Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
กฎหมายวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์, นางสาวกนกวรรณ ศรีชุม 61100103 -…
กฎหมายวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์
ขอบเขตและหน้าที่ของวิชาชีพพยาบาลและการผดุงครรภ์
บทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบของพยาบาลวิชาชีพ
พยาบาลวิชาชีพ หมายถึง ผู้สำเร็จการศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตร์ระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่าจากมหาวิทยาลัยหรือวิทยาลัยพยาบาลที่สภาการพยาบาลรับรองมีใบประกอบวิชาชีพการพยาบาลชั้นหนึ่งหรือการพยาบาลและการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่งที่ยังใช้ประโยชน์ได้ (ไม่ถูกพักใช้หรือเพิกถอนหรือหมดอายุ) ปฏิบัติงานให้บริการด้านสุขภาพอนามัยทั้งในส่วนราชการรัฐวิสาหกิจหรือภาคเอกชนในที่นี้พยาบาลวิชาชีพเป็นข้าราชการที่ปฏิบัติงานสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบของพยาบาลวิชาชีพหมายถึงการปฏิบัติงานตามขอบเขตหน้าที่และสอดคล้องกับบทบาทของพยาบาลทั้งนี้พยาบาลมิได้มีหน้าที่ปฏิบัติการพยาบาลโดยตรงแก่ผู้ป่วยอย่างเดียวพยาบาลยังต้องรับผิดชอบการดูแลบริการพยาบาลให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพที่สุดจึงต้องมีหน้าที่ความรับผิดชอบตามงานที่ได้รับมอบหมายอาจเป็นงานด้านการบริหารจัดการหรืองานด้านคลินิกบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบของพยาบาลวิชาชีพ
ประกอบด้วย 2 ลักษณะ ดังนี้
1.บทบาทหน้าที่ของพยาบาลวิชาชีพตามโครงสร้างในหน่วยงานในราชการบริหารส่วนภูมิภาคเป็นบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบที่มีขอบเขตการปฏิบัติการพยาบาลโดยตรงกับผู้ป่วยซึ่งกำหนดตามระดับตำแหน่งของพยาบาลวิชาชีพ ได้แก่ พยาบาลวิชาชีพระดับปฏิบัติการ (ปก.) ระดับชำนาญการ (ชก.) ระดับชำนาญการพิเศษ (ชพ.) ระดับเชี่ยวชาญ (ซช.) และระดับทรงคุณวุฒิ (ทว.) โดยในที่นี้เป็นพยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติงานตามโครงสร้างหน่วยงานในราชการบริหารส่วนภูมิภาคสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
2.บทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบของพยาบาลตามการปฏิบัติงานของสถานบริการสุขภาพเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของพยาบาลที่ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่สำคัญในหน่วยงานอีกหน้าที่หนึ่งเพื่อการบรรลุเป้าหมายและตอบสนองต่อนโยบายของหน่วยราชการโดยเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบด้านการบริหารจัดการหรือด้านคลินิก ได้แก่ พยาบาลผู้จัดการรายกรณีผู้ปฏิบัติการพยาบาลขั้นสูงหัวหน้าหอผู้ป่วยหัวหน้ากลุ่มงานหัวหน้างานผู้ช่วยหัวหน้าพยาบาลหัวหน้าพยาบาลในการปฏิบัติงานนั้นพยาบาลวิชาชีพนอกจากจะต้องปฏิบัติหน้าที่ตามขอบเขตการปฏิบัติการพยาบาลตามโครงสร้างหน่วยงานในราชการบริหารส่วนภูมิภาคที่ต้นสังกัดแล้วยังปฏิบัติหน้าที่ตามงานที่ได้รับมอบหมายอีกด้วย
การประกอบผดุงครรภ์ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ พ.ศ. 2528 และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2540
กำหนดความหมายการพยาบาลและการผดุงครรภ์ไว้ดังนี้
