Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
แนวคิดทั่วไปทางเภสัชวิทยา - Coggle Diagram
แนวคิดทั่วไปทางเภสัชวิทยา
ยา
ยา หรือ drug หมายถึง สารหรือสารเคมีที่มีผลต่อสิ่งมีชีวิต หรือ ขบวนการ ต่าง ของสิ่งมีชีวิต
การเรียกชื่อยา
ชื่อสามัญทางยา (Generic Name)
เป็นชื่อที่สำคัญที่สุดทาง เภสัชศาสตร์ เพราะเป็นชื่อที่เป็นมาตราฐานในการสื่อกัน และยังเป็นชื่อที่ใช้กันทั่วโลก
ชื่อทางเคมี (Chemical Name)
เป็นชื่อที่ตั้งขึ้นตามระบบวิธีทางวิทยาศาสตร์สามารถแสดงให้เห็นว่ามีโครงสร้างอย่างไร
ชื่อทางการค้า (Trade Name)
เป็นชื่อที่บริษัทผู้ขายตั้งขึ้นเอง เพื่อใช้เรียกง่าย น่าสนใจ ทำให้ติดปาก เช่น Tyelenol
แหล่งที่มาของยา
ยาที่ได้จากธรรมชาติ
ยาที่ได้จากพืช เช่น Morphine ได้มาจากยางฝิ่น Caffeine สกัดจากใบชา กาแฟ
ยาที่ได้จากสัตว์ เช่น Heparin ได้จากการสกัดจากปอดวัว และเยื่อบุลำไส้หมู
ยาที่ได้จากแร่ธาตุ เช่นAI (OH), Mg (OH) ยารักษาโรคกระเพาะอาหาร
สารกึ่งสังเคราะห์
ยาที่ได้จากธรรมชาติแต่นำมาดัดแปลงทางโครงสร้างเคมี เช่น Penicillin เป็นCloxacillin
สารสังเคราะห์
เป็นการสังเคราะห์โดยเลียนแบบสารที่ได้จากธรรมชาติ เพื่อลดต้นทุนการผลิต เช่น sulfonylurea ยาเบาหวาน
ยาที่ได้จากเทคโนโลยีชีวภาพ
เช่น Insulin
ยาเตรียมรูปแบบต่างๆ
ยาเตรียมรูปแบบของแข็ง
เช่น ยาเม็ด ยาแคปซูล ยาแกรนูล ยาผง ยาเหน็บ ยาอม
ยาเตรียมรูปแบบของเหลว
ยาน้ำสารละลาย
เช่น ยาน้ำใส ยาน้ำเชื่อม ยาทิงเจอร์
ยาน้ำกระจายตัว
เช่น ยาแขวนตะกอน
ยาเตรียมรูปแบบกึ่งแข็ง
เช่น ยาครีม ยาขี้ผึ้ง ยาเจล ยาเพสต์(ยาป้ายปาก)
ยาเตรียมรูปแบบอื่นๆ
เช่น ยาฉีด ยาตา ยาฝัง ยาพ่นฝอย ยาสูดดม ยาแอโรซอล
ยาปราศจากเชื้อ
ยาปราศจากเชืออื่น ๆ
น้ำยาที่ใช้สำหรับการล้างไตและทำความสะอาดแผล
สารอาหารที่ให้ทางหลอดเลือดดำ (total parenteralNutrition, TPN or partial parenteralnutrition , PPN)
PPN
สารอาหารไม่เยอะมาก
TPN
สารอาหารในปริมาณมาก
สารที่ใช้ป้องกันการแข็งตัวของเลือด
เช่น heparin,Streptokinase
ชีวผลิตภัณฑ์
เลือดและผลิตภัณฑ์จากเลือด เช่นวัคซีน (vaccine) เซรั่ม(serum)whole blood
ยาเตรียมกัมมันตรังสีหรือเภสัชรังสี
ใช้ในการตรวจวินิจฉัยโรค เช่น โรคหัวใจ โรคทางสมอง โรคมะเร็ง
ยาเคมีบำบัด
อยู่ในรูปแบบยาฉีด เช่น doxorubicin
ยาสำหรับใช้เฉพาะที่
ยาน้ำใสสำหรับหยอดตาล้างตา ยาขี้ผึ้งป้ายตา
ยาฉีด
ยาฉีดชนิดน้ำใส ขุ่น หรือผงแห้ง (ต้องผสมสารทำละลายก่อนใช้)
