Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การติดเชื้อที่มาจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์การติดเชื้อที่มาจากโรคติดต่อทางเ…
การติดเชื้อที่มาจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์การติดเชื้อที่มาจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
การตกขาวผิดปกติ
การตกขาวจากการติดเชื้อรา (Vulvovaginal candidiasis)
ปัจจัยและปัจจัยเสี่ยง
การรับประทานยาปฏิชีวนะเพื่อการรักษาบางชนิดอย่างต่อเนื่อง
การได้รับฮอร์โมนสเตียรอยด์ และได้รับยากดภูมิต้านทาน
โรคเอดส์ หรือการได้รับเคมีบําบัด
ยาคุมกําเนิดชนิดที่มีปริมาณฮอร์โมนมาก
ควบคุมภาวะเบาหวานไม่ดี
ทานอาหารที่มีแป้งและน้ําตาลมาก
การสวมใส่ชุดชั้นในที่แน่นเกินไป
การใช้น้ํายาล้างทําความสะอาดช่องคลอด
ความเครียด การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ
การใส่แผ่นอนามัยโดยไม่เปลี่ยนระหว่างวัน
การตั้งครรภ์ พบว่าขณะตั้งครรภ์
ภาวะความเป็นกรด-ด่าง ในช่องคลอดที่เปลี่ยนไป
อาการและอาการแสดง
คันและระคายเคืองมากในช่องคลอดและปากช่องคลอด
เจ็บขณะร่วมเพศ (dyspareunia)
มีอาการปัสสาวะลําบาก และแสบขัดตอนสุด (external dysuria)
ผลกระทบต่อสตรีตั้งครรภ์และทารก
ทารก
เป็นเชื้อราในช่องปาก
สตรีตั้งครรภ์
ระคายเคือง คันช่องคลอดมากขึ้น
การประเมินและการวินิจฉัย
ซักประวัติอาการตกขาวผิดปกติ
ตรวจภายในพบช่องคลอดบวมแดง
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
wet mount smear
แกรมสเตน (gram stain)
แนวทางการรักษา
ใช้ยารักษาภายนอกเฉพาะที่
การพยาบาล
ระยะตั้งครรภ์
อธิบายการดำเนินของโรค
แนะนําการใช้ยาทา และยาเหน็บช่องคลอดตามแพทย์สั่ง
ทําความสะอาดชุดชั้นในต้องซักให้สะอาด
ควรพาสามีให้มารักษาพร้อมกัน
ระยะคลอด
สามารถให้คลอดทางช่องคลอดได้ตามปกติ
ระยะหลังคลอด
ดูแลมารดาหลังคลอดเหมือนมารดาหลังคลอดทั่วไป
เน้นการดูแลความสะอาดของอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกให้สะอาดและแห้งเสมอ ชุดชั้นในต้องสะอาดและแห้ง ไม่อับชื้น
ล้างมือทุกครั้งก่อนสัมผัสบุตร
ให้ปรึกษากุมารแพทย์เพื่อการดูแลทารกต่อไป
การตกขาวจากการติดเชื้อพยาธิ(vaginal trichomoniasis)
อาการและอาการแสดง
ปากมดลูกอักเสบแบบมูกปนหนอง
(strawberry spot หรือ flea bittencervix)
ตกขาวมีสีขาวปนเทา หรือสีเหลืองเขียว ตกขาวเป็นฟอง (foamy discharge) มีกลิ่นเหม็น
ปัสสาวะแสบขัดหรือบ่อย
เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์
ผลกระทบต่อสตรีตั้งครรภ์และทารก
ภาวะถุงน้ําคร่ําแตกก่อนกําหนด การเจ็บครรภ์คลอดก่อนกําหนด
ทารกคลอดก่อนกําหนด และทารกแรกเกิดมีน้ําหนักตัวน้อย
การประเมินและวินิจฉัย
มีตกขาวจํานวนมาก เป็นฟอง มีกลิ่นเหม็น ร่วมกับอาการคัน ประวัติการตกขาวจากการติดเชื้อพยาธิและการรักษา
พบตกขาวเป็นฟองสีเหลือเขียว อาจพบจุดเลือดออกเป็นหย่อมๆ ที่ผิวปากมดลูก
wet mount smear
แนวทางการรักษา
metronidazole แต่ห้ามใช้ในไตรมาสแรก ไตรมาสแรกได้อย่างปลอดภัยคือ clotriamazole 100 มิลลิกรัม
