Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่8 การส่งเสริมภาวะโภชนาการ - Coggle Diagram
บทที่8 การส่งเสริมภาวะโภชนาการ
ความหมายของโภชนาการและภาวะโภชนาการ
ความหมายของโภชนาการ(Nutrition)
โภชนาการ หมายถึง วิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับอาหาร สารอาหาร และสารอื่นที่มีอยู่ในอาหารหรือสารอาหาร
ภาวะโภชนาการ(Nutritional Status)
ภาวะโภชนาการ หมายถึง สิ่งที่แสดงถึงระดับที่ร่างกายจ าเป็นต้องได้รับสารอาหาร เพื่อน ามาใช้ในด้านสรีระอย่างเพียงพอ
ภาวะโภชนาการต่ ากว่าเกณฑ์ (Malnutrition)หมายถึง ภาวะที่ร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอกับความต้องการ โดยอาจขาดสารอาหารเพียง 1 ชนิด หรือมากกว่า
ภาวะโภชนาการเกิน(Over nutrition)หมายถึง ภาวะที่ร่างกายได้รับอาหารมากเกินความต้องการของร่างกาย
ปัจจัยที่มีผลต่อภาวะโภชนาการ
1)อายุพบว่าในวัยเด็กมีความต้องการสารอาหารมากกว่าในวัยผู้ใหญ่และวัยสูงอายุ
2)เพศพบว่าเพศชายต้องการพลังงานในหนึ่งวันมากกว่าเพศหญิง
3)การใช้ยาพบว่า ยาที่มีผลข้างเคียงให้เกิดอาการเบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียนเช่น ยารักษาวัณโรค-พีเอเอส
4)ภาวะสุขภาพพบว่า การเจ็บป่วยเรื้อรังมีผลต่อภาวะโภชนาการ
5)ความชอบส่วนบุคคลพบว่าความชอบและไม่ชอบบริโภคอาหารของแต่ละบุคคลมีผลต่อภาวะโภชนาการ เช่น บางคนชอบรับประทานอาหารหวานจัด อ
6)ผลจากการดื่มแอลกอฮอล์พบว่า การดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ท าให้ความรู้สึกอยากอาหารลดล
7) วิถีชีวิตปัจจุบันมีผู้เลือกด าเนินชีวิตตามวิถีสุขภาพโดยเลือกงดรับประทานสัตว์และผลิตภัณฑ์ที่ท ามาจากสัตว์
8) เศรษฐานะพบว่า ภาวะเศรษฐกิจดีท าให้ผู้คนเลือกรับประทานอาหารได้ตามความต้องการ
9) วัฒนธรรม ความเชื่อ และศาสนาพบว่าการด าเนินชีวิตตามบริบทของวัฒนธรรม ความเชื่อ และศาสนา
10)ปัจจัยด้านจิตใจ พบว่าความเครียด และความกลัวท าให้ความอยากอาหารลดลงรู้สึกเบื่ออาหาร
ความสำคัญของอาหารต่อภาวะเจ็บป่วยและความต้องการพลังงานของร่างกายในภาวะเจ็บป่วย
ความต้องการพลังงานของร่างกายในภาวะเจ็บป่วย
ขึ้นอยู่กับ เพศ อายุ ส่วนสูง น้ าหนัก และความรุนแรงของโรค สูตรค านวณความต้องการพลังงานพื้นฐาน
สูตร BEE เพศชายBEE = 66.47+ (13.75 x น้ าหนัก(Kg )) + (5.00 x ความสูง (Cm )) –(6.75 x อายุ (ปี))
สูตร BEE เพศหญิงBEE = 655.09 + (9.56 x น้ าหนัก (Kg)) +(1.85 x ความสูง(Cm )) –(4.68 x อายุ(ปี))
TEE = BEE x Activity factor x stressfactor
การประเมินภาวะโภชนาการ
การวัดสัดส่วนของร่างกาย
ดัชนีมวลของร่างกาย (Body Mass Index ; BMI) BMI= น้ าหนักตัว (กิโลกรัม)/ส่วนสูง(เมตร)2
