Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การส่งเสรมิภาวะโภชนาการ - Coggle Diagram
การส่งเสรมิภาวะโภชนาการ
ความหมายของโภชนาการและภาวะโภชนาการ
ความหมายของโภชนาการ (Nutrition)
โภชนาการ หมายถึง วิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับอาหาร สารอาหาร และสารอื่นที่มีอยู่ ในอาหารหรือสารอาหาร ตลอดจนปฏิกิริยาระหว่างกันของสารอาหารที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการที่ สิ่งมีชีวิตย่อย ดูดซึม ขนส่ง นำสารอาหารไปใช้และสะสมในร่างกาย รวมทั้งการกำจัดสารที่เหลือใช้ ของร่างกาย นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงสถานภาพทางสังคมและเศรษฐกิจ วัฒนธรรมและจิตวิทยาที่ เกี่ยวข้องกับอาหารและการบริโภคอาหารอีกด้วย
ภาวะโภชนาการ (Nutritional Status)
ภาวะโภชนาการเกิน (Over nutrition)
ภาวะโภชนาการดี (Good nutritional status) หมายถึง ภาวะที่ร่างกายได้รับอาหารที่ ถูกหลักโภชนาการ คือ มีสารอาหารครบถ้วน ในปริมาณเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย และ ร่างกายใช้สารอาหารเหล่านั้นในการเสริมสร้างสุขภาพอนามัยได้อย่างมีประสิทธิภาพเต็มที่
ภาวะโภชนาการไม่ดี (Bad nutritional status) หรือเรียกอีกอย่างว่า ภาวะทุพ โภชนาการ (Malnutrition) หมายถึง ภาวะที่ร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ หรือได้รับเพียงพอ แต่ร่างกายไม่สามารถใช้ประโยชน์จากสารอาหารที่ได้รับ หรือการได้รับสารอาหารบางชนิดมากเกิน ความต้องการของร่างกาย จึงท าให้เกิดภาวะผิดปกติขึ้น
ภาวะโภชนาการต่ำกว่าเกณฑ์ (Malnutrition)
ภาวะโภชนาการเกิน (Over nutrition)
กระบวนการพยาบาลในการส่งเสริมภาวะโภชนาการ
ตัวอย่าง ผู้ป่วยรายหนึ่ง ได้รับการวินิจฉัยโรคเป็นมะเร็งหลอดอาหาร ไม่สามารถรับประทาน อาหารทางปากได้ น้ าหนักลดลง 10 กิโลกรัมภายใน 2 สัปดาห์ สีหน้าท่าทางอ่อนเพลีย ไม่สดชื่น ผิวหนังแห้ง เห็นกระดูกชัดเจน ญาติผู้ป่วยบอกไม่สามารถกลืนอะไรได้เลย จิบน้ าแค่เล็กน้อยก็ไหล ออกทางปาก แพทย์มีแผนการรักษาให้ Retain NG tube for Feeding BD 250 ml x 5 Feed จง ประยุกต์ใช้กระบวนการพยาบาลในการให้อาหารทางสายยางส าหรับผู้ป่วยรายนี้
การวางแผนการพยาบาล (Planning)
วัตถุประสงค์
เพื่อไม่ให้เกิดภาวะทุพโภชนาการ
เกณฑ์การประเมิน
1) ผู้ป่วยได้รับสารอาหารตรงตามแผนการรักษาของแพทย์
2) ผู้ป่วยมีค่าดัชนีมวลกาย อยู่ในเกณฑ์ปกติ
การปฏิบัติการพยาบาล (Implementation)
ใส่สายยางทางจมูกถึงกระเพาะอาหารให้แก่ผู้ป่วยตามแนวปฏิบัติ
ให้อาหารทางสายยางทางจมูกถึงกระเพาะอาหารตามแผนการรักษา
