Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การส่งเสริมการขับถ่ายปัสสาวะ - Coggle Diagram
การส่งเสริมการขับถ่ายปัสสาวะ
ปัจจัยที่มีผลต่อการขับปัสสาวะ
การถ่ายปัสสาวะของแต่ละบุคคลแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับปัจจัยดังนี้
5.สังคมและวัฒนธรรม (Sociocultural factor) การอบรมเลี้ยงดูเด็ก ประเพณี
ลักษณะท่าทาง (Body position)
4.ด้านจิตสังคม (Psychosocial factors) เช่น ความเครียด ความวิตกกังวล ทำให้ปัสสาวะบ่อย ส่วนความปวดจะทำให้ปัสสาวะน้อยลง
7.กิจกรรมและความตึงตัวของกล้ามเนื้อ (Activity and Muscle tone)
7.2 ผู้ป่วยคาสายปัสสาวะนานๆ
7.3 สตรีวัยหมดประจำเดือน
7.1 การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
7.4 ผู้ที่นอนอยู่บนเตียงนานๆ ร่างกายไม่เคลื่อนไหว
3.ยา (Medication) เช่น จะส่งผลให้สีของปัสสาวะเปลี่ยนแปลง
8.พยาธิสภาพ (Pathologic conditions)
2.น้ำและอาหาร (Food and fluid)
2.2 จำนวนน้ำที่ร่างกายสูญเสีย เช่น เหงื่อ มีไข้สูง เสียเลือดมาก อาเจียน
2.3 อาหารที่ร่างกายได้รับ เช่น อาหารที่มีความเค็มมาก
2.1 จำนวนน้ำที่ร่างกายได้รับ จะเท่ากับปัสสาวะที่ออกมา
9.การผ่าตัดและการตรวจเพื่อทำการวินิจฉัยต่างๆ (Surgical)
9.2 การตรวจวินิจฉัยในระบบทางเดินปัสสาวะ
9.3 การฉีดยาที่ไขสันหลัง
9.1 ความเครียดในการรับการรักษา
1.อายุหรือพัฒนาการในวัตต่างๆ (Developmental groeth)
1.1 วัยเด็ก กระเพาะปัสสาวะมีความจุน้อย การขับถ่ายปัสสาวะจึงบ่อย
1.2 ผู้สูอายุ ถ่ายปัสสาวะบ่อยครั้งขึ้นและในตอนกลางคืน (Nocturia)
แบบแผนการขับถ่ายปัสสาวะและการขับปัสสาวะที่ผิดปกติ
1.แบบแผนการขับถ่ายปัสสาวะ
1.1แบบแผนการถ่ายปัสสาวะในคนปกติ
-ลำปัสสาวะตอนแรกพุ่งแรงและให้ญ่กว่าตอนสุด
-ปัสสาวะประมาณ 4-6 ครั้งต่อวัน ปัสสาวะกลางวันบ่อยกว่ากลางคืน
-ไม่มีอาการเจ็บปวดตอนถ่ายปัสสาวะ
-มักถ่ายปัสสาวะก่อนนอน
-เวลาในการถ่ายปัสสาวะไม่เกิน 30 วินาที
-การถ่ายปัสสาวะเว้นช่วง 2-4 ชั่วโมง
-สามารถกลั้นปัสสาววะได้ และปล่อยได้ทันที
-จำนวนปัสสาวะ 250-400 มิลลิลิตรต่อครั้ง
-อยากถ่ายปัสสาวะเมื่อมีปริมาณปัสสาวะ 100-400 มิลลิลิตร
-Residual urine ไม่ควรเกิน 50 มิลลิลิตร
1.2 ลักษณะของปัสสาวะที่ปกติ
-pH 4.6-8.0
-ความถ่วงจำเพาะ 1.015-1.025
-สีเหลืงจางจนถึงเข้ม สีเหลืองฟางข้าว หรืออำพัน
-ตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ ไม่พบ casts, Bacteria, Albumin
-ใสไม่ขุ่น ไม่มีตะกอน
-ปัสสาวะใหม่มีกลิ่นแอมโมเนียมอ่อนๆ
-ประมาณวันละ 800-1,000 มิลลิลตร ในผู้ใหญ่
2.การขับถ่ายปัสสาวะที่ผิดปกติ
2.5 ปัสสาวะขัด ปัสสาวะลำบาก (Dysuria)
2.6 ถ่ายปัสสาวะบ่อยหรือกะปริกะปรอย (Pollakiuria)
2.4 ปัสสาวะตอนกลางคืน (Nocturia)
2.7 ปัสสาวะรดที่นอน (Enuresis)
