะมีเลือดออกทางช่องคลอด (เลือดออกมากหรือน้อยจะขึ้นอยู่กับระดับของการลอกตัวของรก ร่วมกับมีอาการปวดท้องและท้องเกร็งแข็งเป็นพักๆ อาการปวดอย่างรุนแรง ขึ้นอยู่กับระดับของการลอกตัวของรก มีเลือดออกมากจะมีอาการซีด ตัวเย็น เหงื่อออก ชีพจรเต้นเร็ว ความดันต่ำ ใช้เครื่องฟังตรวจเสียงหัวใจของทารกในท้องจะไม่ได้ยิน เนื่องจากทารกเสียชีวิตแล้ว
        
        แพทย์จะให้น้ำเกลือ เตรียมให้เลือด ให้ออกซิเจน, ตรวจติดตามการเต้นของหัวใจทารก, แก้ภาวะเลือดแข็งตัวผิดปกติที่เป็นสาเหตุให้เลือดออกมากผิดปกติ, เจาะถุงน้ำคร่ำในกรณีที่ปากมดลูกเปิดมากแล้วหรือทารกในครรภ์เสียชีวิตแล้ว เพื่อให้คลอดออกมาทางช่องคลอด หากทารกอยู่ในภาวะเครียดหรือผิดปกติ
        
        รักษา
        
        สาเหตุ
        
        1.มารดาที่มีภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนดในครรภ์แรกจะมีแนวโน้มเกิดซ้ำได้อีก
        
        2)มารดามีภาวะครรภ์เป็นพิษและมีความดันโลหิตสูงในขณะตั้งครรภ์ พบสูงสุดในผู้ป่วย eclampsia
        
        3.คุณแม่ได้รับอุบัติเหตุรุนแรงฉับพลันหรือเกิดการกระทบกระเทือนบริเวณหน้าท้องในขณะตั้งครรภ์ เช่น หกล้ม ถูกกระแทกที่หน้าท้อง การกระแทกกระเทือนจากการนั่งรถ
        
        หญิงตั้งครรภ์รายนี้ให้ประวัติล้มก้นกระแทกพื้น
        
        1 more item...
        
        4.การลดขนาดอย่างฉับพลันของมดลูกขนาดใหญ่ เช่น ในครรภ์แฝดน้ำ (Polyhydramnios) ที่ถุงน้ำคร่ำแตกแล้วน้ำคร่ำไหลออกมาอย่างรวดเร็ว
        
        เกิดจากสารปัจจัยเสี่ยงบางอย่าง เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ , การเสพโคเคน , ขาดสารอาหาร
        
        แพทย์ทำ U/S no retroplacental blood count
        
        ภาวะ APH
    - - มีสีใส หรีอุสีขาวขุ่น ไม่มีกลิ่น ไม่มีขี้เทาปน(Meconium Strained) ในกรณีที่น้ำคร่ำแตกก่อนกำหนดทำให้ไม่มีส่วนนำมากดตรง Cx. ทำให้ไม่มี Furguson reflex ทำให้คลอดล้าช้า
        
        ผู้คลอดรายนี้แพทย์ทำ ARM เวลา 08.00น. พบ think meconium
        (ไม่เป็นไปตามทฤษฎี)
        
        สาเหตุ ไม่ทราบชัดเจน แต่อาจมีปัจจัยอื่นๆที่ทำให้เกิด thick meconium เช่น ครรภ์เกินกำหนดน้ำคร่ำจะเปลี่ยนแปลงจะขุ่นมากขึ้น
        
        ปัจจัยด้านมารดา
        -GA > 42 Wks
        -PIH
        -รกเกาะต่ำ , รดลอกตัวก่อนกำหนด
        -มีน้ำคร่ำน้อย
        -PROM
        
        จากการ U/Sผู้คลอด พบ AFI = 6.5 Cm ปกติ
        
        ผลกระทบ
        -ทารกเกิดภาวะขาดออกซิเจน
        -ความไม่สมบูรณ์ทางระบบ GI
        
        ทารกมีภาวะ fetal distress EFM เป็น CAT II
        
        ทารกในครรภ์เสี่ยงต่อการเกิดภาวะ fetal distress เนื่องจาก พบthink meconium
        
        1 more item...
        
