Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

ผู้ป่วยชายไทย อายุ 53 ปี หอผู้ป่วยชลาทิศ 3 รพ.ชลบุรี, เอกสารอ้างอิง …

- - - - การชัก (seizure) คือภาวะที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันของคลื่นไฟฟ้าสมอง โดยมีการปล่อยกระแสไฟฟ้าทำให้ชัก และก่อให้เกิดอาการหรือความรู้สึกที่ผิดปกติที่เรียกว่าอาการชัก อาการชักมักเกิดขึ้นในเวลาสั้น ๆ โดยอาการกระตุกมักไม่เกิน 2 นาที จากกรณีศึกษาผุ้ป่วยมีอาการชักเกร็งกระตุกทั้งตัว (Generalized seizures) จากการบาดเจ็บที่สมอง
    - - เป้าประสงค์ทาง การพยาบาล
        1.เพื่อป้องกันการเกิดภาวะชักซำ
      - เกณฑ์การประเมินผล
        
        2.ผู้ป่วยไม่มีระดับความ รู้สึกตัวลดลง (Glasgow coma score) คือ ≥ 10 คะแนน
        
        3.สัญญาณชีพอยู่ใน เกณฑ์ปกติ คือ
        T = 36.5 – 37.4 oC
        PR = 60 – 100 bpm
        RR = 14 – 20 bpm
        BP = Systolic P. 90 140 mmHg Diastolic P. 60 – 90 mmHg Pulse pressure = 30 – 60 mmHg
        
