Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 4 การทำข้อมูลให้เป็นภาพและการสื่อสารด้วยข้อมูล, บทที่ 7 …
บทที่ 4
การทำข้อมูลให้เป็นภาพและการสื่อสารด้วยข้อมูล
การสื่อสารด้วยข้อมูล
หมายถึง กระบวนการถ่ายโอนหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลกันระหว่างผู้ส่งและผู้รับ โดยผ่านช่องทาง
สื่อสาร เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือคอมพิวเตอร์เป็นตัวกลางในการส่งข้อมูล เพื่อให้ผู้ส่งและผู้รับเกิด
ความเข้าใจซึ่งกันและกัน
องค์ประกอบของการสื่อสาร มี 4 ประการ
1.ผู้ส่งสาร
2.สาร
3.ช่องทางการสื่อสารหรือสื่อ
4.ผู้รับสาร
การทำข้อมูลให้เป็นภาพ
ข้อมูลที่รวบรวมได้นั้น ส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบของตารางที่ประกอบด้วยตัว
อักษร ตัวเลข เป็นปริมาณมาก แม้ว่าข้อมูลนั้นสามารถตอบข้อสงสัย หรือนำ
เสนอสิ่งที่สนใจได้ แต่ยังยากต่อการทำความเข้าใจ หรือเป็นอุปสรรคในการ
สื่อสารให้เข้าใจตรงกัน
ดังนั้น การนำเสนอข้อมูลด้วยภาพ (data visualization) สามารถช่วยตอบ
คำถาม หรือนำเสนอประเด็นต่างๆ ได้รวดเร็ว และชัดเจนมากขึ้น ดังคำกล่าวที่
ว่า ภาพหนึ่งภาพแทนคำพูดพันคำ (A Picture is worth a thousand words)
การเล่าเรื่องจากข้อมูล
เป็นการถ่ายทอดเนื้อหา ความรู้ ผลลัพธ์จากข้อมูลที่ผ่านการ
วิเคราะห์และประมวลผลออกมาเป็นภาพ จำเป็นต้องมีกลวิธีในการเล่าเรื่องราว
(Story) เพื่อเชื่อมโยงหรือสื่อสารให้เข้ากับผลลัพธ์ของข้อมูล ทำให้ผู้รับสารเกิดความ
สนใจในการติดตามเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบ และมีความเข้าใจตรงตามความต้องการ
ของผู้สร้างเนื้อหา
อาจใช้วิธีนำเสนอ 4 รูปแบบ ดังนี้
1.แบบตู้กดน้ำ
2.แบบร้านกาแฟ
3.แบบห้องสมุด
4.แบบห้องทดลอง
ข้อควรระวังในการนำเสนอข้อมูล
ข้อมูลที่นำมาใส่ในงานนำเสนอนั้นจะต้องสั้น กระชับ ตรงตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการนำเสนอ
ไม่ควรเป็นข้อความที่ยาวๆ เพราะจะทำให้ไม่น่าสนใจ
สีที่ใช้ต้องสบายตา และน่าสนใจ หลีกเลี่ยงการใช้สีพื้นอ่อนคู่กับตัวหนังสือสีอ่อนเพราะจะทำให้
อ่านยาก หรือสีที่สดเกินไปจะทำให้อ่านได้ไม่นาน ผู้อ่านจะเกิดอาการปวดตามากกว่าเกิดความน่าสนใจ
รูปที่ใช้จะต้องสอดคล้องกับเนื้อหา
4.รูปที่นำมาใส่ในงานนำเสนอจะต้องไม่ใหญ่จนเกินไป เพราะจะทำให้ขนาดของไฟล์ใหญ่ไป
ด้วย ควรจะทำการลดขนาดของรูปก่อน
5.ภาพเคลื่อนไหวควรใส่ให้เหมาะสม ไม่มากไม่น้อยเกินไป
6.การใช้พื้นหลัง (Backgrond) ควรหลีกเลี่ยงการใช้รูปภาพเป็นพื้นหลังเพราะจะทำให้ตัวหนังสือ
อ่านยาก หรือถ้าต้องใช้พื้นหลังเป็น รูปภาพก็ควรหาพื้นหลังสีพื้นให้กับตัวอักษรด้วย
บทที่ 7
นวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่
ปัญญาประดิษฐ์
แนวคิดด้านปัญญาประดิษฐ์
การรับรู้ (Perception)
ปัญญาประดิษฐ์จะเรียนรู้ผ่านอุปกรณ์เซนเซอร์ เช่น
กล้อง ไมโครโฟน เพื่อนำไปประมวลผล และต้อง
เข้าใจสิ่งที่รับรู้นั้นด้วย
การแทนความรู้และการให้เหตุผล
(Representation and Reasoning)
ปัญญาประดิษฐ์สามารถเก็บองค์ความรู้ในรูปแบบ
ของตัวแทนความรู้ (Knowledge Representation)