        ในระยะที่ 1
        
        NST
        -On o2 cannula 5 LPM
        
        ผู้คลอดได้ on NST และ
        On o2 cannula 5 LPM
        
        การดูแล
        
        ผลกระทบ
        
        การวัดปริมาณน้ำคร่ำด้วยอัลตราซาวน์ หากพบว่ามีน้ำคร่ำน้อย มักแสดงถึงความเสี่ยงที่ทารกจะได้รับอันตรายได้ในขณะคลอดจากการกดสายสะดือ ซึ่งโดยทั่วไปเมื่อพบน้ำคร่ำน้อยจึงควรพิจารณายุติการตั้งครรภ์ทันที สำหรับเกณฑ์ที่วินิจฉัย คือ amniotic fluid index (AFI) < 5 cm หรือ pocket ที่ใหญ่ที่สุดของน้ำคร่ำ < 2 cm
        
        จากการ U/Sผู้คลอด พบ AFI = 6.5 Cm ปกติ
    - - ทารกต้องไม่มีขนาดใหญ่จนเกินไป รูปร่างปกติไม่มีความพิการ
        ลำตัวอยู่ในแนวยาว มีศรีษะเป็นส่วนนำ
        อยู่ในทรงก้มและท่าสปกติ และมีการปรับสภาพให้เหมาะสมกับช่องเชิงกรานตามกลไกการคลอดปกติ
        
        ผู้คลอดตรวจพบ HF 37 cm. หน้าท้องรูป oval shape (longitudinal lie)พบส่วนนำเป็น vertexท่า ROA
        แสดงถึงทารกอาจมีขนาดตัวใหญ่
        
        พบ HF 37 cm.
        ไม่เป็นไปตามทฤษฎี
        
        อาจมีภาวะ prolong Labour
  - - - ศีรษะและท่าของทารกต้องได้สัดส่วนกับช่องเชิงกราน
        
        ทารกแรกเกิดน้ำหนัก 3,200 g.สามารถคลอดศรีษะส่วนนำผ่านทางช่องคลอดได้ไม่มีภาวะติดไหล่ขณะคลอด
    - - ไม่มีภาวะรกเกาะต่ำ รกลอกตัวก่อนกำหนด รกขวางทางออกทารก ไม่มีภาวะสายสะดือพันคอ
        
        เมื่อคลอดศรีษะ ไม่พบว่ามีสายสะดือพันคอ
    - - น้ำคร่ำต้องมีสีใสขาวขุ่น ไม่มีกลิ่น ไม่มีmaconium strained ถ้าทารกที่มีการถ่ายขี้เทาออกมาในน้ำคร่ำ (Meconium stained amniotic fluid) อาจเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงว่าทารกอยู่ในภาวะเครียด (Fetal distress)
        
        ขณะคลอดน้ำคร่ำมีปริมาณที่เหมาะสมแต่สีน้ำคร่ำพบ
        think meconium ซึ่งอาจทำให้ทารกมีภาวะขาดออกซิเจน
        
        ทารกเสี่ยงเกิดภาวะbirth เนื่องจากมีภาวะแทรกซ้อนในระยะที่ 2 พบthick macronium
        
        1 การดูแลทางเดินหายใจให้โล่งโดยการดูดเสมทะในปากและจมูก
        
        2 การเตรียมอุปกรณ์ช่วยหายใจแต่ละชนิดหรืออุปกรณ์ให้ออกซิเจนให้ครบถ้วน พร้อมใช้
        
        การดูแลเพื่อส่งเสริมความสุขสบายและลดการใช้ออกซิเจนในร่างกาย ได้แก่การจัดท่านอน งดการรบกวน โดยงดกิจกรรมที่เกิดเสียง งดการปฏิบัติกิจกรรม
        
        การดูแลระยะที่ 2
  - - - (Uterine sign) มดลูกหดรัดตัวกลมแข็ง ขนาดเล็กลง
        เปลี่ยนรูปร่าง จากกลมเป็นแบนเอียงไปทางขวา
        
