Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่8การส่งเสริมภาวะโภชนาการ - Coggle Diagram
บทที่8การส่งเสริมภาวะโภชนาการ
ความหมายของโภชนาการและภาวะโภชนาการ
ความหมายของโภชนาการ(Nutrition)
โภชนาการ หมายถึง วิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับอาหาร สารอาหาร และสารอื่นที่มีอยู่ในอาหารหรือสารอาหาร ตลอดจนปฏิกิริยาระหว่างกันของสารอาหารที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการที่สิ่งมีชีวิตย่อย ดูดซึม ขนส่ง นำสารอาหารไปใช้และสะสมในร่างกาย
ภาวะโภชนาการ(Nutritional Status)
ภาวะโภชนาการดี (Good nutritional status)
ภาวะที่ร่างกายได้รับอาหารที่ถูกหลักโภชนาการ คือ มีสารอาหารครบถ้วน ในปริมาณเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
ภาวะโภชนาการไม่ดี (Badnutritionalstatus)หรือภาวะทุพโภชนาการ(Malnutrition)
ภาวะที่ร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ หรือได้รับเพียงพอแต่ร่างกายไม่สามารถใช้ประโยชน์จากสารอาหารที่ได้รับ หรือการได้รับสารอาหารบางชนิดมากเกินความต้องการของร่างกาย จึงทำให้เกิดภาวะผิดปกติขึ้น
ภาวะโภชนาการต่ำกว่าเกณฑ์ (Malnutrition)
ภาวะที่ร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอกับความต้องการ โดยอาจขาดสารอาหารเพียง 1 ชนิด หรือมากกว่า
ภาวะโภชนาการเกิน(Over nutrition)
ภาวะที่ร่างกายได้รับอาหารมากเกินความต้องการของร่างกาย และเก็บสะสมไว้จนเกิดอาการปรากฏ
โภชนาการ
ทยาศาสตร์แขนงหนึ่งที่ศึกษาถึงการเปลี่ยนแปลงของอาหารทั้งทางด้านอินทรีย์เคมี อนินทรีย์เคมี ชีววิทยา และฟิสิกส์ของอาหาร โดยเริ่มตั้งแต่อาหารเข้าสู่ร่างกาย
ผ่านกระบวนการย่อย การดูดซึม การใช้จ่ายสารอาหารต่างๆ ในร่างกาย
การล้างภายในกระเพาะอาหาร (Gastric lavage)
วัตถุประสงค์
ทดสอบหรือยับยั้งการมีเลือดออกจำนวนน้อยในทางเดินอาหารส่วนบน
ตรวจสอบการอุดตันของสาย
ล้างกระเพาะอาหารในกรณีที่ผู้ป่วยกินยาหรือสารพิษ
ตรวจหาเชื้อที่เป็นสาเหตุของโรคปอดและหลอดลม
อุปกรณ์เครื่องใช้
ผ้าเช็ดปากหรือผ้าขนหนูผืนเล็กหรือผ้ากันเปื้อน
สายยางสำหรับใส่ในกระเพาะอาหาร
ชามรูปไตหรืออ่างกลม
Ky jelly
สารละลายที่ใช้ล้างกระเพาะอาหารใช้น้ำเกลือ (Isotonic saline)
ถุงมือสะอาด 1 คู่และ Mask
ชุดล้างกระเพาะอาหาร (ภาชนะสำหรับใส่สารละลายทั้งสำหรับเทสารละลายและที่ดูดออกจากผู้ป่วย และ Toomey syringe)
วิธีปฏิบัติ
หักพับสายไว้ก่อนปลดรอยต่อ จากนั้นต่อสายกับกระบอกฉีดยาแล้วปล่อยสายที่หักพับไว้ ค่อยดันสารละลายผ่านกระบอกฉีดยาเข้าทางสาย ถ้ามีแรงต้าน ตรวจสอบการหักหรือพับงอของสาย
