Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่9
ระบบทางเดินปัสสาวะ, 2.แบบแผนการขับถ่ายปัสสาวะและการขับถ่ายปัสสาวะท…
บทที่9
ระบบทางเดินปัสสาวะ
-
-
- หลักการส่งเสริมสุขภาพในระบบทางเดินปัสสาวะ
4.1 ส่งเสริมให้ได้รับน้ําอย่างเพียงพอ
ในผู้ใหญ่ควรได้รับน้ําสะอาด อย่างน้อยวันละ
6-8 แก้ว หรือประมาณ 1,500-2,000 มิลลิลิตร
4.2 ป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
เป็นการติดเชื้อท่ีพบได้บ่อยท่ีสุดในโรงพยาบาล พยาบาลควรสอนและแนะนําผู้ป่วยในการป้องกัน การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
-
ฝึกถ่ายปัสสาวะบ่อยๆทุก2-4ชั่วโมงเพื่อชะล้างแบคทีเรียออกจากท่อปัสสาวะและ ป้องกันจุลชีพเคลื่อนขึ้นไปยังกระเพาะปัสสาวะ
ดื่มน้ํา2แก้วก่อนและหลังมีเพศสัมพันธ์และปัสสาวะทิ้งทันทีหลังจากมีเพศสัมพันธ์ เพื่อป้องกันแบคทีเรียเข้าสู่ทางเดินปัสสาวะ
ใส่ชุดชั้นในที่ทําด้วยผ้าฝ้ายดีกว่าทําด้วยไนล่อน เนื่องจากผ้าฝ้ายทําให้อากาศถ่ายเท ได้สะดวก ช่วยลดความอับชื้นบริเวณฝีเย็บได้ดี เนื่องจากความอับชื้นทําให้แบคทีเรียเจริญเติบโตได้ดี
ใช้ Estrogen cream ตามแผนการรักษาของแพทย์ สําหรับผู้หญิงวัยหมดประจําเดือน ที่มีแนวโน้มจะติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะได้ง่าย
-
-
-
-
-
-
ชนิดของการสวนปัสสาวะ
1) การสวนปัสสาวะเป็นครั้งคราว(Intermittentcatheterization)
เป็นการใส่สายสวน ปัสสาวะผ่านทางท่อปัสสาวะเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะ เพื่อระบายน้ําปัสสาวะออกจากกระเพาะปัสสาวะ เมื่อกระเพาะปัสสาวะว่างไม่มีน้ําปัสสาวะไหลออกมาแล้วจะถอดสายสวนปัสสาวะออก
2) การสวนคาสายสวนปัสสาวะ (Indwelling catheterization or retained catheterization)
เป็นการสอดใส่สายสวนปัสสาวะชนิด Foley catheter ผ่านทางท่อปัสสาวะเข้าสู่ กระเพาะปัสสาวะแล้วคาสายสวนสวนปัสสาวะไว้
วิธีการสวนปัสสาวะ
(1) บอกผู้ป่วยอธิบายให้เข้าใจถึงความจําเป็นของการสวนปัสสาวะ วิธีทําอย่างคร่าว ๆ บอกวิธีปฏิบัติตัวของผู้ป่วย และประโยชน์ของการสวนปัสสาวะ
-
-
(5) จัดท่า ปิดตา คลุมผ้าผู้ป่วย โดยผู้หญิงจัดท่า Dorsal recumbent position เท้าห่างกันประมาณ 2 ฟุต ถอดผ้าถุงออกจัดผ้า (Drape) ให้เรียบร้อย เปิดเฉพาะบริเวณฝีเย็บ (Perineum) ผู้ชายจัดท่า Supine position ขาแยกออกจากกันเล็กน้อย กรณีผู้ป่วยมีปัญหาเกี่ยวกับ สะโพกและชันเข่าไม่ได้ ให้จัดท่า Sim’s หรือ Side-lying position
