Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การส่งเสริมภาวะโภชนาการ - Coggle Diagram
การส่งเสริมภาวะโภชนาการ
ความหมายของโภชนาการและภาวะโภชนาการ
ความหมายของโภชนาการ (Nutrition)
โภชนาการ หมายถึง วิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับอาหาร สารอาหาร และสารอื่นที่มีอยู่ในอาหารหรือสารอาหาร
โภชนาการ หมายถึง วิทยาศาสตร์แขนงหนึ่งที่ศึกษาถึงการเปลี่ยนแปลงของอาหารทั้งทางด้านอินทรีย์เคมี อนินทรีย์เคมี ชีววิทยา และฟิสิกส์ของอาหาร
ภาวะโภชนาการ (Nutritional Status)
ภาวะโภชนาการ หมายถึง สิ่งที่แสดงถึงระดับที่ร่างกายจำเป็นต้องได้รับสารอาหาร เพื่อนำมาใช้ในด้านสรีระอย่างเพียงพอ
ภาวะโภชนาการ หมายถึง ผล สภาพ หรือภาวะของร่างกายที่เกิดจากการบริโภคอาหาร แบ่งเป็น 2 ลักษณะ
ภาวะโภชนาการดี (Good nutritional status) หมายถึง ภาวะที่ร่างกายได้รับอาหารที่ถูกหลักโภชนาการ
ภาวะโภชนาการไม่ดี (Bad nutritional status) หรือเรียกอีกอย่างว่า ภาวะทุพโภชนาการ (Malnutrition) หมายถึง ภาวะที่ร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ หรือได้รับเพียงพอแต่ร่างกายไม่สามารถใช้ประโยชน์จากสารอาหารที่ได้รับ
ภาวะโภชนาการต่ ากว่าเกณฑ์ (Malnutrition) หมายถึง ภาวะที่ร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอกับความต้องการ โดยอาจขาดสารอาหารเพียง 1 ชนิด หรือมากกว่า
ภาวะโภชนาการเกิน (Over nutrition) หมายถึง ภาวะที่ร่างกายได้รับอาหาร
มากเกินความต้องการของร่างกาย และเก็บสะสมไว้จนเกิดอาการปรากฏ
ความสำคัญของอาหารต่อภาวะเจ็บป่วยและความต้องการพลังงานของร่างกายในภาวะเจ็บป่วย
ความต้องการพลังงานของร่างกายในภาวะเจ็บป่วย
ความต้องการพลังงานทั้งหมด (Total Energy Expenditure: TEE)
สูตร BEE เพศชาย
BEE = 66.47+ (13.75 x น้ าหนัก (Kg )) + (5. 00 x ความสูง (Cm )) – (6.75 x อายุ (ปี))
ความต้องการพลังงานพื้นฐาน (Basal energy expenditure: BEE)
สูตร BEE เพศหญิง
BEE = 655.09 + (9.56 x น้ าหนัก (Kg)) +(1.85 x ความสูง (Cm )) –(4.68 x อายุ (ปี))
ความต้องการพลังงานหรือพลังงานที่ต้องการใช้(Energy Expenditure: EE)
TEE = BEE x Activity factor x stress factor
Activity factor
มีกิจกรรมเฉพาะบนเตียง = 1.2
มีกิจกรรมนอกเตียงได้ = 1.3
หมดสติและใช้เครื่องช่วยหายใจ = 1.0
Stress factor
ติดเชื้อในช่องท้อง = 1.2-1.37
ติดเชื้อในกระแสเลือด = 1.4-1.8
ผ่าตัดไม่มีภาวะแทรกซ้อน = 1.0
แผลไหม้ น้อยกว่าร้อยละ 20 = 1.0-1.5
ไตวายไม่ได้ล้างไต = 1.0
แผลไหม้ ร้อยละ 20-40 = 1.5-1.85
การติดเชื้อที่รุนแรงมาก = 1.4-1.5
แผลไหม้ ร้อยละ 41-100 = 1.5-2.05
การติดเชื้อที่รุนแรงปานกลาง = 1.2-1.3
การบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อ = 1.8-2.0
การติดเชื้อที่รุนแรงน้อย = 1.0
กระดูกหัก = 1.2-1.37
มีไข้ = 1.0 + 0.13 (ต่อองศาเซลเซียส)
บาดเจ็บที่ศีรษะ = 1.4-1.6
ขาดอาหาร = 0.7
ปัจจัยที่มีผลต่อภาวะโภชนาการ
ความชอบส่วนบุคคล พบว่าความชอบและไม่ชอบบริโภคอาหารของแต่ละบุคคลมีผลต่อภาวะโภชนาการ
ผลจากการดื่มแอลกอฮอล์พบว่า การดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ทำให้ความรู้สึกอยากอาหารลดลง การบริโภคอาหารเปลี่ยนไป
ภาวะสุขภาพ พบว่า การเจ็บป่วยเรื้อรังมีผลต่อภาวะโภชนาการ
