Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การกระตุ้นพัฒนาการทารกในครรภ์ตามอายุครรภ์, w644-1, w644 (1),…
การกระตุ้นพัฒนาการทารกในครรภ์ตามอายุครรภ์
ลูบหน้าท้องกระตุ้นความรู้สึก
ช่วงไตรมาสแรกแม้ทารกจะเป็นตัวอ่อนอยู่ แต่ภายในเดือนที่ 2 ทารกจะเริ่มรับรู้สัมผัสทางกายได้ การที่คุณแม่ได้สัมผัสหน้าท้องหรือลูบท้องเบา ๆ จะทำให้ทารกรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะท้อน ช่วยกระตุ้นระบบประสาทและสมองส่วนรับรู้ความรู้สึกของลูกให้มีพัฒนาการดีขึ้น
ความอบอุ่นที่ผ่านจากปลายมือเหมือนกำลังสัมผัสร่างกายส่วนต่าง ๆ ของลูกน้อยที่ช่วยให้คุณแม่รู้สึกใกล้ชิดกับเจ้าต้วน้อยในท้องมากขึ้น และการส่งเสียงทักทายพูดคุยกับเบา ๆ ที่ทำให้คุณแม่มีความสุขในช่วงเวลานี้ ร่างกายจะหลั่งสารเอนโดรฟินหรือสารแห่งความสุขจะถูกส่งผ่านไปทางสายสะดือไปยังทารกในครรภ์ จะทำให้ลูกน้อยเป็นเด็กอารมณ์ดี เลี้ยงง่าย มีพัฒนาการที่ดีทั้ง IQ และ EQ
เล่นหน้าท้องกระตุ้นลูกดิ้น
ในช่วงไตรมาสที่ 2 คุณแม่จะรับรู้ได้ถึงการดิ้นของลูก ในขณะที่ลูกดิ้นหรือโก่งตัวเคลื่อนไปมา คุณแม่อาจตอบสนองโดยใช้มือเล่นหน้าท้องกับลูกด้วยการลูบให้แรงขึ้น โดยวนเป็นวงกลมจากบนลงล่างหรือจากล่างขึ้นบนก่อนก็ได้ หรือใช้นิ้วจิ้มไปยังจุดที่ลูกเคลื่อนไหว หากจังหวะนั้นลูกในท้องมีปฏิกิริยาตอบรับ มีการเคลื่อนที่หรือดิ้นไปยังทิศทางหนึ่ง แสดงว่าลูกมีการตอบสนองจากสิ่งเร้าที่คุณแม่สร้างให้ ซึ่งมีส่วนช่วยกระตุ้นพัฒนาสมอง
อ่านหนังสือให้ลูกฟังกระตุ้นพัฒนาการสมองของลูกน้อย
ทารกในครรภ์จะเริ่มได้ยินเสียงได้ดีตั้งแต่เดือนที่ 5 ดังนันเพื่อเป็นการกระตุ้นพัฒนาการสมองของลูกน้อยด้วยวิธีง่าย ๆ เพียงแค่คุณแม่หยิบหนังสือขึ้นมาอ่านออกเสียงให้ลูกได้ฟัง ใช้เวลาซัก 30 นาทีหรือก่อนนอน เช่น นิทานเด็ก หนังสือวรรณกรรมเด็กและเยาวชน หรือคู่มือเลี้ยงลูก เป็นต้น
เสียงสะท้อนจากคุณแม่จะกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อสมองในชั้นที่มีความซับซ้อนด้านการได้ยิน การตีความเสียง และส่วนของความทรงจำ ที่มีส่วนช่วยให้ลูกมีพัฒนาการได้เร็ว ยิ่งโดยเฉพาะเมื่อคุณแม่อ่านหนังสือด้วยการใช้โทนเสียงที่มีจังหวะสูงต่ำเหมือนการเล่านิทานให้เด็ก ๆ ฟัง และเอามือแตะท้องเบา ๆ ไปด้วยในขณะอ่าน ก็ยิ่งเป็นการกระตุ้นพัฒนาการให้ลูกตอบสนองกับเสียงของแม่ไปด้วยความรู้สึกที่ส่งผ่านไปจะทำให้ลูกผ่อนคลาย อารมณ์ดี มีแนวโน้มที่เป็นเด็กที่เลี้ยงง่ายอีกด้วย