การประเมินทางชีวเคมี (Biochemical assessment:B)
การประเมินภาวะโลหิตจาง (Anemia) ใช้ค่าของฮีโมโกลบิน (Hb) และค่าฮีมาโตรคิต (Hct) Hemoglobin (Hb) การแปลผลค่าต่ ากว่า 10 mg%แสดงผลภาวะโลหิตจาง-ชายค่าปกติ 14 –18 mg % -หญิงค่าปกติ 12-16mg%
การตรวจร่างกายทางคลินิก (Clinical assessment:C)
วิธีการตรวจร่างกายเช่นเดียวกับการประเมินภาวะสุขภาพ แต่จะให้ความสนใจตรวจร่างกายเบื้องต้น ได้แก่ ผิวหนัง ผม ฟัน เหงือก ริมฝีปาก ลิ้น และเปลือกตา ดังตัวอย่าง
การประเมินจากประวัติการรับประทานอาหาร(Dietary assessment:D)
ประกอบด้วย ประวัติการรับประทานอาหาร ชนิดของอาหารที่บริโภค พฤติกรรมการรับประทานอาหาร เป็นต้นดังตัวอย่าง-มีประวัติรับประทานอาหารเจตลอดชีวิต ผลการประเมิน: มีโอกาสขาดสารอาหารที่จ าเป็นต่อร่างกาย
การส่งเสริมภาวะโภชนาการในผู้ป่วยที่มีปัญหาภาวะโภชนาการ
Obesity(ภาวะอ้วน
ภาวะอ้วนคือ ร่างกายมีการสะสมของมวลไขมันในร่างกายมากเกินไป มีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ทั้งเพศชายและเพศหญิง ตั้งแต่ 30 ขึ้นไป และจากการวัดขนาดรอบเอวในผู้ชายรอบเอว มากกว่า 40 นิ้ว(102 เซนติเมตร)ผู้หญิง 35 นิ้ว (88 เซนติเมตร) อัตราส่วนรอบเอวต่อรอบสะโพก เพศชาย ≥0.9 เพศหญิง ≥0.85 (WHO อ้างในศิริพร ภัทรกิจก าจรและคณะ, 2554)
Emaciation(ภาวะผอมแห้ง)
Anorexianervosa
าวะเบื่ออาหารเป็นความรู้สึกไม่อยากรับประทานอาหาร อาจรู้สึกต่อต้าน เมื่อนึกถึงหรือเมื่อเห็นอาหาร รับประทานแล้วไม่ค่อยรู้สึกอร่อย ตรงข้ามกับความรู้สึกอยากอาหาร (Appetite) อาการเบื่ออาหารอาจเกิดควบคู่กับคลื่นไส้ อาเจียน กลไกการเกิดไม่ทราบแน่นอน
BulimiaNervosa
เป็นความผิดปกติของพฤติกรรมการรับประทานโดยจะรับประทานวันละหลายๆ ครั้ง ครั้งละมากๆ โดยหลังจากรับประทานเสร็จจะรู้สึกไม่สบายใจและรู้สึกผิดที่รับประทานเข้าไปมากมาย
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีภาวะAnorexianervosaและBulimianervosa
1)หาสาเหตุ ที่พบได้บ่อยๆ เช่น โรคปากและฟัน คออักเสบ โรคมะเร็ง เป็นต้นแล้วขจัดสาเหตุ
2) ส่งเสริมความรู้สึกอยากอาหารให้มากที่สุดและลดความรู้สึกเบื่ออาหารโดยจัดให้รับประทานอาหารในท่าสบาย
3)ดูแลด้านจิตใจ พยายามให้ช่วงเวลารับประทานอาหารเป็นเวลาที่จิตใจสบาย สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายขณะที่รับประทานอาหารเท่าที่ท าได้
4)การใช้ยา แพทย์อาจพิจารณาให้ยากระตุ้นความอยากอาหาร ในรายที่ไม่พบโรคทางร่างกายและต้องการให้รับประทานอาหารมากขึ้น
5) การดูแลให้ผู้ป่วยได้รับอาหารเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