        จากการตรวจการคลอดรกผู้คลอดรายนี้ มดลูกหดรัดตัวกลมแข็งอยู่ทางด้านขวา สายสะดือคลายเกลียวคลำpluseไม่พบ พบเลือดทะลักออกทางช่องคลอดเป็นไปตามทฤษฎี
        
        มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนระยะที่ 3 ของการคลอด เช่น รกค้าง มดลูกปริ้น
      - (Vulva sign) มีเลือดออกทางช่องคลอดไหลทะลักทางvulva พบในการลอกตัว
        แบบ Duncan's method เท่านั้น
      - (Cord sign) Cord เหี่ยว เกลียวคลาย pulse หาย สายไม่เคลื่อนตาม
- - - - ผู้คลอดเคยมีประสบการณ์คลอดมาก่อนทำให้การคลอดครั้งนี้มีความวิตกกังวลเล็กน้อย
  - - - ผู้คลอดรายนี้มีความวิตกกังวลเล็กน้อยสามารถรับฟังคำสั่งได้สามารถเบ่งคลอดได้ถูกวิธี มีสติ สามารถเผชิญความเจ็บปวดได้ดี
  - - - หลังจากคลอดทารกผู้คลอดสบายตัวมากขึ้น ผ่อนคลายมากขึ้นสามารถเผชิญความเจ็บปวดในการที่รกคลอดตัวได้ ไม่เเสดงอาการกรีดร้องโวยวาย ให้ความร่วมมือดี
- - - - ผู้คลอดอายุ 20ปี นน. 46 Kg สส 145 cms Bmi 21.88 Kg/m2
        ไม่เป็นไปตามทฤษฎีเนื่องจากสูง 145 Cm
        
        เสี่ยงต่อการคลอดติดขัดเนื่องจากการส่งเสริมปัจจัยการคลอดผิกปกติ
    - - ผู้คลอดได้รับยา oxytocin ไม่มีภาวะแมรกซ้อนจากการได้รับยาในการเร่งคลอด เป็นไปตามทฤษฎี
        
        Induction
        
        คือการกระตุ้นให้เจ็บครรภ์คลอดโดยทำให้มดลูกเกิดการหดรัดตัวหรือทำให้ปากมดลูกนุ่มซึ่งในขณะนั้นยังไม่มีการเจ็บครรภ์ตลอดตามธรรมชาติ
        
