Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การส่งเสริมภาวะโภชนาการ - Coggle Diagram
การส่งเสริมภาวะโภชนาการ
ความหมายของโภชนาการและภาวะโภชนาการ
ความหมายของโภชนาการ (Nutrition)
วิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับอาหาร สารอาหาร และสารอื่นที่มีอยู่ในอาหารหรือสารอาหาร
วิทยาศาสตร์แขนงหนึ่งที่ศึกษาถึงการเปลี่ยนแปลงของอาหารทั้ง ทางด้านอินทรีย์เคมี อนินทรีย์เคมี ชีววิทยา และฟิสิกส์ของอาหาร
ในทางโภชนาการมิได้มุ่งหวังเพียงจัดการปรุงแต่งอาหารให้มีรสชาติดี สีสัน สวยงาม ราคาถูกมาบริโภคเท่านั้น
มุ่งเน้นเรื่องคุณภาพของอาหาร หรือปริมาณของ สารอาหารที่ร่างกายจะนํามาใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด
ภาวะโภชนาการ (Nutritional Status)
ภาวะโภชนาการดี (Good nutritional status)
ภาวะที่ร่างกายได้รับอาหารที่ ถูกหลักโภชนาการ
ภาวะโภชนาการไม่ดี (Bad nutritional status)
ภาวะที่ร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ
ภาวะโภชนาการต่ำกว่าเกณฑ์ (Malnutrition)
ภาวะที่ร่างกายได้รับ สารอาหารไม่เพียงพอกับความต้องการ
ภาวะโภชนาการเกิน (Over nutrition)
ภาวะที่ร่างกายได้รับอาหาร มากเกินความต้องการของร่างกาย
ปัจจัยที่มีผลต่อภาวะโภชนาการ
การใช้ยา
ภาวะสุขภาพ
ความชอบส่วนบุคคล
ผลจากการดื่มแอลกอฮอล์
วิถีชีวิต
เพศ
เศรษฐานะ
วัฒนธรรม ความเชื่อ และศาสนา
ปัจจัยด้านจิตใจ
อายุ
ความสําคัญของอาหารต่อภาวะเจ็บป่วยและความต้องการพลังงานของร่างกายใน ภาวะเจ็บป่วย
มีความสําคัญต่อภาวะการเจ็บป่วย และ ด้วยศาสตร์การดูแลสุขภาพด้วยการแพทย์ทางเลือก การแพทย์ผสมผสาน ดังภูมิปัญญาของหมอ
พยาบาลควรมีความรู้ ความเข้าใจในวิถีการดําเนินชีวิตของผู้ป่วย และนําองค์ ความรู้ของศาสตร์การแพทย์แผนปัจจุบันมาประยุกต์ใช้กับภูมิปัญญาพื้นบ้านในการดูแลสุขภาพจะทําให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ความต้องการพลังงานของร่างกายในภาวะเจ็บป่วยขึ้นอยู่กับ
อายุ
ส่วนสูง
เพศ
น้ำหนัก
ความรุนแรงของโรค
ความต้องการพลังงานหรือพลังงานที่ต้องการใช้ (Energy Expenditure: EE)
เป็น พลังงานที่เพียงพอหรือเหมาะสมกับความต้องการของร่างกายในการสร้าง ATP
ความต้องการพลังงานพื้นฐาน (BEE)
หรือพลังงานที่ ต้องการขณะพัก ( REE )
พลังงานที่น้อยที่สุดที่ทําให้ เกิดกระบวนการเมทาบอลิสซึมของร่างกายก่อนที่จะมีการทํางานของอวัยวะอื่น ๆ
ความต้องการพลังงานทั้งหมด (Total Energy Expenditure: TEE)
