Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ทฤษฎีสัมพันธภาพระหว่างบุคคลของแฮรี่รี สแต็ค ซัลลิแวน (Sullivan’s…
ทฤษฎีสัมพันธภาพระหว่างบุคคลของแฮรี่รี สแต็ค ซัลลิแวน (Sullivan’s Interpersonal Theory)
บุคลิกภาพเป็นการทํางานประสานกัน
1การแปรเปลี่ยนพลัง (Dynamics)
เป็นกระบวนการปรับตัวของบุคลในการอยู่รวมกัน
เกิดจากการเรียนรู้ความต้องการของผู้อื่น
แสดงพฤติกรรมตอบสนองความต้องการของผู้อื่น
การเรียนรู้เริ่มตั้งแต่วัยเด็ก หลอมรวมเป็นบุคลิกภาพ
3 กระบวนการคิด (Cognitive Process)
Prototaxic
กระบวนการคิดของทารกที่ยังไม่ได้ปรุงแต่ง
Parataxic
เริ่มเข้าใจถึงความสัมพันธ์ระว่างสิ่งต่างๆทั้งจริงบ้างไม่จริงบ้างปนกันไป แต่ความคิดของเด็กถือว่าสิ่งที่คิดนั้นเป็นจริง
Syntaxic
ใช้สัญลักษณ์ สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้ สื่อสารกับผู้อื่นได้เข้าใจ
การสร้างภาพบุคคล (Personification)
ภาพที่บุคคลวาดขึ้นจากการที่ตนได้ไปสัมพันธ์กับคนอื่น
ภาพเป็นที่ติดตาแล้วก็ยากต่อการเปลี่ยนแปลง
แฮรี สแต็ค ซัลลิแวน(Harry Stack Sullivan)
ได้รับปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต
ได้ศึกษาโรคจิตเภทที่มีจํานวนมาก และเป็นวิทยากรในด้านบุคลิกภาพ
ใช้วิธีบําบัดคนไข้จากจิตวิเคราะห์มาเป็ น
ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล
ทฤษฎีของเขาโยงไปถึงจิตวิทยาบุคลิกภาพเป็น
ผลมาจากสัมพันธภาพระหว่างบุคคล
การพัฒนาบุคลิกภาพ
ขั้นทารก (Infancy) อายุแรกเกิด -18 เดือน
ใช้ปากในการตอบสนองความต้องการ
เคลื่อนไหวร่างกายด้วยการใช้ประสาทตาสัมผัสกับมือในการดูดนิ้วตนเอง
ขั้นวัยเด็ก (Childhood) อายุ 18 เดือน - 5 เดือน
มีเพื่อนและต้องการให้ผู้อื่นยอมรับสถานภาพของตนเอง
เป็นระยะที่เริ่มหัดพูด ฝึกออกเสียงได้ชัดเจน
ขั้นวัยเยาว์ (Juvenile Era) อายุระหว่าง 5-12 ปี
มีการร่วมมือและแข่งขัน เรียนรู้ที่จะควบคุมตนเอง
พัฒนาการทางร่างกายเร็วมาก
ขั้นก่อนวัยรุ่น (Pre- Adolescence)
มีวุฒิภาวะทางเพศ
อายุ 11-13 ปี
การกล้าแสดงออกมากขึ้น
ขั้นวัยรุ่นตอนต้น (Early Adolescence)
อายุระหว่าง 13- 17 ปี
วัยที่มีความพอใจในเรื่องเพศ
คบเพื่อนเดียวกันและต่างเพศ
ต้องการความเป็นอิสระไม่อยากพึ่งพาใคร
ขั้นวัยรุ่นตอนปลาย (Late Adolescence)
อายุ 17-19 ปี
ร่างกายเจริญเต็มที่
มีความคิดสร้างสรรค์
มีความรู้และเข้าใจตนเอง เรียนรู้บทบาทในสังคมได้ดี
ขั้นวัยผู้ใหญ่ (Adulthood)