วิถีชีวิต ปัจจุบันมีผู้เลือกด าเนินชีวิตตามวิถีสุขภาพโดยเลือกงดรับประทานสัตว์และผลิตภัณฑ์ที่ท ามาจากสัตว์
การใช้ยา พบว่า ยาที่มีผลข้างเคียงให้เกิดอาการเบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน
เศรษฐานะ พบว่า ภาวะเศรษฐกิจดีท าให้ผู้คนเลือกรับประทานอาหารได้ตามความต้องการ
เพศ พบว่าเพศชายต้องการพลังงานในหนึ่งวันมากกว่าเพศหญิง
วัฒนธรรม ความเชื่อ และศาสนา พบว่าการด าเนินชีวิตตามบริบทของวัฒนธรรมความเชื่อ และศาสนา ยังด าเนินชีวิตอยู่ในกระบวนทัศน์เดิม มีผลต่อภาวะโภชนาการทั้งสิ้น
อายุ พบว่าในวัยเด็กมีความต้องการสารอาหารมากกว่าในวัยผู้ใหญ่และวัยสูงอายุเพราะเด็กต้องการสารอาหารโปรตีนไปสร้างและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ
ปัจจัยด้านจิตใจ พบว่า ความเครียด และความกลัวท าให้ความอยากอาหารลดลงรู้สึกเบื่ออาหาร กลืนอาหารไม่ลงคอ หรือมีอาการปากคอขมโดยไม่ทราบสาเหต
การประเมินภาวะโภชนาการ
การประเมินทางชีวเคมี (Biochemical assessment: B)
การประเมินภาวะโลหิตจาง (Anemia) ใช้ค่าของฮีโมโกลบิน (Hb) และค่าฮีมาโตรคิต(Hct) Hemoglobin (Hb) การแปลผล ค่าต่ ากว่า 10 mg% แสดงผลภาวะโลหิตจาง
หญิง ค่าปกติ 12-16 mg%
ชาย ค่าปกติ 14 –18 mg %
Hematocrit (Hct) การแปลผล ค่าต่ ากว่า 30 % แสดงผลภาวะโลหิตจาง
ชาย ค่าปกติ 40 –54 %
หญิง ค่าปกติ 37-47 %
การตรวจร่างกายทางคลินิก (Clinical assessment: C)
การประเมินภาวะซีด ถ้าไม่มีการเจาะเลือดให้ใช้การตรวจร่างกาย
เบื้องต้น
สังเกตดูลักษณะเล็บเรียบเป็นมัน มีสีชมพู กดตรงกลางเล็บแล้วปล่อย
ตรวจดูฝ่ามือ ให้เทียบกันทั้ง 2 ข้าง (ปกติจะมีสีชมพู)
ตรวจ Conjunctiva ของเปลือกตาล่าง (ปกติจะมีสีชมพูค่อนข้างแดง)
การวัดสัดส่วนของร่างกาย (Anthropometric measurement: A)
ดัชนีมวลของร่างกาย (Body Mass Index ; BMI)
BMI = น้ าหนักตัว (กิโลกรัม) / ส่วนสูง (เมตร)2
การประเมินจากประวัติการรับประทานอาหาร(Dietary assessment: D)
มีประวัติชอบรับประทานอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ
ผลการประเมิน: มีโอกาสเกิดโรคพยาธิใบไม้ในตับ
มีประวัติเลือกรับประทานอาหารประเภททอด และอาหารรสหวาน
ผลการประเมิน: มีโอกาสเกิดภาวะโภชนาการเกิน (น้ำหนักเกินมาตรฐาน)
มีประวัติรับประทานอาหารเจตลอดชีวิต
ผลการประเมิน: มีโอกาสขาดสารอาหารที่จ าเป็นต่อร่างกาย
การล้างภายในกระเพาะอาหาร (Gastric lavage)
อุปกรณ์เครื่องใช้
ผ้าเช็ดปาก หรือผ้าขนหนูผืนเล็ก หรือผ้ากันเปื้อน
สายยางส าหรับใส่ในกระเพาะอาหาร
ชามรูปไตหรืออ่างกลม
Ky jelly
สารละลายที่ใช้ล้างกระเพาะอาหาร ใช้น้ าเกลือ (Isotonic saline)
ถุงมือสะอาด 1 คู่และ Mask
ชุดล้างกระเพาะอาหาร (ภาชนะส าหรับใส่สารละลายทั้งส าหรับเทสารละลายและที่ดูดออกจากผู้ป่วย และ Toomey syringe)
วิธีปฏิบัติ
หักพับสายไว้ก่อนปลดรอยต่อ จากนั้นต่อสายกับกระบอกฉีดยาแล้วปล่อยสายที่หักพับไว้ ค่อยดันสารละลายผ่านกระบอกฉีดยาเข้าทางสาย ถ้ามีแรงต้าน ตรวจสอบการหักหรือพับงอของสาย และให้ผู้ป่วยพลิกตัวไปมา ถ้ายังมีแรงต้านให้รายงานแพทย์
ดูดน้ าออกเบา ๆ หรือปล่อยให้สารละลายไหลออกเอง ถ้าไม่มีน้ าออกให้ผู้ป่วยพลิกตัวไปมา ถ้ายังดูดไม่ออกให้รายงานแพทย์บันทึกสารน้ าที่ใส่กับที่ดูดออกมาต้องมีปริมาณเท่ากัน