ผลรวม ของพลังงานทั้งหมดใน 1 วัน ซึ่งรวมถึง BEE พลังงานที่ใช้ในการย่อย และดูดซึมสารอาหาร
สูตรคํานวณความต้องการพลังงานพื้นฐาน
สูตร BEE เพศชาย BEE = 66.47+ (13.75 x น้ำหนัก (Kg)) + (5. 00 x ความสูง (Cm ) - (6.75 x อายุ (ปี)
สูตร BEE เพศหญิง BEE = 655.09 + (9.56 x น้ำหนัก (Kg) +(1.85 x ความสูง (Cm )) (4.68 x อายุ (ปี)
TEE = BEE x Activity factor x stress factor
การประเมินภาวะโภชนาการ
การวัดสัดส่วนของร่างกาย (Anthropometric measurement: A)
ดัชนีมวลของร่างกาย (Body Mass Index ; BMI)
การประเมินทางชีวเคมี (Biochemical assessment: B)
เป็นวิธีการเจาะ เลือด เพื่อประเมินภาวะโภชนาการ
การตรวจร่างกายทางคลินิก (Clinical assessment: C)
หากไม่มีการเจาะเลือด ให้ใช้การตรวจร่างกาย เบื้องต้น
สังเกตดูลักษณะเล็บเรียบเป็นมัน มีสีชมพู
ตรวจดูฝ่ามือ ให้เทียบกันทั้ง 2 ข้าง (ปกติจะมีสีชมพู)
ตรวจ Conjunctiva ของเปลือกตาล่าง (ปกติจะมีสีชมพูค่อนข้างแดง)
เป็นวิธีการตรวจ ร่างกายเช่นเดียวกับการประเมินภาวะสุขภาพ เช่น การประเมินภาวะซีด
การประเมินจากประวัติการรับประทานอาหาร(Dietary assessment: D)
มีประวัติชอบรับประทานอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ ผลการประเมิน: มีโอกาสเกิดโรคพยาธิใบไม้ในตับ
มีประวัติเลือกรับประทานอาหารประเภททอด และอาหารรสหวาน ผลการประเมิน: มีโอกาสเกิดภาวะโภชนาการเกิน (น้ำหนักเกินมาตรฐาน)
มีประวัติรับประทานอาหารเจตลอดชีวิต ผลการประเมิน มีโอกาสขาดสารอาหารที่จําเป็นต่อร่างกาย
การส่งเสริมภาวะโภชนาการในผู้ป่วยที่มีปัญหาภาวะโภชนาการ
Obesity (ภาวะอ้วน)
การพยาบาลผู้ที่มีภาวะอ้วน
หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่แป้งและไขมันสูง
รับประทานอาหารครั้งละน้อย แต่บ่อยครั้งและจํากัดอาหารมื้อเย็น
จํากัดการใช้น้ำมัน ไขมัน น้ำตาล
หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารขณะดูโทรทัศน์
จํากัดมื้ออาหารและสัดส่วนของอาหารตามพีระมิดอาหาร
เพิ่มการรับประทานอาหารที่มีใยอาหารจากผักผลไม้ และธัญพืชที่ไม่ขัดสี
คํานวณพลังงานที่ควรได้รับต่อวัน
ส่งเสริมให้ออกกําลังกายอย่างสม่ําเสมอหรือสัปดาห์ละ 3 วัน
ร่างกายมีการสะสมของมวลไขมันมากเกินไป
Emaciation (ภาวะผอมแห้ง)
Bulimia Nervosa
เป็นความผิดปกติของพฤติกรรมการรับประทาน โดยจะรับประทานวันละหลาย ๆ ครั้ง
หลังจากรับประทานเสร็จจะรู้สึกไม่สบายใจและ รู้สึกผิดที่รับประทานเข้าไปมากมาย จึงต้องหาวิธีเอาออกโดยอาจล้วงคอให้อาเจียนออกมาจนหมด