        1.ผู้ป่วยไม่มีอาการและอาการแสดงของภาวะชัก ได้แก่ เกร็งกระตุก ทั้งลำตัวใบหน้า แขนขาเกร็งท่าเดิมซ้ำๆ
    - - ประเมินผล ณ วันที่ 10 ตค 65 1.ผู้ป่วยไม่มีอาการและอาการแสดงของภาวะชัก ได้แก่ เกร็งกระตุก ทั้งลำตัวใบหน้า แขนขาเกร็งท่าเดิมซ้ำๆ
      - 3.สัญญาณชีพอยู่ใน เกณฑ์ปกติ คือ T = 36.5 – 37.4 oC PR = 60 – 100 bpm RR = 14 – 20 bpm BP = Systolic P. 90 140 mmHg Diastolic P. 60 – 90 mmHg Pulse pressure = 30 – 60 mmHg
      - ระดับความรู้สึกตัวเพิ่มขึ้น (Glasgow coma score) คือ - E4M6VT รวม 11 คะแนน
    - - 3.จัดท่านอน แหงนคอเล็กน้อยและตะแคงหน้า จะช่วยให้ทางเดิน หายใจตรงอากาศผานเข้าออกได้ดีและการตะแคงหน้าจะช่วยป้องกนการสําลักเสมหะและน้ำลาย
      - 4.หลีกเลี่ยงสิ่งที่กระตุ้นให้ผู้ป่วยเกิดการชักขึ้นอีก เช่น จัดสิ่งแวดล้อม ให้เงียบ สะอาด ดูแลไม่ให้ผู้ป่วยมีไข้ เนื่องจากไข้จะทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของ metabolism ของ เซลล์ประสาทสมอง ทําให้เซลล์ประสาทสมองนั้นไวต่อการเกิดการชักมากขึ้นจัดสิ่งแวดล้อมให้ปลอดภัยจากอุบัติเหตุ ได้แก่ การยกเหล็กข้างเตียง
        ขึ้นเสมอหลังให้การพยาบาลเพื่อป้ องกนการตกเตียง
      - 2.ประเมินสัญญาณชีพของผู้ป่วยเป็นระยะ ๆ และประเมินอาการทางระบบประสาทด้วย Glasgow Coma Scale (GCS)
        โดยดูการลืมตา การพูดที่ดีที่สุดและการเคลื่อนไหวที่ดีที่สุด
      - ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับออกซิเจนอย่าง เพียงพอ และป้องกันการอุดตันใน ทางเดินหายใจ เนื่องจากภาวะขาดออก ชิเจน ทำให้หลอดเลือดสมองขยายตัว จึงมีปริมาณเลือดไหลเวียนเพิ่มขึ้น ทำให้
        เกิดความดันภายในกะโหลกศีรษะสูงขึ้น ดังนี้ 3.1. ดูแลให้ผู้ป่วย on ETT No.7.5 deep 22 On PAC mode Pi 16 ,Peep 5 Fio2 O.4 ตามแผนการรักษา ของแพทย์ และดูแลสายออกซิเจนไม่ให้ สายหัก พับ งอ หรือหลุด 3.2. การดูดเสมหะ เพื่อลดการเกิด ภาวะพร่องออกซิเจน ส่งผลทำให้เกิด ความดันกะโหลกศีรษะมากขึ้น
      - 1.ผู้ป่วยไม่มีอาการและอาการแสดงของภาวะชัก ได้แก่ เกร็งกระตุก ทั้งลำตัวใบหน้า แขนขาเกร็งท่าเดิมซ้ำๆ ประเมินการหายใจของผู้ป่วย สังเกตอาการและอาการแสดงที่แสดงถึงประสิทธิภาพของการหายใจ เช่น อัตราการหายใจ ลักษณะการหายใจ การเคลื่อนไหวของทรวงอกและประเมินว่าผู้ป่วยได้รับออกซิเจนเพียงพอหรือไม่โดยการสังเกตอาการของผู้ป่ วยและการวัดออกซิเจนในเลือด ระวังไม่ให้เกิดการอุดตันทางเดินหายใจและการสําลัก
      - 6.ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยา ได้แก่ ยา Keppra 500 mg IV q 12 hr ตามแผนการ รักษาของแพทย์ เพื่อให้ป้องกันอาการ ชัก และสังเกตอาการข้างเคียงภายหลัง ได้รับยาของแพทย์ ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยา Valium 10 mg IV ยา ตามแผนการ รักษาของแพทย์ เพื่อให้ป้องกันอาการ ชัก และสังเกตอาการข้างเคียงภายหลัง ได้รับยาของแพทย์
      - 7.ติดตามผลการตรวจเลือดเพื่อหาสาเหตุของการชัก เช่น ภาวะนํ้าตาล ในเลือดตํ่า ภาวะแคลเซียมในเลือดตํ่า และดูวามีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้นหรือไม่ เช่นภาวะ acidosis rhabdomyolysis
    - - S : - O : แพทย์วินิจฉัยเป็น minimal acute SAH Lt.Frontal ผลการตรวจ CT brian : minimal acute SAH Lt.Frontal GCS E3M6VT pulse pressure =48-65 mmHg ขณะนอนสังเกตอาการที่รพ ผู้ป่วยมีอาการชักเกร็งกระตุกทั้งตัว เวลา 03.00 น. ข้อมูล ณ วันที่ 10 ตค 65
  - - - เป้าประสงค์ทางการพยาบาล 1.เพื่อไม่ให้เกิดภาวะความดันในกะโหลกศีรษะสูง
      - เกณฑ์การประเมินผล
        
        3.สัญญาณชีพอยู่ใน เกณฑ์ปกติ คือ T = 36.5 – 37.4 oC
        PR = 60 – 100 bpm RR = 14 – 20 bpm BP = Systolic P. 90 140 mmHg Diastolic P. 60 – 90 mmHg Pulse pressure = 30 – 60 mmHg
        
