Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ประวัติและพัฒนาการของวิชาชีพการพยาบาล, images, images, images, images -…
ประวัติและพัฒนาการของวิชาชีพการพยาบาล
วิวัฒนาการและพัฒนาการของวิชาชีพการพยาบาล
พัฒนาการของวิชาชีพพยาบาล
ระยะทฤษฎี
คิดค้นแนวคิดทางการพยาบาลและนำการวิจัยมาใช้เพื่อตรวจสอบและรองรับทฤษฎีเพื่อหาองค์ความรู้และแก่นแท้ทางการพยาบาล
ระยะของการวิจัย
พยาบาลพยายามพัฒนางานวิจัยเพื่อสนับสนุนการจัดการเรียนการสอนทางการพยาบาลจึงก่อตั้งวารสารวิจัยทางการพยาบาลขึ้นในปี 1952
ระยะบูรณาการ
อภิปรายความคิดเพื่อพัฒนาวิชาชีพในประเด็นต่างๆทั้งโครงสร้าง การศึกษา ทฤษฎีทางการพยาบาล และการตรวจสอบทฤษฎี สร้างความคิดริเริ่มในการปฏิบัติการดูแลผู้ป่วย
ระยะการศึกษาและการบริหาร
เนื่องจากมีการตั้งคำถามเกี่ยวกับขอบเขตทางการพยาบาลจึงมีการก่อตั้งโรงเรียนทางการพยาบาลและพัฒนาการเรียนการสอนทางการพยาบาล
ระยะสหสาขาวิชาชีพ
พยาบาลมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกับสหสาขาวิชาชีพ
เพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่ร่วมกัน
ระยะปฏิบัติการ
สมัยมิสไนติงเกล สงครามไครเมียเน้นการดูแลเพื่อให้เกิดความสุขสบายคือดูแลสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมในการดูแลผู้ป่วยโดยใช้หลักเกณฑ์จากประสบการณ์และปฏิบัติตามกันมา
ระยะเทคโนโลยีสารสนเทศ
เครื่องมือเเละเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาททางการพยาบาล เช่น เครื่องมือทางการแพทย์เทคโนโลยีต่างๆ คอมพิวเตอร์ช่วยในการบันทึกผลทางการพยาบาล
ระยะปรัชญา
พยาบาลเป็นนักคิดทฤษฎีทางการพยาบาลพยายามหาคำตอบจากค้นหาความจริงให้สอดคล้องกับฐานความเชื่อเพื่อนำมาพัฒนางานวิจัยและพัฒนาความรู้ทางการพยาบาลต่อไป
วิวัฒนาการทางการพยาบาล
สมัยดึกดำบรรพ์
ยุคก่อนประวัติศาสตร์(ก่อนอารยธรรมเมโสโปเตเมีย)
ศูนย์กลางการรักษา
เชื่อในเรื่องไสยศาสตร์
เวทมนต์
ลัทธิศาสนา
พิธีกรรม
ผู้ประกอบพิธี คือ หมอ
ผู้ชาย
หมอผี - ใช้เวทมนต์ไสยศาสตร์
หมอพระ - ประกอบพิธีกรรม
หมอยา - ใช้สมุนไพรรักษา
ผู้หญิง
แม่มด -ทักษาการทำแผลและลดไข้
ลักษณะการพยาบาลลักษณะการพยาบาล
ดูแลกันเองภายในครอบครัว
อดอาหาร
อาบน้ำให้เหงื่อออก หรือ ใช้เครื่องมือให้ความร้อน
ขับไล่ภูติผีปีศาจวิญญาญร้ายออกจากตัว
สมัยประวัติศาสตร์
ยุคประวัติศาสตร์ตอนต้น (อารยธรรมเมโสโปเตเมีย —ค.ศ.500)
สาเหตุความเจ็บป่วย
เชื่อว่าเกิดจากพระผู้เป็นเจ้าไม่พึงพอใจต่อตน