ชวนลูกคุยบ่อย ๆ กระตุ้นพัฒนาการได้ยิน ภาษา และอารมณ์
ระยะไตรมาสที่สองของการตั้งครรภ์ โดยเฉพาะในเดือนที่ 6 ที่ระบบประสาทที่เกี่ยวข้องกับการได้ยินของทารกเริ่มทำงานได้เต็มที่ ซึ่งจะเห็นได้ว่าการอ่านหนังสือ เปิดเพลงให้ลูกฟังล้วนมีส่วนช่วยกระตุ้นพัฒนาการการได้ยินของลูกน้อย และอีกหนึ่งวิธีที่คุณพ่อคุณแม่จะช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางด้านนี้ได้ดียิ่งขึ้น และเตรียมพร้อมสำหรับการได้ยินหลังคลอด
การพูดคุยกับลูกในท้องบ่อย ๆ เสียงพูดของคุณพ่อคุณแม่จะส่งผ่านเข้าไปถึงลูกน้อยช่วยกระตุ้นพัฒนาการการได้ยิน รับรู้ แยกแยะเสียง และทำให้ทารกในครรภ์มีทักษะด้านภาษาและสื่อสารตั้งแต่ยังไม่ได้คลอด ทั้งนี้ทารกสามารถจำเสียงคุณพ่อคุณแม่ได้ตั้งแต่อยู่ในท้องด้วย หลังคลอดหากทารกงอแง หงุดหงิดง่าย เมื่อได้ยินเสียงของคุณพ่อคุณแม่ก็อาจทำให้ลูกน้อยสงบลงได้ง่ายขึ้น
ให้ลูกน้อยฟังเพลงกระตุ้นพัฒนาการได้ยิน
ในครรภ์จะเริ่มได้ยินตั้งแต่อายุครรภ์เดือนที่ 5 หูของทารกในครรภ์จะมีความสมบูรณ์ในสัปดาห์ที่ 20 และเริ่มต้นรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนได้ในสัปดาห์ที่ 24 ได้ยินเสียงในสัปดาห์ที่ 30 สามารถแยกแยะเสียงได้ในสัปดาห์ที่ 34 ซึ่งระบบประสาทการรับฟังถือว่าเป็นพัฒนาการด้านประสาทสัมผัสของเด็กที่พัฒนาในอับดับต้น ๆ
เปิดดนตรีให้ลูกได้ฟังในระหว่างตั้งครรภ์ ประมาณ 10-15 นาที/วัน เปิดเสียงเพลงให้อยู่ห่างจากหน้าท้องประมาณ 1 ฟุต และเปิดเสียงดังพอประมาณ คลื่นเสียงจะไปกระตุ้นการได้ยินให้พัฒนาระบบการทำงานได้เร็วขึ้นส่วนช่วยเพิ่มไอคิวเสริมสร้างพัฒนาการทำให้สมองดี เฉลียวฉลาด และจดจำสิ่งต่าง ๆ ได้ดี ซึ่งถือว่าเป็นการช่วยกระตุ้นพัฒนาการทางกายได้เป็นอย่างดี
ส่องไฟฉายกระตุ้นพัฒนาการการมองเห็น
ตั้งแต่อายุครรภ์ประมาณ 7 เดือนทารกในครรภ์สามารถลืมตา กระพริบตา รับรู้แสง มองเห็นแสง และแยกความแตกต่างระหว่างความมืดและความสว่างได้แล้ว ในระยะนี้คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยกระตุ้นพัฒนาการด้านการมองเห็นให้กับลูกน้อยด้วยการใช้ไฟฉายส่องที่หน้าท้อง เปิดปิดไฟแบบกะพริบ ๆ เพื่อให้แสงเคลื่อนที่บนล่างอย่างช้า ๆ ผ่านหน้าท้องไปที่น้ำคร่ำ เล่นกับลูกด้วยวิธีวันละ 5-10 ครั้งประมาณ 1-2 นาที ซึ่งลูกอาจจะมีการตอบสนองแสงไฟด้วยการดิ้นให้คุณแม่รับรู้ได้