Nausea and vomiting(อาการคลื่นไส้และอาเจียน)
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีอาการคลื่นไส้และอาเจียน
1)การพยาบาลผู้ป่วยขณะอาเจียนเมื่อพบผู้ป่วยจะอาเจียน พยาบาลต้องรีบให้การช่วยเหลือโดยมีเป้าหมายให้ผู้ป่วยปลอดภัยและสุขสบาย
2) สังเกตสิ่งต่างๆ เพื่อบันทึกและรายงานอย่างถูกต้อง ได้แก่ อาการที่เกิดร่วมกับการอาเจียน ลักษณะของอาเจียน
3) การพยาบาลผู้ป่วยหลังอาเจียน(1)ดูแลความสะอาดของร่างกายและเครื่องใช้(2)จัดสิ่งแวดล้อม ดูแลให้อากาศถ่ายเท วางของให้เป็นระเบียบ ท าให้ผู้ป่วยรู้สึกผ่อนคลายและพักผ่อนได้
4)การป้องกันและแก้ไขอาการอาเจียน 1) พยายามหาสาเหตุแล้วแก้ไขที่สาเหตุ(2) พยายามหลีกเลี่ยงและลดแหล่งของความเครียดต่างๆ ดูแลให้ผู้ป่วยผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ
5)ดูแลความสะอาดร่างกาย ปาก ฟัน เครื่องใช้ สิ่งแวดล้อม6) เตรียมพร้อมถ้ามีการอาเจียนซ้ า
Abdominal distention(ภาวะท้องอืด)
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีภาวะท้องอืด1) จัดให้นอนศีรษะสูง 45-60เพื่อช่วยลดอาการแน่นท้อง และผายลมสะดวก2) งดอาหารที่ท าให้เกิดแก๊ส เช่น มะม่วงดิบ แตงโม ผักสด เป็นต้น3) แสดงความเข้าใจและเห็นใจและยินดีให้การช่วยเหลืออย่างจริงใจ4) ค้นหาสาเหตุที่ท าให้เกิดภาวะท้องอืดและช่วยเหลือตามสาเหตุ
Dysphagia and aphagia(ภาวะกลืนล าบากและกลืนไม่ได้)
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีภาวะกลืนล าบากและกลืนไม่ได้
1) สังเกตและประเมินอาการเกี่ยวกับการกลืนไม่ได้หรือกลืนล าบากว่าเกิดขึ้นทันทีทันใดหรือค่อยๆ มากขึ้น
2) ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับสารน้ าและอาหารอย่างเพียงพอ3)ดูแลการได้รับยาตามแผนการรักษา4)ระมัดระวังการส าลัก5)ดูแลด้านความสะอาดของร่างกาย โดยเฉพาะความสะอาดของปากและฟัน
การส่งเสริมภาวะโภชนาการในผู้ป่วยที่รับประทานอาหารเองไม่ได้
การป้อนอาหาร(Feeding)
วัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ป่วยที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ได้รับอาหารตามความต้องการของร่างกาย
อุปกรณ์เครื่องใช้1) ถาดอาหารพร้อมอาหาร 2)ช้อนหรือช้อนส้อม3)แก้วน้ าพร้อมน้ าดื่ม และหลอดดูดน้ า4)กระดาษหรือผ้าเช็ดปาก 5)ผ้ากันเปื้อน
วิธีปฏิบัติ
การป้อนอาหาร(1) ขณะป้อนอาหารตักอาหารให้มีปริมาณที่เหมาะสม(2) จังหวะในการป้อนต้องสัมพันธ์กับความสามารถในการรับประทานอาหาร เคี้ยวและกลืนของผู้ป่วย(3)ไม่ควรจ้องหน้าผู้ป่วย ระวังการตักอาหารไม่ท าอาหารหกรดผู้ป่วย และเช็ดปากให้เมื่อเปื้อนอาหาร