ดูดน้ าออกเบาๆ หรือปล่อยให้สารละลายไหลออกเอง ถ้าไม่มีน้ำออกให้ผู้ป่วยพลิกตัวไปมา
ใช้Toomey syringe ดูดสารละลาย 50 ซีซี
ใส่สารละลายเข้าไปแล้วปล่อยหรือดูดน้ำออกเรื่อยๆ จนการไหลผ่านดี
ปูผ้าคลุมบนเตียงและตัวผู้ป่วยตรงที่จะปลดสาย
ถ้ากรณีล้างกระเพาะอาหาร เพื่อห้ามเลือดในกระเพาะอาหาร ต้องทำการล้างจนสารน้ำมีลักษณะสีแดงจางที่สุด หรือมีลักษณะใส
เตรียมอุปกรณ์เครื่องใช้ให้พร้อม น าเครื่องใช้ต่างๆ ใส่ถาดหรือรถเข็นแล้วนำไปที่เตียงผู้ป่วย ทำการใส่สายยางก่อนวิธีปฏิบัติเหมือนการใส่สายให้อาหาร
เมื่อสิ้นสุดการล้างกระเพาะอาหารแล้ว ให้ทำความสะอาดช่องปากและจัดท่าผู้ป่วยในท่าที่สุขสบาย
ล้างมือก่อนจัดเตรียมอุปกรณ์เครื่องใช้
เก็บเครื่องใช้ท าความสะอาด และเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย
ประเมินสภาพผู้ป่วยอธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจปิดประตูหรือกั้นม่านให้เรียบร้อย
ลงบันทึกทางการพยาบาล
ตรวจสอบคำสั่งการรักษา
ความสำคัญของอาหารต่อความเจ็บป่วยและความต้องการพลังงานของร่างกายในภาวะเจ็บป่วย
ความต้องการพลังงานของร่างกายในภาวะเจ็บป่วย
ความต้องการพลังงานหรือพลังงานที่ต้องการใช้(Energy Expenditure:EE)เป็นพลังงานที่เพียงพอหรือเหมาะสมกับความต้องการของร่างกายในการสร้างAdenosine triphosphate: ATP
ความต้องการพลังงานพื้นฐาน(Basal energyexpenditure:BEE) หรือพลังงานที่ต้องการขณะพัก (Resting Energy Expenditure:REE )BEE
ขึ้นอยู่กับ เพศ อายุ ส่วนสูง น้ำหนัก และความรุนแรงของโรค สูตรคำนวณความต้องการพลังงานพื้นฐาน(Basal energy expenditure) ของHarrisbenedict
ความต้องการพลังงานทั้งหมด (Total EnergyExpenditure:TEE) หมายถึง ผลรวมของพลังงานทั้งหมดใน 1 วัน
การส่งเสริมภาวะโภชนาการในผู้ป่วยที่รับประทานอาหารเองไม่ได้
การให้อาหารทางสายยางให้อาหารจากจมูกถึงกระเพาะอาหาร
Bolus doseเป็นการให้อาหารทางสาย NG โดยใช้ Toomey syringe เหมาะส าหรับผู้ป่วยทั่วไปที่ไม่สามารถรับประทานอาหารทางปากได้เอง
Drip feedingเป็นการให้อาหารทางสาย NG โดยใช้ชุดให้อาหาร(Kangaroo)
อุปกรณ์เครื่องใช้
อาหารเหลวสำเร็จรูป หรืออาหารปั่น (Blenderizeddiet)
ในกรณีที่มียาหลังอาหารบดยาเป็นผงและละลายน้ าประมาณ 15-30 ซีซี
ถาดสำหรับใส่เครื่องใช้
ผ้ากันเปื้อน
Toomey syringe ขนาด 50 ml 1 อัน
ถุงมือสะอาด 1 คู่
แก้วน้ า
กระดาษหรือผ้าเช็ดปาก
สำลีชุบ 70% Alcohol2 ก้อน
ชุดทำความสะอาดปาก ฟัน และจมูก
วิธีปฏิบัติ
ทำความสะอาดปาก ฟัน
ปูผ้ากันเปื้อนรองตรงปลายสายให้อาหาร
ไขหัวเตียงสูงเพื่อจัดให้ผู้ป่วยอยู่ในท่านั่ง
