Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 8 การส่งเสริมภาวะโภชนาการ, นายศราวุฒิ เป็งมูล เลขที่ 11…
บทที่ 8
การส่งเสริมภาวะโภชนาการ
8.1 ความหมายของโภชนาการและภาวะโภชนาการ
8.1.1 ความหมายของโภชนาการ (Nutrition)
โภชนาการเป็นทั้งวิทยาศาสตร์และศิลปะของการกิน (Science and Art of feeding) มุ่งเน้นเรื่องคุณภาพของอาหาร หรือปริมาณของสารอาหารที่ร่างกายจะนำมาใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด
8.1.2 ภาวะโภชนาการ (Nutritional Status)
แบ่งเป็น 2 ลักษณะ
1) ภาวะโภชนาการดี (Good nutritional status)
ภาวะที่ร่างกายได้รับอาหารที่
ถูกหลักโภชนาการ
(1) ภาวะโภชนาการต่ำกว่าเกณฑ์ (Malnutrition
ภาวะที่ร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอกับความต้องการ โดยอาจขาดสารอาหารเพียง 1 ชนิด หรือมากกว่า
(2) ภาวะโภชนาการเกิน (Over nutrition)
ภาวะที่ร่างกายได้รับอาหารมากเกินความต้องการของร่างกาย และเก็บสะสมไว้จนเกิดอาการปรากฏ
2) ภาวะโภชนาการไม่ดี (Bad nutritional status)
ภาวะที่ร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ หรือได้รับเพียงพอแต่ร่างกายไม่สามารถใช้ประโยชน์จากสารอาหารที่ได้รับ
8.2 ปัจจัยที่มีผลต่อภาวะโภชนาการ
1) อายุ พบว่าในวัยเด็กมีความต้องการสารอาหารมากกว่าในวัยผู้ใหญ่และวัยสูงอายุ
2) เพศ พบว่าเพศชายต้องการพลังงานในหนึ่งวันมากกว่าเพศหญิง
3) การใช้ยา พบว่า ยาที่มีผลข้างเคียงให้เกิดอาการเบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน
4) ภาวะสุขภาพ พบว่า การเจ็บป่วยเรื้อรังมีผลต่อภาวะโภชนาการ
5) ความชอบส่วนบุคคล พบว่าความชอบและไม่ชอบบริโภคอาหารของแต่ละบุคคลมีผลต่อภาวะโภชนาการ
6) ผลจากการดื่มแอลกอฮอล์ พบว่า การดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
7) วิถีชีวิต ปัจจุบันมีผู้เลือกดำเนินชีวิตตามวิถีสุขภาพโดยเลือกงดรับประทานสัตว์มักขาดสารอาหารโปรตีนจึงควรต้องเสริมอาหารโปรตีนที่ทำมาจากพืชให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
8) เศรษฐานะ ภาวะเศรษฐกิจดี รับประทานอาหารได้ตามความต้องการภาวะเศรษฐกิจไม่ดีการเลือกรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์อาจลดปริมาณลง
9) วัฒนธรรม ความเชื่อ และศาสนา ยังดำเนินชีวิตอยู่ในกระบวนทัศน์เดิม มีผลต่อภาวะโภชนาการทั้งสิ้น
10) ปัจจัยด้านจิตใจ พบว่า ความเครียด และความกลัวทำให้ความอยากอาหารลดลงรู้สึกเบื่ออาหาร กลืนอาหารไม่ลงคอ
8.3 ความสำคัญของอาหารต่อภาวะเจ็บป่วยและความต้องการพลังงานของร่างกายในภาวะเจ็บป่วย
ผู้ป่วยได้รับสารอาหารและพลังงานไม่เพียงพอ ย่อมส่งผลกระทบ ดังนี้
1) เพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
2) ภูมิคุ้มกันโรคลดลง
3) การหายของแผลช้า
4) ความแข็งแรงและโครงสร้างของผิวหนังผิดปกติ
5) วันนอนโรงพยาบาลนานขึ้น
6) อัตราการเสียชีวิตสูงขึ้น
8.3.1 ความต้องการพลังงานของร่างกายในภาวะเจ็บป่วย
ความต้องการพลังงานหรือพลังงานที่ต้องการใช้ (Energy Expenditure: EE)
ความต้องการพลังงานพื้นฐาน (Basal energy expenditure: BEE)
ความต้องการพลังงานทั้งหมด (Total Energy Expenditure: TEE)