2.3 ปัสสาวะมากกว่าปกติ Polyuria/Diuresis
2.8 ปัสสาวะคั่ง (Urinary retention)
2.2 ปัสสาวะน้อยกว่าปกติ Oliguria
2.9 กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือกลั้นไม่ได้ (Urinary incontinence)
3.ปัสสาวะเล็ด (Stress incontinence)
4.ปัสสาวะท้น (Overflow incontinence)
2.กลั้นปัสสาวะไม่ทัน (Urge incontinence/Urgency/Overactive bladder)
5.ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ที่เกิดจากภาวะหรือโรคอื่นๆ (Functional Incontinence)
1.กลั้นปัสสาวะไม่อยู่โดยสิ้นเชิง (True Incontinence)
2.1ไม่มีปัสสาวะ Anuria/Urinary suppression
ส่วนประกอบของปัสสาวะที่ผิดปกติ
5.ปัสสาวะมีสีน้ำตาลของบิลิรูบิน (Bilirubinuria / Choluria)
6.ปัสสาวะมีสีดำของฮีโมโกลบิน (Hemoglobinuria)
4.คีโตนในปัสสาวะ (Ketonuria) ผลจากการเผาผลาญไขมันให้เป็นพลังงาน
7.ปัสสาวะเป็นหนอง (Pyuria)
3.โปรตีนในปัสสาวะ (Proteinuria/ Albuminuria) มีโปรตีนปนมาในปัสสาวะมากกว่า 150 มิลลิกรัม
8.นิ่วในปัสสาวะ (Calculi)
2.น้ำตาลในปัสสาวะ (Glycosuria) น้ำตาลปนออกมากับปัสสาวะ
9.ไขมันในปัสสาวะ (Chyluria)
ปัสสาวะเป้นเลือด (Hematuria) มีเม็ดเลือดแดงปนออกมาในปัสสาวะ
หลักการส่งเสริมสุขภาพในระบบทางเดินปัสสาวะ
4.การช่วยเหลือผู้ป่วยในการถ่ายปัสสาวะ กรณีปัสสาวะไม่ออก จัดสภาพแวดล้อมมิดชิด เปิดก๊อกน้ำ ให้เวลา
5.สอนให้นวดกระเพาะปัสสาวะ
3.ส่งเสริมให้กล้ามเนื้อทำงานอย่างเต็มที่ โดยทำ Kegel exercise ด้วยการขมิบก้น
6.เสริมสร้างนิสัยของการถ่ายปัสสาวะ
2.ป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
-อาบน้ำด้วยฝักบัวแทนอาบในอ่างอาบน้ำ
-ใส่ชุดชั้นในที่ทำด้วยผ้าฝ้ายดีกว่าไนลอน
-หลีกเลี่ยงการใส่กางเกงที่แน่นหรือคับเกินไป
7.การช่วยเหลือผุ้ป่วยในการขับถ่ายปัสสาวะ
1.ส่งเสริมให้ได้รับน้ำอย่างเพียงพอ 6-8 แก้ว/วัน
การสวนปัสสาวะ
อุปกรณ์
5.กระบอกฉีดยาปลอดเชื้อ
6.Transfer forceps
4.น้ำกลั่นปลอดเชื้อ
7.ถุงรองรับปัสสาวะปลอดเชื้อและเป้นระบบปิด
3.สารหล่อลื่นสายสวนชนิดละลายน้ำได้ เช่น KY-jelly
8.โคมไฟ หรือไฟฉาย
2.ชุดสวนปัสสาวะที่ปราศจากเชื้อ
9.พลาสเตอร์ เข็มกลัด ผ้าปิดตา
1.ชุดทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธ์ุ 1 ชุด
10.สายสวนปัสสาวะ
ขนาดของสายสวนปัสสาวะและการใช้
1.สายสวนที่ใช้สวนเป็นครั้งคราว Straight catheter ส่วนสายสวนที่คาสายใช้Foley catheter
2.ขนาดของสายสวนปัสสาวะ ผู้ผู้หญิง 14-16Fr ผู้ชาย 16-20Fr เด็ก 8-10 Fr ผู้สูงอายุ 22-24 Fr
3.ไม่ควรใช้ 0.9 เปอร์เซ็น NaCl ใส่ในบอลลูน
การสวนปัสสาวะ
วัตถุประสงค์
4.เพื่อเก็บน้ำปัสสาวะส่งตรวจเพาะเชื้อ
5.เพื่อสวนล้างกระเพาะปัสสาวะ หรือใส่ยาในกระเพาะปัสสาวะ
3.เพื่อตรวจสอบจำนวนน้ำปัสสาวะที่เหลือค้างในกระเพาะปัสสาวะ
6.เพื่อศึกาาความผิดปกติขิงท่อปัสสาวะ