ปลดผ้าก๊อซที่หุ้มปลายสายให้อาหารออกท าความสะอาดปลายสายด้วยส าลีชุบ 70% Alcohol
อธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจเหตุผล ข้อดีและประโยชน์ในการให้อาหารทางสายให้อาหาร
ทดสอบตำแหน่งของสายให้อาหาร
หักพับสาย ถอด Toomey syringeแล้วดึงPlunger ออก และต่อกระบอกสูบเข้ากับส่วนปลายของสายNG
เทอาหารใส่กระบอก Syringeคลายรอยพับออก และปล่อยให้อาหารไหลลงช้าๆ ต่อเนื่องกันไปไม่ให้ขาดระยะ
กรณีให้ยาหลังอาหาร
ก่อนที่อาหารจะหมดควรเหลืออาหารไว้ใน Syringeประมาณ 10 ซีซีและควรรินยาลงไปตรงๆ
ก่อนยาจะหมด เหลือค้างใน Syringeประมาณ 5 ซีซีเติมน้ าสะอาด เพื่อไล่เศษอาหารและยาที่ตกค้างอยู่ในสายให้อาหาร
หักพับปลายสายให้อาหาร และเช็ดปลายสายด้วยส าลีชุบ 70% Alcohol
ปิดจุกสายNG ใช้ก๊อสปิดไว้ให้เรียบร้อย
ให้ผู้ป่วยอยู่ในท่าเดิมอย่างน้อย 30 นาที เพื่อป้องกันอาหารไหลย้อนกลับ อาจทำให้สำลักได้
เก็บเครื่องใช้ทำความสะอาด และเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย
ลงบันทึกทางการพยาบาล
การถอดสายยางให้อาหารจากจมูกถึงกระเพาะอาหาร
อุปกรณ์เครื่องใช้
สำลีชุบ70%Alcohol
ไม้พันสำลีชุบเบนซิน (Benzene)และน้ำเกลือ (Normal saline)
น้ำยาบ้วนปาก
ถุงมือสะอาด
ชามรูปไต
ผ้าก๊อสสะอาด
ผ้ากันเปื้อนหรือผ้าเช็ดตัว
วิธีปฏิบัติ
ปูผ้ากันเปื้อนหรือผ้าขนหนูและแกะพลาสเตอร์ที่ยึดสายจมูกออก
หักพับสาย และดึงสายออก ขณะดึงสายให้ผู้ป่วยอ้าปากหายใจยาวๆ ใช้ผ้าก๊อสจับสายที่ดึงออกมาด้วยมืออีกข้างหนึ่ง
ตรวจคำสั่งการรักษา เพื่อยืนยันแผนการรักษา
เช็ดรอยพลาสเตอร์ด้วยเบนซิน เช็ดตามด้วยน้ าเกลือและแอลกอฮอล์แล้วเช็ดให้แห้ง
ล้างมือให้สะอาด เช็ดให้แห้งและใส่ถุงมือสวมmask
ทำความสะอาดปาก ฟัน และจมูก เพื่อช่วยให้รู้สึกสะอาด และสดชื่น
อธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจเหตุผล
การใส่สายยางให้อาหารจากจมูกถึงกระเพาะอาหาร
วัตถุประสงค์
เป็นการเพิ่มแรงดันเข้าไปในระบบทางเดินอาหาร (Compression) โดยใช้สายที่มีลูกโป่งทางด้านนอกสามารถเป่าลมเข้าไปทำให้โป่งขึ้นบางส่วนของทางเดินอาหารเพื่อยับยั้งการมีเลือดออก
ล้างภายในกระเพาะอาหาร (Gastric lavage)
เป็นการลดแรงดันในกระเพาะอาหารหรือลำไส้ (Decompression)
เก็บสิ่งตกค้างในกระเพาะอาหารไปตรวจทางห้องปฏิบัติการ การใส่สายยางให้อาหาร
เป็นทางให้อาหาร น้ำ หรือยา ในกรณีที่ผู้ป่วยรับประทานทางปากไม่ได้หรือได้รับไม่เพียงพอ
อุปกรณ์เครื่องใช้
Stethoscope
สารหล่อลื่น เช่น K.Y. jelly
ถุงมือสะอาด 1 คู่
แก้วน้ำ
Toomey syringe ขนาด 50 ml 1 อัน
หลอดดูดน้ำ
สายNG tube เบอร์ 14-18 fr.
