Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
เวียนศีรษะ (ระบบไหลเวียนโลหิต) - Coggle Diagram
เวียนศีรษะ (ระบบไหลเวียนโลหิต)
Hypoglycemia
อาการร่วม
หัวใจเต้นเร็ว เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ ฉุนเฉียวง่าย กังวล สายตาพร่า เหงื่อออกมาก หิวบ่อย อ่อนเพลีย ตัวสั่น
การรักษา
ดื่มน้าหวาน 1 แก้ว ( น้าหวาน45cc+น้า 1 แก้ว )
50% glucose 50 cc. IV push
เจาะ DTX อีก 15 นาที - ถ้าอาการไม่ดีขึนให้glucose ซ้าและรายงานแพทย์
คำแนะนำ
รับประทานอาหารตรงเวลาและมีปริมาณเหมาะสมตามความต้องการพลังงานของร่างกายแต่ละคน
ไม่ควรงดอาหารมื้อใดมื้อหนึ่ง
ควรมีลูกอม น้ำหวานหรือน้ำผลไม้ 100% หรือขนมปังแครกเกอร์เก็บไว้ใกล้ตัวตลอดเวลา เผื่อยามฉุกเฉิน
การวินิจฉัย
ตรวจร่างกาย
ตรวจระดับน้ำตาล
CBC
Anemia
อาการร่วม
รู้สึกเหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย แม้จะเป็นการทำกิจกรรมปกติในชีวิตประจำวัน
มีอาการตัวซีด อ่อนเพลีย ไม่สดชื่น
หายใจลำบากขณะออกแรง
ปวดหัว
มีอาการมือและเท้าเย็น
ผิวซีดหรือผิวเหลือง
เจ็บหน้าอก ใจสั่น
การรักษา
ยากลุ่ม Erythropoiesis-stimulating agents (ESAs) เป็นยาที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง สามารถรักษาภาวะโลหิตจางที่เกิดจากหลายสาเหตุ อาจเกิดผลข้างเคียงคือ ความดันโลหิตสูง ปวดศีรษะ ปวดตามร่างกาย วิงเวียนศีรษะ และอาเจียนได้
อาหารเสริมธาตุเหล็ก มีทั้งรูปแบบยาน้ำและยาเม็ดที่ช่วยเสริมธาตุเหล็ก
อาหารเสริมวิตามินบี จะมีอยู่ 2 ตัวด้วยกัน คือ วิตามินบี 12 และวิตามินบี 9 (โฟเลต) เป็นวิตามินที่ช่วยเสริมการผลิตเม็ดเลือดแดง ระยะเวลาและปริมาณของวิตามินที่ต้องใช้ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของภาวะโลหิตจางในแต่ละคน อาจเกิดผลข้างเคียงจากการรับประทาน แต่พบได้น้อยมาก เช่น ปวดศีรษะ วิงเวียน คลื่นไส้ และอาเจียน
วินิจฉัย
ตรวจร่างกาย
CBC
คำแนะนำ
เลือกรับประทานอาหารที่อุดมด้วยธาตุเหล็ก วิตามิน และสารอาหาร เช่น เนื้อสัตว์ ตับหมู นม ไข่ เลือดหมู ธัญพืช โดยเฉพาะผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ ทารกและวัยรุ่น
รับประทานวิตามินเสริมโดยขอคำปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ สำหรับผู้ที่ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอจากการรับประทานอาหาร
ผู้สูงอายุหรือผู้รับประทานอาหารมังสวิรัติ ควรพบแแพทย์เป็นระยะ เพื่อตรวจสอบภาวะโลหิตจาง เนื่องจากการรับประทานอาหารประเภทโปรตีนและวิตามินที่ไม่เพียงพอ
ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นภาวะโลหิตจางควรปรึกษาแพทย์ เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการส่งผ่านภาวะโลหิตจางทางพันธุกรรม
Hypotension
การรักษา
การให้น้ำเกลือ (intravenous fluids) ผู้ป่วยที่มีภาวะความดันโลหิตต่ำจากภาวะการขาดน้ำและเกลือแร่ สูญเสียเลือด หรือเกิดการติดเชื้อในกระแสเลือด อาจได้รับสารน้ำทางหลอดเลือดดำเพื่อช่วยเพิ่มความดันโลหิตให้สูงขึ้น
รักษาต้นเหตุของภาวะความดันโลหิตต่ำ เช่น ผู้ป่วยที่มีภาวะความดันโลหิตต่ำจากฮอร์โมนผิดปกติ อาจต้องได้รับการตรวจจากผู้เชี่ยวชาญด้านฮอร์โมนโดยเฉพาะและรักษาด้วยการให้ฮอร์โมนทดแทน
การรักษาด้วยยา หากการรักษาด้วยการปรับพฤติกรรมตามคำแนะนำและการให้สารน้ำทางเส้นเลือดไม่สามารถบรรเทาอาการ แพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัยว่าควรใช้ยาในกลุ่มใดที่เหมาะกับผู้ป่วยตามสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตต่ำ ซึ่งสามารถรักษาได้ด้วยยาหลายกลุ่ม เช่น แอลฟาอะดรีเนอร์จิกรีเซพเตอร์อะโกนิสต์ (alpha adrenergic receptor agonists) ช่วยเพิ่มความดันโลหิตและลดอาการจากภาวะความดันโลหิตต่ำ สเตียรอยด์ (steroid) ช่วยป้องกันการสูญเสียเกลือแร่ในร่างกาย เพิ่มปริมาณของเหลวและความดันโลหิตให้สูงขึ้น ยาเพิ่มความดันโลหิต (vasopressors)