"การพยาบาล" หมายความว่าการกระทำต่อมนุษย์เกี่ยวกับการดูแลและการช่วยเหลือเมื่อเจ็บป่วยการฟื้นฟูสภาพการป้องกันโรคและการส่งเสริมสุขภาพรวมทั้งการช่วยเหลือแพทย์กระทำการรักษาโรคทั้งนี้โดยอาศัยหลักวิทยาศาสตร์และศิลปะการพยาบาล "การประกอบวิชาชีพการพยาบาล" หมายความว่าการปฏิบัติหน้าที่การพยาบาลต่อบุคคลครอบครัวและชุมชนโดยกระทำการต่อไปนี้
(1) การสอนการแนะนำการให้คำปรึกษาและการแก้ปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพอนามัย
(2) การกระทำต่อร่างกายและจิตใจของบุคคลรวมทั้งการจัดสภาพแวดล้อมเพื่อการแก้ปัญหาความเจ็บป่วยการบรรเทาอาการของโรคการลุกลามของโรคและการฟื้นฟูสภาพ
(3) การกระทำตามวิธีที่กำหนดไว้ในการรักษาโรคเบื้องต้นและการให้ภูมิคุ้มกันโรค
(4) ช่วยเหลือแพทย์กระทำการรักษาโรคทั้งนี้โดยอาศัยหลักวิทยาศาสตร์และศิลปะการพยาบาลในการประเมินสุขภาพการวินิจฉัยปัญหาการวางแผนการปฏิบัติและการประเมินผล“ ผู้ประกอบวิชาชีพพยาบาล "หมายความว่าบุคคลซึ่งได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลจากสภาการพยาบาล
" การผดุงครรภ์ "หมายความว่าการกระทำเกี่ยวกับการดูแลและการช่วยเหลือหญิงมีครรภ์หญิงหลังคลอดและทารกแรกเกิดรวมถึงการตรวจการทำคลอดการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันความผิดปกติในระยะตั้งครรภ์ระยะคลอดและระยะหลังคลอดรวมทั้งการช่วยเหลือแพทย์กระทำการรักษาโรคทั้งนี้โดยอาศัยหลักวิทยาศาสตร์และศิลปะการผดุงครรภ์
" การประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ " หมายความว่า การปฏิบัติหน้าที่การผดุงครรภ์ต่อหญิงมีครรภ์หญิงหลังคลอดทารกแรกเกิดและครอบครัวโดยการกระทำดังต่อไปนี้
“ ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ "หมายความว่า บุคคลซึ่งได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์จากสภาการพยาบาลโดยทั่วไปในการพิจารณาความเป็นวิชาชีพนั้นจะมีองค์ประกอบสำคัญในการพิจารณาคือเป็นลักษณะของการใช้ความรู้และสติปัญญาในการปฏิบัติการเป็นการบริการแก่สังคมและมีความเป็นเอกสิทธิ์สำหรับวิชาชีพพยาบาลนั้นมีประวัติอันยาวนานมีการพัฒนามาเป็นลำดับ
สามารถสรุปลักษณะเฉพาะของวิชาชีพพยาบาลไว้ดังนี้
เป็นการบริการแก่สังคมช่วยเหลือและสนับสนุนให้มนุษย์ดำรงรักษาสุขภาพอนามัยที่ดีและความเป็นอยู่ที่ดีในสังคมซึ่งต้องอาศัยทั้งหลักศิลปะและวิทยาศาสตร์ในการปฏิบัติงานและความรับผิดชอบต่อตนเองและวิชาชีพ
เป็นการปฏิบัติต่อมนุษย์โดยตรงและเป็นการปฏิบัติต่อธรรมชาติของบุคคลที่มีความแตกต่างกันดังนั้นกระบวนการพยาบาลจึงเป็นกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการที่จะรวบรวมปัญหาเผชิญปัญหาและแก้ไขโดยพื้นฐานความเข้าใจในลักษณะของบุคคลที่มีความแตกต่างกัน
เป็นการปฏิบัติหน้าที่ต้องเข้าไปมีส่วนร่วมกับผู้ป่วย / ประชาชน / ชุมชนดังนั้นสิ่งสำคัญในการปฏิบัติคือการเข้าไปสัมผัสรับรู้ข้อมูลข่าวสารประสบการณ์ชีวิตความเชื่อค่านิยมทัศนคติรวมทั้งวัฒนธรรมของชุมชนสังคมซึ่งต้องใช้ความรู้ความสามารถในหลาย ๆ ด้านเพื่อให้เข้าถึงสิ่งเหล่านี้และมีส่วนร่วมในการทำงานออกความเห็นและการตัดสินใจมีความคิดสร้างสรรค์รับผิดชอบต่อตนเองและสังคม
มีความเป็นอิสระควบคุมนโยบายและกิจกรรมการปฏิบัติของตนได้
5.มีองค์ความรู้ของวิชาชีพตนเองมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยการวิจัยอย่างเป็นระบบ