การส่องไฟที่หน้าท้องนี้จะทำให้เซลล์สมองและเส้นประสาทส่วนรับภาพและการมองเห็นของทารกมีพัฒนาดีขึ้น และเตรียมพร้อมสำหรับการมองเห็นของทารกในภายหลังคลอด
ดมกลิ่นหอม ๆ กระตุ้นการรับกลิ่นของลูกน้อย
ในช่วงอายุครรภ์เดือนที่ 9 สามารถกระตุ้นพัฒนาการให้ลูกน้อยได้ด้วยการใช้กลิ่นหอมจากธรรมชาติหรือออโรมาอ่อน ๆ ช่วยเพิ่มกลิ่นหอมภายในบ้าน แถมกลิ่นหอมอ่อน ๆ นอกจากช่วยให้คุณแม่ผ่อนคลาย ลดภาวะเครียดในช่วงใกล้คลอดลงได้ ก็จะส่งผลต่อไอคิวของลูกน้อยให้ฉลาดจากฮอร์โมนเอ็นดอร์ฟินที่หลั่งออกมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ
กินดีช่วยกระตุ้นพัฒนาการการรับรส
ในไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์ ทารกในครรภ์มีการเจริญเติบโตและมีพัฒนากาารที่ดีขึ้น รวมทั้งประสาทสัมผัสที่เกี่ยวกับการรับรส ลูกน้อยในครรภ์จะสามารถรับรู้รสจากการกลืนน้ำคร่ำและอาหารที่คุณแม่รับประทานเข้าไป ดังนั้นการใส่ใจโภชนาการในช่วงตั้งครรภ์ถือเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง คุณแม่ควรรับประทานอาหารครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะสารอาหารที่จำเป็นต่อแม่ท้อง เช่น ไอโอดีน ที่ทำหน้าที่ควบคุมการเจริญเติบโตและพัฒนาการของสมองของทารกในครรภ์ และธาตุเหล็ก
การขาดสารอาหาร 2 ตัวนี้ในระหว่างตั้งครรภ์จะทำให้เด็กในท้องคลอดออกมามีไอคิวที่ต่ำได้ DHA ที่มีความสำคัญต่อพัฒนาการสมองและสายตาของลูกน้อยในครรภ์ โปรตีน สำคัญต่อการเจริญเติบโตของร่างกายและสมองของทารกในครรภ์ แคลเซียม สำคัญต่อการเจริญเติบโตกระดูกของลูกในท้อง กรดโฟลิคหรือโฟเลต
ออกกำลังกายกระตุ้นระบบประสาทสัมผัสของลูกให้พัฒนาดีขึ้น
คุณแม่ท้องออกกำลังกายมีส่วนทำให้ลูกน้อยในครรภ์มีการเคลื่อนไหวตามไปด้วย เคล็ดลับของออกกำลังกายระหว่างตั้งครรภ์ คือ เลือกออกกำลังกายเบา ๆ เช่น เดิน โยคะคนท้อง ว่ายน้ำ ฯลฯ ให้เป็นกิจวัตรประจำวันอย่างน้อยวันละ 20-30 นาที การได้ออกกำลังกายจะช่วยให้หัวใจของแม่ทำงานได้ดี เลือดไหลเวียนได้ดี การขยับเขยื้อนของคุณแม่จะส่งผลให้ผิวของทารกไปโดนกับผนังด้านในของมดลูก
นางสาวธนาภรณ์ สุพิทักษ์ 64019518
อ้างอิง www.si.mahidol.ac.th, www.happymom.in.th และ www.amarinbabyandkids.com .