ความเชื่อทางศาสนาและอำนาจของจิต
ความเชื่อสองขั้ว
เชื่อโรคเกิดจากธรรมชาติ
วิธีการรักษา
ผสมผสานจากไสยศาสตร์+ พิธีกรรมทางศาสนา+โหราศาสตร์
เริ่มพูดถึงการวินิจฉัย การรักษา การผ่าตัด
สถานที่ทำการรักษา
โรงพยาบาล
วัด
ศาสนสถาน
การพยาบาล
ผู้ให้การรักมักเป็นหมอตำแย ทาส แม่นม
ความสำคัญในแต่ละชาติ
อียิปต์
เทคนิคการใช้ผ้าพันแผล - ทำมัมมี่
Ebers papyrus -ตำรายาที่สมบูรณ์และเก่าแก่ที่สุดในโลก
อินเดีย
พระเจ้าอโศกมหาราช
ค้นพบการผ่าตัดและโรคต่างๆ
กำหนดคุณสมบัติของผู้ให้การพยาบาล
สร้างโรงพยาบาลแห่งแรก
จีน
ใช้การจับชีพจรเพื่อวินิจฉัยโรค
ใช้เกลือในการนวดรักษาเรียกว่าแบบ “ไนจิง”
กรีซ
บิดาแห่งการแพทย์ คือ Hippocratis
วางรากฐานวิทยาศาสตร์การแพทย์ เช่น สรีรวิทยา
ผู้รักษา
หมอตำแย
หมอพระ
หมอผ่าตัด
ยุคกลางประวัติศาสตร์
กลางประวัติศาสตร์ตอนต้น (ค.ศ.500-1000)
ยุคโรมันเสื่อมมีการกดขี่แบ่งชนชั้นกัน
ศาสนาคริสต์เข้ามาเผยแพร่สอนให้คนมีความรักความเมตตากรุณา
การพยาบาล
พัฒนาการฝึกแบบ apprenticeship คือการที่พยาบาลเป็นลูกมือฝึกหัด ไม่ต้องมีความรู้ก็สามารถประกอบอาชีพได้โดยการค่อยเรียนรู้ไปทีละนิดๆ
มีการสอน basic nursing การดูแลขั้นพื้นฐาน
ปลูกฝังให้พยาบาลมีเมตตา กรุณา เห็นอกเห็นใจเข้าใจในสถานการณ์ที่ยากลำบากของผู้ป่วย
ผู้ให้การพยาบาล
พระ
นักบุญ
กลางประวัติศาสตร์ตอนปลาย (ค.ศ.1000-1500)
สภาพสังคม
มีการปกครองแบบศักดินา
ศาสนาอิสลามเข้ามาเผยแพร่ในแหลมอาราเบีย
เกิดสงครามครูเสดเพื่อแย่งพื้นที่บริเวณเยรูซาเลม
ผู้ให้การพยาบาล
สตรี(มารดา)
ทหารที่ว่างจากศึกสงคราม
การพยาบาล
มีโรงพยาบาล
ถ่ายทอดวัฒนธรรมของทหารสู้พยาบาลเรื่องความมีระเบียบวินัยทำงานเป็นระบบ
สมัยปัจจุบัน
สมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาการ (ค.ศ.1500-1600)
เป็นยุคสมัยที่บ้านเมืองรุ่งเรืองไม่มีสงคราม
กำเนิด ฮาร์วี่ บิดาของการแพทย์สมัยใหม่
การพยาบาล
เน้นการดูแลความสะอาดทั้งร่างกาย สภาพแวดล้อม และสร้างกำลังใจให้ผู้ป่วย
วิธีการพยาบาล
ปรับเปลี่ยนวิธีการรักษาเพื่อพัฒนาความรู้ให้ทันสมัยและมีคุณภาพตามยุคองค์ความรู้ที่เพิ่มมากขึ้นตามยุคสมัย
ยุคมืดของพยาบาล (ค.ศ.1600-1850)
สาเหตุ
ศาสนาคริสต์เสื่อมถอยและแตกแยก
มีสงคราม สังคมวุ่นวาย
ผลที่ตามมา
ไม่บริจาคเงินให้โรงพยาบาลของชาวคาทอลิกและศาสนสถาน
สตรีไม่ให้ความสำคัญต่อวิชาชีพพยายาล
ขาดแคลนพยาบาล
การพยาบาลตกต่ำเพราะต้องจ้างนักโทษมาเป็นพยาบาล
สตรีไม่มีการศึกษาไม่มีจิตในอยากช่วยเหลือ