        ข้อบ่งชี้
        
        Postrem pregnancy
        
        PROM
        
        PIH
        
        Polyhydramnios
        
        Oligohydramnios
        
        IUGR
        
        DFIU ทารกตายในตรรภ์
        
        โรคทางอายุรกรรม เช่น โรคหัวใจ โรดเบาหวาน
        
        ผู้คลอดรายนี้มีโรคทางอายุรกรรมคือโรคหอบหืด
        
        วิธีการ induCtion
        
        -การถ่างขยายปากมดลูกก
        -การเจาะถุงน้ำทูนหัวโดยใช้นิ้ว
        -ARM
        
        ผู้ผู้คลอดรายนี้ใช้วิธี ARM เป็นไปตามทฤษฎี
        
        Medication
        
        Oxytocin
        
        หญิงตั้งครรภ์รายนี้ได้รับการ Induction เป็น synto10U 12 cc/hr เป็นไปตามทฤษฎี
        
        1 more item...
    - - ผู้คลอดไม่มีภาวะเจ็บป่วยที่อาจส่งผลต้องใช้สูติศาสตร์หัตถการช่วยคลอด
  - - - ผู้คลอกมีการหดรัดตัวปกติไม่มีภาวะแทรกซ้อนจากการให้ยา
  - - - มีอาการอ่อนเพลียหลังตลอด จากการเบ่ง
- - - - ที่ 1 ของการคลอด หรือระยะที่ผู้คลอด เริ่มเจ็บครรภ์จริงจนถึงปากมดลูกเปิด 10 เซนติเมตร ผู้คลอดครรภ์แรกใช้เวลา 8 -24 ชั่วโมง ส่วนครรภ์หลังใช้ เวลา 6-14 ชั่วโมง (Parisanyakul & Sansiripan, 2010) การนอนรอคลอดในท่านอนหงายราบหนุนหมอน หรือ นอนตะแคงหนุนหมอน ทำให้ผู้คลอดใช้เวลารอคลอด และเผชญิ กับความปวดยาวนานขึ้นเมื่อเทียบกับการอยู่ ในท่าศีรษะและลำตัวสูง (upright posture)
        การจัดท่าศีรษะและลำตัวสูง มีเป้าหมายส่งเสริม ให้การคลอดก้าวหน้าตามกลไกธรรมชาติ
        
        ผู้คลอดนอนทาศรีษะสูง 45-60 องศา
  - - - ผู้คลอดใช้ท่า Dorsal recument
- - - - Asthma
        
        กำเริบหรือได้รับการกระตุ้นจะทำให้หลอดลมอักเสบ ตีบตัน
        
        ทางเดินหายใจอุดกั้น
        
        หายใจลำบาก
        
        การแลกเปลี่ยนก๊าซ O2ลดลง
        
        O2ในกระแสเลือดลดลง
        
        1 more item...
        
        อาการ
        
        มีอาการหายใจลำบาก
        
        เสียงการหายใจที่ผ่านท่อหลอดลมที่มีการตีบแคบ (wheezing)
        รู้สึกแน่นในอก
        
        อาการไอในตอนกลางคืน หรือตอนเช้าหายใจเหนื่อย
        
        หญิงตั้งครรภ์รายนี้ไม่มีอาการหอบหืดกำเริบ
        
        โรคหอบหืด (asthma) หมายถึงภาวะที่มีการอักเสบของท่อหลอดลม และมีการตีบแคบหรืออุด
        ตันของทางเดินหายใจทำให้มีการหายใจออกลำบาก แน่นหน้าอก และขาดออกซิเจน
        
        ผลกระทบในระยะคลอด
        ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของภาวะหอบหืดถ้ามีอาการเพียงเล็กน้อยจะไม่มีผลกระทบต่อสตรีตั้งครรภ์เลย
        หากมีอาการรุนแรงจะส่งผลให้ขณะคลอดการใช้แรงเบ่งมากมีอาการหอบเหนื่อยมากหานใจลำบากหายใจออกมากกว่าหายใจเข้า ทำให้เกิดภาวะขาดออกซิเจนได้และมีอาการปลายมือปลายเท้าเขียวได้
        
        ในระยะคลอดหญิงตั้งครรภ์รายนี้ไม่พบปัญหาเนื่องจากไม่มีอาการกำเริบของหอบหืดมาก่อน
        
        การดูแลรักษา
        
        ยาขยายหลอดลมที่ออกฤทธิ์ระยะสั้น (Short-acting bronchodilators) เช่นAlbuterol, Levabuterol, Terbutaline เป็นต้น
        
        หญิงตั้งครรภ์รายนี้ไม่ได้รับยาขณะรอคลอด แต่ตลอดการตั้งครรภ์มียาฉุกเฉิน ประจำตัวคือยา bronchodilator คือยาพ่นฉุกเฉิน
        ซึ่งการใช้ในการรักษาหอบหืดในหญิงตั้งครรภ์ สามารถใช้ได้ทุกตัวเช่นเดียวกับคนที่ไม่ได้ตั้งครรภ์
        
        ยาขยายหลอดลมที่ออกฤทธิ์ระยะยาว (Long-acting bronchodilators) เช่น Methyprednisolone, Prednisone เป็นต้น
        
        ยากลุ่มสเตียรอยด์ที่ออกฤทธิ์ทั่วร่างกาย (Systemic corticosteroids) เช่นSalmeterol, Formoterol เป็นต้น
        
        ยากลุ่มสเตียรอยด์ที่ใช้พ่นสูตดม (Inhaled corticosteroids) เช่น Budesonidenebulized, Beclomethasone, Triamcinolone เป็นต้น