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีภาวะ Anorexia nervosa และ Bulimia nervosa
หาสาเหตุ และขจัดสาเหตุ
ส่งเสริมความรู้สึกอยากอาหารให้มากที่สุดและลดความรู้สึกเบื่ออาหาร
ดูแลด้านจิตใจ
การใช้ยา แพทย์อาจพิจารณาให้ยากระตุ้นความอยากอาหาร
การดูแลให้ผู้ป่วยได้รับอาหารเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
พิจารณาและแนะนําเลือกอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ
ส่งเสริมให้มีการเคลื่อนไหวของร่างกาย หรือทํากิจกรรมตามสภาพ ร่างกายของผู้ป่วย
พยายามให้รับประทานอาหารทางปากมากที่สุด โดยอํานวยความสะดวก และช่วยเหลือเกี่ยวกับการรับประทานตามความเหมาะสม
การให้อาหารด้วยวิธีพิเศษ เช่น การให้อาหารทางสายที่ใส่ทางจมูกถึงกระเพาะอาหาร
Anorexia nervosa
ภาวะเบื่ออาหารเป็นความรู้สึกไม่อยากรับประทาน อาหาร อาจรู้สึกต่อต้าน
Nausea and vomiting (อาการคลื่นไส้และอาเจียน)
การพยาบาลผู้ป่วยขณะอาเจียน
จัดให้ผู้ป่วยอยู่ในท่าที่อาเจียนออกได้สะดวก ช่วยลูบหลังลงเบา ๆ เพื่อ ป้องกันการสําลักอาเจียนเข้าสู่หลอดลม
คอยอยู่เป็นเพื่อนขณะที่ผู้ป่วยกําลังอาเจียน พยาบาลควรเฝ้าดู
จัดหาภาชนะรองรับอาเจียน เตรียมกระดาษเช็ดปากหรือผ้าไว้ให้ผู้ป่วย สําหรับเช็ดปาก
สังเกตสิ่งต่าง ๆ เพื่อบันทึกและรายงานอย่างถูกต้อง
การพยาบาลผู้ป่วยหลังอาเจียน
จัดสิ่งแวดล้อม ดูแลให้อากาศถ่ายเท วางของให้เป็นระเบียบ ทําให้ ผู้ป่วยรู้สึกผ่อนคลายและพักผ่อนได้
ให้ผู้ป่วยพักผ่อนในบรรยากาศที่สงบ ลดการรบกวนจากภายนอก
ดูแลความสะอาดของร่างกายและเครื่องใช้
น้ำและอาหาร ในระยะแรกให้งดอาหารและน้ำ และเริ่มให้ทีละน้อย เมื่ออาการดีขึ้นจึงให้อาหารธรรมดา
การป้องกันและแก้ไขอาการอาเจียน
ให้ผู้ป่วยสูดหายใจเข้าออกลึก ๆ ยาว ๆ ภายหลังอาเจียน และเมื่อรู้สึก คลื่นไส้
หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวร่างกายหรือเปลี่ยนท่าเร็ว ๆ รวมทั้งหลีกเลี่ยง การมองสิ่งที่เคลื่อนไหวเร็ว ๆ
พยายามหลีกเลี่ยงและลดแหล่งของความเครียดต่าง ๆ ดูแลให้ผู้ป่วย ผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ
พิจารณาให้ยาระงับอาเจียน (Antiemetic drug) ตามแผนการรักษา
พยายามหาสาเหตุแล้วแก้ไขที่สาเหตุ
ถ้าผู้ป่วยมีอาเจียนอย่างต่อเนื่องมักใส่สายเข้าทางจมูกลงสู่กระเพาะ
ดูแลความสะอาดร่างกาย ปาก ฟัน เครื่องใช้ สิ่งแวดล้อม
เตรียมพร้อมถ้ามีการอาเจียนซ้ำ
Abdominal distention (ภาวะท้องอืด)
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีภาวะท้องอืด