วิธีแก้ไข
มีการจัดตั้งสถาบันเพื่อพัฒนาทักษะทางการพยาบาล (Deaconess institute)
เปิดรับอาสาสมัครเด็ก สตรี ผู้ใหญ่ และคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมมาฝึกอบรมให้ความรู้เรื่องการดูแลผู้ป่วย แต่ไม่ค่อยได้การตอบรับ
การพยาบาลสมัยใหม่ (modern nursing)
สถาบันเดคอนเนส
การพยาบาล
ปรับปรุงพัฒนาความรู้ด้านการพยาบาลให้มีประสิทธิภาพและคุณภาพตามความรู้และทฤษฎีที่พัฒนาขึ้นตามยุคสมัยที่พัฒนา
ตั้งโรงเรียนพยาบาลไนติงเกลเป็นโรงเรียนพยาบาลแห่งแรก
เป็นต้นแบบและรากฐานของทฤษฎีการพยาบาลที่ใช้ในปัจจุบัน
ให้การรักษาอย่างมีระบบเเบบแผนด้วยเหตุผลและคุณธรรม อ้างอิงหลักความเป็นจริงตามทฤษฎีการพยาบาล
ประวัติการพยาบาลในประเทศไทย
สมัยสุโขทัย
พ.ศ. 1780 - 1981
จารึกการรักษาพยาบาลไว้ในไตรภูมิพระร่วง
ใช้ยาไทย ยาพื้นบ้าน
รักษาตามความเชื่อของกลุ่มชน เช่น การกราบไหว้ “กงจักรแก้ง”
มีความรู้เรื่องการตั้งครรภ์และการคลอด
หากเจ็บป่วยจะได้รับการดูแลตามเพศ
สมัยอยุธยา
พ.ศ. 1893 - 2310
สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
มิชชันนารีช่วยรักษาผูเจ็บป่วยตามบ้าน
สร้างสถาพยาบาลโดยบาทหลวงฝรั่งเศส
มีการพยาบาลแบบใหม่เกิดขึ้น เช่น การเย็บแผล การทำแผล
แพทย์ชาวฝรั่งเศส ชื่อ เมอซิเออปูมาต์ เป็นแพทย์ประจำราชสำนัก
ระยะเริ่มต้น
ผสานการรักษาบแบบอินเดีย จีน และความเชื่อดั้งเดิม
สมัยธนบุรี
พ.ศ. 2310 - 2325
การรักษาไม่ต่างจากรูแบบเดิมในสมัยอยุธยาตอนต้น
สมัยรัตนโกสินทร์
รัชการที่ 1
พ.ศ. 2325 - 2352
คล้ายกับการรักษาในยุค
สมัยอยุธยาตอนต้น
การสุขาภิบาลไม่ดี เกิดอหิวาตกโรคอย่างรุนแรง
มีพิธี อาฎานาติยสูตร ยิงปืนรอบพระนคร
รัชการที่ 2
พ.ศ. 2352 - 2367
มีการระบาดอหิวาตกโรค ประชาชนเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
มีพิธี อาฎานาติยสูตร แห่พระแก้วมรกต และพระบรมธาตุ แต่ไม่สามารถหยุดโรคระบาดได้
รัชการที่ 3
พ.ศ. 2367 - 2394
ยังมีความเชื่อโชคลางและไสยศาสตร์
เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงด้านการรักษาพยาบาล เมื่อมิชชันนารีเข้ามาเผยแพร่ศาสนาและนำการแพทย์ปัจจุบันเข้ามา
นายแพทย์แดน บีบ บลัดเลย์ และภรรยาชาวอเมริกัน เปิด โอสถศาลา ที่บ้าน รักษาผู้ป่วย และถวายการรักษาแก่พระราชวงศ์ และมีการรักษาโรคแบบใหม่
รัชการที่ 4
พ.ศ. 2394 - 2411
เกิดการระบาดของไข้ทรพิษ
นายแพทย์ แซมมวล เรยโนลด์ เฮ้าส์ ปลูกฝีให้ประชาชน
นางรอด ประทีป สตรีไทยคนแรกที่จบการศึกษาพยาบาลผดุงครรภ์แผนปัจจุบันจากอเมริกา