ใช้Toomey syringe ดูดสารละลาย 50 ซีซี
ใส่สารละลายเข้าไปแล้วปล่อยหรือดูดน้ าออกเรื่อย ๆ จนการไหลผ่านดี หรือครบจ านวนตามแผนการรักษาพับสายไว้ ปลดกระบอกฉีดยา ปิดปลายสาย
ปูผ้าคลุมบนเตียงและตัวผู้ป่วยตรงที่จะปลดสาย
ถ้ากรณีล้างกระเพาะอาหาร เพื่อห้ามเลือดในกระเพาะอาหาร ต้องท าการ
ล้างจนสารน้ ามีลักษณะสีแดงจางที่สุด หรือมีลักษณะใส
เตรียมอุปกรณ์เครื่องใช้ให้พร้อม น าเครื่องใช้ต่าง ๆ ใส่ถาดหรือรถเข็นแล้ว
น าไปที่เตียงผู้ป่วย ท าการใส่สายยางก่อน วิธีปฏิบัติเหมือนการใส่สายให้อาหาร
เมื่อสิ้นสุดการล้างกระเพาะอาหารแล้ว ให้ท าความสะอาดช่องปากและจัด
ท่าผู้ป่วยในท่าที่สุขสบาย
ล้างมือก่อนจัดเตรียมอุปกรณ์เครื่องใช้
เก็บเครื่องใช้ท าความสะอาด และเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย
ประเมินสภาพผู้ป่วย อธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจ ปิดประตูหรือกั้นม่านให้เรียบร้อย
ลงบันทึกทางการพยาบาล
ตรวจสอบค าสั่งการรักษา
วัตถุประสงค์
ทดสอบหรือยับยั้งการมีเลือดออกจ านวนน้อยในทางเดินอาหารส่วนบน
ตรวจสอบการอุดตันของสาย
ล้างกระเพาะอาหารในกรณีที่ผู้ป่วยกินยาหรือสารพิษ
ตรวจหาเชื้อที่เป็นสาเหตุของโรคปอดและหลอดลม ในกรณีที่ไม่สามารถนำเสมหะจากผู้ป่วยไปตรวจได้ ปัจจุบันไม่นิยมใช้เพราะใช้เครื่องดูดเสมหะได้
การส่งเสริมภาวะโภชนาการในผู้ป่วยที่มีปัญหาภาวะโภชนาการ
Nausea and vomiting (อาการคลื่นไส้และอาเจียน)
อาการอาเจียน คือ การที่มีแรงดันจากภายในดันเอาสิ่งที่อยู่ในกระเพาะอาหาร หรือลำไส้เล็กส่วนต้นออกมาทางปาก
อาการคลื่นไส้ เป็นความรู้สึกอยากขับอาหารที่กินเข้าไปแล้วออกทางปาก มักเป็นอาการน าก่อนอาเจียน แต่อาจเกิดคลื่นไส้โดยไม่อาเจียนได
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีอาการคลื่นไส้และอาเจียน
การพยาบาลผู้ป่วยหลังอาเจียน
จัดสิ่งแวดล้อม ดูแลให้อากาศถ่ายเท วางของให้เป็นระเบียบ ท าให้
ผู้ป่วยรู้สึกผ่อนคลายและพักผ่อนได้
ให้ผู้ป่วยพักผ่อนในบรรยากาศที่สงบ ลดการรบกวนจากภายนอก
ดูแลความสะอาดของร่างกายและเครื่องใช้
น้ าและอาหาร ในระยะแรกให้งดอาหารและน้ า และเริ่มให้ทีละน้อย เมื่อ
อาการดีขึ้นจึงให้อาหารธรรมดา ถ้าผู้ป่วยได้รับอาหารน้อยไปหรือไม่ได้รับเลย ต้องรายงานและปรึกษาแพทย์เพื่อทดแทนโดยให้สารน้ าทางหลอดเลือดดำ
การป้องกันและแก้ไขอาการอาเจียน
ให้ผู้ป่วยสูดหายใจเข้าออกลึก ๆ ยาว ๆ ภายหลังอาเจียน และเมื่อรู้สึก
คลื่นไส้
หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวร่างกายหรือเปลี่ยนท่าเร็ว ๆ รวมทั้งหลีกเลี่ยง
การมองสิ่งที่เคลื่อนไหวเร็ว ๆ ไปมา ผู้ป่วยควรนอนพักท่าศีรษะสูง หลับตานิ่ง ๆ
พิจารณาให้ยาระงับอาเจียน (Antiemetic drug) ตามแผนการรักษา
พยายามหลีกเลี่ยงและลดแหล่งของความเครียดต่าง ๆ ดูแลให้ผู้ป่วย
ผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ
พยายามหาสาเหตุแล้วแก้ไขที่สาเหตุ
ถ้าผู้ป่วยมีอาเจียนอย่างต่อเนื่องมักใส่สายเข้าทางจมูกลงสู่กระเพาะ
อาหารเป็นทางให้อาเจียนออกหรือเป็นทางใส่สารละลายเข้าไปล้างกระเพาะอาหารในกรณีกินยาพิษหรือสารพิษ บางครั้งอาจต่อกับเครื่องสุญญากาศให้มีการดูดออกด้วยแรงดันต่ า ๆ เป็นระยะ ๆ
สังเกตสิ่งต่าง ๆ เพื่อบันทึกและรายงานอย่างถูกต้อง ได้แก่ อาการที่เกิด