บอกวัตถุประสงค์ เตรียมความพร้อมของผู้ป่วย จัดท่าให้เหมาะสม ปิดกั้นม่าน
จัดให้ผู้ป่วยอยู่ในท่าศีรษะสูง อย่างน้อย 30 นาที หลังให้อาหารทางสายยาง
จัดเตรียมอุปกรณ์ในการใส่สาย NG และอาหารปั่นให้พร้อม ยกไปที่เตียงผู้ป่วย
ลงบันทึกทางการพยาบาล
ตรวจสอบแผนการรักษา ชื่อผู้ป่วย และอาหารปั่นให้ตรงกัน
ติดตาม ประเมินน้ าหนักตัวของผู้ป่วย โดยชั่งน้ าหนักทุกเช้า วันเว้นวัน
การวินิจฉัยทางการพยาบาล (Nursing diagnosis)
เสี่ยงต่อการเกิดภาวะทุพโภชนาการ เนื่องจากไม่สามารถรับประทานอาหารได้เอง
การประเมินผลการพยาบาล (Evaluation)
ประเมินผลลัพธ์การพยาบาล
1) ประเมินความสุขสบายของผู้ป่วย สังเกตสีหน้าท่าทางของผู้ป่วย
ประเมินผลกิจกรรมการพยาบาล
1) ประเมินการปฏิบัติถูกต้องครบและเป็นไปตามขั้นตอนของแนวปฏิบัติ
2) ประเมินผลภายหลังผู้ป่วยได้รับอาหารทางสายยางทางจมูกถึงกระเพาะ อาหาร ไม่มีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้น
การประเมินภาวะสุขภาพ (Assessment)
S: ญาติผู้ป่วยบอกไม่สามารถกลืนอะไรได้เลย จิบน้ าแค่เล็กน้อยก็ไหลออกทางปาก
O: จากการสังเกต ผู้ป่วยมีสีหน้าท่าทางอ่อนเพลีย ไม่สดชื่น ผิวหนังแห้ง ผอมจนเห็น กระดูกชัดเจน
ความสำคัญของอาหารต่อภาวะเจ็บป่วยและความต้องการพลังงานของร่างกายใน ภาวะเจ็บป่วย
อาหาร หมายถึง สิ่งใด ๆ ซึ่งรับประทานเข้าไปแล้ว เพื่อเสริมสร้างความเจริญเติบโตและ การมีโภชนาการที่ดีให้แก่ร่างกาย อาหารได้มาจากพืชและสัตว์ อาหารที่รับประทานเข้าไปจะย่อยได้ สารอาหารส าคัญ ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต ไขมัน โปรตีน วิตามิน และ แร่ธาตุ สิ่งมีชีวิตย่อยและดูดซึม สารอาหารเข้าสู่เซลล์เพื่อนำไปสร้างพลังงานในการดำรงชีวิต
ความต้องการพลังงานของร่างกายในภาวะเจ็บป่วย
ขึ้นอยู่กับ เพศ อายุ ส่วนสูง น้ าหนัก และความรุนแรงของโรค สูตรคำนวณความต้องการพลังงานพื้นฐาน
ความต้องการพลังงานหรือพลังงานที่ต้องการใช้ (Energy Expenditure: EE) เป็น พลังงานที่เพียงพอหรือเหมาะสมกับความต้องการของร่างกายในการสร้าง Adenosine triphosphate: ATP
ความต้องการพลังงานพื้นฐาน (Basal energy expenditure: BEE) หรือพลังงานที่ ต้องการขณะพัก (Resting Energy Expenditure: REE ) BEE หมายถึง พลังงานที่น้อยที่สุดที่ทำให้ เกิดกระบวนการเมทาบอลิสซึมของร่างกายก่อนที่จะมีการทำงานของอวัยวะอื่น ๆ
ความต้องการพลังงานทั้งหมด (Total Energy Expenditure: TEE) หมายถึง ผลรวม ของพลังงานทั้งหมดใน 1 วัน ซึ่งรวมถึง BEE พลังงานที่ใช้ในการย่อย และดูดซึมสารอาหาร การใช้ พลังงานจากการทำงานของร่างกายในแต่ละวัน และการใช้พลังงานของผู้ป่วยเฉพาะโรค