พลาสเตอร์
ถาดสำหรับใส่เครื่องใช้
กระดาษเช็ดปาก
ชามรูปไต
ผ้าเช็ดตัว
วิธีปฏิบัติ
น าสายNG tubeวัดตำแหน่งที่จะใส่สายโดยวัดจากปลายจมูกถึงปลายติ่งหูและจากปลายติ่งหูถึงปลายกระดูกอก(Xiphoid process) โดยไม่ให้สาย NG สัมผัสตัวผู้ป่วย แล้วใช้พลาสเตอร์พันไว้เป็นเครื่องหมาย
เปิดห่อ Toomey syringe แล้วใส่ Plunger ให้เรียบร้อย พันสาย NG ให้อยู่ในมือซ้าย พร้อมใส่สาย NG โดยใช้มือขวาจับปลายสาย NG แล้วหล่อลื่นปลายสายNGด้วย K.Y. jelly ประมาณ 5-6 นิ้ว
ใส่ถุงมือสะอาด และMaskตรวจดูรูจมูก ผนังกั้นจมูก โดยให้ผู้ป่วยหายใจเข้าออกแรงๆ ทีละข้าง ดูการผ่านของลมหายใจ
บอกให้ผู้ป่วยตั้งศีรษะให้ตรงหรือเงยหน้าเล็กน้อย ใช้มือขวาจับปลายสายด้านที่หล่อลื่นแล้วโดยให้ห่างจากปลายสาย 3-4นิ้ว ค่อยๆ สอดเข้าทางรูจมูกแนวด้านข้างของจมูกเอียงเล็กน้อย
เปิดซองสาย NG tubeจากนั้นบีบ K.Y. jelly ลงด้านในของซองสายNG tubeโดยยังไม่หล่อลื่นสายNG tube
เมื่อสายผ่านถึงคอ (Posterior nasopharynx) ผู้ใส่หักข้อมือเล็กน้อยให้ผู้ป่วยก้มศีรษะลงบอกให้ผู้ป่วยช่วยกลืนสายโดยกลืนน้ำลายหรือดูดน้ำที่เตรียมไว้พร้อมทั้งค่อย ๆ ดันสายอย่างนุ่มนวลตามจังหวะการกลืนจนถึงต าแหน่งที่ทำเครื่องหมายไว้
จัดท่าให้ผู้ป่วย จัดให้ผู้ป่วยอยู่ในท่านั่งหรือนอนศีรษะสูง
ตรวจสอบว่าสาย NG เข้าไปถึงกระเพาะอาหาร
ใช้Toomeysyringe ต่อกับปลายสายด้านนอก และดูดน้ำย่อยจากกระเพาะอาหาร
Toomeysyringe ดูดลมประมาณ 10 ซีซี ต่อกับปลายสายด้านนอกวาง Stethoscope ฟังบริเวณ Epigastrium และใช้ Toomeysyringeดันลมกลับเข้าอย่างรวดเร็วจะได้ยินเสียงอากาศผ่านเข้าไปในกระเพาะอาหาร
บอกให้ผู้ป่วยทราบถึงวัตถุประสงค์ของการใส่สายยางจากจมูกถึงกระเพาะอาหารปิดประตูหรือกั้นม่านให้เรียบร้อย
ใช้พลาสเตอร์พันสายติดกับจมูก ให้สายอยู่ตรงกลางรูจมูกโค้งปลายสายติดด้วยพลาสเตอร์ข้างโหนกแก้ม หรือคล้องใบหู แล้วกลัดด้วยเข็มกลัดติดกับเสื้อ
นำอุปกรณ์ที่เตรียมไว้ไปที่เตียงผู้ป่วย ตรวจสอบโดยดูป้ายชื่อ และสอบถามชื่อ-สกุลผู้ป่วยให้ถูกต้อง(ถูกคนถูกเตียง)
ทำความสะอาดปาก และจมูก
ล้างมือให้สะอาด
นำเครื่องใช้ไปทำความสะอาดเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย
ตรวจสอบความถูกต้องของคำสั่งการรักษา
ลงบันทึกทางการพยาบาล
การให้อาหารทางสายยางให้อาหารทางรูเปิดของกระเพาะอาหาร
วัตถุประสงค์
เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับอาหารตามความต้องการของร่างกาย
อุปกรณ์เครื่องใช้
เหมือนกับการให้อาหารทางสาย NG tube
วิธีปฏิบัติ
เปิดเสื้อผ้าบริเวณ Gastrostomy tubeหรือ Jejunostomy tubeออก ปูผ้ากันเปื้อนไว้ใต้ Tube
