Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

ยาต้านจุลชีพ, First – generation - Coggle Diagram

- - - - Allergic reaction จะพบว่ามีไข้ ผื่นขึ้นตามผิวหนัง คนที่แพ้มากๆ
        อาจมี agranulocytosis หรือ thrombocytopenia
      - มีพิษโดยตรงต่อระบบประสาททั้ง ส่วนกลางและปลาย
      - การในยานี้รักษานานๆมักมีผลต่อตับ
    - - ผู้ใหญ่ใหญ่ขนาด 5 ถึง 8มก./กก.
      - ในเด็กให้ขนาด 10 – 20 มก./วัน แต่ไม่เกิน 300 มก./วัน
  - - - เป็นยาที่มีฤทธิ์ฆ่าวัณโรคสูงเทียบเท่าอาจเหนือกว่าไอโซไนอะซิด
    - - ตับอักเสบ
    - - ขนาดที่เหมาะสมในผู้ป่วยท่ัวไปคือวันละ 600 มก.
      - ในเด็กให้ขนาด 10–20 มก./กก.
  - - - ตับอักเสบรุนแรง
      - เนื่อจากากยาน้ีขัดขวางการขับกรดยูริคออกทางปัสสาวะ
      - พบว่าทาให้ระดับกรดยูริคในเลือดสูงงขึ้น
      - ปวดข้อ ปวดศีรษะ แพ้แสงแดด ลมพิษ ผื่นขึ้น ตับโต
  - - - Retinal damage
      - Optic neuritis ทาให้ตามัว มองเห็นไม่เป็นตาบอดสี
      - ปวดศีรษะ มึหนัง สับสน ประสาทหลอน ชาตามปลาย นิ้ว
      - เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน ผื่นคัน ปวดข้อ มีไข้
  - - - ออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อวัณโรคภาวะที่เป็นด่าง
    - - พิษต่อหู (Ototoxicity)
        ทำลายระบบควบคุมการทรงตัว (Vestibular system) ทาให้มีอาการหน้ามืด วิงเวียนคลื่นไส้อาเจียนเสียสมดุลย์ในการทรงงตัวถ้ามีอาการและให้ต่อไปอีก จะเสียอย่างถาวรและหูหนวก
      - พิษต่อไต (nephrotoxicity)
      - พิษต่อระบบประสาท (neurotoxicity) ชาตามปลายมือปลายเท้าหน้า ปวดศีรษะ อ่อนแรง ตาพร่ามัว
      - ถ้าให้ในขนาดสูงกดการทำงานนของกล้ามเนื้อลาย ทำให้กดการหายใจและอาจ
        ทำให้หัวใจหยุดเต้นได้
  - - - conjunctivitis , vertigo
      - ถ้ารุนแรง erythema multiform , haemolytic anaemia ,
        agranulocytosis , cerebral oedema , hepatitis
  - - - nausea , vomiting , เสียดแน่นท้อง ท้องงเดิน
  - - - nausea , vomiting , vertigo
- - - - ยานี้ทีฤทธิ์ขับพยาธิไส้เดือนพยาธิ เส้นด้ายพยาธิแส้ม้าพยาธิปากขอและ พยาธิแคปิลลาเรียได้ผลดี
    - - ยับยั้งการสังเคราะห์microtubuleใน
        เซลผิวหนังและลพไส้ของพยาธิตัวกลม
      - ยับยั้งการนากลูโคสจาก host มาใช้ทา ให้ไม่มีพลังงานเพื่อการอยู่รอดและ สืบพันธุ์
      - ถูกกาจัดออกจากทางเดิน อาหารจนหมด หลังการรับยาประมาณ 3 วัน
    - - ปวดท้อง ท้องเดิน ไม่ควรใช้ในหญิงมีครรภ์
  - - - ยานี้มีประสิทธิภาพคล้ายมีเบนดา
        โซล
      - แต่ได้ผลดีในการรักษาโรคพยาธิสตรองจิย์ลอยด์ด้วย
    - - ยับยั้งการนากลูโคสจาก host มาใช้
      - ปริมาณ glycogen ที่สะสมไว้ลดลง
      - พยาธิหยุดการเคลื่อนไหวและตาย
    - - ปวดศีรษะ คลื่นไส้ ปวดท้อง และท้องเดิน
      - ควรระมัดระวังเป็นพิเศษในเด็กเล็ก เพราะไม่เคยมีการทดลองใช้ในเด็ก อายุต่า กว่า 2 ปี
  - - - ยับยั้งการทางานของเอนไซม์ Cholinesteraseทำให้กล้ามเน้ือ พยาธิ เป็นอัมพาตแบบหดเกร็ง
    - - เกิดชั่วคราวอาจมีอาการปวดศีรษะ วิงเวียน ไข้ เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียนปวดท้อง ท้องเดิน
  - - - ยับยั้งฤทธิของacetylcholineท่ีกล้ามเน้ือ ของพยาธิ
      - ทไปให้พี่ยาธิเป็นอัมพาตแบบอ่อนเปลี้ยและถูกขับออก
  - - - มีฤทธิยับยั้ง enzyme fumarate reductase ใน mitochondria ของพยาธิ
      - ยามีผลต่อพยาธิตัวแก่ตัวอ่อนและป้องกันกาาเจริญของไข่
    - - มึนงงคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องเบื่อ
        อาหาร ท้องเดิน
      - เกิดผื่นแบบ Erythema multiforme
- - - - อาจมีผลต่อการทำลายการทำงานของตับไต อาการคลื่นไส้อาเจียน
        ปวดท้อง ท้องเดิน
  - - - เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน และ อ่อนเพลีย ยนี้กด การทำงานของไขกระดูก และ อาจท้าให้มีการอักเสบของหลอดเลือดด้าในบริเวณที่ให้ยา
  - - - ท้าให้เกิดการอักเสบ เมื่อให้หยดหรือป้ายตา มีอาการบวมแดงคัน แสบ และ เคืองตา ยาจะกดการ เจริญของ Epitheli al cell ท้าให้แผลหายช้า เมื่อใช้ไปนานๆ เชื้อเฮอร์พีสอาจเกิดการดื้อยาได้
  - - - ยาจะยับยั้งการเข้าสู่เซลล์ของไวรัส โดยขัดขวางการเกาะติดของไวรัส และการ ปลดปล่อยกรดนิวคลีอคิของไวรัสเข้าสู่เซลล์
      - ยานี้จะใช้ได้ผลต่อเมื่อหลังการติดเชื้อไวรัสแล้วไม่เกิน72 ชั่วโมง
    - - นอนไม่หลับ ตามัว ตาพร่า ซึมเศร้า มือสั่น บางรายมีอาการคลื่นไส้ อาเจีนน ปากแห้ง ปัสสาวะบ่อย
  - - - Interferon syndrome คือมีอาการไข้ หนาวสั่น ปวดศรีษะ อ่อนเพลีย ปวดกล้ามเนื้อปวดข้อ เบื่ออาหาร
- - - - Cinchonism ปวดศีรษะหูอือ ตาพร่า คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน
      - Black water fever ผู้ป่วยปัสสาวะเป็นสีดำเนื่องจาก ขาดเอนไซม์ G-6-PD เป็นเอนไซม์ที่ช่วยทำให้เม็ดเลือด แดงคงสภาพอยู่ได้ไม่แตกง่าย
  - - - มึนงง เบื่ออาหารท้องเดิน ปวดศรีษะมีผื่นคัน
        มองเห็นไม่ชัด เห็นภาพหลอน ตื่นเต้น และเส้นประสาทส่วนปลาย ผิดปกติ
  - - - ในผู้ป่วยที่ขาดเอนไซม์G-6-PDถ้ารับPrimaquineผิวเม็ดเลือดแดงจะะถูกออกซิดาย เม็ดเลือดแดงงะแตก ทำให้ปัสสาวะเป็นสีแดงแก่หรือดำ
  - - - เมื่อให้ครั้งเดียวเมโฟลคลินสามารถกำจัดเชื้อมาเลเรียในเลือดได้รวดเร็วรวมทั้งเชื้อที่ดื้อต่อChloquine
      - ข้อเสียของยาตัวนี้คือ ออกฤทธิ์เชื้อทให้อัตราการ ลดลง ขอ งงเชื้ออในเลือดแดงด้วย
  - - - Tetracyclines มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อได้แต่ออกฤทธิ์ช้า
      - มักใช้ร่วมกับ Quinine ในการฆ่าเชื้ออ P. falciparum
        ที่ดือยา Chloroquine
      - Tetracyclines ชนิดที่ใช้มาก คือ Doxycycline
    - - ยาจะฆ่าเชื้อในเลือดเท่านั้นไม่มีผลต่อเชื้อในตับ
      - ยานีออกฤทธิ์ฆ่าเชื่อ P. f ซึ่งดื้อต่อยา Chloro qu ine ได้ผลดี
- - - - มีไข้ หลอดลมหดตัว หลอดเลือดอักเสบ
      - ฝื่นลมพิษ
    - - ความดัน โลหิตต่า หลอดลมหดตัว มีอาการหอบหืดอย่างรุนแรง คลื่นไส้ อาเจียน ถ้ารุนแรง ถึงเสียชีวติได้
- - - - Benzoic acid + Salicylic acid
      - Benzoic acid มีฤทธ์ิเป็น Fungistatic
      - Salicylic acid เป็น Keratolytic ซึ่งทาให้ชั้น Keratin หลุดหลอกออกไปเร็วขึ้นมีผีลให้เชื้อราที่อาศัยอยู่ในKeratinถูกกำจัดไปด้วย
    - - เป็น Thiocarbamate ใช้รักษาโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อ Dermatophyte
    - - ออกฤทธิ์กว้าง มีฤทธิ์เป็น Fungicidal ต่อเชื้อ Candida albicans
      - หยุดการเจรญิเติบโตของPityrosporumorbiculare(M.furfur)ได้ รักษา
    - - ออกฤทธ์ิกว้าง
      - มีผลต่อแบคทีเรียและโปรโตซัวบางอย่าง
      - Clotrimazole, econazole และ Miconazole
    - - ใช้รักษาเกลือนด้วยความเข้มข้น20% ใช้ป้องกันเชื้อราที่เท้าในบริเวณสระน้ำ
      - โดยใช้ความเข้มข้น 10% ในน้ำล้างเท้า Sodium thiosulphate
    - - เป็นผงสีส้ม หรือน้ำตาลแดงมีกลิ่น Hydrogen sulphide อ่อน ๆ ไม่ละลาย ในน้ำและ Organ ic solvent 2.5%
  - - - มีผลต่อ Candida, Cryptococcus, Histoplasma และ Blastomyces
    - - เป็น Fungista tic ต่อเชื้อรา โดยเฉพาะพวก Dermatophytes ใช้รักษาเชื่อรา ของผิวหนัง รวมทั้ง ผมและเล็บ
    - - รักษา Dermatophytes, Candidal
      - มีฤทธิ์ต่อ Gram positive cocci
      - มีฤทธิ์ต่อต้าน Parasite
    - - เป็นยาต้านเชื้อราชนิด รับประทานตัวแรกของยาใน กลุ่ม Triazole
      - มีขอบเขตในการออกฤทธิ์ กว้าง
      - ใช้ได้ผลในการรักษา
        