(4) หลังป้อนอาหารให้ผู้ป่วยดื่มน้ า บ้วนปากหรือแปรงฟันและเช็ดปากให้สะอาด(5) เก็บถาดอาหาร และเครื่องใช้ต่างๆ เมื่อผู้ป่วยรับประทานเสร็จ(6) ลงบันทึกทางการพยาบาล
ส าหรับผู้ป่วยพิการ ควรปฏิบัติการพยาบาลเพิ่มเติมดังนี้(1)ถ้าผู้ป่วยจับช้อนไม่ถนัดควรสาธิตการใช้ช้อนและส้อมในการตักอาหารใส่ปากหรือดัดแปลงที่จับของให้จับได้สะดวก(2)ถ้าผู้ป่วยรับประทานอาหารได้น้อย ควรรับประทานอาหารเหลวที่สอดคล้องกับการแผนรักษาของแพทย์
การใส่และถอดสายยางให้อาหารจากจมูกถึงกระเพาะอาหาร(Nasogastric intubation)
วัตถุประสงค์1)เป็นทางให้อาหาร น้ า หรือยา ในกรณีที่ผู้ป่วยรับประทานทางปากไม่ได้หรือได้รับไม่เพียงพอ2) เป็นการลดแรงดันในกระเพาะอาหารหรือล าไส้ (Decompression) เพื่อให้แก๊ส สิ่งที่ค้างอยู่หรือน้ าคัดหลั่งระบายออก มักต้องต่อกับเครื่องดูดสุญญากาศ 3) เป็นการเพิ่มแรงดันเข้าไปในระบบทางเดินอาหาร
4) ล้างภายในกระเพาะอาหาร (Gastric lavage) ใช้มากในกรณีที่กินยาพิษได้รับยาเกินขนาด (Over dose)5) เก็บสิ่งตกค้างในกระเพาะอาหารไปตรวจทางห้องปฏิบัติการ การใส่สายยางให้อาหาร เพื่ออธิบายวัตถุประสงค์ของการใส่สายยางให้อาหารข้างต้นจะเรียงตามวัตถุประสงค์แต่ละข้อ
วิธีปฏิบัติ1) ตรวจสอบความถูกต้องของค าสั่งการรักษา2)ล้างมือให้สะอาด3) น าอุปกรณ์ที่เตรียมไว้ไปที่เตียงผู้ป่วย ตรวจสอบโดยดูป้ายชื่อ และสอบถามชื่อ-สกุลผู้ป่วยให้ถูกต้อง(ถูกคนถูกเตียง) 4) บอกให้ผู้ป่วยทราบถึงวัตถุประสงค์ของการใส่สายยางจากจมูกถึงกระเพาะอาหารปิดประตูหรือกั้นม่านให้เรียบร้อย5) จัดท่าให้ผู้ป่วย จัดให้ผู้ป่วยอยู่ในท่านั่งหรือนอนศีรษะสูง6) ใส่ถุงมือสะอาด และMaskตรวจดูรูจมูก ผนังกั้นจมูก โดยให้ผู้ป่วยหายใจเข้าออกแรงๆ ทีละข้าง ดูการผ่านของลมหายใจ
7) เปิดซองสาย NG tubeจากนั้นบีบ K.Y. jelly ลงด้านในของซองสายNG tubeโดยยังไม่หล่อลื่นสายNG tube8) น าสายNG tubeวัดต าแหน่งที่จะใส่สายโดยวัดจากปลายจมูกถึงปลายติ่งหูและจากปลายติ่งหูถึงปลายกระดูกอก 9) เปิดห่อ Toomey syringe แล้วใส่ Plunger ให้เรียบร้อย พันสาย NG ให้อยู่ในมือซ้าย พร้อมใส่สาย NG โดยใช้มือขวาจับปลายสาย NG
การให้อาหารทางสายยางให้อาหารจากจมูกถึงกระเพาะอาหาร
1)Bolus doseเป็นการให้อาหารทางสาย NG โดยใช้ Toomey syringe เหมาะส าหรับผู้ป่วยทั่วไปที่ไม่สามารถรับประทานอาหารทางปากได้เองเช่น ผู้ป่วยอัมพาต
2)Drip feedingเป็นการให้อาหารทางสาย NG โดยใช้ชุดให้อาหาร(Kangaroo)ดังรูปที่ 8.2 มีลักษณะคล้ายกับชุดให้สารน้ าสามารถปรับจ านวนหยดของอาหารและควบคุมเวลาการให้อาหารได้ตามความต้องการ
อุปกรณ์เครื่องใช้
1) ถาดส าหรับใส่เครื่องใช้2) อาหารเหลวส าเร็จรูป หรืออาหารปั่น (Blenderizeddiet)3) ในกรณีที่มียาหลังอาหารบดยาเป็นผงและละลายน้ าประมาณ 15-30 ซีซี4) ผ้ากันเปื้อน5) Toomey syringe ขนาด 50 ml 1 อัน 6) ถุงมือสะอาด 1 คู่