งดอาหารที่ทําให้เกิดแก๊ส เช่น มะม่วงดิบ แตงโม ผักสด เป็นต้น
แสดงความเข้าใจและเห็นใจ และยินดีให้การช่วยเหลืออย่างจริงใจ
จัดให้นอนศีรษะสูง 45-60° เพื่อช่วยลดอาการแน่นท้อง และผายลมสะดวก
ค้นหาสาเหตุที่ทําให้เกิดภาวะท้องอืดและช่วยเหลือตามสาเหตุ
Dysphagia and aphagia (ภาวะกลืนลําบากและกลืนไม่ได้)
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีภาวะกลืนลําบากและกลืนไม่ได้
ระมัดระวังการสําลัก
ดูแลด้านความสะอาดของร่างกาย โดยเฉพาะความสะอาดของปากและฟัน
ดูแลการได้รับยาตามแผนการรักษา
การเตรียมผู้ป่วยเพื่อตรวจหรือรักษา
ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับสารน้ำและอาหารอย่างเพียงพอ
การดูแลด้านจิตใจ ปลอบโยน ให้กําลังใจ การสังเกตและการดูแลเอาใจใส่ที่ดี
สังเกตและประเมินอาการเกี่ยวกับการกลืนไม่ได้หรือกลืนลําบากว่าเกิดขึ้น
เป็นความรู้สึกที่ผู้ป่วยเกิดความลําบากในการกลืน อาจ รู้สึกว่ากลืนแล้วติดอยู่ที่ใดที่หนึ่งหรือกลืนแล้วรู้สึกเจ็บทั้งสองอย่าง
การส่งเสริมภาวะโภชนาการในผู้ป่วยที่รับประทานอาหารเองไม่ได้
การป้อนอาหาร (Feeding)
วัตถุประสงค์
เพื่อให้ผู้ป่วยที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ได้รับอาหารตาม ความต้องการของร่างกาย
อุปกรณ์เครื่องใช้
แก้วน้ำพร้อมน้ำดื่ม และหลอดดูดน้ำ
กระดาษหรือผ้าเช็ดปาก
ช้อนหรือช้อนส้อม
ผ้ากันเปื้อน
ถาดอาหารพร้อมอาหาร
วิธีปฏิบัติ
การป้อนอาหาร
ขณะป้อนอาหารตักอาหารให้มีปริมาณที่เหมาะสม
จังหวะในการป้อนต้องสัมพันธ์กับความสามารถในการรับประทานอาหาร เคี้ยวและกลืนของผู้ป่วย
ไม่ควรจ้องหน้าผู้ป่วย ระวังการตักอาหารไม่ทําอาหารหกรดผู้ป่วย และ เช็ดปากให้เมื่อเปื้อนอาหาร
หลังป้อนอาหารให้ผู้ป่วยดื่มน้ำ บ้วนปาก หรือแปรงฟัน และเช็ดปากให้สะอาด
เก็บถาดอาหาร และเครื่องใช้ต่าง ๆ เมื่อผู้ป่วยรับประทานเสร็จ
ลงบันทึกทางการพยาบาล
สําหรับผู้ป่วยกลืนลําบาก
สอนวิธีการใช้ลิ้นและการกลืน เพื่อช่วยให้การกลืนได้ดีขึ้น
ควรเริ่มจากอาหารกึ่งแข็งกึ่งเหลวก่อน เพราะอาหารอ่อนจะง่ายต่อการ กลืน แต่อาหารเหลวจะทําให้สําลักง่าย ควรหลีกเลี่ยงอาหารเหลวและอาหารที่ต้องอาศัยการเคี้ยวมาก
สอบถามผู้ป่วยถึงความรู้สึกเกี่ยวกับอาหารในปาก เพื่อดูว่ามีอาหารที่ เหลือค้างในปาก
ให้อาหารครั้งละน้อยแต่บ่อยครั้ง
จัดให้ผู้ป่วยอยู่ในท่านั่งหรือศีรษะสูงในลักษณะก้มเล็กน้อย เพื่อป้องกัน การสําลัก
ในขณะรับประทานอาหารควรหยุดพักเป็นระยะ ๆ จะช่วยให้ได้ รับประทานอาหารได้มากขึ้น