ล้างมือให้สะอาดใส่Mask
จัดให้อยู่ในท่านั่ง หรือนอนในท่าศีรษะสูง
ตรวจสอบคำสั่งการรักษา
ปลดผ้าก๊อซที่หุ้มปลายสายให้อาหารออกท าความสะอาดปลายสายด้วยสำลีชุบ70%Alcohol
ใช้ Toomey syringe ต่อกับปลายสายดูด Gastric content เพื่อตรวจสอบความสามารถของกระเพาะอาหารในการบีบไล่อาหารไปยังลำไส้เล็ก
แจ้งและอธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจจุดประสงค์และวิธีทำ
หักพับสาย ถอด Syringeแล้วดึงPlunger ออก และต่อกระบอกสูบเข้ากับสายให้อาหาร
เทอาหารใส่กระบอก Syringeและปล่อยให้อาหารไหลเข้าช้าๆ ต่อเนื่องกันไปไม่ให้ขาดระยะ
กรณีให้ยาหลังอาหาร
ก่อนที่อาหารจะหมดควรเหลืออาหารค้างใน Syringeประมาณ 10 ซีซีและควรรินยาลงไปตรงๆ
ก่อนยาจะหมด เหลือค้างใน Syringeประมาณ 5 มล. เติมน้ำสะอาด เพื่อไล่เศษอาหารและยา ที่ตกค้างอยู่ในสายให้อาหาร
เช็ดปลายสายให้อาหารด้วยสำลีชุบ70%Alcohol
หักพับปลายสายให้อาหาร
ปิดปลายสายอาหารให้เรียบร้อย
ให้ผู้ป่วยอยู่ในท่าเดิมอย่างน้อย 30นาที เพื่อป้องกันอาหารไหลย้อน และสำลักได้
เก็บเครื่องใช้ท าความสะอาด และเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย
ลงบันทึกทางการพยาบาล
การป้อนอาหาร
อุปกรณ์เครื่องใช้
แก้วน้ำพร้อมน้ำดื่ม และหลอดดูดน้ำ
กระดาษหรือผ้าเช็ดปาก
ผ้ากันเปื้อน
ช้อนหรือช้อนส้อม
ถาดอาหารพร้อมอาหาร
วิธีปฏิบัติ
การเตรียมผู้ป่วยและสิ่งแวดล้อม
ปูผ้ากันเปื้อนตั้งแต่ใต้คางลงไป
วางถาดอาหารในตำแหน่งที่ผู้ป่วยสามารถมองเห็นชนิดของอาหารได้
จัดให้อยู่ในท่านั่ง กรณีที่นั่งไม่ได้จัดให้นอนตะแคงขวาเล็กน้อย
วางเครื่องใช้อื่นๆ ในตำแหน่งที่สามารถหยิบได้สะดวก
ก่อนเวลาอาหาร แนะน าให้ผู้ป่วยออกกำลังกายบ้าง
ล้างมือให้สะอาดและเช็ดให้แห้ง
การป้อนอาหาร
ไม่ควรจ้องหน้าผู้ป่วย ระวังการตักอาหารไม่ท าอาหารหกรดผู้ป่วย และเช็ดปากให้เมื่อเปื้อนอาหาร
หลังป้อนอาหารให้ผู้ป่วยดื่มน้ำ บ้วนปากหรือแปรงฟันและเช็ดปากให้สะอาด
งหวะในการป้อนต้องสัมพันธ์กับความสามารถในการรับประทานอาหาร เคี้ยวและกลืนของผู้ป่วย
เก็บถาดอาหาร และเครื่องใช้ต่างๆ เมื่อผู้ป่วยรับประทานเสร็จ
ขณะป้อนอาหารตักอาหารให้มีปริมาณที่เหมาะสม
ลงบันทึกทางการพยาบาล
สำหรับผู้ป่วยพิการ
ถ้าผู้ป่วยจับช้อนไม่ถนัดควรสาธิตการใช้ช้อนและส้อมในการตักอาหารใส่ปากหรือดัดแปลงที่จับของให้จับได้สะดวก
ถ้าผู้ป่วยรับประทานอาหารได้น้อย ควรรับประทานอาหารเหลวที่สอดคล้องกับการแผนรักษาของแพทย์
สำหรับผู้ป่วยกลืนลำบาก
สอบถามผู้ป่วยถึงความรู้สึกเกี่ยวกับอาหารในปาก เพื่อดูว่ามีอาหารที่เหลือค้างในปาก
