Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ประเทศจีน - Coggle Diagram
ประเทศจีน
รสทั้งห้าของอาหาร
รสเปรี้ยว (รวมรสฝาด) เป็นอาหารจำพวกหยิน ช่วยหยุดการหลั่งของเหลวและเพิ่มน้ำในร่างกาย มักใช้บำบัดอาการเหงื่อออกผิดปกติขณะหลับ ปัสสาวะบ่อย ม้ามพร่อง สตรีตกขาว ร้อนใน
อาหารรสเปรี้ยวได้แก่ ลูกเคียมซิก เม็ดบัว ลูกบ๊วย
รสขม เป็นอาหารจำพวกหยิน ช่วยขับร้อน สลายชื้น ปรับสภาวะพลังย้อนกลับ มักใช้บำบัดอาการหวัดแดด เป็นไข้ ตามัว ดีซ่าน
อาหารรสขมได้แก่ เก๋ากี้ ผักขม มะระ
รสหวาน (รวมรสจืด) เป็นอาหารจำพวกหยาง ช่วยปรับโจงชี่ให้สมดุล มักใช้บำบัดม้ามและกระเพาะอ่อนแอ อาหารไม่ย่อย สตรีร่างกายอ่อนแอหลังคลอด ปวดตามกระดูกและเอว
อาหารรสหวานได้แก่ พุทราจีน ลำไย
รสเค็ม เป็นอาหารจำพวกหยิน ช่วยระบาย และขับของเหลวในร่างกาย บำรุงไต และเลือด มักใช้บำบัดอาการท้องผูก ฝี ตัวบวม ไตพร่อง ขาดเลือด
อาหารรสเค็มนี้ได้แก่ สาหร่าย ปลิงทะเล
รสเผ็ด เป็นอาหารจำพวกหยาง ช่วยระบาย ช่วยให้พลังเดิน ทำให้โลหิตไหลเวียน แก้ไข้ปวดกระเพาะ ปวดรอบเดือน
อาหารรสนี้ได้แก่ ขิง กระเทียม ฮวยเจีย กุ้ยพวย กานพลู
-
วัฒนธรรรมจีน
อาหารจีน
นิยมรับประทานอาหารจานผักและธัญพืชเป็นหลัก
นอกจากในราชสำนักที่จะมีอาหารประเภทเนื้อเป็นหลัก อุปกรณ์การกินหลัก คือตะเกียบมีอาหารจีน 2 ตระกูลใหญ่ คืออาหารเมืองเหนือ และเมืองใต้
มีการแบ่งอาหารเป็น 8ตระกูลใหญ่
-
-
-
-
-
-
-
-
ประเพณีจีน
เป็นเทศกาลที่ถือปฏิบัติกันมาตั้งแต่สมัยอดีตมาจนถึงปัจจุบัน ขนบธรรมเนียมประเพณีความเชื่อ อันเป็นจุดกำเนิดของชาวจีน
เช่น เทศกาลกินเจ จุดประสงค์ของการกินเจ แบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ กินเพื่อสุขภาพ กินด้วยจิตเมตตากินเพื่อเว้นกรรม
เทศกาลเช็งเม้ง เป็น การไหว้บรรพบุรุษที่สุสาน ฮวงซุ้ย(แต้จิ๋ว) หรือ บ่องซุ่ย(ฮกเกี้ยน) เป็นการแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ
ทฤษฎีธาตุห้าของอาหารจีน
การปรุงอาหารจึงต้องรู้หลักความสมดุลหยิน-หยาง และให้ความสำคัญกับธาตุทั้ง 5 จากความเชื่อที่ว่า ‘ฟ้า ดิน และมนุษย์เป็นหนึ่งเดียวกัน’ คือธาตุที่ประกอบด้วยไม้ ไฟ ดิน โลหะ และน้ำ
การแพทย์และยาแผนจีน
คนจีนมีความเชื่อพื้นฐานว่ามนุษย์เป็นแต่ละบุคคลมาก ดังนั้นการวินิจฉัยและรักษาโรค จะพิจารณาจากปัจจัยรอบด้านและให้ความสำคัญกับแนวคิดองค์รวมของร่างกายเป็นสำคัญวิธีการรักษาของการแพทย์แผนจีน แบ่งออกเป็นสองประเภทใหญ่ๆ พร่างกายของได้แก่ การรักษาภายในด้วยการรับประทานยาและการรักษาภายนอกด้วยยาทา นอกจากนี้ยังมีวิธีการรักษาโดยไม่ใช้ยาแบบอื่น เช่นการฝังเข็ม
การกินตามหยิน– หยาง
ปกติคนเราต้องมีหยินและหยางเท่ากัน
หากอย่างใดอย่างหนึ่งมากหรือน้อยไปจะเกิดโรคในการกินอาหารจึงต้องสังเกตว่าสภาพร่างกายของตัวเองร้อนหรือเย็น
เช่นถ้าตัวร้อนจะกินของเย็น คืออาหารที่เป็นหยิน แต่ถ้าร่างกายเย็นให้กินของร้อน คืออาหารที่เป็นหยาง เพื่อปรับสมดุล
ทฤษฏีหยิน – หยาง
ร่างกายมนุษย์จำเป็นต้องดำรงหยิน-หยางให้คงไว้ในสภาวะสมดุล
ร่างกายประกอบด้วยเนื้อเยื่อ โครงกระดูก เส้นผม เล็บ ซึ่งเป็นหยิน ส่วนหยางคือพลังงานของชีวิต ภายใต้สภาพปกติหยินหยางจะมีสภาวะสมดุลในลักษณะที่ตรงกันข้าม ก่อให้เกิดการไหลเวียนของพลังในร่างกายไปทั่วทุกจุดแล้ว
เราสามารถจำแนกลักษณะโรคหยินและหยางได้
โรคหยิน เป็นโรคชนิดเรื้อรัง
มีลักษณะถอยหลังและลดลง มักปรากฏเป็นอาการเย็นง่าย หนาวง่าย เซื่องซึมไม่มีเรี่ยวแรง กินอาหารน้อยลง ท้องเดิน อุจจาระเหลว มือเท้าเย็น เป็นต้น
โรคหยาง เป็นโรคชนิดเฉียบพลัน
มีลักษณะเดินหน้าและเพิ่มขึ้น มักปรากฏเป็นอาการไข้สูง จิตใจกระสับกระส่ายกระหายน้ำ ชอบกินของเย็น ท้องผูก ขัดเบา เป็นต้น