        ผู้ป่วยไม่มีระดับความ รู้สึกตัวลดลง (Glasgow coma score) คือ ≥ 10 คะแนน
        
        1.ผู้ป่วยไม่มีอาการและอาการแสดงของภาวะความดันในกะโหลกศีรษสูง เช่น ปวดศีรษะ อาเจียนพุ่ง อัตราการ เต้นของหัวใจลดลง การ หายใจเร็วขึ้นหรือช้าลง Cushing triad คือ Pulse pressure กว้าง ชีพจรช้าเต้นแรง < 60 bpm หายใจช้าลง
    - - ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับออกซิเจนอย่าง เพียงพอ และป้องกันการอุดตันใน ทางเดินหายใจ เนื่องจากภาวะขาดออก ชิเจน ทำให้หลอดเลือดสมองขยายตัว จึงมีปริมาณเลือดไหลเวียนเพิ่มขึ้น ทำให้
        เกิดความดันภายในกะโหลกศีรษะสูงขึ้น ดังนี้ 3.1. ดูแลให้ผู้ป่วย on ETT No.7.5 deep 22 On PAC mode Pi 16 ,Peep 5 Fio2 O.4 ตามแผนการรักษา ของแพทย์ และดูแลสายออกซิเจนไม่ให้ สายหัก พับ งอ หรือหลุด 3.2. การดูดเสมหะ เพื่อลดการเกิด ภาวะพร่องออกซิเจน ส่งผลทำให้เกิด ความดันกะโหลกศีรษะมากขึ้น
      - ประเมินระดับความรู้สึกตัวลดลง (Glasgow coma score) และสัญญาณ ชีพ ประเมินค่า pulse pressure เพื่อ เฝ้าระวังอาการภาวะความดันใน กะโหลกศีรษะสูง
      - ประเมินอาการและอาการแสดงของ ภาวะความดันในกะโหลกศีรษะสูง คือ ปวดศีรษะ อาเจียนพุ่ง อัตราการเต้น ของหัวใจลดลง การหายใจเร็วขึ้นหรือช้า ลง Cushing triad คือ Pulse pressure กว้าง ชีพจรช้าเต้นแรง < 60 bpm หายใจช้าลง
      - ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยา ได้แก่ ยา Keppra 500 mg IV q 12 hr ตามแผนการ รักษาของแพทย์ เพื่อให้ป้องกันอาการ ชัก และสังเกตอาการข้างเคียงภายหลัง ได้รับยาของแพทย์
      - 5.ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยา Valium 10 mg IV ยา ตามแผนการ รักษาของแพทย์ เพื่อให้ป้องกันอาการ ชัก และสังเกตอาการข้างเคียงภายหลัง ได้รับยาของแพทย์
      - จัดท่านอนศีรษะสูง 30 องศา (Semifowler’s position) ส่งเสริมการ ไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงอวัยวะสำคัญ เช่น สมอง เพื่อเพิ่มการไหลกลับของ เลือดดำจากสมอง ไม่ให้การเกิดภาวะ ความดันกะโหลกศีรษะสูงเพิ่มขึ้น
      - เฝ้าระวังภาวะไข้ จากภาวะอุณหภูมิ กายสูงกว่าปกติ ส่งผลให้สมองต้องการ ออกซิเจน และหลอดเลือดขยายตัว ความดันเลือดที่ไปเลี้ยงสมองมากขึ้น อาจทำให้เกิดภาวะความดันในกะโหลก ศีรษะ 7.1. เช็ดตัวด้วยน้ำอุณหภูมิห้อง โดย เช็ดจากส่วนปลายเข้าสู่หัวใจ (เช็ดย้อนรู ขุมขน) 7.2. ไม่ต้องห่มผ้าให้แก่ผู้ป่วย โดยเฉพาะบางรายที่มีไข้ ตั้งแต่ 38 องศาเซลเซียสขึ้นไป
      - 8.หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจทําให้ความดันในกะโหลก ศีรษะสูง เช่น กิจกรรมที่ทําให้มีการเพิ่ มแรงดันในช่องท้องหรือช่องอกได้แก่ การไอการเบ่งอุจจาระ เนื่องจากเมื่อมีแรงดันในช่องท้องหรือช่องอกเพิ่ มขึ้นทําให้เลือดดําจากศีรษะไหลกลับเข้าสู่หัวใจ น้อยลง จึงมีเลือดคังในสมอง นอกจากนี ่ ้เส้นเลือดดําในสมองจะติดต่อกบั เส้นเลือดดําเวนาคาวา ด้านบนโดยตรง ไม่มีลิ้ นก้นอยู ั เช่ ่นเดียวกบเส้นเลือดดําทั ั วๆไป ดังนั ่ ้นถ้าความดันในหลอดเลือดดํา ส่วนกลางสูงขึ้นจากการเพิ่มแรงดันในช่องท้องหรื อช่องอกดังกล่าวจะทําให้ความดันภายใน กะโหลกศีรษะสูงด้วย ดังนั้นการดูดเสมหะแต่ละครั้งควรทําด้วยความนุ่มนวลเพื่อไม่ให้ระคายเยื่อบุ หลอดลม ซึ่ งจะทําให้ผู้ป่ วยไออย่างแรงและดูแลไม่ให้ผู้ป่ วยมีอาการท้องผูกหรือมีการคังค้างของ ่ กระเพาะปัสสาวะ