2.เพื่อช่วยให้กระเพาะปัสสาวะว่าง
7.เพื่อตรวจสอบจำนวนปัสสาวะที่ขับออกมา
1.เพื่อระบายเอาน้ำปัสสาวะออกในผู้ป่วยที่ไม่สามารถปัสสาวะได้เอง
ชนิดของการสวนปัสสาวะมี 2 ชนิด
1.การสวนปัสสาวะเป็นครั้งคราว (Intermittent catheterization)
2.การสวนคาสายสวนปัสสาวะ (Indwelling catheterization or retained cateterization)
วิธีใส่
3.จัดท่า ปิดตา ทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธ์ุ
4.ใสถุงมือด้วยวิธีปลอดเชื้อ
2.ล้างมือ กั้นม่าน แขวนถุงปัสสาวะให้ต่ำกว่าเตียง
5.ใช้มือข้างถนัดหยิบสายสวนหล่อลื่น KY-jelly ประมาณ 1-2 นิ้วในหญิง 6-8 นิ้วในเพศชาย
1.บอกและอธิบายให้ผู้ป่วยทราบ
เมื่อถอดสายสวนแล้ว จะต้องกระตุ้นให้ผุ้ป่วยดื่มน้ำมากๆ
หลักการพยาบาลผู้ป่วยได้รับการใส่ถุงยางอนามัยเพื่อระบายปัสสาวะ (Condom catheter)
ต้องเปลี่ยนถุงยางอนามัยอย่างน้อย 24 ชั่วโมง และต้องทำความสะอาดทุกครั้งที่เปลี่ยน
วัตถุประสงค์
2.ป้องกันการเกิดแผลกดทับ
3.ป้องกันการติดเชื้อจากการใส่สายสวนปัสสาวะค้างไว้
1.เพื่อรักษาความสะอาดและป้องกันการระคายเคืองผิวหนัง
4.ป้องกันการอักเสบในรายที่มีแผล
การเก็บปัสสาวะส่งตรวจ
วิธีการเก็บปัสสาวะจากสายสวนปัสสาวะที่คาไว้
2.2 ตรียม Syringe sterile เข็มปลอดเชื้อ Sterile swab น้ำยาฆ่าเชื้อ
3.ล้างมือ สวมถุงมือสะอาด เช็ดบริเวณที่จะเก้บปัสสาวะด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ
2.1 ใช้ Clamp หนีบสายสวนปัสสาวะใต้รอยต่อระหว่างสายต่อของถุงกับสายสวนไว้นาน 15-30 นาที เพื่อให้มีปัสสาวะใหม่เก็บอยู่ก่อน
4.ใช้กระบอกยาที่มีเข็มปลอดเชื้อแทงที่สายสวนปัสสาวะตรงตำแหน่งที่ทำความสะอาด ดูดปัสสาวะออกมา 10 มล.
3.วิธีการเก้บปัสสาวะ 24 ชม. เริ่มเก็บ 8.00 น. และเก็บวันรุ่งขึ้น 8.00 น. เป็นครั้งสุดท้าย
1.วิธีการเก้บปัสสาวะแบบรองเก็บปัสสาวะช่วงกลาง (Clean mid-stream urine) ผู้ป่วยทำความสะอาดบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ ด้วยน้ำสะอาด ล้างมือให้สะอาด และเช็ดให้แห้ง ปัสสาวะทิ้งไปเล็กน้อย และเก้บปัสสาวะช่วงถัดมาประมาณครึ่งภาชนะ แล้วปล่อยช่วงสุดท้ายทิ้ง
กระบวนการพยาบาลในการส่งเสริมและช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีปัญหาการขับถ่ายปัสสาวะ
การวินิจฉัยทางการพยาบาล คือมีการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
การวางแผนการพยาบาล เพื่อช่วยลดการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะของผู้ป่วย
1.การประเมิน ซักประวัติ ตรวจร่างกาย วิเคาระห์ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ประเมินผลการพยาบาล ควรมีการประเมินทุกครั้ง เช่น ปัสสาวะมีสีเหลืองใสไม่มีตะกอน สัญาณชีพปกติ ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการไม่พบเชื้อ