ปัจจัยที่มีผลต่อภาวะโภชนาการ
ความชอบส่วนบุคคล พบว่าความชอบและไม่ชอบบริโภคอาหารของแต่ละบุคคลมี ผลต่อภาวะโภชนาการ เช่น บางคนชอบรับประทานอาหารหวานจัด อาหารไขมันสูง ทำให้เกิดภาวะ โภชนาการเกินได้
ผลจากการดื่มแอลกอฮอล์ พบว่า การดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ทำให้ความรู้สึกอยากอาหารลดลง การบริโภคอาหารเปลี่ยนไป แบบแผนการรับประทานอาหาร เปลี่ยนไป หรือเบื่ออาหาร เป็นต้น
ภาวะสุขภาพ พบว่า การเจ็บป่วยเรื้อรังมีผลต่อภาวะโภชนาการ
วิถีชีวิต ปัจจุบันมีผู้เลือกดำเนินชีวิตตามวิถีสุขภาพโดยเลือกงดรับประทานสัตว์และ ผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากสัตว์ ผู้ที่เลือกรับประธานอาหารเจ เป็นเวลานาน ๆ หรือเลือกรับประทานตลอด ชีวิต พบว่ามักขาดสารอาหารโปรตีนจึงควรต้องเสริมอาหารโปรตีนที่ทำมาจากพืชให้เพียงพอกับความ ต้องการของร่างกาย
การใช้ยา พบว่า ยาที่มีผลข้างเคียงให้เกิดอาการเบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน เช่น ยา รักษาวัณโรค-พีเอเอส (Paraaminobenzoic acid: PAS) ยาลดความอ้วน ยารักษาโรคเบาหวานบาง ตัว เช่น เฟนฟอร์มิน (Phenformin) เมตฟอร์มิน (Metformin) เป็นต้น
เศรษฐานะ พบว่า ภาวะเศรษฐกิจดีท าให้ผู้คนเลือกรับประทานอาหารได้ตามความ ต้องการ ตรงกันข้ามในภาวะเศรษฐกิจไม่ดีการเลือกรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์อาจลดปริมาณ ลงหรือหยุดรับประทานไปจนกว่าจะมีก าลังซื้อกลับคืนมาอีกครั้ง
เพศ พบว่าเพศชายต้องการพลังงานในหนึ่งวันมากกว่าเพศหญิง
วัฒนธรรม ความเชื่อ และศาสนา พบว่าการดำเนินชีวิตตามบริบทของวัฒนธรรม ความเชื่อ และศาสนา ยังดำเนินชีวิตอยู่ในกระบวนทัศน์เดิม มีผลต่อภาวะโภชนาการทั้งสิ้น
อายุ พบว่าในวัยเด็กมีความต้องการสารอาหารมากกว่าในวัยผู้ใหญ่และวัยสูงอายุ
ปัจจัยด้านจิตใจ พบว่า ความเครียด และความกลัวทำให้ความอยากอาหารลดลง รู้สึกเบื่ออาหาร กลืนอาหารไม่ลงคอ หรือมีอาการปากคอขมโดยไม่ทราบสาเหตุ
การประเมินภาวะโภชนาการ
การประเมินทางชีวเคมี (Biochemical assessment: B)
การประเมินภาวะโลหิตจาง (Anemia) ใช้ค่าของฮีโมโกลบิน (Hb)
ชาย ค่าปกติ 14 –18 mg %
หญิง ค่าปกติ 12-16 mg%
Hematocrit (Hct) การแปลผล ค่าต่ำกว่า 30 % แสดงผลภาวะโลหิตจาง
ชาย ค่าปกติ 40 –54 %
หญิง ค่าปกติ 37-47 %
การตรวจร่างกายทางคลินิก (Clinical assessment: C)
การประเมินภาวะซีด ถ้าไม่มีการเจาะเลือดตามข้อ 6.4.2 ให้ใช้การตรวจร่างกาย เบื้องต้น ดังนี้