7) Stethoscope8) แก้วน้ า 9) กระดาษหรือผ้าเช็ดปาก10) ส าลีชุบ 70% Alcohol2 ก้อน 11) ชุดท าความสะอาดปาก ฟัน และจมูก
วิธีปฏิบัติ
1)อธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจเหตุผล ข้อดีและประโยชน์ในการให้อาหารทางสายให้อาหาร2)ไขหัวเตียงสูงเพื่อจัดให้ผู้ป่วยอยู่ในท่านั่ง ในกรณีที่ผู้ป่วยนั่งไม่ได้จัดให้นอนตะแคงขวา ช่วยให้อาหารเคลื่อนลงสู่กระเพาะอาหาร และล าไส้เล็กได้สะดวก ป้องกันอาหารไหลย้อนกลับ 3)ท าความสะอาดปาก ฟันกรณีใช้เครื่องช่วยหายใจต้องท าการดูดเสมหะก่อนให้ทางเดินหายในโล่ง
4) ปูผ้ากันเปื้อนรองตรงปลายสายให้อาหาร5) ปลดผ้าก๊อซที่หุ้มปลายสายให้อาหารออกท าความสะอาดปลายสายด้วยส าลีชุบ 70% Alcoho
การล้างภายในกระเพาะอาหาร(Gastric lavage)
วัตถุประสงค์
1) ล้างกระเพาะอาหารในกรณีที่ผู้ป่วยกินยาหรือสารพิษ2) ทดสอบหรือยับยั้งการมีเลือดออกจ านวนน้อยในทางเดินอาหารส่วนบน3) ตรวจสอบการอุดตันของสาย4) ตรวจหาเชื้อที่เป็นสาเหตุของโรคปอดและหลอดลม ในกรณีที่ไม่สามารถน าเสมหะจากผู้ป่วยไปตรวจได้ ปัจจุบันไม่นิยมใช้เพราะใช้เครื่องดูดเสมหะได้
อุปกรณ์เครื่องใช้
) ชุดล้างกระเพาะอาหาร (ภาชนะส าหรับใส่สารละลายทั้งส าหรับเทสารละลายและที่ดูดออกจากผู้ป่วย และ Toomey syringe)2) สารละลายที่ใช้ล้างกระเพาะอาหารใช้น้ าเกลือ (Isotonic saline)3) ชามรูปไตหรืออ่างกลม4) ผ้าเช็ดปากหรือผ้าขนหนูผืนเล็กหรือผ้ากันเปื้อน 5) สายยางส าหรับใส่ในกระเพาะอาหาร6) Ky jelly7) ถุงมือสะอาด 1 คู่และ Mask
วิธีปฏิบัติ
1)ตรวจสอบค าสั่งการรักษา2)ประเมินสภาพผู้ป่วยอธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจปิดประตูหรือกั้นม่านให้เรียบร้อย 3) ล้างมือก่อนจัดเตรียมอุปกรณ์เครื่องใช้4) เตรียมอุปกรณ์เครื่องใช้ให้พร้อม น าเครื่องใช้ต่างๆ ใส่ถาดหรือรถเข็นแล้วน าไปที่เตียงผู้ป่วย ท าการใส่สายยางก่อนวิธีปฏิบัติเหมือนการใส่สายให้อาหาร
5) ปูผ้าคลุมบนเตียงและตัวผู้ป่วยตรงที่จะปลดสาย6) ใช้Toomey syringe ดูดสารละลาย 50 ซีซี7) หักพับสายไว้ก่อนปลดรอยต่อ จากนั้นต่อสายกับกระบอกฉีดยาแล้วปล่อยสายที่หักพับไว้ ค่อยดันสารละลายผ่านกระบอกฉีดยาเข้าทางสาย ถ้ามีแรงต้าน ตรวจสอบการหักหรือพับงอของสาย และให้ผู้ป่วยพลิกตัวไปมา ถ้ายังมีแรงต้านให้รายงานแพทย์
8) ดูดน้ าออกเบาๆ หรือปล่อยให้สารละลายไหลออกเอง ถ้าไม่มีน้ าออกให้ผู้ป่วยพลิกตัวไปมา ถ้ายังดูดไม่ออกให้รายงานแพทย์บันทึกสารน้ าที่ใส่กับที่ดูดออกมาต้องมีปริมาณเท่ากัน9) ใส่สารละลายเข้าไปแล้วปล่อยหรือดูดน้ าออกเรื่อยๆ จนการไหลผ่านดี หรือครบจ านวนตามแผนการรักษาพับสายไว้ ปลดกระบอกฉีดยา ปิดปลายสาย10) ถ้ากรณีล้างกระเพาะอาหาร เพื่อห้ามเลือดในกระเพาะอาหาร ต้องท าการล้างจนสารน้ ามีลักษณะสีแดงจางที่สุด หรือมีลักษณะใส