รัชการที่ 5
พ.ศ. 2411 - 2454
สร้างโรงพยาบาลศิริราชพยาบาล
สมเด็จพระศรีพัชรนิทราบรมราชินีนาถ พระราชทานทรัพย์ให้ตั้งโรงเรียนหญิงแพทย์ผดุงครรภ์และการพยาบาลไข้ เมื่อพ.ศ. 2439 สตรีในวังมาเรียนทำให้ยกระดับวิชาชีพพยาบาล
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มีโรงเรียนพยาบาลศิริราช สภาชาดไทย โรงพยาบาลผดุงครรภ์และอนามัย โรงพยาบาลแมคคอร์มิคเชียงใหม่
กระทรวงสาธารณสุขได้ตั้งโรงเรียนพยาบาลและผดุงครรภ์แห่งแรกของกรมแพทย์ ใช้หลักสูตรของศิริราช ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีกรุงเทพ
เกิดอหิวาตกโรค ประชาชนเสียชีวิตจำนวนมาก มีการให้จัดตั้งสถานบำบัดชั่วคราว 48 แห่งทั่งกรุงเทพมหานคร
ปีเตอร์ เกาแวน ทำคลอดให้หม่อมและธิดาของกรมหมื่นปราบปรปักษ์ด้วยวิธีการตามแบบแผนปัจจุบันไม่ต้องอยู่ไฟ
สมเด็จพระพัชรินทราบรมราชชนชี ได้ประสูติสมเด็จเจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธด้วยวิธีแบบสากล
สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชชนนี อนุญาติให้นายแพทย์ ปีเตอร์ เกาแวน เข้ารักษาไข้ และยกเลิกการอยู่ไฟ
สมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ ทรงจัดตั้ง โรงเรียนแพทย์ผดุงครรภ์และหญิงพยาบาล ณ โรงพยาบาลศิริราช เรียกว่า โรงเรียนหมอตำแย
ยุคมืดมน
พ.ศ. 2482 – 2490
เป็นผลกระทบจากสงครามต่างๆ ( สงครามจีนกับญี่ปุ่น สงครามอินโดจีน สงครามโลกครั้งที่ 2 - พ.ศ. 2482 ) และอุทกภัยครั้งใหญ่เมื่อ พ.ศ. 2485
มีผลกระทบต่อโรงพยาบาลและการเรียนของพยาบาลมาก
ทำให้การพัฒนาประเทศและการศึกษาพยาบาลหยุดชะงัก
เกิดความหวาดกลัว ขาดอุปกรณ์และเครื่องใช้ต่างๆ
ยุคฟื้นฟู
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 งานพยาบาลขยายภารกิจความรับผิดชอบมากขึ้น (วัดปรอท ทำรายงาน ให้ฉีดยา ทำแผลและการปลูกฝี เป็นผู้ช่วยแพทย์ในการตรวจต่าง ๆ และขยายขอบเขตออกสู้ชุมชน
มีการเปฺิดโรงเรียนพยาบาลเพิ่มขึ้นในกระทรวงสาธารณสุข คือ โรงเรียนพยายาลผดุงครรภ์และอนามัยโรงพยาบาลหญิง เมื่อ พ.ศ. 2489 เพื่อรับนักเรียนมัธยมปีที่ 3 เรียนหลักสูตร 4 ปี(รวมผดุงครรภ์)
พ.ศ. 2499 โรงเรียนพยาบาลผดุงครรภ์ศิริราช ได้รับการอนุมัติให้เปิดสอนหลักสูตร ปริญญาตรี วิทยาศาสตร์บัณฑิต(พยาบาล) เรียนการพยาบาล 4 ปี และเรียนวิชาผดุงครรภ์อีก 6 เดือน นอกจากนี้ยังได้มีการเปิดโรงเรียนและหลักสูตรการพยาบาลเพิ่มขึ้น
รัชกาลที่ 9