ผู้ประกอบวิชาชีพยึดถือปฏิบัติการบริการด้วยจิตวิญญาณด้วยความเอื้ออาทรรับผิดชอบต่อตนเองงานและวิชาชีพมีการควบคุมลักษณะของการปฏิบัติอยู่เสมอ
มีจรรยาบรรณวิชาชีพเป็นแนวทางการพิจารณาตัดสินใจและการปฏิบัติของผู้ประกอบวิชาชีพ
มีองค์กรวิชาชีพที่ส่งเสริมสนับสนุนและพัฒนามาตรฐานวิชาชีพและการประกอบวิชาชีพ
สมรรถนะด้านการปฏิบัติการพยาบาลของเบนเนอร์
แบ่งเป็น 5 ระดับ ดังนี้
ระดับผู้มีความสามารถ หรือระดับผู้ปฏิบัติ (competent) เป็นพยาบาลผู้มีประสบการณ์การปฏิบัติงานในหน่วยงานเดิม 2-3 ปี มีความชำนาญในงานที่รับผิดชอบ สามารถวางแผนการทำงานและจัดลำดับความสำคัญของงาน สามารถวิเคราะห์ปัญหาและตัดสินใจแก้ปัญหาได้เหมาะสม สามารถจัดการกับสถานการณ์ฉุกเฉินได้ แต่ไม่สามารถให้คำปรึกษาแก่พยาบาลรุ่นน้องได้
ระดับผู้เริ่มปฏิบัติงานขั้นสูง (advanced beginner) หมายถึง พยาบาลวิชาชีพที่มีประสบการณ์การปฏิบัติการพยาบาล 1-2 ปี มีความสามารถปฏิบัติการพยาบาลขั้นสูง และมีความสามารถจัดการกับสถานการณ์ที่ไม่ซับซ้อน ภายใต้การนิเทศของพยาบาลที่มีประสบการณ์สูง
ระดับเริ่มต้นใหม่ (novice) หมายถึง ผู้มีประสบการณ์น้อยหรือผู้ขาดทักษะ คือ พยาบาลที่จบการศึกษาใหม่ มีประสบการณ์ไม่เกิน 1 ปี ภายหลังจบการศึกษาระดับปริญญาตรี มีความสามารถปฏิบัติการพยาบาลพื้นฐาน ไม่สามารถแก้ปัญหาที่ซับซ้อนได้ การปฏิบัติงานยังต้องอาศัยการชี้นำจึงจะทำได้
ระดับผู้ชำนาญการ (proficient) เป็นพยาบาลที่มีประสบการณ์ในการปฏิบัติการพยาบาลในหน่วยงานเดิม 3-5 ปี สามารถวิเคราะห์ปัญหาที่ซับซ้อนและตัดสินใจแก้ปัญหาได้เหมาะสม สามารถให้คำปรึกษาแก่พยาบาลรุ่นน้องและสามารถปฏิบัติบทบาทพี่เลี้ยงแก่พยาบาลจบใหม่ได้
ระดับผู้เชี่ยวชาญ (expert) เป็นพยาบาลที่มีประสบการณ์ในการปฏิบัติงานในหน่วยงานเดิม 5 ปีขึ้นไป มีความเข้าใจสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างลึกซึ้ง สามารถวิเคราะห์สถานการณ์เพื่อนำมาใช้คาดการณ์การเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น สามารถวิเคราะห์และตัดสินใจแก้ปัญหาวิกฤตได้ถูกต้องและทันเหตุการณ์ สามารถประเมินปัญหาและความต้องการของผู้ป่วยได้ถูกต้อง และสามารถให้คำปรึกษาด้านการปฏิบัติการพยาบาลและด้านวิชาการแก่พยาบาลรุ่นน้องได้
การดูแลสุขภาพและการรักษาเบื้องต้น
มีความแตกต่างกันไปตามวิชาชีพและหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายตลอดจนขอบเขตทางกฎหมายที่กำหนดการรักษาพยาบาลเบื้องต้นเป็นการคัดกรองผู้ป่วยเพื่อให้การรักษาและส่งต่อผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงเกินขีดความสามารถไปยังสถานบริการที่มีความสามารถสูงกว่าการรักษาเบื้องต้นมีความสำคัญเนื่องจากช่วยให้ประชาชนมีสุขภาพดีได้รับการรักษาพยาบาลที่เหมาะสมและช่วยลดความรุนแรงของการเจ็บป่วยรวมทั้งช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลความสำคัญของการรักษาพยาบาลเบื้องต้น
1.ช่วยป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยเกิดอันตรายได้รับการพยาบาลอย่างถูกต้องทันท่วงทีโดยบรรเทาความรุนแรงก่อนที่จะดำเนินการส่งต่อเพื่อการรักษาอย่างเหมาะสม
ช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลรักษาโรคง่ายๆอย่างเหมาะสมช่วยประหยัดต้นทุนและไม่เสียเวลาในการไปรับบริการที่ห่างไกล