สังเกตดูลักษณะเล็บเรียบเป็นมัน มีสีชมพู (ลักษณะเล็บที่คล้ายรูปช้อน ผิวไม่ เรียบ แสดงถึงการขาดธาตุเหล็ก และลักษณะเล็บมีแถบสีขาวพาดขวาง แสดงถึงภาวะขาดโปรตีน)
ตรวจดูฝ่ามือ ให้เทียบกันทั้ง 2 ข้าง (ปกติจะมีสีชมพู)
ตรวจ Conjunctiva ของเปลือกตาล่าง (ปกติจะมีสีชมพูค่อนข้างแดง)
การวัดสัดส่วนของร่างกาย (Anthropometric measurement: A)
ดัชนีมวลของร่างกาย (Body Mass Index ; BMI)
เป็นการประเมินมวลของร่างกายทั้งหมด โดยวัดส่วนสูงและน้ำหนักแล้ว นำมา ประเมินภาวะโภชนาการโดยคำนวณหาดัชนีมวลของร่างกายมีหน่วยเป็นกิโลกรัมต่อตารางเมตร จาก สูตรการคำนวณ และตารางที่ 6.1 ค่าดัชนีมวลกายของคนเอเซีย
BMI = น้ำหนักตัว (กิโลกรัม) / ส่วนสูง (เมตร)2
การประเมินจากประวัติการรับประทานอาหาร(Dietary assessment: D)
ประกอบด้วย ประวัติการรับประทานอาหาร ชนิดของอาหารที่บริโภค พฤติกรรมการรับประทาน อาหาร เป็นต้น
มีประวัติชอบรับประทานอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ ผลการประเมิน: มีโอกาสเกิดโรคพยาธิใบไม้ในตับ
มีประวัติเลือกรับประทานอาหารประเภททอด และอาหารรสหวาน ผลการประเมิน: มีโอกาสเกิดภาวะโภชนาการเกิน (น้ำหนักเกินมาตรฐาน)
มีประวัติรับประทานอาหารเจตลอดชีวิต ผลการประเมิน: มีโอกาสขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย
การประเมินภาวะโภชนาการเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะช่วยให้พยาบาลสามารถประเมินปัญหา ของผู้ป่วยได้อย่างเหมาะสม และให้การพยาบาลได้ตรงจุดอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
การล้างภายในกระเพาะอาหาร (Gastric lavage)
การล้างภายในกระเพาะอาหาร ใช้มากในกรณีที่รับประทานยาพิษ ได้รับยาเกิน ขนาด (Over dose) รวมถึงเป็นการล้างกระเพาะอาหารเพื่อห้ามเลือด ส าหรับการตรวจโดยการส่อง กล้อง เพื่อวินิจฉัยภาวะเลือดออกในกระเพาะอาหาร
อุปกรณ์เครื่องใช้
สารละลายที่ใช้ล้างกระเพาะอาหาร ใช้น้ าเกลือ (Isotonic saline)
ชามรูปไตหรืออ่างกลม
ชุดล้างกระเพาะอาหาร (ภาชนะส าหรับใส่สารละลายทั้งส าหรับเทสารละลาย และที่ดูดออกจากผู้ป่วย และ Toomey syringe)
ผ้าเช็ดปาก หรือผ้าขนหนูผืนเล็ก หรือผ้ากันเปื้อน
สายยางส าหรับใส่ในกระเพาะอาหาร
Ky jelly
ถุงมือสะอาด 1 คู่ และ Mask
วิธีปฏิบัติ
ตรียมอุปกรณ์เครื่องใช้ให้พร้อม น าเครื่องใช้ต่าง ๆ ใส่ถาดหรือรถเข็นแล้ว น าไปที่เตียงผู้ป่วย ท าการใส่สายยางก่อน วิธีปฏิบัติเหมือนการใส่สายให้อาหาร
ปูผ้าคลุมบนเตียงและตัวผู้ป่วยตรงที่จะปลดสาย
ล้างมือก่อนจัดเตรียมอุปกรณ์เครื่องใช้
ใช้ Toomey syringe ดูดสารละลาย 50 ซซีี