การเตรียมผู้ป่วยและสิ่งแวดล้อม
ปูผ้ากันเปื้อนตั้งแต่ใต้คางลงไป หากผู้ป่วยที่อยู่ในท่านอนตะแคง ควรปู บนที่ไหล่และหมอนด้วย
วางถาดอาหารในตําแหน่งที่ผู้ป่วยสามารถมองเห็นชนิดของอาหารได้ บอกรายการอาหารและเชิญชวนให้เกิดความอยากอาหารมื้อนั้น
จัดให้อยู่ในท่านั่ง กรณีที่นั่งไม่ได้จัดให้นอนตะแคงขวาเล็กน้อย
วางเครื่องใช้อื่น ๆ ในตําแหน่งที่สามารถหยิบได้สะดวก
ก่อนเวลาอาหาร แนะนําให้ผู้ป่วยออกกําลังกายบ้าง โดยเฉพาะในรายที่ เคลื่อนไหวด้วยตนเองได้
ล้างมือให้สะอาดและเช็ดให้แห้ง
สําหรับผู้ป่วยพิการ
ถ้าผู้ป่วยจับช้อนไม่ถนัดควรสาธิตการใช้ช้อนและส้อมในการตักอาหารใส่ ปากหรือดัดแปลงที่จับของให้จับได้สะดวก
ถ้าผู้ป่วยรับประทานอาหารได้น้อย ควรรับประทานอาหารเหลวที่ สอดคล้องกับการแผนรักษาของแพทย์
การใส่และถอดสายยางให้อาหารจากจมูกถึงกระเพาะอาหาร (Nasogastric intubation)
วัตถุประสงค์
เป็นการเพิ่มแรงดันเข้าไปในระบบทางเดินอาหาร (Compression)
ล้างภายในกระเพาะอาหาร (Gastric lavage) ใช้มากในกรณีที่กินยาพิษ ได้รับยาเกินขนาด (Over dose)
เป็นการลดแรงดันในกระเพาะอาหารหรือลําไส้ (Decompression) เพื่อให้ แก๊ส สิ่งที่ค้างอยู่หรือน้ำคัดหลั่งระบายออก มักต้องต่อกับเครื่องดูดสุญญากาศ
เก็บสิ่งตกค้างในกระเพาะอาหารไปตรวจทางห้องปฏิบัติการ
เป็นทางให้อาหาร น้ำ หรือยา ในกรณีที่ผู้ป่วยรับประทานทางปากไม่ได้หรือ ได้รับไม่เพียงพอ
อุปกรณ์เครื่องใช้
สารหล่อลื่น เช่น K.Y. jelly เป็นต้น
แก้วน้ำ
Stethoscope
หลอดดูดน้ำ
ถุงมือสะอาด 1 คู่
พลาสเตอร์
Toomey Syringe ขนาด 50 ml 1 อัน
กระดาษเช็ดปาก
สาย NG tube เบอร์ 14-18 fr.
ชามรูปไต
ถาดสําหรับใส่เครื่องใช้
ผ้าเช็ดตัว
วิธีปฏิบัติ
เปิดห่อ Toomey Syringe แล้วใส่ Plunger ให้เรียบร้อย
บอกให้ผู้ป่วยตั้งศีรษะให้ตรงหรือเงยหน้าเล็กน้อย
นําสาย NG tube วัดตําแหน่งที่จะใส่สาย
เมื่อสายผ่านถึงคอ (Posterior nasopharynx) ผู้ใส่หักข้อมือเล็กน้อยให้ ผู้ป่วยก้มศีรษะลง
เปิดซองสาย NG tube จากนั้นบีบ K.Y. jelly ลงด้านในของซองสาย NG tube โดยยังไม่หล่อลื่นสาย NG tube
ตรวจสอบว่าสาย NG เข้าไปถึงกระเพาะอาหาร
ใช้ Toomey Syringe ต่อกับปลายสายด้านนอก และดูดน้ำย่อยจาก กระเพาะอาหาร
ใช้ Toomey Syringe ดูดลมประมาณ 10 ซีซี ต่อกับปลายสายด้าน
ใส่ถุงมือสะอาด และ Mask ตรวจดูรูจมูก ผนังกั้นจมูก โดยให้ผู้ป่วย หายใจเข้าออกแรง ๆ ที่ละข้าง ดูการผ่านของลมหายใจ
ใช้พลาสเตอร์พันสายติดกับจมูก