ร่วมกับการอาเจียน ลักษณะของอาเจียน จ านวน เวลาที่อาเจียน สัญญาณชีพ
ดูแลความสะอาดร่างกาย ปาก ฟัน เครื่องใช้ สิ่งแวดล้อม
การพยาบาลผู้ป่วยขณะอาเจียน เมื่อพบผู้ป่วยจะอาเจียน พยาบาลต้องรีบให้การช่วยเหลือโดยมีเป้าหมายให้ผู้ป่วยปลอดภัยและสุขสบาย
จัดให้ผู้ป่วยอยู่ในท่าที่อาเจียนออกได้สะดวก ช่วยลูบหลังลงเบา ๆ เพื่อ
ป้องกันการส าลักอาเจียนเข้าสู่หลอดลม
คอยอยู่เป็นเพื่อนขณะที่ผู้ป่วยก าลังอาเจียน พยาบาลควรเฝ้าดูด้วยความ
เห็นใจ สงบ ไม่ตื่นเต้น ไม่แสดงท่าทีรังเกียจ คอยให้ความช่วยเหลืออย่างกระตือรือร้น
จัดหาภาชนะรองรับอาเจียน เตรียมกระดาษเช็ดปากหรือผ้าไว้ให้ผู้ป่วย
ส าหรับเช็ดปาก
เตรียมพร้อมถ้ามีการอาเจียนซ้ า
Emaciation (ภาวะผอมแห้ง)
Bulimia Nervosa เป็นความผิดปกติของพฤติกรรมการรับประทาน โดยจะ
รับประทานวันละหลาย ๆ ครั้ง ครั้งละมาก ๆ
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีภาวะ Anorexia nervosa และ Bulimia nervosa
ดูแลด้านจิตใจ พยายามให้ช่วงเวลารับประทานอาหารเป็นเวลาที่จิตใจสบายสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายขณะที่รับประทานอาหารเท่าที่ท าได้
การใช้ยา แพทย์อาจพิจารณาให้ยากระตุ้นความอยากอาหาร ในรายที่ไม่พบโรคทางร่างกายและต้องการให้รับประทานอาหารมากขึ้น
ส่งเสริมความรู้สึกอยากอาหารให้มากที่สุดและลดความรู้สึกเบื่ออาหาร
การดูแลให้ผู้ป่วยได้รับอาหารเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
พิจารณาและแนะน าเลือกอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ
ส่งเสริมให้มีการเคลื่อนไหวของร่างกาย หรือท ากิจกรรมตามสภาพ
ร่างกายของผู้ป่วย ซึ่งจะท าให้ระบบทางเดินอาหารท างานได้ดีขึ้น
พยายามให้รับประทานอาหารทางปากมากที่สุด โดยอ านวยความสะดวก
และช่วยเหลือเกี่ยวกับการรับประทานตามความเหมาะสม
การให้อาหารด้วยวิธีพิเศษ
หาสาเหตุ ที่พบได้บ่อย ๆ
Anorexia nervosaภาวะเบื่ออาหารเป็นความรู้สึกไม่อยากรับประทาน
อาหาร อาจรู้สึกต่อต้าน เมื่อนึกถึงหรือเมื่อเห็นอาหาร รับประทานแล้วไม่ค่อยรู้สึกอร่อย
Abdominal distention (ภาวะท้องอืด)
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีภาวะท้องอืด
งดอาหารที่ท าให้เกิดแก๊ส
แสดงความเข้าใจและเห็นใจ และยินดีให้การช่วยเหลืออย่างจริงใจ
จัดให้นอนศีรษะสูง 45-60เพื่อช่วยลดอาการแน่นท้อง และผายลมสะดวก
ค้นหาสาเหตุที่ท าให้เกิดภาวะท้องอืดและช่วยเหลือตามสาเหต
Obesity (ภาวะอ้วน)
การพยาบาลผู้ที่มีภาวะอ้วน
หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่แป้งและไขมันสูง
รับประทานอาหารครั้งละน้อย แต่บ่อยครั้งและจ ากัดอาหารมื้อเย็น
จำกัดการใช้น้ ามัน ไขมัน น้ าตาล
หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารขณะดูโทรทัศน
จำกัดมื้ออาหารและสัดส่วนของอาหารตามพีระมิดอาหาร
เพิ่มการรับประทานอาหารที่มีใยอาหารจากผักผลไม้ และธัญพืชที่ไม่ขัดสี
คำนวณพลังงานที่ควรได้รับต่อวัน
ส่งเสริมให้ออกก าลังกายอย่างสม่ าเสมอหรือสัปดาห์ละ 3 วัน
Dysphagia and aphagia (ภาวะกลืนล าบากและกลืนไม่ได้)
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีภาวะกลืนลำบากและกลืนไม่ได้
ระมัดระวังการส าลัก
ดูแลด้านความสะอาดของร่างกาย โดยเฉพาะความสะอาดของปากและฟัน