ได้ริเริ่มโครงการครอบคลุมทั้งด้านการป้องกันโรคต่างๆ การส่งเสริมสุขภาพ และการฟื้นฟู จนองค์กรอนามัยโลกทูลเกล้าถวายเหรียญทองสุขภาพดีถ้วนหน้าแด่พระองค์ในปี พ.ศ. 2535
ประวัติการพยาบาลในต่างประเทศ
2.การพยาบาลสมัยประวัติศาสตร์
2.1การพยาบาลสมัยประวัติศาสตร์ยุคต้น (400ปี ก่อนคริสตกาล)
มีการหาสาเหตุการเจ็บป่วยซัก ประวัติ สังเกตอาการ บันทึก เร่ิมมีแนวคิดว่า
“ให้รักษาผู้ป่วยทั้งคน”
เร่ิมบัญญัติคำปฏิญาณแพทย์
2.1การพยาบาลสมัยประวัติศาสตร์ยุคต้น (200ปี ก่อนคริสตกาล)
โรม อิตาลี การสุขาภิบาลก้าวหน้า มีระบบถ่ายเทส่ิงสกปรก มีสถานท่ี อาบน้ำสาธารณะ แต่การรักษาโรค ยังใช้พิธีทางไสยศาสตร์ โรงพยาบาลมีไว้สำหรับทาสและทหาร หลักฐานทางการพยาบาล ในโรงพยาบาลมีผู้หญิงและผู้ชายสูงอายุที่จิตใจดี ใจบุญ เป็นผู้ให้การดูแล
กรีซ Hippocrates แพทยค์นแรกของโลกที่นำแนวทางวิทยาศาสตรม์าใช้ให้เหตุผลว่า การเจ็บป่วยไม่ใช่การกระทำของภูตผี ปี ศาจ
2.1การพยาบาลสมัยประวัติศาสตร์ ยุคต้น (2,000ปี ก่อนคริสตกาล)
อินเดียเป็นแหล่งความเจริญของ ศาสนาพราหมณ์ฮินดู
มีโรงพยาบาล มีการผ่าตัดเอาเด็กออกทางหน้าท้อง ผู้ทำการพยาบาลจะถูกคัดเลือกจากผู้ที่มีคุณสมบัติ ฉลาด เอาใจใส่ จิตใจดี
มีการปลูกฝีป้องกันฝีดาษ ใช้ยาชา ฝิ่น กัญชา
ส่วนใหญ่เป็นทางการแพทย์ จึงไม่พบหลักฐานเก่ียวกับการพยาบาล
วินิจฉัยโรคจากการดู ฟัง ถาม และการสัมผัสชีพจร จำแนกชีพจร
ได้ถึง 200 ชนิด
จีน มีหลักฐานการผ่าศพเพื่อดูระบบไหลเวียนเลือด
2.1 การพยาบาลสมัยประวัติศาสตร์ยุคต้น (3,000ปี ก่อนคริสตกาล)
อียิปต์ เร่ิมมีการแพทย์ และอาจมีโรงพยาบาล
มีหลักฐานการชำแหละร่างกายมนุษย์ เรียนรู้กายวิภาค
มีการห่อศพด้วยวิธีพิเศษ เพราะเช่ือว่าถ้าร่างกายไม่เน่าเปื่อยวิญญาณจะกลับเข้าร่าง
2.2การพยาบาลยุคกลางประวัติศาสตร์
เป็นยุคที่ศาสนามีความสำคัญ
พระและแม่ชีมีบทบาทมากเก่ียวกับโรงพยาบาล
ผู้ป่วยอยู่กันแออัด ทำให้ดูแลไม่ทั่วถึง ไม่สะอาด เกิดแผลกดทับ
ผู้ศรัทธาในศาสนาจะอุทิศตนเป็นผู้ดูแลผู้ป่วยร่วมกับแม่ชีและพระรวมถึงสตรีท่ีอย่ในราชสกุล
2.3 ยุคมืดของการพยาบาล
ไม่มีกิจกรรมอะไรที่เรียกได้ว่าเป็น การพยาบาล
สตรีที่อยู่ในราชสกุลไม่ได้เข้ามามีส่วนร่วม
งานพยาบาลกลายเป็นของสตรีที่ไม่มีการศึกษา ไม่มีใจอยากช่วยเหลือ ทำงานเพื่อเงิน ละทิ้งผู้ป่วย ทะเลาะวิวาท
ไม่มีประวัติของการพยาบาล
นับตั้งแต่ ค.ศ.1600 จนถึง ค.ศ. 1820
การพยาบาลยุคปัจจุบัน
ยุคไนติงเกล
ค.ศ..1853 เกิดสงครามไครเมียจึงต้องขอความช่วยเหลือจากไนติงเกล