-
-
(7) วางชุดสวนปัสสาวะลงบนเตียงระหว่างขาของผู้ป่วย และเปิดผ้าห่อออกด้วยเทคนิค ปลอดเชื้อ ถ้าผู้ป่วยไม่รู้สึกตัวและดิ้น ให้วางชุดสวนปัสสาวะไว้บนโต๊ะคร่อมเตียง (Over bed table) ที่สะอาดและวางใกล้เตียงผู้ป่วย
(8) ใช้ Transfer forceps จัดวางเครื่องใช้เรียงไว้ตามลําดับการใช้อยู่ในบริเวณ ผ้าห่อ Set และวางห่างจากขอบผ้าเข้าไปอย่างน้อยประมาณ 1 นิ้ว
-
(10) ฉีกซองใส่สายสวนปัสสาวะ แล้วใช้ Transfer forceps คีบสายสวนออกจากซอง วางลงในชามกลม ระวังการปนเปื้อนเชื้อโรค
-
-
(13) ตรวจสอบประสิทธิภาพของบอลลูนที่ปลาย Foley catheter โดยใช้กระบอก ฉีดยาดูดน้ํากลั่นแล้วฉีดเข้าตรงปลายหางที่มีแถบสีที่ทําไว้สําหรับใส่น้ํากลั่น สังเกตดูว่ามีการรั่วหรือไม่
(14) คลี่และวางผ้าสี่เหลี่ยมเจาะกลางบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก โดยให้บริเวณ เจาะกลางอยู่ตรงบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกพอดี
(15) ใช้มือซ้ายแหวก Labia ให้กว้างจนเห็นรูเปิดของท่อปัสสาวะแล้วใช้ Forceps คีบสําลีชุบน้ําเกลือเช็ดบริเวณเปิดของท่อปัสสาวะ ทิ้งในชามรูปไต (ถุงขยะ) เมื่อเช็ดเสร็จแล้ววาง Forceps ในชามรูปไตหรือขอบผ้า โดยที่มือซ้ายยังคงแหวก Labia อยู่ ส่วนเพศชายให้ทําความสะอาด รูเปิดท่อปัสสาวะและ Glans penis
(16) ใช้มือข้างที่ถนัดหยิบสายสวนปัสสาวะหล่อลื่น KY-Jelly ประมาณ 1-2 นิ้ว (เพศหญิง) หรือ 6-7 นิ้ว (เพศชาย)
-
(18) ใช้ Forceps ที่เหลือหรือมือข้างที่ถนัดจับสายสวนปัสสาวะให้มั่นคง ให้ปลายเปิด ด้านโคนของสายสวนปัสสาวะวางอยู่ในภาชนะรองรับน้ําปัสสาวะ
(19) ค่อยๆ สอดสายสวนปัสสาวะเข้าไปในรูเปิดของท่อปัสสาวะลึก 2-3 นิ้ว (เพศหญิง) หรือ 6-8 นิ้ว (เพศชาย) หรือจนกว่าน้ําปัสสาวะจะไหล
(20) เมื่อใส่สายสวนเข้าไป 2-3 นิ้ว (เพศหญิง) หรือ 6-8 นิ้ว (เพศชาย) จะเห็นปัสสาวะ ไหลออกมาจากนั้นให้ดันสายสวนเข้าไปให้ลึกอีกประมาณ 1⁄2-1 นิ้ว (เพศหญิง) หรือเกือบสุดสาย (เพศชาย) ถ้ามีแรงต้านขณะที่สายสวนผ่านเข้า Prostatic sphincter อย่าดันสายสวนเข้าไป จับสายสวน ให้อยู่กับที่สักครู่ บอกผู้ป่วยให้หายใจเข้าออกลึกๆ ช้าๆ หมุนสายสวนเบาๆ
(21) ใช้มือข้างที่ไม่ถนัดที่แหวก Labia (ในเพศหญิง) หรือ จับ Penis (ในเพศชาย) อยู่เลื่อนมาจับสายสวน ส่วนอีกมือหยิบกระบอกฉีดยาที่บรรจุน้ํากลั่นอยู่ ดันน้ํากลั่นเข้าไปทางหาง Foley ที่มีแถบสี ไม่เกิน 10 มิลลิลิตร (ตามปริมาณที่ระบุไว้ที่ปลายสายสวน) แล้วลองดึงสายสวนเบาๆ พอตึงแล้ว ดันกลับเล็กน้อย