ดูแลการได้รับยาตามแผนการรักษา
การเตรียมผู้ป่วยเพื่อตรวจหรือรักษา การตรวจรักษาโดยการส่องกล้องเข้าไปดูที่หลอดอาหาร (Esophagoscopy)หลังการตรวจผู้ป่วยอาจรู้สึกเจ็บและมีเสมหะมาก พยาบาลควรให้ค าแนะน าในการปฏิบัติตัวที่เหมาะสม รวมถึงบอกถึงความจ าเป็นของการตรวจ
ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับสารน้ าและอาหารอย่างเพียงพอ
การดูแลด้านจิตใจ ปลอบโยน ให้ก าลังใจ การสังเกตและการดูแลเอาใจใส่ที่ดีสามารถบอกถึงสาเหตุและอาจแก้ไขอาการได้
สังเกตและประเมินอาการเกี่ยวกับการกลืนไม่ได้หรือกลืนล าบากว่าเกิดขึ้น
ทันทีทันใดหรือค่อย ๆ มากขึ้น ชนิดของอาหารที่กลืนไม่ได้มีอาการเจ็บร่วมด้วยหรือไม่ รวมถึงประเมินภาวะโภชนาการและสมดุลของน้ าในร่างกายประเมินและติดตามเป็นระยะอย่างสม่ าเสมอโดยการชั่งน้ าหนัก บันทึกปริมาณน้ าที่ได้รับและที่ขับออกจากร่างกาย
การส่งเสริมภาวะโภชนาการในผู้ป่วยที่รับประทานอาหารเองไม่ได้
การให้อาหารทางสายยางให้อาหารจากจมูกถึงกระเพาะอาหาร
อุปกรณ์เครื่องใช้
ถุงมือสะอาด 1 คู่
Stethoscope
Toomey syringe ขนาด 50 ml 1 อัน
แก้วน้ า
ผ้ากันเปื้อน
กระดาษหรือผ้าเช็ดปาก
ในกรณีที่มียาหลังอาหารบดยาเป็นผงและละลายน้ าประมาณ 15-30 ซีซี
ส าลีชุบ 70% Alcohol 2 ก้อน
อาหารเหลวส าเร็จรูป หรืออาหารปั่น (Blenderized diet)
ชุดท าความสะอาดปาก ฟัน และจมูก
ถาดส าหรับใส่เครื่องใช้
วิธีปฏิบัติ
หักพับสาย ถอด Toomey syringe แล้วดึง Plunger ออก และต่อกระบอก
สูบเข้ากับส่วนปลายของสาย NG
เทอาหารใส่กระบอก Syringe คลายรอยพับออก และปล่อยให้อาหารไหลลงช้า ๆ ต่อเนื่องกันไปไม่ให้ขาดระยะ เพื่อป้องกันไม่ให้อากาศเข้ากระเพาะอาหาร
ทดสอบต าแหน่งของสายให้อาหาร
กรณีให้ยาหลังอาหาร
ก่อนที่อาหารจะหมดควรเหลืออาหารไว้ใน Syringe ประมาณ 10 ซีซี
และควรรินยาลงไปตรง ๆ
ก่อนยาจะหมด เหลือค้างใน Syringe ประมาณ 5 ซีซีเติมน้ าสะอาด
เพื่อไล่เศษอาหารและยาที่ตกค้างอยู่ในสายให้อาหาร
ปลดผ้าก๊อซที่หุ้มปลายสายให้อาหารออกท าความสะอาดปลายสายด้วย
ส าลีชุบ 70% Alcohol
หักพับปลายสายให้อาหาร และเช็ดปลายสายด้วยส าลีชุบ 70% Alcohol
ปูผ้ากันเปื้อนรองตรงปลายสายให้อาหาร
ปิดจุกสาย NG ใช้ก๊อสปิดไว้ให้เรียบร้อย
ท าความสะอาดปาก ฟัน กรณีใช้เครื่องช่วยหายใจต้องท าการดูดเสมหะก่อนให้ทางเดินหายในโล่ง
ให้ผู้ป่วยอยู่ในท่าเดิมอย่างน้อย 30 นาที เพื่อป้องกันอาหารไหลย้อนกลับ
อาจท าให้ส าลักได้
ไขหัวเตียงสูงเพื่อจัดให้ผู้ป่วยอยู่ในท่านั่ง ในกรณีที่ผู้ป่วยนั่งไม่ได้จัดให้นอนตะแคงขวา ช่วยให้อาหารเคลื่อนลงสู่กระเพาะอาหารและล าไส้เล็กได้สะดวก ป้องกันอาหารไหลย้อนกลับ
เก็บเครื่องใช้ท าความสะอาด และเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย
อธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจเหตุผล ข้อดีและประโยชน์ในการให้อาหารทางสายให้อาหาร
ลงบันทึกทางการพยาบาล
การถอดสายยางให้อาหารจากจมูกถึงกระเพาะอาหาร
อุปกรณ์เครื่องใช้
ส าลีชุบ 70% Alcohol
ไม้พันส าลีชุบเบนซิน (Benzene) และน้ าเกลือ (Normal saline)
น้ ายาบ้วนปาก
ถุงมือสะอาด
ชามรูปไต
ผ้าก๊อสสะอาด
ผ้ากันเปื้อนหรือผ้าเช็ดตัว
วิธีปฏิบัติ
ล้างมือให้สะอาด เช็ดให้แห้งและใส่ถุงมือ สวมmask