หลังไตรมาสแรกไปแล้ว จะรักษาด้วย metronidazole
ให้การรักษาสามีไปด้วย
การพยาบาล
ระยะตั้งครรภ์
ให้คําแนะนําและการดูแลเหมือนสตรีตั้งครรภ์ทั่วไป
แนะนําการเหน็บยา
แนะนําให้สามีมารับการรักษาพร้อมกัน
แนะนําการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยโดยการสวมถุงยางอนามัย
แนะนําการรักษาความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกให้แห้งสะอาดเสมอ และซักชุดชั้นในให้สะอาดตากแดดให้แห้ง
ระยะหลังคลอด
ให้การพยาบาลเหมือนมารดาหลังคลอดทั่วไป
ล้างมือทุกครั้งก่อนสัมผัสบุตร
ดูแลความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกเสมอ
ต้องได้รับการรักษาทั้งสามีและภรรยาให้หาย
ระยะคลอด
ให้การพยาบาลผู้คลอดในระยะคลอด โดยให้คลอดทางช่องคลอดได้ตามปกติ
การตกขาวจากการติดเชื้อแบคทีเรีย(bacterial vaginosis)
ผลกระทบต่อสตรีตั้งครรภ์และทารกในครรภ์
ทําให้มีการติดเชื้อในมดลูก (chorioamnionitis) ปีกมดลูกอักเสบ (salpingitis) และเกิดการอักเสบในอุ้งเชิงกราน (pelvic inflammatory disease: PID) ได้
แท้งติดเชื้อ (septic abortion)
มารดาหลังคลอดอาจมีไข้
ภาวะหายใจลําบาก มีแบคทีเรียในเลือด
การประเมินและวินิจฉัย
ประวัติการมีตกขาวจํานวนมาก ปวดแสบปวดร้อนบริเวณปากช่องคลอดและในช่องคลอด ถ่ายปัสสาวะลําบาก
ทํา pap smear จะพบเชื้อแบคทีเรีย
ตรวจ Wet smear
การเพาะเชื้อ (culture)
การพยาบาล
ระยะตั้งครรภ์
รับประทานยาตามแพทย์สั่งให้ครบ
รักษาความสะอาดของอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกไม่ให้อับชื้นโดยใช้น้ําธรรมดา
แนะนําให้พาสามีไปตรวจและรักษาโรคพร้อมกัน
หากมีอาการผิดปกติ ให้รีบไปพบแพทย์ทันที
แนะนําการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
ระยะคลอด
ให้การพยาบาลเหมือนผู้คลอดทั่วไป
ระยะหลังคลอด
เน้นเรื่องการล้างมือทุกครั้งก่อนสัมผัสบุตร
เน้นการทําความสะอาดของอวัยวะสืบพันธุ์ให้สะอาดและแห้งเสมอ
อาการและอาการแสดง
มีกลิ่นเหม็นเน่าเหมือนคาวปลา (fishy smell) โดยเฉพาะหลังการมีเพศสัมพันธ์แล้ว
ซิฟิลิส (Syphilis)
อาการและอาการแสดง
(primary stage)
แผล กลม นิ่ม ขอบนูนแข็ง ไม่เจ็บ เรียว่าแผล chancre
(secondary stage)
ผื่นกระจายทั่วร่างกาย ไข้ ต่อมน้ําเหลืองโต เจ็บคอ ผมร่วงเป็นหย่อมๆ ปวดศีรษะ น้ําหนักลด
(tertiary syphilis)
เกิด aortic aneurysm และ aortic insufficiency
(latent syphilis)
ระยะนี้จะไม่มีอาการใดๆ
ผลกระทบต่อสตรีตั้งครรภ์และทารก
ทําให้ผิวหนังและเนื้อเยื่ออักเสบ คลอดก่อนกําหนด และแท้งบุตร ทารกคลอดก่อนกําหนด ตายคลอด ทารกแรกเกิดติดเชื้อซิฟิลิส
การประเมินและวินิจฉัย
การซักประวัติประวัติเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อซิฟิลิส
การตรวจร่างกายกรณีที่มีอาการและอาการแสดงอาจตรวจพบไข้ต่ํา ๆ ครั่นเนื้อครั่นตัว ตรวจอวัยวะสืบพันธ์ภายนอกพบแผลที่มีลักษณะขอบแข็ง กดไม่เจ็บ อาจพบผื่นบริเวณฝ่ามือฝ่าเท้า
ตรวจหาเชื้อ T. Pallidum
หากไม่มีแผลหรือผื่น การวินิจฉัยทําโดยการตรวจเลือด
