Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

DM (ชนิดของเบาหวาน, น้ำหนัก 60 Kg รูปร่างท่วม ไขมันในเลือดไปจับกับอินซูลิน…

- - - - Acute เฉียบพลัน
        
        DKA อินซูลินไม่เพียงพอกลูโคสไม่ถูกใช้เป็นแหล่งพลังงานจำเป็น ต้องได้พลังงานจากสารอาหาร ไขมันทำให้เกิดคีโตนสะสมในร่างกายเป็นกรดคีโตน
        
        HHNS ความเข้มข้นของน้ำตาลในเลือดสูงเกินกว่า 400 มก/ดล ทำให้ไตขับน้ำออกจากปัสสาวะมากเกิดภาวะ Osmotic diuresis ร่างกายขาดน้ำและอิเล็กโทรไลต์ เลือดเข้มข้นและหนืด (Osmolarity สูงกว่า 320 mmol/L ) เกิดการอุดตันในหลอดเลือด ทำให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆลดลง ทำให้มีภาวะทางประสาท
        
        FBS= 670 mg/dl (70-100 mg/dL)
        serum osmolarity=330 mmol/L (285-295mmol/L)
        
        ลุกเข้าห้องน้ำปัสสาวะบ่อย 10-12 ครั้ง/วัน เป็นสีเหลืองใส
        
        คอแห้งดื่มน้ำบ่อยและดื่มน้ำมาก รู้สึกเวียนศีรษะ คลื่นไส้ Hb=16.1 g/dl (12.1-15.1g/dl) Hct= 48.2 % (36-48%)
        
        Bolus 0.9%NSS 1,000 cc iv in 30 min then 200 cc/hr
        
        ภาวะขาดน้ำ Dehydration
        
        2 more items...
        
        hyper
        
        การรักษา
        
        Start Regular Insulin 1:1 iv drip 5 unit/hr, Retained Foley catheter และย้ายเข้าหอผู้ป่วยหนัก DTX q 1 hr. E’lyte q 4 hr.
        
        หลังการรักษาวันที่ 3ผู้ป่วยตื่นรู้สึกตัวดี DTX= 220-290 mg% แพทย์วางแผนทำAmputation และ ได้พูดคุยแผนการรักษากับผู้ป่วยแล้ว แต่ผู้ป่วยปฏิเสธไม่ยินยอมให้ผ่าตัด และยืนกรานที่จะขอกลับบ้าน
        
        เสี่ยงต่อการกลับมาเป็นซ้ำเนื่องจากผู้ป่วยปฎิเสธการรักษา
        
        1 more item...
      - Chronic เรื้อรัง
        
        ระบบประสาท Diabetes neuropathy พยาธิสภาพในสมองทำให้สมองได้รับเลือดไปเลี้ยงไม่เพียงพอ ร่วมกับระดับน้ำตาลที่สูงขึ้นภายในเซลล์ ทำให้เซลล์บวมไปกด Axon ทำให้การทำงานของสมองลดลง ความเร็วในการส่งสัญประสาทลดลง
        
        2 ปีก่อน มีอาการมึนชาบริเวณปลายนิ้วเท้าทั้งสองข้าง
        
        พยาธิสภาพที่ไต Diabetes nephropathy จากการเปลี่ยนแปลงของหลอดเลือดเล็กๆที่ไตทำให้ glomerlar membrane หนาขึ้น อัตราการกรองของไตสูงกว่าปกติทำให้มีการสูญเสียโปรตีนออกไปกับปัสสาวะ
        
        BUN= 31 mg/dl (N=10-20mg/dL)
        Creatinine=2.21 mg/dl (N=0.5-1.1)
        
        เสี่ยงต่อภาวะไตวายเรื้อรัง
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        ควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ที่ 130/80 mmHg หากความดันโลหิตสูงเป็นระยะเวลานาน จะทำให้หลอดเลือดในไตตีบ ส่งผลให้ไตขาดเลือด และเกิดภาวะไตเสื่อม
        
        คุมระดับน้ำตาลในเลือดต่ำกว่า 120 มก.เดซิลิตรหรือน้ำตาลเฉลี่ยสะสม (HBA1c) น้อยกว่า 7.0 เพื่อป้องกันไม่ให้ส่งผลต่อหลอดเลือดฝอยที่ไต น้ำตาลที่สะสมในผนังหลอดเลือดมาเป็นระยะเวลานานจนตีบและอุดตัน ส่งผลให้ไตมีประสิทธิภาพในการกรองของเสียออกจากร่างกายลดลง
        