ปูผ้ากันเปื้อนหรือผ้าขนหนูและแกะพลาสเตอร์ที่ยึดสายจมูกออก
ตรวจค าสั่งการรักษา เพื่อยืนยันแผนการรักษา
หักพับสาย และดึงสายออก ขณะดึงสายให้ผู้ป่วยอ้าปากหายใจยาว ๆ ใช้ผ้าก๊อสจับสายที่ดึงออกมาด้วยมืออีกข้างหนึ่ง การดึงควรดึงอย่างนุ่มนวลแต่เร็วระวังสายยางสะบัด
ไขหัวเตียงสูงเพื่อจัดให้ผู้ป่วยอยู่ท่านั่ง
เช็ดรอยพลาสเตอร์ด้วยเบนซิน เช็ดตามด้วยน้ าเกลือและแอลกอฮอล์แล้วเช็ดให้แห้ง
อธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจเหตุผล
าความสะอาดปาก ฟัน และจมูก เพื่อช่วยให้รู้สึกสะอาด และสดชื่น
การใส่และถอดสายยางให้อาหารจากจมูกถึงกระเพาะอาหาร (Nasogastric intubation)
อุปกรณ์เครื่องใช้
สารหล่อลื่น
แก้วน้ า
Stethoscope
หลอดดูดน้ า
ถุงมือสะอาด 1 คู่
พลาสเตอร์
Toomey syringe ขนาด 50 ml 1 อัน
กระดาษเช็ดปาก
สาย NG tube เบอร์ 14-18 fr
ชามรูปไต
ถาดส าหรับใส่เครื่องใช
ผ้าเช็ดตัว
วิธีปฏิบัติ
น าสาย NG tube วัดต าแหน่งที่จะใส่สาย โดยวัดจากปลายจมูกถึงปลายติ่งหูและจากปลายติ่งหูถึงปลายกระดูกอก (Xiphoid process)โดยไม่ให้สาย NG สัมผัสตัวผู้ป่วย แล้วใช้พลาสเตอร์พันไว้เป็นเครื่องหมาย
เปิดห่อ Toomey syringe แล้วใส่ Plunger ให้เรียบร้อย พันสาย NG ให้อยู่
ในมือซ้าย พร้อมใส่สาย NG โดยใช้มือขวาจับปลายสาย NG แล้วหล่อลื่นปลายสาย NG ด้วย K.Y.jelly ประมาณ 5-6 นิ้ว
เปิดซองสาย NG tube จากนั้นบีบ K.Y. jelly ลงด้านในของซองสาย NG
tube โดยยังไม่หล่อลื่นสาย NG tube
บอกให้ผู้ป่วยตั้งศีรษะให้ตรงหรือเงยหน้าเล็กน้อย ใช้มือขวาจับปลายสาย
ด้านที่หล่อลื่นแล้ว โดยให้ห่างจากปลายสาย 3-4 นิ้ว ค่อย ๆ สอดเข้าทางรูจมูกแนวด้านข้างของจมูกเอียงเล็กน้อย โดยให้แนวโค้งของสายเข้าสู่แนวโค้งตามกายวิภาคของล าคอ
ใส่ถุงมือสะอาด และ Mask ตรวจดูรูจมูก ผนังกั้นจมูก โดยให้ผู้ป่วย
หายใจเข้าออกแรง ๆ ทีละข้าง ดูการผ่านของลมหายใจ
เมื่อสายผ่านถึงคอ (Posterior nasopharynx) ผู้ใส่หักข้อมือเล็กน้อยให้
ผู้ป่วยก้มศีรษะลง บอกให้ผู้ป่วยช่วยกลืนสายโดยกลืนน้ าลายหรือดูดน้ าที่เตรียมไว้พร้อมทั้งค่อย ๆ ดันสายอย่างนุ่มนวลตามจังหวะการกลืนจนถึงต าแหน่งที่ท าเครื่องหมายไว้ติดพลาสเตอร์ไว้คร่าว ๆ ถ้าผู้ป่วยไอหรือขย้อน หยุดดันสาย รอสักพักจนอาการสงบดีแล้วจึงใส่ต่อ ถ้ามีน้ าตา น้ ามูก น้ าลาย เช็ดด้วยกระดาษช าระ ถ้าผู้ป่วยยังคงส าลัก ไอมากขึ้นหายใจไม่สะดวก ร้องไม่ออก รีบดึงสายออกทันทีรอให้อาการสงบ แล้วเริ่มใส่ใหม่ทางรูจมูกอีกข้างหนึ่ง
จัดท่าให้ผู้ป่วย จัดให้ผู้ป่วยอยู่ในท่านั่งหรือนอนศีรษะสูง
ตรวจสอบว่าสาย NG เข้าไปถึงกระเพาะอาหาร
ใช้Toomey syringe ต่อกับปลายสายด้านนอก และดูดน้ าย่อยจาก
กระเพาะอาหาร สังเกตลักษณะของน้ าย่อยและลมที่ออกมา แล้วยก Toomey syringeขึ้นให้สูงน้ าย่อยและลมจะไหลกลับไปในกระเพาะอาหาร
ใช้Toomey syringe ดูดลมประมาณ 10 ซีซี ต่อกับปลายสายด้าน
นอกวาง Stethoscope ฟังบริเวณ Epigastrium และใช้ Toomey syringeันลมกลับเข้าอย่างรวดเร็วจะได้ยินเสียงอากาศผ่านเข้าไปในกระเพาะอาหาร
บอกให้ผู้ป่วยทราบถึงวัตถุประสงค์ของการใส่สายยางจากจมูกถึงกระเพาะ
อาหารปิดประตูหรือกั้นม่านให้เรียบร้อย
ใช้พลาสเตอร์พันสายติดกับจมูก ให้สายอยู่ตรงกลางรูจมูกโค้งปลายสาย ติดด้วยพลาสเตอร์ข้างโหนกแก้ม หรือคล้องใบหู แล้วกลัดด้วยเข็มกลัดติดกับเสื้อ ถ้าต้องใส่สายคาไว้ต้องปิดจุกให้เรียบร้อย