3.เป็นความรู้เบื้องต้นที่บุคลากรสาธารณสุขควรทราบเพื่อประโยชน์ในการให้บริการดูแลสุขภาพประชาชนตนเองและบุคคลใกล้เคียงตามความจำเป็นและขอบเขตความสามารถที่พึงกระทำได้
4.ช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการดูแลสุขภาพของประชาชนในชุมชนทั้งนี้โดยการที่ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุขในระดับการรักษาพยาบาลเบื้องต้นได้ง่ายเมื่อเจ็บป่วยเล็กน้อยก็จะมารับบริการซึ่งทำให้โรคไม่ลุกลามทราบวิธีการป้องกันและปฏิบัติตามคำแนะนำได้ถูกต้องยิ่งขึ้น
คุณสมบัติของพยาบาลที่รับผิดชอบในการรักษาโรคเบื้องต้น
ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง
มีประสบการณ์ในการปฏิบัติการพยาบาลไม่น้อยกว่า 2 ปี
3.ผ่านการฝึกอบรมในหลักสูตรการพยาบาลเฉพาะทางสาขาเวชปฏิบัติทั่วไป (การรักษาโรคเบื้องต้น) และได้รับประกาศนียบัตร
ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ผ่านการอบรมหลักสูตรการพยาบาลเฉพาะทางสาขาเวชปฏิบัติทั่วไป (การรักษาโรคเบื้องต้น) กับสภาการพยาบาล
มีการเพิ่มพูนความรู้และทักษะในการรักษาโรคเบื้องต้นให้ทันสมัยอยู่เสมอการบำบัดทางด้านหัตถการโดยยึดหลักจริยธรรมวิชาชีพประกอบด้วยการบำบัดรักษาโรคเบื้องต้นด้านหัตการภายใต้ระเบียบกระทรวงสา 'สุขและข้อกำหนดของสภาการพยาบาลการตกแต่งแผลการดูแลแผลไหม้ตามข้อกำหนดสภาฯ การเย็บแผลการผ่าฝีการถอดเล็บการนำสิ่งแปลกปลอมออกในตำแหน่งที่ไม่เป็นอันตรายออกการตามกระดูกข้อ
เงื่อนไขในการประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ พ.ศ. 2550 ได้กำหนดชนิดของการทำหัตถการที่อยู่ในขอบเขตของวิชาชีพการพยาบาลและผดุงครรภ์ชั้นหนึ่งที่สามารถปฏิบัติได้ดังต่อไปนี้
การทำแผล
การตกแต่งบาดแผล
การเย็บแผล
การตัดไหม
การผ่าฝีในตำแหน่งซึ่งไม่เป็นอันตรายต่ออวัยวะสำคัญของร่างกาย
การถอดเล็บ
การจี้หูดหรือตาปลา
การผ่าเอาสิ่งแปลกปลอมที่อยู่ในตำแหน่งซึ่งไม่เป็นอันตรายต่ออวัยวะสำคัญของร่างกายออกโดยฉีดยาระงับความรู้สึกทางผิวหนัง
การล้างตา
การสวนกระเพาะปัสสาวะ
การล้างกระเพาะอาหารโดยใช้สายยางในรายที่สงสัยว่ารับประทานสารพิษ
12.การตรวจหลังคลอดและการทำpep smears
หัตถการต่อไปนี้จะต้องผ่านการอบรมตามหลักสูตรที่สภาการพยาบาลประกาศกำหนดและได้รับรองจากสภาการพยาบาล
การใส่และถอดห่วง (IUD)
2.การฝังและถอดยาคุมกำเนิด (Norplant)
3.การผ่าตัดตาปลา
การเลาะก้อนใต้ผิวหนังบริเวณที่ไม่เป็นอันตราย
5.การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธี VIA (Visual Inspection Using Asetic Acid)
6.การจปากมดลูกด้วยความเย็น (Cryotherapy)
แนวทางการหัตถการที่สามารถปฏิบัติได้ตามข้อกำหนดการรักษาโรคเบื้องต้นและการภูมิคุ้มกันโรคสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลชั้นหนึ่งและผู้ประกอบวิชาชีพพยาบาลและการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง พ.ศ. 2554 ได้แก่
ให้ยาบรรเทาอาการ / รักษาโรคตามแนวทางที่กำหนดไว้การให้ภูมิคุ้มกันโรคพื้นฐานและให้บริการวางแผนครอบครัว
สามารถให้การดูแลช่วยเหลือส่งต่อการรักษาโรคและอาการที่พบบ่อยและทำหัตถการที่กำหนด
การทำแผลและการตกแต่งบาดแผลการดูแลแผลไหม้การเย็บแผลการฝีในตำแหน่งที่ไม่เป็นอันตรายต่ออวัยวะสำคัญของร่างกายการถอดเล็บการผ่าตัดเอาสิ่งแปลกปลอมที่อยู่ตำแหน่งซึ่งไม่เป็นอันตรายต่ออวัยวะสำคัญของร่างกายออกโดยฉีดยาระงับความรู้สึกทางผิวหนังขอบเขตการให้บริการประชาชนของพยาบาลเวชปฏิบัติ