ตัวอย่างคือ กฎการตัดสินใจจากความรู้ของ
ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องต่างๆ จากนั้นใช้ตัวแทนความรู้ที่
มีอยู่นี้มาหาข้อสรุป โดยใช้การอนุมาน (Inference)
การเรียนรู้ (Learning)
ปัญญาประดิษฐ์ที่ใช้อัลกอริทึมการเรียนรู้ของเครื่อง
(Machine Learning) จะเรียนรู้จากข้อมูลขนาดใหญ่
(Big Data) โดยสร้างตัวแบบ (Model) จากข้อมูล
ฝึกสอน (Training Data) ที่มนุษย์นำเข้าไป หรือเป็น
ข้อมูลจากเครื่องจักรที่สร้างข้อมูลฝึกสอนเองได้
เช่น การพัฒนาตัวแบบปัญญาประดิษฐ์เพื่อใช้
จำแนกเพศจากรูปภาพใบหน้าคน โดยอาศัยข้อมูล
ฝึกสอนที่เป็นรูปใบหน้าคนเพศชาย-หญิง จำนวน
มากๆ
การปฏิสัมพันธ์อย่างเป็นธรรมชาติ (Natural
Interaction)
ปัญญาประดิษฐ์ต้องเข้าใจปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์
กับมนุษย์ เพื่อสร้างปัญญาประดิษฐ์ให้มีปฏิสัมพัน
ธิ์กับมนุษย์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ
ผลกระทบทางสังคม (Social Impact)
ปัญญาประดิษฐ์ต้องคำนึงถึงจริยธรรม (Ethics) ความ
ปลอดภัย (Security) และความเป็นส่วนตัว (Privacy)
เนื่องจากปัญญาประดิษฐ์อาจตัดสินใจหรือทำในสิ่งที่
ส่งผลกระทบต่อมนุษย์ได้
การประมวลผลแบบคลาวน์
เป็นรูปแบบหนึ่งของการให้บริการทรัพยากร
คอมพิวเตอร์ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เช่น หน่วย
ประมวลผล หน่วยความจำ พื้นที่เก็บข้อมูล ซอฟต์แวร์
ซึ่งสามารถอำนวยความสะดวกได้ทุกที่ทุกเวลา โดย
ไม่สนใจว่าทรัพยากรที่ใช้นั้นอยู่ที่ใด เปรียบเสมือน
การใช้บริการสาธารณูปโภคพื้นฐาน เช่น ไฟฟ้า น้ำ
ประปา นั่นคือใช้บริการได้โดยไม่ต้องรู้ว่าโรงผลิตอยู่
ที่ใด เพียงแต่ต้องจ่ายค่าบริการตามปริมาณที่ใช้
อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง
เป็นเทคโนโลยีจากการที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ
สามารถเชื่อมต่อหรือสื่อสารถึงกันได้ผ่านทางอิน
เทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน สมาร์ทวอทช์
รถยนต์อัจฉริยะ และอุปกรณ์อื่นๆ โดยมีจำนวน
อุปกรณ์ IoT ทั่วโลกนับหลายพันล้านชิ้นและมี
แนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
เทคโนโลยีเสมือนจริง
เทคโนโลยีที่จำลองสภาพแวดล้อมผ่านระบบ
เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เพื่อให้เกิดการรับรู้เสมือน
กับอยู่ในสภาพแวดล้อมจริง โดยจะกล่าวถึงความเป็น
จริงเสริม (Augmented Reality: AR) และความเป็น
จริงเสมือน (Virtual Reality: VR)
บทที่ 5
การแบ่งปันข้อมูล
องค์ประกอบและรูปแบบพื้นฐานในการสื่อสาร
ในปี พ.ศ. 2492 คล็อด แชนนอน (Claude Shannon) และ วาร์เรน วีฟเวอร์ (Warren Weaver) ได้นำเสนอรูปแบบการสื่อสาร ซึ่งประกอบด้วย ผู้ส่ง ช่องทาง และผู้รับ เพื่ออธิบายรูปแบบการสื่อสาร ด้วยโทรศัพท์และวิทยุสื่อสาร และในปี พ.ศ. 2503 เดวิด เบอร์โล (David Berlo) ได้ขยายรูปแบบและองค์ประกอบพื้นฐานของการสื่อสารโดยเพิ่ม สาร เข้าไปในองค์ประกอบหลักด้วย
การสื่อสารเทคนิคและวิธีการแบ่งปันข้อมูล
ช่องทางในการสื่อสาร
1.การสื่อสารโดยตรง
2.สื่อมวลชน
3.สื่อสังคม
ข้อควรระวังในการแบ่งปันข้อมูล