น าอุปกรณ์ที่เตรียมไว้ไปที่เตียงผู้ป่วย ตรวจสอบโดยดูป้ายชื่อ และสอบถามชื่อ-สกุลผู้ป่วยให้ถูกต้อง (ถูกคนถูกเตียง)
ท าความสะอาดปาก และจมูก
ล้างมือให้สะอาด
น าเครื่องใช้ไปท าความสะอาด เก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย
ตรวจสอบความถูกต้องของค าสั่งการรักษา
ลงบันทึกทางการพยาบาล
วัตถุประสงค์
เป็นการเพิ่มแรงดันเข้าไปในระบบทางเดินอาหาร (Compression)
้างภายในกระเพาะอาหาร (Gastric lavage) ใช้มากในกรณีที่กินยาพิษ
ได้รับยาเกินขนาด (Over dose)
เป็นการลดแรงดันในกระเพาะอาหารหรือล าไส้ (Decompression) เพื่อให้
แก๊ส สิ่งที่ค้างอยู่หรือน้ าคัดหลั่งระบายออก มักต้องต่อกับเครื่องดูดสุญญากาศ
เก็บสิ่งตกค้างในกระเพาะอาหารไปตรวจทางห้องปฏิบัติการ
เป็นทางให้อาหาร น้ า หรือยา ในกรณีที่ผู้ป่วยรับประทานทางปากไม่ได้หรือได้รับไม่เพียงพอ
การให้อาหารทางสายยางให้อาหารที่ใส่เข้าทางรูเปิดของกระเพาะอาหาร
อุปกรณ์เครื่องใช้เหมือนกับการให้อาหารทางสาย NG tube
วิธีปฏิบัติ
หักพับสาย ถอด Syringe แล้วดึง Plunger ออก และต่อกระบอกสูบเข้ากับ
สายให้อาหาร
เทอาหารใส่กระบอก Syringe และปล่อยให้อาหารไหลเข้าช้า ๆ ต่อเนื่องกันไปไม่ให้ขาดระยะ เพื่อป้องกันไม่ให้อากาศเข้ากระเพาะอาหาร หรือต่อส่วนปลายของสายชุดให้อาหารเข้ากับจุกเปิดของสายยางให้อาหาร
ใช้ Toomey syringe ต่อกับปลายสายดูด Gastric content เพื่อตรวจสอบ
ความสามารถของกระเพาะอาหารในการบีบไล่อาหารไปยังล าไส้เล็กกรณีของ Gastrostomy ส่วนกรณีของ Jejunostomy เพื่อตรวจสอบความสามารถในการดูดซึมของล าไส้เล็กส่วนนี้
กรณีให้ยาหลังอาหาร
ก่อนที่อาหารจะหมดควรเหลืออาหารค้างใน Syringe ประมาณ 10 ซีซี
และควรรินยาลงไปตรง ๆ
ก่อนยาจะหมด เหลือค้างใน Syringe ประมาณ 5 มล. เติมน้ าสะอาด
เพื่อไล่เศษอาหารและยา ที่ตกค้างอยู่ในสายให้อาหาร
ปลดผ้าก๊อซที่หุ้มปลายสายให้อาหารออกทำความสะอาดปลายสายด้วยสำลีชุบ 70% Alcohol
เช็ดปลายสายให้อาหารด้วยส าลีชุบ 70% Alcohol
ตรวจสอบคำสั่งการรักษา
หักพับปลายสายให้อาหาร เพื่อป้องกันอากาศเข้าไปในกระเพาะอาหาร
ล้างมือให้สะอาด ใส่ Mask
ปิดปลายสายอาหารให้เรียบร้อย
เปิดเสื้อผ้าบริเวณ Gastrostomy tube หรือ Jejunostomy tube
ออก ปูผ้ากันเปื้อนไว้ใต้ Tube
ให้ผู้ป่วยอยู่ในท่าเดิมอย่างน้อย 30 นาที เพื่อป้องกันอาหารไหลย้อน และ
ส าลักได้
จัดให้อยู่ในท่านั่ง หรือนอนในท่าศีรษะสูง
เก็บเครื่องใช้ท าความสะอาด และเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย
แจ้งและอธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจจุดประสงค์และวิธีทำ
ลงบันทึกทางการพยาบาล
วัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับอาหารตามความต้องการของร่างกาย
การป้อนอาหาร (Feeding)
อุปกรณ์เครื่องใช้
แก้วน้ าพร้อมน้ าดื่ม และหลอดดูดน้ า
กระดาษหรือผ้าเช็ดปาก
ช้อนหรือช้อนส้อม
ผ้ากันเปื้อน
ถาดอาหารพร้อมอาหาร
วิธีปฏิบัติ
การป้อนอาหาร
ไม่ควรจ้องหน้าผู้ป่วย ระวังการตักอาหารไม่ท าอาหารหกรดผู้ป่วย และ
เช็ดปากให้เมื่อเปื้อนอาหาร
หลังป้อนอาหารให้ผู้ป่วยดื่มน้ า บ้วนปาก หรือแปรงฟัน และเช็ดปากให้
สะอาด
จังหวะในการป้อนต้องสัมพันธ์กับความสามารถในการรับประทานอาหาร