        หลีกเลี่ยงการใช้ยาแก้ปวดกระดูก ยาลูกกลอน และยาสมุนไพรที่ไม่ได้การรับรอง สารเหล่านี้เมื่อรับประทานสู่ร่างกายติดต่อกันเป็นระยะเวลานานจะเกิดการสะสมในร่างกายโดยมีพิษโดยตรงในการทำลายเนื้อเยื่อไต ดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้ว หรือ 2 ลิตรต่อวัน
        
        จำกัดการรับประทานเกลือหรืออาหารที่มีรสเค็ม และอาหารมันโดยเฉพาะไขมันจากสัตว์ ไข่แดง กะทิ และน้ำมันพืชที่มีกรดไขมันอิ่มตัวสูง เช่น น้ำมันปาล์ม น้ำมันบัว การควบคุมอาหารประเภทโปรตีนอย่างเหมาะสมและเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายสามารถชะลอการเสื่อมของไตได้
        
        ควบคุมน้ำหนักให้ได้มาตรฐาน หรือไม่ให้เกิดภาวะอ้วนออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที อย่างน้อย 5 วันต่อสัปดาห์ เช่น เดินเร็ว ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำแอโรบิค เป็นต้น
        
        พยายามหลีกเลี่ยงความเครียดและผ่อนคลายอารมณ์
        
        พยาธิสภาพของเลือดหรือการติดเชื้อ Diabetes Heomatologic ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงทำให้เกล็ดเลือดเกาะติดกับหลอดเลือดและเกาะกลุ่มกันเองมากขึ้นเม็ดเลือดขาวเกาะกลุ่มกันทำให้การทำงานลดลง
        
        T 39.2 C
        WBC=20,300 cell/mm3
        (N= 4,500–10,000 cell/mm3)
        Neutrophil= 92%
        (N=50-70%)
        
        เกิดการติดเชื้อในร่างกายเนื่องจากมีแผลที่เท้า
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        ประเมินการติดเชื้อบริเวณแผลโดย การวัดสัญญาณชีพโดยเฉพาะอุณหภูมิทุก 4 ชั่วโมง ถ้าอุณหภูมิ > 37.5 องศาเซลเซียส ดูแลให้ได้รับ น้ำอย่างเพียงพอ ถ้าอุณหภูมิ > 38 องศาเซลเซียส ดูแลให้พักผ่อนอย่างเพียงพอและถ้าอุณหภูมิ > 38.5 องศาเซลเซียส ดูแลเช็ด ตัวลดไข้ให้ ถ้า ไข้ไม่ลด พิจารณา ให้ยาลดไข้ตามแผนการรักษาต่อไป
        
        สังเกตลักษณะของแผลว่า บวม แดง ร้อน ซึม มีกลิ่นเหม็นหรือไม่ ซึ่งอาจเป็นอาการแสดงของ การติดเชื้อของแผล
        
        ดูแลทำความสะอาดแผลให้ตามแผนการ รักษาโดยยึดหลัก Aseptic Technique
        
        แนะนำไม่ให้ผู้ป่วยเปิดแผลและเอามือ แกะเกาแผลหรือระวังไม่ให้แผลโดนน้ำ
        
        ดูแลทำความสะอาดร่างกายผู้ป่วยสิ่งแวดล้อมรอบเตียงผู้ป่วยเพื่อลดการหมักหมมของเชื้อโรค
        
        ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษาคือ fortum 2 mg iv q 8 hr. Omiphazone 40 mg iv q 12 hr. และเฝ้าระวังผลข้างเคียงจากยา
        
        แนะนำให้รับประทานอาหารที่ส่งเสริม การหายของแผลเช่น เนื้อ นม ไข่ ผัก และผลไม้ต่าง ๆ
        
        ติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ต่าง ๆ เพื่อประเมินความก้าวหน้าของการรักษา การประเมินผลอุณหภูมิร่างกายลดลงอยู่ระหว่าง 37 - 37.5 องศาเซลเซียส แผลแห้งดี ไม่มีหนองผลการตรวจ Pus Culture ปกติ
        
        แรกรับที่ห้องฉุกเฉิน บริเวณเท้า
        ซ้ายครึ่งฝ่าเท้า บวมแดง แผลมีหนองปนเลือด
        
        1 สัปดาห์ก่อนมา เดินเหยียบเศษไม้ มีแผลที่นิ้วกลางเท้าข้างซ้ายขนาด 0.5 cm
        ผู้ป่วยทําแผลเองที่บ้าน
        
        การรักษา
        Fortum 2 gms iv q 8 hr. Omeprazole 40 mg iv q 12 hr. Set OR for debridement