สามารถตรวจประเมินสภาพวินิจฉัยแยกโรคให้การรักษาดูแลตามข้อกำหนดการรักษาโรคเบื้องต้นการให้ภูมิคุ้มกันโรคและการวางแผนครอบครัว
ติดตามผลการให้การช่วยเหลือรักษา
รับดูแลผู้ป่วยต่อเพื่อให้การดูแลอย่างต่อเนื่องรวมทั้งให้ยาเพิ่มเติมตามคำสั่งแพทย์ในกรณีผู้ป่วยเรื้อรัง
การรักษาโรคเบื้องต้นตามพระราชบัญญัติการพยาบาลและการผดุงครรภ์
ข้อ 10. ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลชั้นหนึ่งผู้ปรกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่งให้กระทำการประกอบวิชาชีพการพยาบาลตามข้อกำหนดในการรักษาโรคเบื้องต้นและการให้ภูมิคุ้มกันโรคได้จะต้องได้รับการศึกษาอบรมตามหลักสูตรที่สภาการพยาบาลกำหนดและต้องขึ้นทะเบียนเป็นผู้ผ่านการอบรมหลักสูตรการพยาบาลเฉพาะทางสาขาเวชปฏิบัติทั่วไป (การรักษาโรคเบื้องต้น)
ข้อ11. ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลชั้นหนึ่งผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่งที่ได้รับวุฒิบัตรแสดงความรู้ความชำนาญเฉพาะทางการพยาบาลและการผดุงครรภ์สาขาเวชปฏิบัติชุมชนกระทำการประกอบวิชาชีพการพยาบาลตามข้อกำหนดในการรักษาโรคเบื้องต้นและการให้ภูมิคุ้มกันโรคได้และต้องขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลตามข้อกำหนดในการรักษาโรคเบื้องต้นและการให้ภูมิคุ้มกันโรคตามประกาศของสภาการพยาบาล
ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลชั้นหนึ่งผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่งตามข้อ 10 และข้อ 11 ต้องกระทำการรักษาโรคเบื้องต้นตามข้อกำหนดในการรักษาโรคเบื้องต้นและการให้ภูมิคุ้มกันโรคของสภาการพยาบาลโดยเคร่งครัดจะต้องทำการรักษาโรคเบื้องต้นและการให้ภูมิคุ้มกันโรคโดย
12.1 ตรวจวินิจฉัยและบำบัดรักษาโรคตามมาตรฐานของการประกอบวิชาชีพการพยาบาลโดยเคร่งครัด
12.2 ให้ผู้ป่วยไปรับการบำบัดรักษาจากผู้ประกอบวิชาชีพอื่นเมื่อปรากฎตรวจพบหรือเห็นว่าอาการไม่บรรเทาอาการรุนแรงเพิ่มขึ้นมีโรคหรือภาวะ 12.1 ตรวจวินิจฉัยและบำบัดรักษาโรคตามมาตรฐานของการประกอบวิชาชีพการพยาบาลโดยเคร่งครัดเป็นโรคติดต่อที่ต้องแจ้งความตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อหรือมีเหตุอันควรอื่น ๆ เกี่ยวกับการบำบัดรักษาเช่นเครื่องมืออุปกรณ์การบำบัดรักษาหรือเวชภัณฑ์
ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลชั้นหนึ่งผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่งตามข้อ 12 ถ้าจำเป็นต้องใช้ยาให้ใช้ยาใต้ตามคู่มือการใช้ยาที่สภาการพยาบาลกำหนด
ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลชั้นหนึ่งผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่งตามข้อ 12 จะให้ภูมิคุ้มกันโรคต้องปฏิบัติตามแนวทางการให้ภูมิคุ้มกันโรคที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด
ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลชั้นหนึ่งผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่งตามข้อ 12 จะต้องบันทึกรายงานเกี่ยวกับประวัติของผู้ป่วยหรือผู้รับบริการอาการและการเจ็บป่วยโรคการให้การรักษาโรคหรือการให้การบริการตามความเป็นจริงตามแบบของสภาการพยาบาลและต้องเก็บบันทึกรายงานไว้เป็นหลักฐาน
นางสาวกนกวรรณ ศรีชุม 61100103