เคี้ยวและกลืนของผู้ป่วย
เก็บถาดอาหาร และเครื่องใช้ต่าง ๆ เมื่อผู้ป่วยรับประทานเสร็จ
ขณะป้อนอาหารตักอาหารให้มีปริมาณที่เหมาะสม
ลงบันทึกทางการพยาบาล
สำหรับผู้ป่วยพิการ
้าผู้ป่วยจับช้อนไม่ถนัดควรสาธิตการใช้ช้อนและส้อมในการตักอาหารใส่
ปากหรือดัดแปลงที่จับของให้จับได้สะดวก
ถ้าผู้ป่วยรับประทานอาหารได้น้อย ควรรับประทานอาหารเหลวที่
สอดคล้องกับการแผนรักษาของแพทย์
การเตรียมผู้ป่วยและสิ่งแวดล้อม
ปูผ้ากันเปื้อนตั้งแต่ใต้คางลงไป หากผู้ป่วยที่อยู่ในท่านอนตะแคง ควรปู
บนที่ไหล่และหมอนด้วย
วางถาดอาหารในต าแหน่งที่ผู้ป่วยสามารถมองเห็นชนิดของอาหารได้
บอกรายการอาหารและเชิญชวนให้เกิดความอยากอาหารมื้อนั้น
จัดให้อยู่ในท่านั่ง กรณีที่นั่งไม่ได้จัดให้นอนตะแคงขวาเล็กน้อย
วางเครื่องใช้อื่น ๆ ในต าแหน่งที่สามารถหยิบได้สะดวก
ก่อนเวลาอาหาร แนะน าให้ผู้ป่วยออกก าลังกายบ้าง โดยเฉพาะในรายที่
เคลื่อนไหวด้วยตนเองได้ และควรหลีกเลี่ยงการกระท าที่ท าให้เกิดความเจ็บปวดหรือไม่สุขสบาย
ล้างมือให้สะอาดและเช็ดให้แห้ง
ส าหรับผู้ป่วยกลืนล าบาก
สอนวิธีการใช้ลิ้นและการกลืน เพื่อช่วยให้การกลืนได้ดีขึ้น
ควรเริ่มจากอาหารกึ่งแข็งกึ่งเหลวก่อน เพราะอาหารอ่อนจะง่ายต่อการ
กลืน แต่อาหารเหลวจะท าให้ส าลักง่ายควรหลีกเลี่ยงอาหารเหลวและอาหารที่ต้องอาศัยการเคี้ยวมาก
ให้อาหารครั้งละน้อยแต่บ่อยครั้ง
สอบถามผู้ป่วยถึงความรู้สึกเกี่ยวกับอาหารในปาก เพื่อดูว่ามีอาหารที่
เหลือค้างในปาก
จัดให้ผู้ป่วยอยู่ในท่านั่งหรือศีรษะสูงในลักษณะก้มเล็กน้อย เพื่อป้องกัน
การส าลัก
ในขณะรับประทานอาหารควรหยุดพักเป็นระยะ ๆ จะช่วยให้ได้
รับประทานอาหารได้มากขึ้น
วัตถุประสงค์ เพื่อให้ผู้ป่วยที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ได้รับอาหารตามความต้องการของร่างกาย
กระบวนการพยาบาลในการส่งเสริมภาวะโภชนาการ
การวางแผนการพยาบาล (Planning)
วัตถุประสงค์เพื่อไม่ให้เกิดภาวะทุพโภชนาการ
เกณฑ์การประเมิน
ผู้ป่วยได้รับสารอาหารตรงตามแผนการรักษาของแพทย์
ผู้ป่วยมีค่าดัชนีมวลกาย อยู่ในเกณฑ์ปกต
การปฏิบัติการพยาบาล (Implementation)
ใส่สายยางทางจมูกถึงกระเพาะอาหารให้แก่ผู้ป่วยตามแนวปฏิบัติ
ให้อาหารทางสายยางทางจมูกถึงกระเพาะอาหารตามแผนการรักษา
บอกวัตถุประสงค์ เตรียมความพร้อมของผู้ป่วย จัดท่าให้เหมาะสม ปิดกั้นม่าน
จัดให้ผู้ป่วยอยู่ในท่าศีรษะสูง อย่างน้อย 30 นาที หลังให้อาหารทางสายยาง
จัดเตรียมอุปกรณ์ในการใส่สาย NG และอาหารปั่นให้พร้อม ยกไปที่เตียงผู้ป่วย
ลงบันทึกทางการพยาบาล
ตรวจสอบแผนการรักษา ชื่อผู้ป่วย และอาหารปั่นให้ตรงกัน
ติดตาม ประเมินน้ าหนักตัวของผู้ป่วย โดยชั่งน้ าหนักทุกเช้า วันเว้นวัน
การวินิจฉัยทางการพยาบาล (Nursing diagnosis)
เสี่ยงต่อการเกิดภาวะทุพโภชนาการ เนื่องจากไม่สามารถรับประทานอาหารได้เอง
การประเมินผลการพยาบาล (Evaluation)
ประเมินผลลัพธ์การพยาบาล
ประเมินความสุขสบายของผู้ป่วย สังเกตสีหน้าท่าทางของผู้ป่วย
ประเมินผลกิจกรรมการพยาบาล
ประเมินการปฏิบัติถูกต้องครบและเป็นไปตามขั้นตอนของแนวปฏิบัติ
ประเมินผลภายหลังผู้ป่วยได้รับอาหารทางสายยางทางจมูกถึงกระเพาะ
อาหาร ไม่มีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้น
การประเมินภาวะสุขภาพ (Assessment)