ประเมินสภาพผู้ป่วย อธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจ ปิดประตูหรือกั้นม่านให้เรียบร้อย
หักพับสายไว้ก่อนปลดรอยต่อ จากนั้นต่อสายกับกระบอกฉีดยาแล้วปล่อยสาย ที่หักพับไว้ ค่อยดันสารละลายผ่านกระบอกฉีดยาเข้าทางสาย ถ้ามีแรงต้าน ตรวจสอบการหักหรือพับ งอของสาย และให้ผู้ป่วยพลิกตัวไปมา ถ้ายังมีแรงต้านให้รายงานแพทย์
ตรวจสอบค าสั่งการรักษา
ดูดน้ าออกเบา ๆ หรือปล่อยให้สารละลายไหลออกเอง ถ้าไม่มีน้ าออกให้ผู้ป่วย พลิกตัวไปมา ถ้ายังดูดไม่ออกให้รายงานแพทย์ บันทึกสารน้ าที่ใส่กับที่ดูดออกมาต้องมีปริมาณเท่ากัน
ใส่สารละลายเข้าไปแล้วปล่อยหรือดูดน้ าออกเรื่อย ๆ จนการไหลผ่านดี หรือ ครบจ านวนตามแผนการรักษาพับสายไว้ ปลดกระบอกฉีดยา ปิดปลายสาย
ถ้ากรณีล้างกระเพาะอาหาร เพื่อห้ามเลือดในกระเพาะอาหาร ต้องท าการ ล้างจนสารน้ ามีลักษณะสีแดงจางที่สุด หรือมีลักษณะใส
เมื่อสิ้นสุดการล้างกระเพาะอาหารแล้ว ให้ท าความสะอาดช่องปากและจัด ท่าผู้ป่วยในท่าที่สุขสบาย
เก็บเครื่องใช้ท าความสะอาด และเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย
ลงบันทึกทางการพยาบาล
วัตถุประสงค์
ทดสอบหรือยับยั้งการมีเลือดออกจ านวนน้อยในทางเดินอาหารส่วนบน
ตรวจสอบการอุดตันของสาย
ล้างกระเพาะอาหารในกรณีที่ผู้ป่วยกินยาหรือสารพิษ
ตรวจหาเชื้อที่เป็นสาเหตุของโรคปอดและหลอดลม ในกรณีที่ไม่สามารถน า เสมหะจากผู้ป่วยไปตรวจได้ ปัจจุบันไม่นิยมใช้เพราะใช้เครื่องดูดเสมหะได้
การส่งเสริมภาวะโภชนาการในผู้ป่วยที่รับประทานอาหารเองไม่ได้
การให้อาหารทางสายยางให้อาหารจากจมูกถึงกระเพาะอาหาร
วิธีการปฏิบัติ ดังนี้ การให้อาหารทางสายให้อาหารทางจมูกถึงกระเพาะอาหาร (Nasogastric feeding) นิยมเรียกสั้น ๆ ว่า NG tube feeding หมายถึง วิธีการให้อาหารแก่ผู้ป่วยที่ไม่สามารถรับประทาน อาหารทางปาก แต่การท างานของระบบทางเดินอาหารยังอยู่ในภาวะปกติ โดยให้อาหารผ่านทางสาย ให้อาหารซึ่งสอดผ่านทางจมูกเข้าสู่กระเพาะอาหาร
การถอดสายยางให้อาหารจากจมูกถึงกระเพาะอาหาร
การถอดสายให้อาหารจากจมูกถึงกระเพาะอาหาร เป็นการถอดสายยางที่เคยใส่ไว้เพื่อ วัตถุประสงค์ใดวัตถุประสงค์หนึ่ง แต่การถอดสายให้อาหารออกนั้นเป็นบทบาทกึ่งอิสระของพยาบาล เมื่อแผนการรักษาเปลี่ยนไป
การใส่และถอดสายยางให้อาหารจากจมูกถึงกระเพาะอาหาร (Nasogastric intubation)
การใส่สายยางให้อาหารจากจมูกถึงกระเพาะอาหาร นิยมเรียกสั้น ๆ ว่า การใส่ NG tube โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการรักษาที่แตกต่างกัน
การให้อาหารทางสายยางให้อาหารที่ใส่เข้าทางรูเปิดของกระเพาะอาหาร
เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับอาหารตามความต้องการของร่างกาย
การป้อนอาหาร (Feeding)
การป้อนอาหาร หมายถึง การช่วยให้ผู้ป่วยได้รับอาหารเข้าสู่ร่างกายทางปาก โดย ผู้ป่วยอาจไม่สะดวกในการใช้มือในการตักอาหาร หรือมีความอ่อนเพลียจากการเจ็บป่วย และเป็นการ ดูแลเอาใจใส่ให้ผู้ป่วยได้รับประทานอาหารตามเวลา
การส่งเสริมภาวะโภชนาการในผู้ป่วยที่มีปัญหาภาวะโภชนาการ
Nausea and vomiting (อาการคลื่นไส้และอาเจียน)
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีอาการคลื่นไส้และอาเจียน
การพยาบาลผู้ป่วยหลังอาเจียน
การป้องกันและแก้ไขอาการอาเจียน
สังเกตสิ่งต่าง ๆ เพื่อบันทึกและรายงานอย่างถูกต้อง ได้แก่ อาการที่เกิด ร่วมกับการอาเจียน ลักษณะของอาเจียน จ านวน เวลาที่อาเจียน สัญญาณชีพ นอกจากนี้ควรบันทึก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นร่วมกับการอาเจียนหรือสิ่งที่คาดว่าจะเป็นสาเหตุของการอาเจียน
ดูแลความสะอาดร่างกาย ปาก ฟัน เครื่องใช้ สิ่งแวดล้อม
การพยาบาลผู้ป่วยขณะอาเจียน เมื่อพบผู้ป่วยจะอาเจียน พยาบาลต้องรีบให้ การช่วยเหลือโดยมีเป้าหมายให้ผู้ป่วยปลอดภัยและสุขสบาย
เตรียมพร้อมถ้ามีการอาเจียนซ้ ำ
Abdominal distention (ภาวะท้องอืด)
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีภาวะท้องอืด
งดอาหารที่ท าให้เกิดแก๊ส เช่น มะม่วงดิบ แตงโม ผักสด เป็นต้น
แสดงความเข้าใจและเห็นใจ และยินดีให้การช่วยเหลืออย่างจริงใจ
จัดให้นอนศีรษะสูง 45-60 เพื่อช่วยลดอาการแน่นท้อง และผายลมสะดวก
ค้นหาสาเหตุที่ท าให้เกิดภาวะท้องอืดและช่วยเหลือตามสาเหตุ
Emaciation (ภาวะผอมแห้ง)
ภาวะผอมแห้ง คือ ภาวะที่ผอมมากเกินไป BMI น้อยกว่าหรือเท่ากับ 16 กิโลกรัมต่อ ตารางเมตร และน้ าหนักลดลงตลอดเวลาและลดลงเป็นเวลานาน ร่วมกับขาดสารอาหาร มีการ ควบคุมอาหารหรือ อดอาหาร ออกก าลังกายมากเกินไป
Anorexia nervosa
ภาวะเบื่ออาหารเป็นความรู้สึกไม่อยากรับประทาน อาหาร อาจรู้สึกต่อต้าน เมื่อนึกถึงหรือเมื่อเห็นอาหาร
Bulimia Nervosa
เป็นความผิดปกติของพฤติกรรมการรับประทาน โดยจะ รับประทานวันละหลาย ๆ ครั้ง ครั้งละมาก ๆ
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีภาวะ Anorexia nervosa และ Bulimia nervosa
ส่งเสริมความรู้สึกอยากอาหารให้มากที่สุดและลดความรู้สึกเบื่ออาหาร
ดูแลด้านจิตใจ พยายามให้ช่วงเวลารับประทานอาหารเป็นเวลาที่จิตใจสบาย สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายขณะที่รับประทานอาหารเท่าที่ท าได้