มิสไนติงเกลและคณะดูแลรักษาทหารจนหาย
มิสไนติงเกลกลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง ในฐานะสุภาพสตรีแห่งดวงประทีปผู้ก่อกำเนิดการพยาบาลใหม่
การพยาบาลในประเทศสหรัฐอเมริกา
แรกเริ่มมาจากแม่ชีของศาสนาคริสที่มาเป็นพยาบาล
รายได้พยาบาลต่ำ ประชาชนที่ไม่มีงานทำหรือหางานไม่ได้จึงมาเป็นพยาบาล
ประชาชนเรียกโรงพยาบาลว่า”บ้านของสัตว์”
ค.ศ.1873 เริ่มมี่โรงเรียนพยาบาลและเกิดการพัฒนาคุณภาพพยาบาลและมีนักทฤษฎีการพยาบาลเกิดขึ้นมากมาย
การพยาบาลสมัยสงครามโลกครั้งที่1,2
พยาบาลได้รับการยกย่องว่าเป็นนักรบเคียงบ่าเคียงไหล่ของทหาร
มีการยกระดับการศึกษาขั้นต่ำของพยาบาลให้เป็นปริญญาตรี
เป็นช่วงสงครามที่การพยาบาลของอเมริกาก้าวหน้ามากขึ้น
1.การพยาบาลสมัยดึกดำบรรพ์ (3,000 ปีก่อนคริสตกาล)
ไม่มีองค์ความรู้
เช่ือภูตผี เทพเจ้า ดิน น้ำ ลม ไฟ
การถ่ายทอดความรู้ในครอบครัวแบบปฏิบัติต่อๆกันมา
ใช้ความเคารพนับถือเป็นพื้นฐาน
วิชาชีพพยาบาล
ความหมายของวิชาชีพพยาบาล
วิชาชีพที่เกี่ยวข้องกับการดูแลมนุษย์โดยการประยุกต์ใช้องค์ความรู้จากทฤษฎีไปสู่การปฏิบัติ
วิชาชีพที่ต้องได้รับการศึกษาหรือฝึกฝน
วิชาชีพที่มีค่านิยมและจรรยาบรรณวิชาชีพ
วิชาชีพที่มีอิสระในการทำงานและมีความยึดมั่น
ผูกพันต่อวิชาชีพ
วิชาชีพที่มีเอกสิทธิ์ที่ถูกต้องตามกฎหมายที่ได้รับ
ความเชื่อถือ
วิชาชีพที่ให้บริการเพื่อตอบสนองความต้องการของสังคมในด้านสุขภาพ
ระดับบุคคล
ระดับครอบครัว
ระดับชุมชน
คุณค่าของวิชาชีพพยาบาล
คุณค่าจากการดูแล
ได้แก่ ดูแลครอบคลุมแบบองค์รวม ดูแลให้พ้นทุกข์
และดูแลด้วยความเอื้ออาทร คำนึงถึงความเป็นมนุษย์
คุณค่าจากการให้
ได้แก่ การให้ที่ตรงตามความต้องการของผู้รับ
และการให้ด้วยความเต็มใจ ไม่หวังผลตอบแทน
คุณค่าจากความปีติในใจ
ได้แก่ รู้สึกอิ่มใจ เหมือนได้ทำบุญ และ ที่สุดของความภูมิใจ
บทบาทของพยาบาล
บทบาทอิสระ
ปฎิบัติหน้าที่โดยใช้ความรู้จากศาสตร์ทั้งทางด้านการพยาบาลและความรู้ที่เกี่ยวข้องในศาสตร์สาขาอื่นๆ ตัดสินใจวางแผนเพื่อให้การดูแลผู้เจ็บป่วย ป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ช่วยฟื้นฟูและสร้างเสริมสุขภาพ อย่างเป็นอิสระภายใต้ขอบเขตของการพยาบาล
บทบาทร่วม
ปฎิบัติหน้าที่โดยทำงานร่วมกับแพทย์และทีมสหสาขา โดยนำแผนการรักษาของแพทย์สู่การปฏิบัติดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยเพื่อให้หายจากโรค หรือควบคุมโรคได้
หน้าที่ของพยาบาล