สอนวิธีการใช้ลิ้นและการกลืน
จัดให้ผู้ป่วยอยู่ในท่านั่งหรือศีรษะสูงในลักษณะก้มเล็กน้อย เพื่อป้องกันการสำลัก
ควรเริ่มจากอาหารกึ่งแข็งกึ่งเหลวก่อน เพราะอาหารอ่อนจะง่ายต่อการกลืน
ให้อาหารครั้งละน้อยแต่บ่อยครั้ง
ในขณะรับประทานอาหารควรหยุดพักเป็นระยะๆจะช่วยให้ได้รับประทานอาหารได้มากขึ้น
วัตถุประสงค์
เพื่อให้ผู้ป่วยที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ได้รับอาหารตามความต้องการของร่างกาย
การประเมินภาวะโภชนาการ
การวัดสัดส่วนของร่างกาย (Anthropometric measurement:A)
ดัชนีมวลของร่างกาย (Body Mass Index ; BMI)
เป็นการประเมินมวลของร่างกายทั้งหมด โดยวัดส่วนสูงและน้ำหนักแล้วนำมาประเมินภาวะโภชนาการโดยคำนวณหาดัชนีมวลของร่างกายมีหน่วยเป็นกิโลกรัมต่อตารางเมตร
การประเมินทางชีวเคมี (Biochemical assessment:B)
เป็นวิธีการเจาะเลือดเพื่อประเมินภาวะโภชนาการ
การตรวจร่างกายทางคลินิก (Clinical assessment:C)
สังเกตดูลักษณะเล็บเรียบเป็นมัน มีสีชมพู (ลักษณะเล็บที่คล้ายรูปช้อน ผิวไม่เรียบ แสดงถึงการขาดธาตุเหล็ก และลักษณะเล็บมีแถบสีขาวพาดขวาง แสดงถึงภาวะขาดโปรตีน)
ตรวจConjunctiva ของเปลือกตาล่าง (ปกติจะมีสีชมพูค่อนข้างแดง)
ตรวจดูฝ่ามือ ให้เทียบกันทั้ง 2ข้าง (ปกติจะมีสีชมพู)
การประเมินจากประวัติการรับประทานอาหาร(Dietary assessment:D)
ประวัติการรับประทานอาหาร ชนิดของอาหารที่บริโภค พฤติกรรมการรับประทานอาหาร
กระบวนการพยาบาลในการส่งเสริมภาวะโภชนาการ
การวางแผนการพยาบาล (Planning)
วัตถุประสงค์
เพื่อไม่ให้เกิดภาวะทุพโภชนาการ
เกณฑ์การประเมิน
ผู้ป่วยได้รับสารอาหารตรงตามแผนการรักษาของแพทย์
ผู้ป่วยมีค่าดัชนีมวลกาย อยู่ในเกณฑ์ปกติ
การปฏิบัติการพยาบาล (Implementation)
ใส่สายยางทางจมูกถึงกระเพาะอาหารให้แก่ผู้ป่วยตามแนวปฏิบัติ
ให้อาหารทางสายยางทางจมูกถึงกระเพาะอาหารตามแผนการรักษา
บอกวัตถุประสงค์ เตรียมความพร้อมของผู้ป่วย จัดท่าให้เหมาะสม ปิดกั้นม่าน
จัดให้ผู้ป่วยอยู่ในท่าศีรษะสูง อย่างน้อย 30 นาที หลังให้อาหารทางสายยาง
จัดเตรียมอุปกรณ์ในการใส่สาย NG และอาหารปั่นให้พร้อม ยกไปที่เตียงผู้ป่วย
ลงบันทึกทางการพยาบาล
ตรวจสอบแผนการรักษา ชื่อผู้ป่วย และอาหารปั่นให้ตรงกัน
ติดตาม ประเมินน้ าหนักตัวของผู้ป่วย โดยชั่งน้ าหนักทุกเช้า วันเว้นวัน
การวินิจฉัยทางการพยาบาล (Nursing diagnosis)
การประเมินผลการพยาบาล (Evaluation)
ประเมินผลลัพธ์การพยาบาล
ประเมินความสุขสบายของผู้ป่วยสังเกตสีหน้าท่าทางของผู้ป่วย
ประเมินผลกิจกรรมการพยาบาล
ประเมินการปฏิบัติถูกต้องครบและเป็นไปตามขั้นตอนของแนวปฏิบัติ