แนวทางการรักษา
ยึดหลักการรักษาให้หาย ครบถ้วน และต้องให้สามีมารับการตรวจและรักษาพร้อมกัน
ให้ยา Penicillin G
รักษาด้วยBenzathine Penicillin G Sodium 2.4 ล้านยูนิต ฉีดเข้ากล้ามเนื้อสะโพกครั้งเดียว
การรักษาในระยะ late latent syphilis จะรักษาด้วย Benzathine Penicillin G Sodium 2.4 ล้านยูนิต ฉีดเข้ากล้ามเนื้อสะพก 3 สัปดาห์ติดต่อกัน
หนองใน (Gonorrhea)
อาการและอาการแสดง
ตกขาวเป็นหนองข้นปริมาณมาก อาจพบอาการกดเจ็บบริเวณต่อมบาร์โธลิน (bartholin’s gland)
ผลกระทบต่อสตรีตั้งครรภ์และทารก
มีบุตรยาก กรณีที่มีอาการขณะตั้งครรภ์จะทําให้ถุงน้ําคร่ําอักเสบและติดเชื้อ ถุงน้ําคร่ําแตกก่อนกําหนด แท้งบุตร และการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกําหนด
ทําให้เกิดตาอักเสบ (gonococcal ophalmia neonatorum) และอาจเป็นสาเหตุให้ตาบอดได้
การประเมินและวินิจฉัย
การซักประวัติประวัติเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อหนองใน
ตรวจทางช่องคลอดจะพบหนองสีขาวขุ่น บางรายอาจพบเลือดปนหนอง หากมีการอักเสบมากขาหนีบจะบวม กดเจ็บบริเวณต่อมบาร์โธลิน หรือต่อมข้างท่อปัสสาวะ
ตรวจ gram stain smear
แนวทางการรักษา
ตรวจคัดกรองขณะตั้งครรภ์ตามปกติ (VDRL)
หากพบว่ามีเชื้อให้ยา ceftriaxone, azithromycin, penicillin ได้ทั้งรับประทานและฉีดเข้ากล้ามเนื้อ
1% tetracycline ointmenป้ายตาทารกแรกเกิด
ทารกที่พบว่ามีการติดเชื้อหนองในควรได้รับยาปฏิชีวนะceftriaxone
การรักษาในสตรีตั้งครรภ์ควรคํานึงว่ามีการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์อื่นร่วมด้วย
การติดเชื้อเริม (Herpes simplex)
พยาธิสรีรภาพ
ภายหลังจากเชื้อเข้าสู่ร่างกายจะทําให้ผิวหนังเป็นตุ่มน้ําใส เล็กๆจํานวนมาก เมื่อตุ่มน้ําแตก หนังกําพร้าจะหลุดพร้อมกับทําให้เกิดแผลตื้น ทําให้รู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่แผล ขณะเดียวกันเชื้อก็จะเดินทางไปแฝงตัวที่ปมประสาท และกระตุ้นให้เกิดการอักเสบเมื่อภูมิคุ้มกันของร่างกายต่ํา
อาการและอาการแสดง
ปวดแสบปวดร้อน และคัน จากนั้นจะกลายเป็นตุ่มน้ําใสๆ แล้วแตกกลายเป็นแผลอยู่ 2 สัปดาห์ ก่อนจะตําสะเก็ด บางรายอาจมีอการคล้ายหวัด
แนวทางการรักษา
รักษาจึงเป็นการรักษาแบบประคับประคองตามอาการ
ให้ Acyclovir 200 mg
เฝ้าระวังทารก เพื่อดูอาการของการติดเชื้อเริม
ผลกระทบต่อสตรีตั้งครรภ์และทารก
เสี่ยงต่อการแท้ง การเจ็บครรภ์คลอดก่อนกําหนด
ทารกมีการเจริญเติบโตช้าในครรภ์ ทารกคลอดก่อนกําหนด หากทารกมีการติดเชื้อในขณะตั้งครรภ์
การประเมินและการวินิจฉัย
การซักประวัติประวัติเกี่ยวกับการเคยติดเชื้อเริม
การตรวจร่างกายจะพบตุ่มน้ําใส หากตุ่มน้ําแตกจะพบแผลอักเสบ แดง ปวดแสบปวดร้อนบริเวณขอบแผลค่อนข้างแข็ง
การเพาะเชื้อใน Hank’s medium
(exfoliative cytology หรือ pap smear)
(Tzanck’s test)
หูดหงอนไก่ (Condyloma acuminate)
อาการและอาการแสดง