วัยที่มีพัฒนาการทุกอย่างสมบูรณ์เต็ม
สร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่นสร้างหลักฐาน
มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่
บุคลิกภาพประเภทต่างๆ ( Personality Types)
Negative
บุคคลที่ไม่ลงรอยกับผู้ใด
ชอบค้าน ชอบเถียง ชอบปฏิเสธ
Asocial
ปลีกตัวจากการติดต่อกับบุคคลอื่นให้มากที่สุด
ไม่ไว้ใจใครว่าจะจริงใจใยดีกับตน
incorrigible
บุคลที่ไม่มีความเป็นมิตรกับใคร
อารมณ์ขุ่นมัว ไม่อยากเข้ากับใคร
เห็นได้ในวัยเยาว์ก่อนวัยรุ่น
Inadequate
บุคคลที่ยึดผู้ใหญ่ หรือเจ้านายเหมือนไม้เลื้อยยึดหลัก
อยู่ใต้บัญญัติหรือโอวาสของผู้ใหญ่เสมอมา
Self obsorbed
แยกตัวเองออกจากโลกภายนอกไม่ออก
ได้รับการเลี้ยงดูไม่ดี ก็รู้สึกว่าโลกร้าย ตัวเราก็ร้าย
ได้รับการทนุถนอมก็รู้สึกว่าโลกดี ตัวเราก็ดี
ท้อแท้ ผิดหวังง่าย มีความเจ็บแค้นแน่นใจ
Homosexuality
บุคคลที่ไม่รักแพศตรงข้ามตามปกติทั่วไป
มีความพอใจในเพศเดียวกัน
การมีความรักร่วมเพศมิใช่ปัญหาในตนเอง หากเป็นวิธีการปรับตัวที่ยากอย่างหนึ่งซึ่งบุคคลที่นำมาใช้กับการแก้ปัญาทางเพศ
ความวิตกกังวล (Anxiety)
เป็นความรู้สึกที่เจ็บปวด
ความวิตกกังวลที่เริ่มต้นมาจากสัมพันธภาพระหว่าง
บุคคล เกิดจากความวิตกกังวลของมารดาถ่ายทอดไปยังบุตร
ความวิตกกังววลสามารถอธิบายและสังเกตได้
แต่ละคนจะพยายามดิ้นรนเพื่อขจัดความวิตกกังวล
เป้าหมาย 2 ประการ
เป้าหมายเพื่อไปสู่ความพึงพอใจ (satisfactions)
เน้นความต้องการทางสรีรวิทยา ความหิว
การนอนหลับพักผ่อน ความต้องการทางเพศ
เป้าหมายเพื่อไปสู่ความมั่นคง (security)
เป็นความต้องการเพื่อความคงอยู่อย่างมีความสุข
ต้องการการยอมรับในสังคม
ระบบของการสร้างภาพตนเอง
ภาพตนเองที่ว่า “ฉันดี” (Good Me)
ผลของประสบการณ์ที่รับการยอมรับจากการอบรมเลี้ยงดูของพ่อแม่ที่ให้ความรู้สึกรักใคร่ อบอุ่น เอาใจใส่ ห่วงใย ทำให้เกิดความพึงพอใจ
ภาพตนเองที่ว่า “ฉันเลว” (Bad Me)
ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจากการได้การอบรมเลี้ยงดูแบบทอดทิ้ง ไม่เอาใจใส่ ไม่ได้รับการตอบสนองความต้องการ จึงทำให้เด็กเกิดความไม่พอใจ
ภาพตนเองที่ว่า “ไม่ใช่ฉัน” (Not Me)
จากการอบรมเลี้ยงดูแบบขู่เข็ญหรือทำให้หวาดกลัวอย่างรุนแรงทำให้เกิดความวิตกกังวลสูง จึงแสดงพฤติกรรมออกมาในเชิงปฏิเสธว่า “ไม่ใช่ฉัน”เพราะเป็นสิ่งที่เด็กไม่ต้องการรับรู้
ความต้องการ
actual biological needs (food,
water, air, etc.)
cultural or learned.