        Dermatophytes
        
        Yeast
        
        Candida species
        
        Aspergillus species
    - - ใช้ได้ดีกับการรักษาการติดเชื่อราในผู้ป่วยโรคเอดส์
    - - ยานีมีอันตรายในการใช้ค่อนข้างสูง
        เนื่อจงากยาออกฤทธิ์โดยจับกับsterolsซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของเยื่อหุ้มเซลล์
      - ยามีผลในการทำลายเชื้อรา
        Histoplasma capsulatum
        Coccidioides immitis
        Candida sp.
        Blastomyces dermatitidis
        Cryptococcus sp.
        Aspergillus sp.
- - - - คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน อ่อนเพลีย ปวดศีรษะและเป็นพิษต่อตับ
      - ยาบางชนิดทำลายไขกระดูกหรือท้าให้ปลายประสาทอักเสบ
  - - - คลื่นไส้อาเจียนทอ้งเดินและอ่อนเพลีย
        ยาบางชนิดอาจทำให้ปวดศีรษะและปลาย ประสาทอักเสบ
- - - - คลื่นไส้อาเจียน ปากแห้ง รู้สึกมีรสโลหะในปาก เบื่ออาหาร ปวด ท้อง ตับอ่อนอักเสบ
      - ปวดหัว วิงเวียน อารมณ์แปรปรวน เดินเซ ปลายประสาทอักเสบ ชัก
      - เกิด disulfiram-like effects เมื่อดื่มสุรา มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดหัว หน้าแดง ปวดท้อง และอาจรู้สึกว่า รสชาดของสุราที่ดื่มผิด
        ไปเมื่อใช้ยา
- - - - ยามีฤทธิฆ่าmicrofilariaในกระแสเลือดโดยลดการทางานของกล้ามเน้ือและ ทาให้ผิวของmicrofilaria เปลี่ยนไป
      - พยาธิถูกทาลายโดยตับและกระบวนการphagocytosis
    - - คลื่นไส้อาเจียนเบื่อ อาหารอ่อนเพลีย ปวดศีรษะ
      - แตใ่นการทาลายไมโครฟิลาเรียในเลือดโดยเฉพาะของพยาธิBrugiaมกัทาให้มีไข้ปวด
        กลา้มเน้ืออยู่2-3วันซึ่ฃให้ประทานยาลดไข้ก็ทุเลา
- - - - ยับยั้งการนาเอากูลโคสจาก host มาใช้
      - ยับยั้ง oxidative phosphorylation ในไมโตคอนเดรียของพยาธิ
      - บางส่วนถูกย่อยสลาย ไม่สามารถที่จะบอกชนิดของตัวตืดได้
      - พยาธิถูกขับออกโดยการบีบตัวของลำไส้
    - - คลื่นไส้ปวดท้องมึนงงแต่ไม่รุนแรงและเกิดขึ้นชั่วคราว
- - - - ยาเพิ่าการซึมเข้าของ Ca2+ ผ่านเยื่อหุ้มเซลลข์ องพยาธิ ทำให้กล้ามเนื้อ เป็น อัมพาตแบบหดเกร็ง
      - ทพให้เกิดการต้านทานการดูดซึมสารกลูโคส ทำให้ระดับกลัยโคเจนของตัว พยาธลิดลงและทาให้พยาธิตายในที่สุด