ขึ้นอยู่กับ
เพศ อายุ
ส่วนสูง น้ำหนัก และความรุนแรงของโรค
สูตรคำนวณความต้องการพลังงานพื้นฐาน ช
8.4 การประเมินภาวะโภชนาการ
6.4.1 การวัดสัดส่วนของร่างกาย (Anthropometric measurement: A)
1) ดัชนีมวลของร่างกาย (Body Mass Index ; BMI)
เป็นการประเมินมวลของร่างกายทั้งหมด โดยวัดส่วนสูงและน้ำหนักแล้ว นำมาประเมินภาวะโภชนาการโดยคำนวณหาดัชนีมวลของร่างกายมีหน่วยเป็นกิโลกรัมต่อตารางเมตร
8.4.2 การประเมินทางชีวเคมี (Biochemical assessment: B)
เป็นวิธีการเจาะเลือด เพื่อประเมินภาวะโภชนาการ
8.4.3 การตรวจร่างกายทางคลินิก (Clinical assessment: C)
เป็นวิธีการตรวจร่างกายเช่นเดียวกับการประเมินภาวะสุขภาพ แต่จะให้ความสนใจตรวจร่างกายเบื้องต้น
8.4.4 การประเมินจากประวัติการรับประทานอาหาร(Dietary assessment: D)
ประกอบด้วย ประวัติการรับประทานอาหาร ชนิดของอาหารที่บริโภค พฤติกรรมการรับประทานอาหาร
8.5 การส่งเสริมภาวะโภชนาการในผู้ป่วยที่มีปัญหาภาวะโภชนาการ
8.5.1 Obesity (ภาวะอ้วน)
ภาวะอ้วน คือ ร่างกายมีการสะสมของมวลไขมันในร่างกายมากเกินไป
การพยาบาลผู้ที่มีภาวะอ้วน
1) คำนวณพลังงานที่ควรได้รับต่อวัน
2) จำกัดมื้ออาหารและสัดส่วนของอาหารตามพีระมิดอาหาร
3) จำกัดการใช้น้ำมัน ไขมัน น้ำตาล
4) หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่แป้งและไขมันสูง
5) รับประทานอาหารครั้งละน้อย แต่บ่อยครั้งและจำกัดอาหารมื้อเย็น
6) หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารขณะดูโทรทัศน์
7) เพิ่มการรับประทานอาหารที่มีใยอาหารจากผักผลไม้ และธัญพืชที่ไม่ขัดสี
8) ส่งเสริมให้ออกก าลังกายอย่างสม่ำเสมอหรือสัปดาห์ละ 3 วัน
8.5.2 Emaciation (ภาวะผอมแห้ง)
8.5.2.1 Anorexia nervosa
ภาวะเบื่ออาหารเป็นความรู้สึกไม่อยากรับประทานอาหาร อาจรู้สึกต่อต้าน
8.5.2.2 Bulimia Nervosa
เป็นความผิดปกติของพฤติกรรมการรับประทาน โดยจะรับประทานวันละหลาย ๆ ครั้ง
8.5.2.3 การพยาบาลผู้ป่วยที่มีภาวะ Anorexia nervosa และ Bulimia nervosa
1) หาสาเหตุ ที่พบได้บ่อย ๆ เช่น โรคปากและฟัน คออักเสบ โรคมะเร็ง เป็นต้นแล้วขจัดสาเหตุ
2) ส่งเสริมความรู้สึกอยากอาหารให้มากที่สุดและลดความรู้สึกเบื่ออาหาร
3) ดูแลด้านจิตใจ พยายามให้ช่วงเวลารับประทานอาหารเป็นเวลาที่จิตใจสบาย สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายขณะที่รับประทานอาหารเท่าที่ทำได้
4) การใช้ยา แพทย์อาจพิจารณาให้ยากระตุ้นความอยากอาหาร
5) การดูแลให้ผู้ป่วยได้รับอาหารเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
8.5.3 Nausea and vomiting (อาการคลื่นไส้และอาเจียน)
8.5.3.1 การพยาบาลผู้ป่วยที่มีอาการคลื่นไส้และอาเจียน
1)พยาบาลต้องรีบให้การช่วยเหลือโดยมีเป้าหมายให้ผู้ป่วยปลอดภัยและสุขสบาย
2) สังเกตสิ่งต่าง ๆ เพื่อบันทึกและรายงานอย่างถูกต้อง
3) การพยาบาลผู้ป่วยหลังอาเจียน
4) การป้องกันและแก้ไขอาการอาเจียน
5) ดูแลความสะอาดร่างกาย ปาก ฟัน เครื่องใช้ สิ่งแวดล้อม
6) เตรียมพร้อมถ้ามีการอาเจียนซ้ำ
8.5.4 Abdominal distention (ภาวะท้องอืด)