หาสาเหตุ ที่พบได้บ่อย ๆ เช่น โรคปากและฟัน
การใช้ยา แพทย์อาจพิจารณาให้ยากระตุ้นความอยากอาหาร ในรายที่ไม่พบ โรคทางร่างกายและต้องการให้รับประทานอาหารมากขึ้น ส่วนใหญ่จะใช้ยากลุ่มที่มีฤทธิ์ต้าน Serotonin
การดูแลให้ผู้ป่วยได้รับอาหารเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
พิจารณาและแนะน าเลือกอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ เช่น ไข่ นม อาหารเสริมส าเร็จรูป เพิ่มมื้ออาหาร เป็นต้น
ส่งเสริมให้มีการเคลื่อนไหวของร่างกาย หรือท ากิจกรรมตามสภาพ ร่างกายของผู้ป่วย ซึ่งจะท าให้ระบบทางเดินอาหารท างานได้ดีขึ้น
พยายามให้รับประทานอาหารทางปากมากที่สุด โดยอ านวยความสะดวก และช่วยเหลือเกี่ยวกับการรับประทานตามความเหมาะสม เช่น ช่วยป้อน ตัก หรือแบ่งอาหาร
การให้อาหารด้วยวิธีพิเศษ เช่น การให้อาหารทางสายที่ใส่ทางจมูกถึง กระเพาะอาหาร การให้สารน้ าทางหลอดเลือดด า การให้สารอาหารทางหลอดเลือดด า เป็นต้น
Dysphagia and aphagia (ภาวะกลืนลำบากและกลืนไม่ได้)
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีภาวะกลืนลำบากและกลืนไม่ได้
ระมัดระวังการส าลัก
ดูแลด้านความสะอาดของร่างกาย โดยเฉพาะความสะอาดของปากและฟัน
ดูแลการได้รับยาตามแผนการรักษา
การเตรียมผู้ป่วยเพื่อตรวจหรือรักษา การตรวจรักษาโดยการส่องกล้องเข้าไป ดูที่หลอดอาหาร (Esophagoscopy) หลังการตรวจผู้ป่วยอาจรู้สึกเจ็บและมีเสมหะมาก พยาบาลควร ให้ค าแนะน าในการปฏิบัติตัวที่เหมาะสม
ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับสารน้ าและอาหารอย่างเพียงพอ
การดูแลด้านจิตใจ ปลอบโยน ให้ก าลังใจ การสังเกตและการดูแลเอาใจใส่ที่ดี สามารถบอกถึงสาเหตุและอาจแก้ไขอาการได้
สังเกตและประเมินอาการเกี่ยวกับการกลืนไม่ได้หรือกลืนล าบากว่าเกิดขึ้น ทันทีทันใดหรือค่อย ๆ มากขึ้น
Obesity (ภาวะอ้วน)
ภาวะอ้วน คือ ร่างกายมีการสะสมของมวลไขมันในร่างกายมากเกินไป มีค่าดัชนีมวล กาย (BMI) ทั้งเพศชายและเพศหญิง ตั้งแต่ 30 ขึ้นไป
การพยาบาลผู้ที่มีภาวะอ้วน
จำกัดมื้ออาหารและสัดส่วนของอาหารตามพีระมิดอาหาร
จำกัดการใช้น้ำมัน ไขมัน น้ำตาล
คำนวณพลังงานที่ควรได้รับต่อวัน
หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่แป้งและไขมันสูง
รับประทานอาหารครั้งละน้อย แต่บ่อยครั้งและจำกัดอาหารมื้อเย็น
หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารขณะดูโทรทัศน์
เพิ่มการรับประทานอาหารที่มีใยอาหารจากผักผลไม้ และธัญพืชที่ไม่ขัดสี
ส่งเสริมให้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอหรือสัปดาห์ละ 3 วัน