ให้การรักษาพยาบาลและดูแล ผู้ป่วยทั้งทางกายและจิต ผู้ได้รับบาดเจ็บหรือทุพพลภาพ รักษา ป้องกันโรค การส่งเสริมสุขภาพ วางแผนและให้บริการด้านพยาบาล และทำหน้าที่ช่วยแพทย์ในโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาล
ประโยชน์จากการทัศนศึกษาที่สมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทยฯ
ได้รู้เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาที่สำคัญ
ประวัติความเป็นมาของสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทยฯ
ประวัติของบุคคลสำคัญที่เกี่ยวข้องกับสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทยฯ
ได้รู้เกี่ยวกับระบบการทำงานของสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทยฯ
วัตถุประสงค์ของสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทยฯ
เป้าหมายของสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทยฯ
แนวโน้มต่อไปในอนาคตของสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทยฯ
ได้รู้เกี่ยวกับการพัฒนาสมาคมพยาบาลตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน
ได้รับความประทับใจและแรงบันดาลใจในการศึกษาเล่าเรียนและทำงานในวิชาชีพพยาบาลต่อไปในอนาคต
ประเด็นแนวโน้ม
ด้านการบริหารพยาบาล
นำเทคโนโลยีใหม่ๆมาใช้ในทางการพยาบาล พัฒนาวิชาชีพพยาบาลให้มีคุณภาพมากขึ้น
ด้านการศึกษาพยาบาล
พัฒนาการศึกษาไม่ไเ้มุ่งเน้นเฉพาะด้านวิชาการแต่พัฒนาให้นักศึกษามีความสมดุลด้านวิชาการและคุณธรรม
เน้นการปฏิบัติการเรียนรู้จากสถานการณ์จริง
ด้านการบริการการพยาบาล
แนวโน้มด้านการศึกษาภาษาอังกฤษเนื่องจากประเทศไทยก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจึงมีแนวโน้มที่พยาบาลต้องมีความสามารถในการสท่อสารภาษาอังกฤษ
ด้านการวิจัยทางการพยาบาล
ปฏิรูปการศึกษาทำให้พยาบาลให้ความสำคัญกับความรู้ในวิขาชีพมากขึ้น
สร้างเครือข่ายในการทำวิจัยร่วมกับสหสาขาวิชาชีพเพื่อนำไปสู่การเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้
สรุป
ประเทศไทยมีการปฏิรูปการศึกษามาเป็น ลําดับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันตามบริบททางสังคม และการเมืองที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ซึ่งสิ่งท่ี เกิดตามมาคือการเปลี่ยนแปลงในท้ังตัวประชาชนชาว ไทยเองท่ีทําให้มีโอกาสได้รับการศึกษามากขึ้น และ รวมท้ังบุคลากรทางการพยาบาลเองท่ีทําให้มีโอกาส ในการศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น เนื่องจากความหลากหลายที่มากขึ้น