    - - การบาดเจ็บที่ศีรษะ หมายถึง การบาดเจ็บใด ๆ ที่มีต่อหนังศีรษะ กะโหลกศีรษะและเนื้อเยื่อที่เป็น ส่วนประกอบภายในกะโหลกศีรษะ ซ่ึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับสมอง ก่อให้เกิดเลือดออกในสมองได้ หลายตำแหน่ง และมีอาการ แตกต่างกันออกไป ภาวะเลือดออกในใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นอแรสนอย (Subarachnoid hematoma) ภาวะเลือดออกในสมองเป้นการเพิ่มปริมาตรของเนื้อสมอง จะไปกดเบียดหลอดเลือดและอุดกั้นทางเดินน้ำหล่อสมอง ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองน้อย น้ไไขสันหลังไหลเวียนไม่สะดวก มีการคั่งของสารน้ำหล่อสมองมีผลทำให้เพิ่มความดันในกระโหลกศีรษะ จึงทำให้มีอาการผิดปกติ เช่น ปวดศีรษะ พูดไม่ชัด หรือหมด สติได้ ภาวะความดันในกะโหลกศีรษะ สูงเป็นภาวะแทรกช้อนสำคัญและ พบบ่อยในผู้ป่วยภายหลังได้รับ บาดเจ็บที่ศีรษะระดับรุนแรง ใน ระยะ 24-72 ชั่วโมงแรก ในกรณีศึกษาได้รับบาดเจ็บทางสมองจากการประสบอุบัติ และด้รับการวินิจฉัยว่า minimal acute SAH Lt.Frontal
    - - S :-
        O : แพทย์วินิจฉัยเป็น minimal acute SAH Lt.Frontal ผลการตรวจ CT brian : minimal acute SAH Lt.Frontal GCS E3M6VT pulse pressure =48-65 mmHg ข้อมูล ณ วันที่ 10 ตค 65
    - - ประเมินผลวันที่ 10 ตค 65 1. ผู้ป่วยไม่มีอาการ และอาการแสดงของ ภาวะความดันใน กะโหลกศีรษะสูง คือ ไม่มีอาการปวดศีรษะ ไม่มีอาเจียนพุ่ง ไม่มี อัตราการเต้นของ หัวใจลดลง ไม่มีการ หายใจเร็วขึ้นหรือช้า ลง 2
      - ระดับความรู้สึกตัวเพิ่มขึ้น (Glasgow coma score) คือ - E4M6VT รวม 11 คะแนน
      - สัญญาณชีพ คือ T =37.739.8 -oC PR = 98 - 110 bpm RR = 20 – 26 bpm BP = Systolic P. 142-160 mmHg Diastolic P. 94 – 110 mmHg Pulse pressure = 48-50 mmHg
  - - - แนะนำให้ผู้ป่วยพักผ่อนอย่างเพียงพออย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อวัน รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และรับประทานอาหารตรงเวลาครบ 3 มื้อ ให้ได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อร่างกาย ดื่มน้ำวันล 1-2 ลิตร เพื่อป้องกันการเกิดท้องผูก
    - - แนะนำเรื่องการงดการยกของหนัก และพักผ่อนบนเตียง งดการขับขี่รถยนต์ช่วง 1-3 เดือนแรก เพื่อลดการกระทบกระเทือนและการเกิดอุบัติเหตุซ้ำ
    - - แนะนำให้ผู้ป่วยจัดสิ่งแวดล้อมให้มีอากาศถ่ายเทสะดวกและจัดบ้านให้เป็นระเบียบไม่วางสิ่งของกรีดขวางทางเดิน จัดให้ผู้ป่วยนอนที่ชั้น ล่างของตัวบ้านจะได้ลดการเกิดอุบัติเหตุจากการขึ้นลงบันได้เนื่องจากผู้ป่วยยังมีอาการบาดเจ็บและอ่อนแรง
    - - การมาตรวจตามนัดหากแพทย์นัดมาตรวจอาการเพื่อติดตามผลการรักษา การติดต่อขอความช่วยเหลือจากสถานพยาบาลใกล้บ้าน ในกรณีเกิดภาวะฉุกเฉินตลอดจนการส่งต่อผู้ป่วยให้ได้รับการดูแลต่อเนื่อง
    - - ขณะนี้ผู้ป่วยรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลได้รับการรักษาเป็นยา Ativan (1) 2 tab oral hs เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยผ่อนคลายยา Vitamin B complex 1*3 oral po ข้อบ่งใช้ยา
        วิตามินบีรวม (Vitamin B Complex) เป็นกลุ่มของวิตามินบีที่ใช้รักษาและป้องกันการขาดวิตามินบีชนิดต่าง ๆ เนื่องมาจากทุพภาวะโภชนาการ โรคบางชนิด ติดสุรายา Valium 10 mg IV เพื่อรักษาอาการชักยา Keppra 500 mg IV q 12 hr Keppra ซึ่งมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Levetiracetam Levetiracetam (ลีวีไทราซีแทม) เป็นยากันชักยา Folic 1x1 pc Folic Acid (กรดโฟลิค) เป็นวิตามินบีชนิดหนึ่งที่ร่างกายต้องการ
    - - การเลือกรับประทานอาหารเหมาะสมกับโรคหลีกเลี่ยงหรืองดอาหารที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
    - - การชัก (seizure) คือภาวะที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันของคลื่นไฟฟ้าสมอง โดยมีการปล่อยกระแสไฟฟ้าทำให้ชัก และก่อให้เกิดอาการหรือความรู้สึกที่ผิดปกติที่เรียกว่าอาการชัก อาการชักมักเกิดขึ้นในเวลาสั้น ๆ โดยอาการกระตุกมักไม่เกิน 2 นาที จากกรณีศึกษาผุ้ป่วยมีอาการชักเกร็งกระตุกทั้งตัว (Generalized seizures) จากการบาดเจ็บที่สมอง
  - - - S : - ไม่มีข้อมูล
        
