Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การดูแลผู้ป่วยประเทศในทวีปยุโรปและทวีปอเมริกาประเทศรัสเซีย - Coggle Diagram
การดูแลผู้ป่วยประเทศในทวีปยุโรปและทวีปอเมริกาประเทศรัสเซีย
ภาพรวมถิ่นกำเนิด
ของประเทศรัสเซีย
ประเทศรัสเซียมีแนวคิดอุดมการณ์ชาตินิยมเป็นสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดความรัก ความนิยม ความเชื่อมั่น และความภาคภูมิใจในชาติ และทำให้ประชาชนรวมใจกันเป็นหนึ่งเดียวกัน
ต้นกำเนิดของประเทศรัสเซีย คือ ชาวสลาฟตะวันออกเป็นชนชาติแรกที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานในรัสเซีย บริเวณแม่น้ำนีเปอร์และแม่น้ำวอลกาทางตอนใต้ของประเทศ ทางตอนเหนือชนชาติสแกนดิเนเวียและไวกิ้งที่รู้จักในนามวาแรนเจียนได้ตั้งถิ่นฐานบริเวณแม่น้ำเนวา และทะเลสาบลาโดกา
สหพันธรัฐรัสเซียตั้งอยู่ทางตอนเหนือของทวีปเอเชียและมีพื้นที่ส่วนหนึ่งอยู่ในทวีปยุโรป มีเทือกเขาอูราเลสเป็นพรมแดนธรรมชาติกั้นระหว่างทวีปเอเชียและยุโรป พื้นที่รวม 17.08 ล้านตารางกิโลเมตร
สภาพภูมิประเทศของรัสเซียเป็นที่ราบกว้างทางด้านตะวันตกของเทือกเขาอูรัลมีเนินเขาเตี้ยๆ มีป่าสนและที่ราบกว้างใหญ่ในไซบีเรียและมีที่ราบสูงสลับกับภูเขาตลอดแนวเขตแดนทางทิศใต้
สภาพภูมิอากาศบริเวณที่ราบทางตอนใต้จะมีความชื้นสัมพัทธ์ใกล้เคียงกับด้านที่ติดกับทวีปยุโรป อากาศแบบกึ่งอาร์กติกในเขตไซบีเรีย ไปจนถึงภูมิอากาศแบบทุนดราทางขั้วโลกเหนือหน้าหนาวและหน้าร้อนในแต่ละพื้นที่จะมีอุณหภูมิแตกต่างกันออกไปเนื่องจากรัสเซียมีพื้นที่กว้าง
ประเทศรัสเซียมีผลกระทบของลักษณะภูมิประเทศที่สำคัญ คือ หน้าดินแข็งตัวเป็นส่วนใหญ่ในแถบไซบีเรียเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาภูเขาไฟที่ยังไม่ดับที่เกาะคูริล ภูเขาไฟระเบิดและ
แผ่นดินไหวมีน้ำป่าไหลหลากในฤดูใบไม้ผลิ และมีไฟป่าในฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วง
ประเทศรัสเซียมีระบอบการปกครองแบบ สหพันธรัฐมีประธานาธิบดีเป็นประมุขและเป็นหัวหน้ารัฐบาล และมีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารมีเมืองหลวงคือ กรุงมอสโคว (Moscow)
ประเทศรัสเซียมีประชากรกว่า 142.3 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นชาวรัสเซีย ที่เหลือเป็นเชื้อชาติอื่น ๆ ใช้ภาษารัสเซียเป็นภาษาราชการ และยังใช้เป็นภาษาราชการร่วมในคาซัคสถาน เบลารุส และคีร์กิซสถาน เป็น 1 ใน 6 ภาษาราชการของสหประชาชาติ
ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ นิกายออร์โธดอกซ์รัสเซียน,ที่เหลือนับถือศาสนาอิสลาม,คริสต์ศาสนานิกายคาทอลิก,และพุทธศาสนานิกายมหายาน
ประชาส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ ส่วนคนรัสเซียที่พูดภาษาอังกฤษได้ดีคือ คนที่ทำงานอยู่ในส่วนของโรงแรมหรือบริษัทท่องเที่ยว บริษัทเอกชนของต่างชาติ
ระบบการศึกษาและอาชีพ
การศึกษาของรัสเซียมีลักษณะเป็นระบบต่อเนื่องมีหลายรูปแบบของสถาบันการศึกษาในระดับต่างๆ ระดับการศึกษาในระบบการศึกษาของรัสเซียแบ่งเป็น
1.การศึกษาก่อนโรงเรียน
2.ประถม-มัธยมศึกษา
3.ประถม-มัธยมศึกษาพิเศษ/ อาชีวศึกษา
4.อุดมศึกษา มีระดับการศึกษาหลังปริญญาตรีอยู่อีก 2 ระดับ
Candidate of Sciences (Kandidaat Nauk)
Doctor of Sciences (Doktor Nauk)
รัสเซียเป็นประเทศที่มีพื้นที่ในการทำเกษตรเป็นส่วนใหญ่และชาวรัสเซียส่วนใหญ่ก็มีอาชีพในการทำเกษตรและพืชที่ใช้ในการทำเกษตรส่วนใหญ่ก็มักจะเป็น ข้าวสาลี,ข้าวโอ๊ต,ข้าวบาร์เลย์, ข่างไรย์ ถั่ว, ผลไม้ อีกหนึ่งอาชีพที่ชาวรัสเซียภาคภูมิใจคือการทำฟาร์มเลี้ยงสัตว์ เพราะ ทำเป็นฟาร์มขนาดใหญ่ควบคู่ไปกับการเพาะปลูกในลักษณะเกษตรแบบผสมการเลี้ยงสัตว์จะแตกต่างกนไปตามลักษณะภูมิประเทศ
ภาษาของประเทศรัสเซีย
ภาษารัสเซีย (русский язык) เป็นภาษากลุ่มสลาวิกที่ใช้เป็นภาษาพูดอย่างกว้างขวางที่สุดเป็นภาษาที่มีความสำคัญทางการเมืองในยุคที่สหภาพโซเวียตเรืองอำนาจและยังเป็นภาษาราชการภาษาหนึ่งของสหประชาชาติ
ภายในประเทศมีการพูดภาษารัสเซีย เบลารุส คาซัคสถาน คีร์กีซสถาน มอลโดวา ยูเครน อุซเบกิสถาน ทาจิกิสถาน อาเซอร์ไบจาน เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย ฟินแลนด์ โปแลนด์
ตระกูลภาษา
: อินโด-ยูโรเปียน บอลโต-สลาวิก สลาวิก สลาวิกตะวันออก ภาษารัสเซีย
ระบบการเขียน
: อักษรซีริลลิก
บทบาทสถาบันครอบครัว
สถาบันครอบครัวของประเทศรัสเซียได้มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน รัสเซียได้มี การเปลี่ยนผ่านอยู่ 3 ช่วงเวลาด้วยกัน คือ จักรวรรดิรัสเซีย สหภาพโซเวียต และสหพันธรัฐรัสเซีย สถาบันครอบครัวที่เปลี่ยนไปตามช่วงเวลานี้ทำให้คุณค่าของครอบครัวลดน้อยลง
โดยเริ่มจากสมัย จักรวรรดิรัสเซีย ครอบครัวรัสเซียมีความใกล้ชิดกันอย่างมาก มีลักษณะเป็นครอบครัวขยาย ซึ่งมี จำนวนสมาชิกในครอบครัวจำนวนมาก เนื่องจากต้องการแรงงานเพื่อทำการเกษตรอีกทั้งยังมีคน หลายรุ่นอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน ค่านิยมของการแต่งงานเป็นสิ่งสำคัญที่กดดันให้แต่งงาน