จัดท่าให้ผู้ป่วย จัดให้ผู้ป่วยอยู่ในท่านั่งหรือนอนศีรษะสูง
ทําความสะอาดปาก และจมูก
บอกให้ผู้ป่วยทราบถึงวัตถุประสงค์ของการใส่สายยางจากจมูกถึงกระเพาะ อาหารปิดประตูหรือกนม่านให้เรียบร้อย
นําเครื่องใช้ไปทําความสะอาด เก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย
นําอุปกรณ์ที่เตรียมไว้ไปที่เตียงผู้ป่วย ตรวจสอบโดยดูป้ายชื่อ และสอบถาม ชื่อ-สกุลผู้ป่วยให้ถูกต้อง (ถูกคนถูกเตียง)
ลงบันทึกทางการพยาบาล
ล้างมือให้สะอาด
ตรวจสอบความถูกต้องของคําสั่งการรักษา
การให้อาหารทางสายยางให้อาหารจากจมูกถึงกระเพาะอาหาร
วิธีการให้อาหารทางสายยาง
Bolus dose เป็นการให้อาหารทางสาย NG โดยใช้ Toomey syringe เหมาะ สําหรับผู้ป่วยทั่วไปที่ไม่สามารถรับประทานอาหารทางปากได้เอง
Drip feeding เป็นการให้อาหารทางสาย NG โดยใช้ชุดให้อาหาร (Kangaro0)
:
อุปกรณ์เครื่องใช้
ถุงมือสะอาด 1 คู่
Stethoscope
Toomey Syringe ขนาด 50 ml 1 อัน
แก้วน้ำ
ผ้ากันเปื้อน
กระดาษหรือผ้าเช็ดปาก
ในกรณีที่มียาหลังอาหารบดยาเป็นผงและละลายน้ําประมาณ 15-30 ซีซี
สําลีชุบ 70% Alcohol 2 ก้อน
อาหารเหลวสําเร็จรูป หรืออาหารใน (Blenderized diet)
ชุดทําความสะอาดปาก ฟัน และจมูก
ถาดสําหรับใส่เครื่องใช้
วิธีปฏิบัติ
หักพับสาย ถอด Tooney Syringe แล้วดึง Plunger ออก และต่อกระบอก สูบเข้ากับส่วนปลายของสาย NG
เทอาหารใส่กระบอก Syringe คลายรอยพับออก และปล่อยให้อาหารไหลลง ช้า ๆ ต่อเนื่องกันไปไม่ให้ขาดระยะ
ทดสอบตําแหน่งของสายให้อาหาร
วิธีที่ 1 ใช้ Toomey Syringe ต่อกับปลายสาย ดูด Gastric Content ออกมาตรวจดูปริมาณ
วิธีที่ 2 วาง Stethoscope ที่บริเวณ Epigastrium และใช้ Toomey Syringe ดันอากาศประมาณ 5-10 มล. เข้าไปทางสายให้อาหาร
กรณีให้ยาหลังอาหาร
ก่อนที่อาหารจะหมดควรเหลืออาหารไว้ใน Syringe ประมาณ 10 ซีซี และควรรินยาลงไปตรง ๆ
ก่อนยาจะหมด เหลือค้างใน Syringe ประมาณ 5 ซีซี เติมน้ําสะอาด เพื่อไล่เศษอาหารและยาที่ตกค้างอยู่ในสายให้อาหาร
ปลดผ้าก๊อซที่หุ้มปลายสายให้อาหารออกทําความสะอาดปลายสายด้วย สําลีชุบ 70% Alcohol
หักพับปลายสายให้อาหาร และเช็ดปลายสายด้วยสําลีชุบ 70% Alcohol
ปูผ้ากันเปื้อนรองตรงปลายสายให้อาหาร
ปิดจุกสาย NG ใช้ก๊อสปิดไว้ให้เรียบร้อย
ทําความสะอาดปาก ฟัน กรณีใช้เครื่องช่วยหายใจต้องทําการดูดเสมหะก่อน ให้ทางเดินหายในโล่ง
ให้ผู้ป่วยอยู่ในท่าเดิมอย่างน้อย 30 นาที เพื่อป้องกันอาหารไหลย้อนกลับ
ไขหัวเตียงสูงเพื่อจัดให้ผู้ป่วยอยู่ในท่านั่ง ในกรณีที่ผู้ป่วยนั่งไม่ได้จัดให้นอน ตะแคงขวา