1) จัดให้นอนศีรษะสูง 45-60 องศา เพื่อช่วยลดอาการแน่นท้อง และผายลมสะดวก
2) งดอาหารที่ท าให้เกิดแก๊ส เช่น มะม่วงดิบ แตงโม ผักสด เป็นต้น
3) แสดงความเข้าใจและเห็นใจ และยินดีให้การช่วยเหลืออย่างจริงใจ
4) ค้นหาสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะท้องอืดและช่วยเหลือตามสาเหตุ
8.5.5 Dysphagia and aphagia (ภาวะกลืนลำบากและกลืนไม่ได้)
8.5.5.1 การพยาบาลผู้ป่วยที่มีภาวะกลืนลำบากและกลืนไม่ได้
1) สังเกตและประเมินอาการเกี่ยวกับการกลืนไม่ได้หรือกลืนลำบากว่าเกิดขึ้นทันทีทันใดหรือค่อย ๆ มากขึ้น
2) ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับสารน้ำและอาหารอย่างเพียงพอ
3) ดูแลการได้รับยาตามแผนการรักษา
4) ระมัดระวังการสำลัก
5) ดูแลด้านความสะอาดของร่างกาย โดยเฉพาะความสะอาดของปากและฟัน
6) การเตรียมผู้ป่วยเพื่อตรวจหรือรักษา
7) การดูแลด้านจิตใจ ปลอบโยน ให้กำลังใจ การสังเกตและการดูแลเอาใจใส่ที่ดี สามารถบอกถึงสาเหตุและอาจแก้ไขอาการได
8.6 การส่งเสริมภาวะโภชนาการในผู้ป่วยที่รับประทานอาหารเองไม่ได้
8.6.1 การป้อนอาหาร (Feeding)
การช่วยให้ผู้ป่วยได้รับอาหารเข้าสู่ร่างกายทางปาก
เพื่อให้ผู้ป่วยที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ได้รับอาหารตาม
ความต้องการของร่างกาย
8.6.2 การใส่และถอดสายยางให้อาหารจากจมูกถึงกระเพาะอาหาร (Nasogastric intubation)
การใส่สายยางให้อาหารจากจมูกถึงกระเพาะอาหาร นิยมเรียกสั้น ๆ ว่า การใส่ NG tube โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการรักษาที่แตกต่างกัน
วัตถุประสงค์
1) เป็นทางให้อาหาร น้ำ หรือยา
2) เป็นการลดแรงดันในกระเพาะอาหารหรือลำไส้
3) เป็นการเพิ่มแรงดันเข้าไปในระบบทางเดินอาหาร (Compression)
4) ล้างภายในกระเพาะอาหาร (Gastric lavage)
5) เก็บสิ่งตกค้างในกระเพาะอาหารไปตรวจทางห้องปฏิบัติการ
8.6.3 การให้อาหารทางสายยางให้อาหารจากจมูกถึงกระเพาะอาหาร
1) Bolus dose เป็นการให้อาหารทางสาย NG โดยใช้ Toomey syringe เหมาะสำหรับผู้ป่วยทั่วไปที่ไม่สามารถรับประทานอาหารทางปากได้เอง
2) Drip feeding เป็นการให้อาหารทางสาย NG โดยใช้ชุดให้อาหาร (Kangaroo)
8.6.4 การถอดสายยางให้อาหารจากจมูกถึงกระเพาะอาหาร
เป็นการถอดสายยางที่เคยใส่ไว้เพื่อ
วัตถุประสงค์ใดวัตถุประสงค์หนึ่ง
แต่การถอดสายให้อาหารออกนั้นเป็นบทบาทกึ่งอิสระของพยาบาล เมื่อแผนการรักษาเปลี่ยนไป
8.6.5 การให้อาหารทางสายยางให้อาหารที่ใส่เข้าทางรูเปิดของกระเพาะอาหาร
เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับอาหารตามความต้องการของร่างกาย
เหมือนกับการให้อาหารทางสาย NG tube
8.7 การล้างภายในกระเพาะอาหาร (Gastric lavage)
การล้างภายในกระเพาะอาหาร ใช้มากในกรณีที่รับประทานยาพิษ ได้รับยาเกินขนาด (Over dose) รวมถึงเป็นการล้างกระเพาะอาหารเพื่อห้ามเลือด
8.8 กระบวนการพยาบาลในการส่งเสริมภาวะโภชนาการ
การประเมินภาวะสุขภาพ (Assessment)
การวินิจฉัยทางการพยาบาล (Nursing diagnosis)
การวางแผนการพยาบาล (Planning)
การปฏิบัติการพยาบาล (Implementation)
การประเมินผลการพยาบาล (Evaluation)
นายศราวุฒิ เป็งมูล เลขที่ 11 6201210255 วิชา SN 213