มีรอยโรคเป็นติ่งเนื้อสีชมพูคล้ายหงอนไก่ ขนาดแตกต่างกัน มักเกิดบริเวณอับชื้น เช่น ปากช่องคลอด หรือในช่องคลอด เป็นต้น การติดเชื้อขณะตั้งครรภ์รอยโรคจะขยายใหญ่ มีผิวขรุยระคล้ายดอกกะหล่ําและยุ่ยมาก
ผลกระทบต่อสตรีตั้งครรภ์และทารก
หากเกิดรอยโรคใหญ่อาจขัดขวางช่องทางคลอด หรือทําให้เกิดการตกเลือดหลังคลอด และมารดาหลังคลอดมีโอกาสเกิดมะเร็งปากมดลูกได้
อาจเกิด laryngeal papillomatosis ทําให้เกิดการอุดกั้นของระบบทางเดินหายใจส่วนบนเสียงเปลี่ยน (voice change) เสียงร้องไห้แหบผิดปกติ (abnormal cry)
การประเมินและการวินิจฉัย
การซักประวัติ ประวัติเคยติดเชื้อหูดหงอนไก่มาก่อน
การตรวจร่างกายจะพบรอยโรคเป็นติ่งเนื้อสีชมพูคล้ายหงอนไก่ ผิวขรุขระคล้ายดอกกะหล่ําบริเวณปากช่องคลอด ในช่องคลอด หรือบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก
Polymerase Chain Reaction (PCR) หรือการตรวจ DNA (DNA probe)
แนวทางการรักษา
ทาบริเวณรอยโรคด้วย 85% trichlorracetic acid
ช้ยาท่าร่วมกับการจี้ laser หรือ cryosurgery
แนะนําการรักษาความสะอาด หลีกเลี่ยงการอับชื้นบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก
ระยะคลอดหากหูดหงอนไก่มีขนาดใหญ่ อาจพิจารณาผ่าตัดคลอด
การพยาบาลสตรีตั้งครรภ์ที่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซิฟิลิส หนองใน เริม และหูดหงอนไก่
ระยะตั้งครรภ์
อธิบายให้เข้าใจถึงการดําเนินของโรค อันตรายของโรคต่อการตั้งครรภ์
แนะนําการปฏิบัติตัวของสตรีตั้งครรภ์และสามี
แนะนําให้นําสามีมารับการตรวจเพื่อวินิจฉัยโรค
ติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
คัดกรองและประเมินภาวะสุขภาพ
ระยะคลอด
ยึดหลัก universal precaution
หลีกเลี่ยงการทําหัตถการทางช่องคลอด
เตรียมผู้คลอดให้พร้อมสําหรับการผ่าตัดนําทารกออกทางหน้าท้อง
ดูแลให้ผู้คลอดและทารกได้รับยาตามแผนการรักษาเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
ระยะหลังคลอด
ประเมินอาการติดเชื้อของทารกแรกเกิด
ล้างมือให้สะอาดก่อนจับทารกทุกครั้ง
ดูแลรักษาความสะอาดร่างกาย เครื่องใช้ส่วนตัว การกําจัดสิ่งปนเปื้อนสารคัดหลั่งอย่างถูกต้อ
ดูแลให้มารดาหลังคลอดและทารกได้รับยาป้องกันการติดเชื้อ
ยึดหลัก universal precaution
แนะนําและดูแลมารดาหลังคลอดปกติ
การติดเชื้อเอชไอวีในสตรีตั้งครรภ์ (Human Immunodeficiency Virus [HIV]during pregnancy)
การแพร่เชื้อจากมารดาสู่ทารก
ชื้อไวรัสสามารถผ่านทางรก
ระหว่างคลอดทารกจะสัมผัสกับเลือดของมารดา น้ําคร่ํา และสารคัดหลั่งในช่องคลอดของมารดา
ติดเชื้อจากน้ํานมมารดา
อาการและอาการแสดง
ระยะเริ่มแรกของการติดเชื้อ HIV
เริ่มตั้งแต่ติดเชื้อ HIV จนกระทั่งร่างกายเริ่มสร้าง antibody
ระยะติดเชื้อโดยไม่มีอาการ
ตรวจเลือดจะพบเชื้อ HIV และ antibody ต่อเชื้อ HIV และสามารถแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้
ระยะติดเชื้อที่มีอาการ
มีอุณหภูมิร่างกายสูงมากกว่า 37.80C เป็นพักๆ หรือติดต่อกันทุกวัน ท้องเดินเรื้อรัง หรืออุจจาระร่วงเรื้อรัง น้ําหนักลดเกิน 10% ของน้ําหนักตัว ต่อมน้ําเหลืองโตมากกว่า 1 แห่ง เป็นงูสวัด และพบเชื้อราในปากหรือฝ้าขาว (hairy leukoplakia) ในช่องปาก