1.ไม่มีความลับในสังคมออนไลน์
คนในกลุ่มที่เราแบ่งปันอาจคัดลอกข้อมูลนำไปเผยแพร่ต่อสาธารณะ รวมทั้ง อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงของระบบ ทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจทำให้ข้อมูลกลายเป็นข้อมูลสาธารณะ
2.ข้อมูลบางชนิดอาจถูกนำมาใช้หลอกลวง
ผู้ไม่ประสงค์ดี อาจใช้ข้อมูลเหล่านี้ทำ การฟิชชิง (phishing) เพื่อหลอกลวงเอาข้อมูลสำคัญของเราได้ เช่น เราอาจจะได้รับอีเมลปลอมจากธนาคารที่ระบุตำแหน่งหน้าที่การงานของเราได้ถูกต้อง ทำให้เรารู้สึกว่าเป็นอีเมลจากธนาคารจริงและให้ข้อมูลที่สำคัญไป
3.ข้อมูลบางชนิดไม่ควรเปิดเผย
ข้อมูลด้านสุขภาพ ด้านการเงิน หรือหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน เป็นข้อมูลที่ต้องระวัง ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลของตนเอง หรือของผู้อื่นก็ตาม เพราะเป็นข้อมูลที่ผู้ไม่ประสงค์ดีสามารถนำไปใช้แสวงหาผลประโยชน์ได้
4.การรักษาข้อมูลที่ได้รับการปกป้องตามกฏหมาย
ข้อมูลที่มีลิขสิทธิ์หรือข้อมูลส่วนตัว เช่น ผลงานเพลง ประวัติคนไข้ หรือหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน เป็นข้อมูลที่ได้รับความคุ้มครองทางกฎหมาย หากนำไปเผยแพร่ อาจทำให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าของข้อมูล และผู้แบ่งปันอาจถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอีกด้วย
บทที่ 6
จริยธรรมและ
จรรยาบรรณ ของนัก
คอมพิวเตอร์ และ พ.ร.บ.
คอมพิวเตอร์ 2560
จริยธรรมคอมพิวเตอร์ (ethics)
จริยธรรม” หรือ Ethics นั้นอาจเข้าใจกันในหลายความหมาย เช่น หมายถึง “หลักศีลธรรมจรรยาที่
กำหนดขึ้นเพื่อใช้เป็นแนวทางปฏิบัติหรือควบคุมการใช้ระบบคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ
จริยธรรมเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และ
สารสนเทศแล้ว จะกล่าวถึงใน 4 ประเด็น ที่รู้จักกันใน
ลักษณะตัวย่อว่า PAPA ประกอบด้วย
1.ความเป็นส่วนตัว (Privacy)
2.ความถูกต้อง (Accuracy)
3.ความเป็นเจ้าของ (Property)
4.การเข้าถึงข้อมูล (Data accessibility)
จรรยาบรรณของนักคอมพิวเตอร์
แนวทางระดับองค์กร มีความสำคัญในการป้องกัน และ และ ควบคุมปัญหาเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศและ
การใช้คอมพิวเตอร์ ได้แก่จรรยาบรรณการใช้คอมพิวเตอร์ซึ่ง เป็นการประมวลหลักจริยธรรมที่เกี่ยวข้องกับการ
ใช้ คอมพิวเตอร์เป็นลายลักษณ์อักษร
จรรยาบรรณต่อตนเอง
๑. ยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริต ปฏิบัติหน้าที่และดำรงชีวิตเหมาะสมตามหลัก ธรรมาภิบาล
๑.๑ ประกอบวิชาชีพนักคอมพิวเตอร์ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต มีความยุติธรรม ใฝ่หาความรู้ใหม่ๆ
อยู่เสมอ เป็นการพัฒนาตน และงานที่รับผิดชอบ อันจะเป็น การเพิ่มศักยภาพให้ตนเองและหน่วยงานที่
สังกัด
๑.๒ ผู้ประกอบวิชาชีพคอมพิวเตอร์จะมีความวิริยะอุตสาหะในการปฏิบัติงาน เพื่อให้บรรลุความ
สำเร็จของงานสูงสุด
จรรยาบรรณต่อผู้ร่วมงาน
๒. ตั้งมั่นอยู่ในความถูกต้อง มีเหตุผล และรู้รักสามัคคี