คนรัสเซีย จึงแต่งงานกันตั้งแต่อายุยังน้อย และมารดา 1คน ส่วนใหญ่จะมีบุตรมากถึง 8-10 คน ผู้คนส่วนใหญ่ ไม่มีการศึกษา ไม่สามารถอ่านออกเขียนได้ แต่ครอบครัวในช่วงจักรวรรดิรัสเซียยังเต็มไปด้วยระบบชายเป็นใหญ่ ที่ผู้หญิงต้องยอมรับอำนาจของสามี ดังนั้นสิทธิ เสรีภาพ และหน้าที่ของผู้หญิงจึงถูก จำกัดด้วยค่านิยม คือ การปรนนิบัติสามีและเป็นมารดาที่เลี้ยงดูบุตร
การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือ ในช่วงของสหภาพโซเวียต หลังจากการปฏิวัติรัสเซีย ค.ศ. 1917 ทำให้ระบบสังคมนิยมกำหนดค่านิยมของสังคมให้เปลี่ยนแปลงไป ระบบสังคมนิยมนี้เป็นการทำ ให้มนุษย์มีความเท่าเทียมกันนั่นหมายความว่าผู้หญิงได้รับการยกระดับสิทธิเสรีภาพของตัวเองมากขึ้น ระบบชายเป็นใหญ่ในสังคมได้มีการลดบทบาทลง แต่ยังหลงเหลืออยู่ในสังคม
ปัญหาที่สหภาพโซเวียตต้องเผชิญ คือ การขาดแคลนทรัพยากรมนุษย์ผู้ชายจากการรบในสงคราม ทำให้ผู้หญิง ต้องเปลี่ยนบทบาทของตัวเองเป็นผู้นำครอบครับ ผู้หญิงจึงกลายเป็นแรงขับเคลื่อนทางสังคมที่มี บทบาทเทียบเคียงกับผู้ชายนอกจากนี้นโยบาย 5 year-plan ของโจเซฟ สตาลิน ทำให้ผู้คนจาก ชนบทเข้ามาทำงานในเมืองใหญ่ๆ มากขึ้น ทำให้คนส่วนใหญ่ได้ทิ้งครอบครัวของตัวเองที่ชนบท และ เริ่มต้นชีวิตในเมืองใหญ่
สหพันธรัฐรัสเซียมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเกิดขึ้น เช่น การเปลี่ยนระบบเศรษฐกิจ เป็นระบบทุนนิยม การเข้ามาของแนวความคิดจากต่างประเทศ การเปลี่ยนแปลงของค่านิยมทาง สังคม สถาบันครอบครัวของรัสเซียสมัยใหม่จึงมีความเปราะบางอย่างเห็นได้ชัด ครอบครัวส่วนใหญ่ เป็นครอบครัวเดี่ยว ผู้คนส่วนใหญ่เข้ามาทำงานในเมืองใหญ่ๆ ทำให้ต้องมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น ขนาดของ ครอบครัวในสังคมจึงเล็กลงเรื่อยๆ ผู้หญิงมีบทบาทเท่าเทียมกับผู้ชาย แต่ก็มีบางอย่างที่ยังคงชายเป็น ใหญ่ในสังคม บทบาทของสตรีนิยมในรัสเซียเพิ่มขึ้นผู้หญิงจึงมีลักษณะเป็นเอกเทศมากขึ้นจากแต่ก่อน คนรุ่นใหม่ไม่ได้สัมผัสคุณค่าของครอบครัวแบบในอดีต
ด้วยสถาบันครอบครัวที่อ่อนแอลงนี้ ทำให้เกิดการแตกหักได้ง่ายหลายคนจึงเลือกอยู่ด้วยกันโดยไม่แต่งงาน เพื่อไม่มีพันธะซึ่งกันและกัน และ ไม่มีบุตร จะเห็นได้ว่าในช่วงรัสเซียสมัยใหม่นี้มีความสัมพันธ์แบบใหม่เกิดขึ้นทำให้สถาบัน ครอบครัวของรัสเซียจากอดีตจนถึงปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน
ดังนั้นครอบครัวจึงเปลี่ยนแปลงไปเป็นครอบครัวเดี่ยวมากขึ้นในช่วงปลาย ของสหภาพโซเวียตผู้คนส่วนใหญ่ในเมืองเลือกมีบุตรเพียงแค่ 1-2 คนเท่านั้น ดังนั้นครอบครัวในสมัย สหภาพโซเวียตจึงมีลักษณะที่มีขนาดเล็กลงและบทบาทของผู้หญิงที่ขึ้นเป็นผู้นำครอบครัว
อาณาเขต และการปกครอง
ของประเทศรัสเซีย
การที่เป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดและมีประชากรมากที่สุดประเทศหนึ่งของโลกจึงทำให้รัสเซีย มีการแบ่งเขตการปกครองเป็นหลายระดับและหลายประเภทซึ่งเป็นการแบ่งเขตการปกครองแบบสหพันธรัฐ โดยมีประธานาธิบดีเป็นประมุขของรัฐและหัวหน้ารัฐบาลมีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร ซึ่งประธานาธิบดีมาจากการเลือกตั้ง และอยู่ในตำแหน่งวาระละ 4 ปี และดำรงตำแหน่งได้ไม่เกิน 2 วาระติดต่อกันคณะรัฐมนตรีประกอบด้วยรัฐมนตรีทั้งสิ้น 27 คน (รวมนายกรัฐมนตรี) แต่งตั้งโดยประธานาธิบดี
ประเทศรัสเซียแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 7 เขตสหพันธ์ ซึ่งแต่ละเขตสหพันธ์แบ่งย่อยลงไปอีกเป็น สาธารณรัฐ ,ดินแดน,แคว้น ,นครสหพันธ์ ,แคว้นปกครองตนเอง,เขตปกครองตนเอง โดยทั้งสหพันธรัฐ
ประกอบด้วยหน่วยการปกครอง ทั้งหมด 83 หน่วย และแบ่งเป็น 21 สาธารณรัฐ 9เขตการปกครอง 46 มณฑล และ 2 นคร คือกรุงมอสโกและนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กซึ่งมีสถานภาพเดียวกับมณฑล 4 ภาคปกครองตนเอง และ 1 มณฑลปกครองตนเอง
โภชนาการ ของประเทศรัสเซีย
อาหารรัสเซียได้ชื่อว่าเป็นอาหารที่อุดมสมบูรณ์ด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ทั้งวิธีการทำก็แสนง่ายและไม่มีเครื่องปรุงแต่อย่างใด ส่วนประกอบหลักของอาหารรัสเซีย ได้แก่ พวกธ้ญพืชต่างๆ เช่น ข้าวไรย์ บาร์เล่ย์ ข้าวโอ๊ด ข้าวฟ่าง และข้าวสาลี จึงไม่น่าแปลกใจที่ขนมปังจะเป็นอาหารหลักของคนรัสเซีย ส่วนพายมักทำกันในช่วงเทศกาล หรือวันหยุด ไส้ที่นิยมได้แก่ ปลา เนื้อ และเบอร์รี่ อาหารหลักของรัสเซีย ประกอบไปด้วย ขนมปังดำ มันฝรั่ง เนื้อสัตว์ เนย ไส้กรอก นม ซุปจืด ผักดอง
เครื่องดื่มก็จะมี วอดก้า น้ำควาซ (Kvas) ทำมาจากการหมักขนมปังดำกับยีสต์มีรสชาติคล้ายกับเบียร์ สีเหลืองเข้มคล้ายกับน้ำมะนาว ใส่โซดา แต่มีแอลกอฮอล์น้อย ชาวรัสเซียส่วนใหญ่นิยมดื่มชามากที่สุด
เครื่องเทศที่คนรัสเซียนิยมมากที่สุดคือ อบเชย พริกไทย กานพลู และที่ขาดไม่ได้คือหอมหัวใหญ่
คนรัสเซียแบ่งอาหารของตัวเองออกเป็น 2 ประเภท คือ อาหารประจำวัน ที่เน้นความง่าย ใช้เวลาปรุงไม่นาน กับอาหารที่เป็นทางการที่ต้องพิถีพิถันเครื่องปรุงและใช้เวลาในการทำมากขึ้น