เก็บเครื่องใช้ทําความสะอาด และเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย
อธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจเหตุผล ข้อดีและประโยชน์ในการให้อาหารทางสายให้อาหาร
ลงบันทึกทางการพยาบาล
การถอดสายยางให้อาหารจากจมูกถึงกระเพาะอาหาร
อุปกรณ์เครื่องใช้
สําลีชุบ 70% Alcohol
ไม้พันสําลีชุบเบนซิน (Benzene) และน้ำเกลือ (Normal saline)
น้ำยาบ้วนปาก
ถุงมือสะอาด
ชามรูปไต
ผ้าก๊อสสะอาด
ผ้ากันเปื้อนหรือผ้าเช็ดตัว
วิธีปฏิบัติ
อธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจเหตุผล
ไขหัวเตียงสูงเพื่อจัดให้ผู้ป่วยอยู่ท่านั่ง
ตรวจคําสั่งการรักษา เพื่อยืนยันแผนการรักษา
ล้างมือให้สะอาด เช็ดให้แห้งและใส่ถุงมือ สวมmask
ปูผ้ากันเปื้อนหรือผ้าขนหนู และแกะพลาสเตอร์ที่ยึดสายจมูกออก
หักพับสาย และดึงสายออก ขณะดึงสายให้ผู้ป่วยอ้าปากหายใจยาว ๆ ใช้ผ้า ก้อสจับสายที่ดึงออกมาด้วยมืออีกข้างหนึ่ง การดึงควรดึงอย่างนุ่มนวลแต่เร็วระวังสายยางสะบัด
เช็ดรอยพลาสเตอร์ด้วยเบนซิน เช็ดตามด้วยน้ำเกลือและแอลกอฮอล์แล้วเช็ด ให้แห้ง
ทําความสะอาดปาก ฟัน และจมูก เพื่อช่วยให้รู้สึกสะอาด และสดชื่น
การให้อาหารทางสายยางให้อาหารที่ใส่เข้าทางรูเปิดของกระเพาะอาหาร
วัตถุประสงค์
เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับอาหารตามความต้องการของร่างกาย
อุปกรณ์เครื่องใช้
เหมือนกับการให้อาหารทางสาย NG tube
วิธีปฏิบัติ
เปิดเสื้อผ้าบริเวณ Gastrostomy tube หรือ Jejunostomy tube ออก ปูผ้า กันเปื้อนไว้ใต้ Tube
ล้างมือให้สะอาด ใส่ Mask
ตรวจสอบคําสั่งการรักษา
ปลดผ้าก๊อซที่หุ้มปลายสายให้อาหารออกทําความสะอาดปลายสายด้วยสําลี ชุบ 70% Alcohol
ใช้ Toomey Syringe ต่อกับปลายสายดูด Gastric content เพื่อตรวจสอบ ความสามารถของกระเพาะอาหาร
หักพับสาย ถอด Syringe แล้วดึง Plunger ออก และต่อกระบอกสูบเข้ากับ สายให้อาหาร
เทอาหารใส่กระบอก Syringe และปล่อยให้อาหารไหลเข้าช้า ๆ ต่อเนื่องกัน ไปไม่ให้ขาดระยะ
กรณีให้ยาหลังอาหาร
ก่อนที่อาหารจะหมดควรเหลืออาหารค้างใน Syringe ประมาณ 10 ซีซี และควรรินยาลงไปตรง ๆ
ก่อนยาจะหมด เหลือค้างใน Syringe ประมาณ 5 มล. เติมน้ำสะอาด เพื่อไล่เศษอาหารและยา ที่ตกค้างอยู่ในสายให้อาหาร
เช็ดปลายสายให้อาหารด้วยสําลีชุบ 70% Alcohol
หักพับปลายสายให้อาหาร เพื่อป้องกันอากาศเข้าไปในกระเพาะอาหาร
ปิดปลายสายอาหารให้เรียบร้อย
ให้ผู้ป่วยอยู่ในท่าเดิมอย่างน้อย 30 นาที เพื่อป้องกันอาหารไหลย้อน และ สําลักได้