11) เมื่อสิ้นสุดการล้างกระเพาะอาหารแล้ว ให้ท าความสะอาดช่องปากและจัดท่าผู้ป่วยในท่าที่สุขสบาย12) เก็บเครื่องใช้ท าความสะอาด และเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย13) ลงบันทึกทางการพยาบาล
กระบวนการพยาบาลในการส่งเสริมภาวะโภชนาการ
ตัวอย่างผู้ป่วยรายหนึ่งได้รับการวินิจฉัยโรคเป็นมะเร็งหลอดอาหาร ไม่สามารถรับประทานอาหารทางปากได้ น้ าหนักลดลง 10 กิโลกรัมภายใน 2 สัปดาห์ สีหน้าท่าทางอ่อนเพลีย ไม่สดชื่น ผิวหนังแห้ง เห็นกระดูกชัดเจน ญาติผู้ป่วยบอกไม่สามารถกลืนอะไรได้เลย จิบน้ าแค่เล็กน้อยก็ไหลออกทางปาก แพทย์มีแผนการรักษาให้ Retain NG tube for Feeding BD 250 ml x 5 Feedจงประยุกต์ใช้กระบวนการพยาบาลในการให้อาหารทางสายยางส าหรับผู้ป่วยรายนี้
การประเมินภาวะสุขภาพ (Assessment)S:ญาติผู้ป่วยบอกไม่สามารถกลืนอะไรได้เลย จิบน้ าแค่เล็กน้อยก็ไหลออกทางปาก O:จากการสังเกต ผู้ป่วยมีสีหน้าท่าทางอ่อนเพลีย ไม่สดชื่น ผิวหนังแห้ง ผอมจนเห็นกระดูกชัดเจน
การวินิจฉัยทางการพยาบาล (Nursing diagnosis)# เสี่ยงต่อการเกิดภาวะทุพโภชนาการ เนื่องจากไม่สามารถรับประทานอาหารได้เอง
3.การวางแผนการพยาบาล (Planning)วัตถุประสงค์เพื่อไม่ให้เกิดภาวะทุพโภชนาการเกณฑ์การประเมิน1) ผู้ป่วยได้รับสารอาหารตรงตามแผนการรักษาของแพทย์2) ผู้ป่วยมีค่าดัชนีมวลกาย อยู่ในเกณฑ์ปกติ
การปฏิบัติการพยาบาล (Implementation)
1) ตรวจสอบแผนการรักษา ชื่อผู้ป่วย และอาหารปั่นให้ตรงกัน2) จัดเตรียมอุปกรณ์ในการใส่สาย NG และอาหารปั่นให้พร้อม ยกไปที่เตียงผู้ป่วย3)บอกวัตถุประสงค์ เตรียมความพร้อมของผู้ป่วย จัดท่าให้เหมาะสม ปิดกั้นม่าน4)ใส่สายยางทางจมูกถึงกระเพาะอาหารให้แก่ผู้ป่วยตามแนวปฏิบัติ
5) ให้อาหารทางสายยางทางจมูกถึงกระเพาะอาหารตามแผนการรักษา6) จัดให้ผู้ป่วยอยู่ในท่าศีรษะสูง อย่างน้อย 30 นาที หลังให้อาหารทางสายยาง7) ลงบันทึกทางการพยาบาล8) ติดตาม ประเมินน้ าหนักตัวของผู้ป่วย โดยชั่งน้ าหนักทุกเช้า วันเว้นวัน
5.การประเมินผลการพยาบาล (Evaluation)สิ่งที่ต้องประเมิน
5.1 ประเมินผลลัพธ์การพยาบาล1) ประเมินความสุขสบายของผู้ป่วยสังเกตสีหน้าท่าทางของผู้ป่วย
5.2 ประเมินผลกิจกรรมการพยาบาล1) ประเมินการปฏิบัติถูกต้องครบและเป็นไปตามขั้นตอนของแนวปฏิบัติ2) ประเมินผลภายหลังผู้ป่วยได้รับอาหารทางสายยางทางจมูกถึงกระเพาะอาหารไม่มีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้น