คนรัสเซียชอบกินผักมาก ไม่ว่าจะเป็นกระหล่ำปลี หัวผักกาด แตงกวา โดยนิยมทำเป็นผักสลัด กินกับน้ำสลัดรสเปรี้ยว อย่างไรก็ตามสิ่งที่ชาวรัสเซียนิยมมากอีกชนิดหนึ่ง คือ มันฝรั่ง อาหารที่เป็นที่นิยมของชาวรัสเซียจะเป็นพวก ซุปกะหล่ำแบบดั้งเดิม ซุปบีทรูท สลัดมันฝรั่ง สตูว์หมู เนื้อตุ๋นในครีมเข้มข้น
อาหารรัสเซียทั่วไป ประกอบด้วย สลัดผัก ซุปจืด ผักดอง อาหารจานหลักเป็นเนื้อสัตว์เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อปลา กับมันฝรั่งบดต้ม หรือผัด นอกจากนี้ก็ยังมีไขปลาคาเวียร์ ปลารมควัน ขนมปังเนย ซุปเซอซิ ชา กาแฟ และของหวาน
พิธีกรรมเกี่ยวกับความตาย
การระลึกถึงคนตาย
: การเฉลิมฉลองจะดำเนินการขึ้นฝนวันที่3,9และ40 เพราะในเวลาที่กำหนดวิญญาณของผู้เสียชีวิตจะปรากฏขึ้นต่อหน้าพระเจ้าซึ่งมีความเชื่อว่าสามวันแรกหลังความตายวิญญาณจะไปท่องเที่ยวทั่วโลกไปเยี่ยมยังสถานที่ที่ผู้ตายได้ทำบาป ตั้งแต่วันที่สามถึงวันที่เก้าวิญญาณจะเดินไปมาในสวรรค์
และวันที่เก้าถึงวันที่สี่สิบวิญญาณจะอยู่ในนรกเพื่อเฝ้าดูการทรมานของคนบาป ซึ่งวันที่สี่สิบคำถามกำหนดที่อยู่ของวิญญาณจะปรากฏขึ้น
หลักการลำลึกถึงผู้เสียชีวิต
1.อาหารที่ใช้ร่วมในการศพ คือ แพนเค้ก เยลลี่ นม และKutia
2.พิธีการฝั่งศพชาวรัสเซียมีความเชื่อว่าจะต้องมอบดอกไม้เป็นจำนวนคู่ แต่จะไม่ให้ความสำคัญกับสีของดอกไม้
ความเชื่อนิกายออร์โธดอกซ์
1.การรับศีลล้างบาปของนิกายออร์ธอดอกซ์ ยังทำกับเด็กทารก และใช้วิธีการดำน้ำ
2.การรับศีลมหาสนิทของนิกายออร์ธอดอกซ์ใช้ขนมปังและเหล้าไวน์
3.ยอมให้นักบวชสามารถแต่งงานได้ก่อนบวช
4.นักบวชและนักคิดของทางตะวันออกมีอิทธิพลต่อนิกายออร์ธอดอกซ์ ทำให้มีลักษณะเป็นเทววิทยาและลึกลับมากกว่า
5.ส่งเสริมชีวิตประชาชนให้ดำเนินชีวิตแบบเรียบง่าย โดยเฉพาะนักบวชนั้นจะต้องไม่ฟุ้งเฟ้อ มีความอดทน กล้าหาญ ไม่อาลัยในความสุข ละความรักแบบโลก ๆ แต่เคร่งครัดศรัทธาในศาสนาอย่างจริงจัง
6.ชาวรัสเซียมีความเชื่อว่าการประกอบพิธีเดินลงบ่อน้ำเย็นโดยการแช่ตัวและเดินผ่านในน้ำที่เย็นมากๆ ถือว่าเป็นการชำระบาปซึ่งถือเป็นการเฉลิมฉลองเทศการคริสมาสของผู้ที่นับถือนิกายออร์ธอดอกซ์
7.เลข 13 คือเลขแห่งความโชคร้าย
8.เลขที่ดีที่สุดของชาวรัสเซีย คือ เลข 3 มาจากการนับในศาสนาคริสต์จะมีคำว่า พระบิดา พระบุตร และพระจิต
9.ถ้ามีแมวดำเดินตัดหน้าจะถือว่า วันนั้นเห็นจะโชคไม่ดี วิธีการแก้ไข คือ ให้ถ่มน้ำลายรดไหล่ซ้ายตัวเอง 3 ที
10.ห้ามผิวปากในรถหรือในสถานที่มีหลังคาเพราะจะทำให้ไม่มีเงิน