จัดให้อยู่ในท่านั่ง หรือนอนในท่าศีรษะสูง
เก็บเครื่องใช้ทําความสะอาด และเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย
แจ้งและอธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจจุดประสงค์และวิธีทํา
ลงบันทึกทางการพยาบาล
นอกจากนี้การใส่สายยางทางจมูกถึงกระเพาะอาหารยังเป็นการลดแรงดันใน กระเพาะอาหารหรือลําไส้ (Decompression)
การล้างภายในกระเพาะอาหาร (Gastric lavage)
วัตถุประสงค์
ทดสอบหรือยับยั้งการมีเลือดออกจํานวนน้อยในทางเดินอาหารส่วนบน
ตรวจสอบการอุดตันของสาย
ล้างกระเพาะอาหารในกรณีที่ผู้ป่วยกินยาหรือสารพิษ
ตรวจหาเชื้อที่เป็นสาเหตุของโรคปอดและหลอดลม ในกรณีที่ไม่สามารถนํา เสมหะจากผู้ป่วยไปตรวจได้ ปัจจุบันไม่นิยมใช้เพราะใช้เครื่องดูดเสมหะได้
อุปกรณ์เครื่องใช้
ชามรูปไตหรืออ่างกลม
ผ้าเช็ดปาก หรือผ้าขนหนูผืนเล็ก หรือผ้ากันเปื้อน
สารละลายที่ใช้ล้างกระเพาะอาหาร ใช้น้ำเกลือ (Isotonic saline)
สายยางสําหรับใส่ในกระเพาะอาหาร
ชุดล้างกระเพาะอาหาร (ภาชนะสําหรับใส่สารละลายทั้งสําหรับเทสารละลาย และที่ดูดออกจากผู้ป่วย และ Toomey Syringe)
Ky jelly
ถุงมือสะอาด 1 คู่ และ Mask
วิธีปฏิบัติ
ตรวจสอบคําสั่งการรักษา
ประเมินสภาพผู้ป่วย อธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจ ปิดประตูหรือกั้นม่านให้เรียบร้อย
ล้างมือก่อนจัดเตรียมอุปกรณ์เครื่องใช้
เตรียมอุปกรณ์เครื่องใช้ให้พร้อม นําเครื่องใช้ต่าง ๆ ใส่ถาดหรือรถเข็นแล้ว นําไปที่เตียงผู้ป่วย
หักพับสายไว้ก่อนปลดรอยต่อ
ปูผ้าคลุมบนเตียงและตัวผู้ป่วยตรงที่จะปลดสาย
ใช้ Toomey syringe ดูดสารละลาย 50 ซีซี
ดูดน้ำออกเบา ๆ หรือปล่อยให้สารละลายไหลออกเอง ถ้าไม่มีน้ำออกให้ผู้ป่วย พลิกตัวไปมา
ใส่สารละลายเข้าไปแล้วปล่อยหรือดูดน้ำออกเรื่อย ๆ จนการไหลผ่านดี
ถ้ากรณีล้างกระเพาะอาหาร เพื่อห้ามเลือดในกระเพาะอาหาร ต้องทําการ ล้างจนสารน้ำมีลักษณะสีแดงจางที่สุด หรือมีลักษณะใส
เมื่อสิ้นสุดการล้างกระเพาะอาหารแล้ว ให้ทําความสะอาดช่องปากและจัด ท่าผู้ป่วยในท่าที่สุขสบาย
ลงบันทึกทางการพยาบาล
เก็บเครื่องใช้ทําความสะอาด และเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย
กระบวนการพยาบาลในการส่งเสริมภาวะโภชนาการ
การประเมินภาวะสุขภาพ (Assessment)
การวินิจฉัยทางการพยาบาล (Nursing diagnosis)
การวางแผนการพยาบาล (Planning)
การปฏิบัติการพยาบาล (Implementation)
การประเมินผลการพยาบาล (Evaluation)
ประเมินผลลัพธ์การพยาบาล
ประเมินผลกิจกรรมการพยาบาล