ระยะป่วยเป็นเอดส์
ระบบภูมิคุ้มกันจะเสื่อมเต็มที่
ผลกระทบต่อสตรีตั้งครรภ์และทารก
สตรีตั้งครรภ์
ปริมาณ CD4 ต่ํา มีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนจากการติดเชื้อฉวยโอกาสได้ง่ายขึ้น
ต่อทารก
ทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์ ทารกคลอดก่อนกําหนด ทารกแรกเกิดน้ําหนักตัวน้อย ทารกมีขนาดเล็กกว่าอายุครรภ์ และทารกตายคลอด
การประเมินและการวินิจฉัย
การซักประวัติเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อ
ไข้ ไอ ต่อมน้ําเหลืองโต มีแผลในปาก มีฝ้าในปาก ติดเชื้อราในช่องคลอด
การตรวจหา antibody ต่อเชื้อ HIV
HIV (HIV viral testing)
การตรวจนับเม็ดเลือดขาวชนิด CD4 lymphocyte
การตรวจพิเศษอื่น ๆ
การป้องกันและการรักษา
การให้ยาต้านไวรัสแก่สตรีตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อ HIV
การให้ยาเพื่อป้องกันโรคติดเชื้อฉวยโอกาสระหว่างตั้งครรภ์
พิจารณาระยะเวลาที่จะให้คลอดและวิธีการคลอด
หลังคลอดหลีกเลี่ยงการให้ยากลุ่ม ergotamine
หลีกเลี่ยงการใส่สายยางสวนอาหารในกระเพาะทารกโดยไม่จําเป็น
หลีกเลี่ยงการเลี้ยงบุตรด้วยนมมารดา
ทารกที่คลอดจากมารดาที่ติดเชื้อ HIV ทุกรายควรได้รับการดูแลรักษาโดยกุมารแพทย์
การพยาบาล
ระยะตั้งครรภ์
คัดกรองสตรีตั้งครรภ์และสามีที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ
ให้ข้อมูลแก่สตรีตั้งครรภ์และครอบครัวเกี่ยวกับการดําเนินของโรค
แนะนําให้มาฝากครรภ์ตามนัดทุกครั้ง
ให้ความรู้แก่สตรีตั้งครรภ์และครอบครัวเกี่ยวกับหลักมาตรฐานในการควบคุมและป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ
ติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
แนะนําการปฏิบัติตัวของสตรีตั้งครรภ์
ประเมินภาวะแทรกซ้อนจากการได้รัยยาต้านไวรัส
ให้การพยาบาลด้วยท่าทีที่ปราศจากความรังเกียจ ให้กําลังใจ
ประเมินระดับความวิตกกังวล
ระยะคลอด
ดูแลผู้คลอดโดยยึดหลัก universal precaution
ให้การดูแลเช่นเดียวกับผู้คลอดทั่วไป
แพทย์อาจพิจารณาเจาะถุงน้ําคร่ําเพื่อชักนําการคลอด
ทําคลอดด้วยวิธีที่ทําให้เกิดการบาดเจ็บต่อผู้คลอดกและทารกน้อยที่สุด
ดูแลให้ผู้คลอดและทารกได้รับยาต้านไวรัสตามแผนการรักษา
เตรียมอุปกรณ์และเครื่องมือที่ใช้ในการช่วยเหลือทารกแรกเกิด
ประเมินอาการเปลี่ยนแปลงและภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ
ระยะหลังคลอด
ดูแลมารดาหลังคลอดโดยยึดหลัก universal precaution
ให้คําแนะนําแก่มารดาหลังคลอดเพื่อป้งอกันการแพร่กระจายเชื้อ
หลีกเลี่ยงเลี้ยงบุตรด้วยนมมารดา
กําจัดสารคัดหลั่งอย่างถูกวิธี
ตระหนักถึงความสําคัญในการดูแลตนเองและการมาตรวจตามนัด
แนะนําการวางแผนครอบครัว โดยสามารถใช้วิธีคุมกําเนิดได้ทุกวิธีโดยต้องใช้ร่วมกับการใช้ถุงยางอนามัยเสมอ
ตระหนักถึงความสําคัญของการนําทารกมาตรวจเลือด
จัดให้บริการปรึกษาแก่มารดาหลังคลอดที่ติดเชื้อ HIV อย่างต่อเนื่อง