วิธีการบริหารยา
Systemic
Enteral administration การให้ยาโดยผ่านทางเดินอาหาร
ยาฉีด (Injection)
ยาฝัง (implantation)
รับประทาน (Oral) นิยมมากที่สุด
อมใต้ลิ้น (Sublingual)
เหน็บทวารหนัก (Suppositories)
ยาผ่นแปะผิวหนัง (transdermal)
Parenteral administration การให้ยาโดยผ่านกระแสเลือด
เข้าหลอดเลือดดำ/เข้าเส้น (Intravenous) IV เข้าข้อกระดูก (Intraarticular) IA
เข้าใต้ผิวหนัง (Subcutaneous) SC เข้ากล้ามเนื้อ(Intramuscular) IM
เข้าเส้นเลือดแดง(intra-arterial) IR เข้าใต้สันหลัง(Intrathecal) เช่น spinal block
ปัจจัยที่มีผลต่อการบริหารยา
ตำแหน่งของยาที่จะออกฤทธิ์ หากต้องการลดกรดในกระเพาะอาหารจะต้องให้ยา ที่อยู่ในรูปของการ รับประทาน
ดูว่าผู้ป่วยอยู่ในสภาวะที่รับประทานยาได้หรือไม่และ จะต้องให้โดยวิธีใด ทดแทน
หากต้องการให้ได้ผลเร็วและระดับยาที่ได้แน่นอนการ ฉีดจะเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุด
Topical/local ยาใช้เฉพาะที่
ยาหยอดตา ยาครีม
ยาป้ายปาก(oral paste) ยาสูดพ่น(inhaler)
ยาเหน็บช่องคลอด(vaginal suppositories)
ยาเห็บทวาร(suppositories) ยาสวนทวาร (enemas)
การเสื่อมสภาพของยาและวิธีป้องกันรักษาคุณภาพยา
เก็บให้ถูกหลักวิชาการ
ตามคำแนะนำของบริษัท(ยาเก็บในตู้เย็น ภาชนะกันเเสง)
หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้ยาเสื่อมสภาพได้ง่าย เช่น แสงแดด ความชื้น อากาศ ภาชนะบรรจุ
เก็บให้ปลอดภัย
เก็บไว้ในตู้หรือห้องที่มกุญแจและผู้รับผิดชอบมีการตรวจสถาพอย่างสม่ำเสมอ
เก็บเป็นระเบียบ
เรียงยาเป็นหมวดหมู่ เช่นตามตัวอักษร
อาศัยระบบคอมพิวเตอร์
หลักการใช้ยาให้ปลอดภัย
Right time
การให้ยาถูกเวลา เนื่องจากยาแต่ละชนิดออกฤทธิ์ในสภาวะที่แตกต่างกัน
Right route/right method
การใช้ยาถูกตามวิถีทางทีให้ เพื่อทียาจะ ได้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด
right dose
การใช้ยาถูกต้องตามที่กำหนดเอาไว้ (มาตราตวงวัด หรือสามารถที่จะคำนวณขนาดของยา เพื่อที่จะได้ให้ยาได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ)
right drug
การให้ยาถูกต้องตามชนิดละประเภท หากอ่านคำสั่งแพทย์ไม่ออกควร ถาม แพทย์ให้เกิดความแน่ใจ การทราบชื่อยาทั่วไป (generic name) จะทำให้เรา ป้องกันความผิดพลาดด
right patient
การให้ยาถูกคนต้องมีการถามชื่อและนามสกุลผู้ป่วยก่อนทุกครั้งหาก ผู้ป่วย ไม่สามารถสื่อสารได้ ควรตรวจจากป้ายข้อมือของผู้ป่วยทุกครั้งก่อนการให้ยา