(22) สอดปลายสายของถุงรองรับปัสสาวะลอดบริเวณเจาะกลางออกมา ระวังอย่าให้ ปลายสาย contaminate แล้วต่อหางสายสวนเข้ากับปลายสายของถุงรองรับปัสสาวะให้แน่นสนิท
(24) ถอดถุงมือ ติดพลาสเตอร์ยึดสายสวนกับต้นขาของผู้ป่วย และใช้เข็มกลัดติด สายของถุงรองรับปัสสาวะกับที่นอน
(25) เก็บ Set สวนปัสสาวะออกจากเตียง จัดท่าผู้ป่วยให้สุขสบาย ถ้าผ้าขวางเตียงหรือ ผ้าปูที่นอนเปียกให้เปลี่ยน
-
-
- หลักการพยาบาลผู้ป่วยได้รับการใส่ถุงยางอนามัยเพื่อระบายปัสสาวะ (Condom catheter)
-
7.1 วิธีการเก็บปัสสาวะแบบรองเก็บปัสสาวะช่วงกลาง (Clean mid-stream urine)
โดย ให้ผู้ป่วยทําความสะอาดบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ด้วยน้ําสะอาด ล้างมือให้สะอาด และเช็ดให้แห้ง ให้ ปัสสาวะทิ้งช่วงต้นไปเล็กน้อย เก็บปัสสาวะในช่วงถัดมาประมาณครึ่งภาชนะ หรือประมาณ 30-50 ml. โดยห้ามสัมผัสด้านในของภาชนะ แล้วปัสสาวะช่วงสุดท้ายทิ้งไป นําปัสสาวะไปส่งให้เจ้าหน้าที่โดยเร็วที่สุด
-
7.3 วิธีการเก็บปัสสาวะ 24 ชั่วโมง
เป็นการเก็บปัสสาวะที่มีการรวบรวมไว้จนครบ 24 ชั่วโมงแล้ว ส่งตรวจ เริ่มเก็บปัสสาวะเวลา 08.00 น. โดยให้ผู้ป่วยถ่ายปัสสาวะทิ้งก่อนเริ่มเก็บ และรวบรวม น้ําปัสสาวะที่เก็บได้หลัง 08.00 น. จนครบกําหนด 24 ชั่วโมง แล้วถ่ายปัสสาวะเก็บเป็นครั้งสุดท้าย คือ เวลา 08.00 น. เช้าวันรุ่งขึ้น ควรแนะนําให้งดโปรตีน คาเฟอีน ก่อนการเก็บปัสสาวะประมาณ 6 ชั่วโมง และให้ผู้ป่วยดื่มน้ํามากๆ ก่อนและระหว่างการเก็บ (ถ้าไม่มีข้อห้าม)
- กระบวนการพยาบาลในการส่งเสริมและช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีปญั หาการขับถ่ายปัสสาวะ
8.1 การประเมิน
1) การซักประวัติแบบแผนและลักษณะการขับถ่ายปัสสาวะปกติจํานวนครั้งใน24ชั่วโมง ลักษณะและสีของปัสสาวะ ปริมาณน้ําดื่มต่อวัน ยาที่รับประทานประจํา โรคประจําตัว เบาหวาน ความดันความเครียด กิจกรรมที่ทําประจําวัน
8.2 การวินิจฉัยทางการพยาบาล
จากข้อมูลของกรณีตัวอย่างร่วมกับข้อมูลสนับสนุนที่ได้จาก
การประเมินสามารถกําหนดข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
-
8.4 ประเมินผลการพยาบาล
ภายหลังให้การพยาบาลควรมีการประเมินทุกครั้งตามเกณฑ์ การประเมินผล เช่น ปัสสาวะสีเหลืองใสไม่มีตะกอน สัญญาณชีพปกติ ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ไม่พบเชื้อ
-