๒.๑ ไม่คัดลอกผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตน เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจาก เจ้าของสิทธิเดิมอย่าง
เป็นลายลักษณ์อักษร
๒.๒ ให้ความยกย่องและนับถือผู้ร่วมงานและผู้ร่วมอาชีพทุกระดับที่มีความรู้ ความสามารถและ
ความประพฤติดี
๒.๓ รักษาและแสวงหามิตรภาพระหว่างผู้ร่วมงานและผู้ร่วมอาชีพ
จรรยาบรรณต่อวิชาชีพ
๓. ไม่ประพฤติหรือกระทำการใดๆอันเป็นเหตุให้เสื่อมเสียเกียรติศักดิ์ในวิชาชีพแห่งตน
๓.๑ ใช้ความรู้ความสามารถในทางสร้างสรรค์ ไม่ใช้ในทางทำลายหรือกลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับความ
เสียหาย
๓.๒ ไม่แอบอ้าง อวดอ้าง ดูหมิ่นต่อบุคคลอื่นๆหรือกลุ่มวิชาชีพอื่น
๓.๓ ให้ความร่วมมือในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อส่งเสริมเกียรติคุณของวิชาชีพ ผู้ร่วมอาชีพและเพื่อ
พัฒนาวิชาชีพ
จรรยาบรรณต่อสังคม
๔. ปฏิบัติหน้าที่ ปฏิบัติตน ในวิชาชีพนักคอมพิวเตอร์ที่ดี เป็นแบบอย่างที่ดีของสังคม
๔.๑ ไม่เรียกรับหรือยอมรับทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งสาหรับตนเองหรือผู้อื่นโดย
มิชอบด้วยกฎ ระเบียบ และหลักคุณธรรม จริยธรรม
๔.๒ ไม่ใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่ชอบธรรมในการเอื้อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์หรือเสีย
ประโยชน์
๔.๓ ไม่ใช้ความรู้ความสามารถไปในทางล่อลวง หลอกลวง จนเป็นเหตุให้เกิดผลเสียต่อผู้อื่น
จรรยาบรรณต่อผู้รับบริการ
๕. เคารพในสิทธิเสรีภาพ และความเสมอภาคของผู้อื่น ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความโปร่งใส เป็นธรรม
๕.๑ รับฟังความคิดเห็นแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างบุคคล เครือข่าย และองค์กรที่เกี่ยวข้อง
๕.๒ เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมและสามารถตรวจสอบการปฏิบัติงานได้
พ.ร.บ คอมพิวเตอร์ 2560
คือ 1.พระราชบัญญัติที่ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งคอมพิวเตอร์ที่ว่านี้ก็เป็นได้ทั้งคอมพิวเตอร์
ตั้งโต๊ะ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก สมาร์ทโฟน รวมถึงระบบต่างๆ ที่ถูกควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ด้วย ซึ่งเป็น
พ.ร.บ.ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อป้องกัน ควบคุมการกระทำผิดที่จะเกิดขึ้นได้จากการใช้คอมพิวเตอร์ หากใคร
กระทำความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์นี้ ก็จะต้องได้รับการลงโทษตามที่พ.ร.บ.กำหนดไว้
2.ปัจจุบันมีคนใช้คอมพิวเตอร์ รวมถึงสมาร์ทโฟนเป็นจำนวนมาก บาง
คนก็อาจจะใช้ในทางที่เป็นประโยชน์ แต่บางคนก็อาจใช้สิ่งนี้ทำร้าย
คนอื่นในทางอ้อมด้วย
3.เราอาจจะได้ยินข่าวเรื่องการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ ซึ่งบาง
เหตุการณ์ก็สร้างความเสียหายไม่น้อยเลย เพื่อจัดการกับเรื่องพวกนี้ เลย
ต้องมีพ.ร.บ.ออกมาควบคุม ในเมื่อการใช้คอมพิวเตอร์เป็นเรื่องใกล้ตัวเรา
พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ก็เป็นเรื่องใกล้ตัวเราเช่นกัน หากเราไม่รู้เอาไว้ เราอาจ
จะเผลอไปทำผิด โดยที่เราไม่ได้ตั้งใจก็ได้