วินิจฉัย
ตรวจร่างกาย
CBC
อาการร่วม
เป็นลม
คลื่นไส้
เหนื่อยล้า
มองเห็นภาพซ้อน
ขาดสมาธิ
คำแนะนำ
มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย แต่ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และคาเฟอีน
ควบคุมปริมาณอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูงในแต่ละมื้ออาหารให้พอเหมาะ
หลีกเลี่ยงการลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วขณะนั่งหรือนอน
ขยับหรือเปลี่ยนท่าทางบ่อย ๆ หากต้องยืนหรืออยู่ในท่าเดิมเป็นเวลานาน
Stroke
การรักษา
หากมีข้อบ่งชี้ของการรักษาด้วยยาละลายลิ่มเลือดและไม่มีข้อห้าม แพทย์จะให้ยาละลายลิ่มเลือดและตรวจหลอดเลือดสมองด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CTA brain) ในกรณีที่มีหลอดเลือดสมองขนาดใหญ่อุดตัน แพทย์จะรักษาโดยการใช้สายสวนเข้าไปในหลอดเลือดแดงที่ขาหนีบและขึ้นไปที่สมอง (endovascular procedure) เพื่อนำเอาลิ่มเลือดที่อุดตันในหลอดเลือดออกมา (Mechanical thrombectomy)
คำแนะนำ
ตรวจเช็คสุขภาพประจำปีเพื่อค้นหาและควบคุมรักษาปัจจัยเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง ได้แก่ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหัวใจ เป็นต้น
ควบคุมระดับความดันโลหิต ไขมัน และน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
เลือกรับประทานอาหารให้สมดุล หลีกเลี่ยงอาหารรสเค็ม หวาน มัน มากเกินควร
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน 5 ครั้งต่อสัปดาห์ และควบคุมน้ำหนักให้เหมาะสม
งดสูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ถ้ามีอาการเตือนที่แสดงว่าเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอชั่วคราวควรปรึกษาแพทย์ภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อสำรวจรักษาป้องกันไม่ให้เกิดหลอดเลือดสมองตีบตัน
อาการร่วม
พูดไม่ชัด พูดไม่ได้หรือไม่สามารถเข้าใจคำพูดของคนอื่น
อาการอ่อนแรง (อัมพฤกษ์/อัมพาต) หรือชาบริเวณหน้า แขน ขา ปากเบี้ยว
ตามัวแบบเฉียบพลัน หรือเห็นภาพซ้อน
เสียการทรงตัวหรือมีปัญหาในการเดิน เดินเซหรือเดินลำบาก
การวินิจฉัย
การตรวจเพิ่มเติมทางห้องปฏิบัติการ เพื่อค้นหาปัจจัยเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมอง และโรคที่เกิดร่วมด้วย
ตรวจเม็ดเลือด อาจมีภาวะเลือดหนืด ความเข้มข้นเลือดสูง ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก พบบ่อยในผู้ที่สูบบุหรี่จัด หรือเป็นโรคเลือดบางชนิด
ตรวจระดับน้ำตาล เพื่อช่วยวินิจฉัย โรคเบาหวาน หรือในรายที่เป็นเบาหวาน และใช้ยาลดน้ำตาล อาจเกิดภาวะน้ำตาลต่ำ ซึ่งทำให้มีอาการคล้ายโรคหลอดเลือดสมองได้
ตรวจระดับไขมันในเลือด
ตรวจการแข็งตัวของเลือด (Coagulogram) ตรวจในบางรายที่สงสัยว่ามีการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ
ตรวจระดับเกลือแร่ในเลือด (Electrolyte) ช่วยแยกภาวะเกลือแร่ในเลือดที่ผิดปกติ เช่น เกลือแร่ต่ำ อาจทำให้มีอาการคล้ายโรคหลอดเลือดสมอง
3ตรวจเลือดดูระบบการทำงานอื่นร่วมด้วย เช่น การทำงานของไต หรือเอนไซม์ของตับ เพื่อประกอบการพิจารณาให้ยา
ตรวจร่างกายอย่างละเอียดทั้งทางระบบประสาทและระบบที่เกี่ยวข้อง
การตรวจทางรังสีวิทยา
เอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมอง แยกโรคให้ชัดเจนว่าเป็นโรคหลอดเลือดสมองตีบหรือแตก ช่วยแยกภาวะก้อนเนื้องอกในสมอง ฝีในสมอง ที่มีอาการคล้ายโรคหลอดเลือดสมอง
เอกซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Magnetic Resonance Imaging: MRI)