        O : จากการประเมินโดยการสังเกต ผู้ป่วย
        
        สามารถลุกนั่งได้แต่ต้องมีคนช่วยและยังไม่สามารถลุกเดินได้เนื่องจากยังไม่มีแรงอ่อนเพลียจากการบาดเจ็บ
        
        ข้อมูล ณ วันที่ 10 ตค 65
    - - เพื่อให้ผู้ป่วยไม่เกิดการพลัดตกหกล้ม
    - - ประเมินผล ณ วันที่ 11 ตค 65 1.ผุ้ป่วยไม่เกิดอุบัติเหตุขณะอยู่โรงพยาบาลและสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ด้วยตนเอง เช่น รับประทานอาหาร motor poewr grade 3 at all
    - - 1.ผู้ป่วยสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามความสามารถของผู้ป่วย
      - 2.ผู้ป่วยไม่เกิดอุบัติเหตุ พลัดตกเตียง
    - - 2.อธิบายให้ผู้ป่วยทราบถึงการเข้าระวัง การป้องกันการตกเตียง ลื่นล้ม เพื่อให้ระมัดระวังผลกระทบถึงผู้ป่วยหากผู้ป่วยล้ม
      - 3.ยกราวกั้นเตียงทั้ง 2 ข้าง เพื่อป้องการเกิดอุบัติเหตุหลังให้การพยาบาลทุกครั้ง
      - 1.ประเมินความแข็งแรงของกล้ามเนื้อโดยใช้ Motor power เพื่อนำไปวางแผนางการพยาบาล
      - 4.กดล๊อคขาเตียงเสมอเพื่อป้องกันเตียงไหล และอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ
      - 5.จัดให้ผู้ป่วยอยู่ในบริเวณที่ดูแลอย่างใกล้ เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ
      - 6.ตรวจเยี่ยมผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยทุก 2 ชั่วโมง หรือตามความเหมาะสม เพื่อดูแลให้ความช่วยเหลือผู้ป่วย
      - 7.ให้การช่วยเหลือขณะขึ้น-ลงเตียงและขณะทำกิจกรรมตามความเหมาะสมเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ
      - 8.จัดวางสิ่งของให้ผู้ป่วยสามารถหยิบได้สะดวกเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ
      - 9.จัดสิ่งแวดล้อม ปรับหัวเเตียงให้ต่ำเหมาะสม ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ จัดแสงสว่างให้เพียงพอ