ประเมินผลภายหลังผู้ป่วยได้รับอาหารทางสายยางทางจมูกถึงกระเพาะอาหารไม่มีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้น
การประเมินภาวะสุขภาพ (Assessment)
ปัจจัยที่มีผลต่อภาวะโภชนาการ
ความชอบส่วนบุคคล
ความชอบและไม่ชอบบริโภคอาหารของแต่ละบุคคลมีผลต่อภาวะโภชนาการ
ผลจากการดื่มแอลกอฮอล์
การดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ทำให้ความรู้สึกอยากอาหารลดลง การบริโภคอาหารเปลี่ยนไป
ภาวะสุขภาพ
การเจ็บป่วยเรื้อรังมีผลต่อภาวะโภชนาการ
วิถีชีวิต
ผู้ที่เลือกรับประธานอาหารเจ เป็นเวลานาน ๆ หรือเลือกรับประทานตลอดชีวิต พบว่ามักขาดสารอาหารโปรตีนจึงควรต้องเสริมอาหารโปรตีนที่ทำมาจากพืชให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
การใช้ยา
ยาที่มีผลข้างเคียงให้เกิดอาการเบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน
เศรษฐานะ
ภาวะเศรษฐกิจดีท าให้ผู้คนเลือกรับประทานอาหารได้ตามความต้องการ ตรงกันข้ามในภาวะเศรษฐกิจไม่ดีการเลือกรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์อาจลดปริมาณลง
เพศ
เพศชายต้องการพลังงานในหนึ่งวันมากกว่าเพศหญิง
วัฒนธรรม ความเชื่อ และศาสนา
การดำเนินชีวิตตามบริบทของวัฒนธรรม ความเชื่อ และศาสนายังด าเนินชีวิตอยู่ในกระบวนทัศน์เดิม มีผลต่อภาวะโภชนาการทั้งสิ้น
อายุ
วัยเด็กมีความต้องการสารอาหารมากกว่าในวัยผู้ใหญ่และวัยสูงอายุ เพราะเด็กต้องการสารอาหารโปรตีนไปสร้างและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ
ปัจจัยด้านจิตใจ
ความเครียด และความกลัวท าให้ความอยากอาหารลดลงรู้สึกเบื่ออาหาร กลืนอาหารไม่ลงคอ หรือมีอาการปากคอขมโดยไม่ทราบสาเหตุ
การส่งเสริมภาวะโภชนาการในผู้ป่วยที่มีปัญหาภาวะโภชนาการ
Obesity(ภาวะอ้วน)
การพยาบาลผู้ที่มีภาวะอ้วน
หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่แป้งและไขมันสูง
รับประทานอาหารครั้งละน้อย แต่บ่อยครั้งและจำกัดอาหารมื้อเย็น
จำกัดการใช้น้ ามัน ไขมัน น้ำตาล
หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารขณะดูโทรทัศน์
จำกัดมื้ออาหารและสัดส่วนของอาหารตามพีระมิดอาหาร
เพิ่มการรับประทานอาหารที่มีใยอาหารจากผักผลไม้ และธัญพืชที่ไม่ขัดสี
คำนวณพลังงานที่ควรได้รับต่อวัน
ส่งเสริมให้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอหรือสัปดาห์ละ 3 วัน
Emaciation(ภาวะผอมแห้ง)
Anorexianervosa
ภาวะเบื่ออาหารเป็นความรู้สึกไม่อยากรับประทานอาหาร อาจรู้สึกต่อต้าน เมื่อนึกถึงหรือเมื่อเห็นอาหาร รับประทานแล้วไม่ค่อยรู้สึกอร่อย
BulimiaNervosa
เป็นความผิดปกติของพฤติกรรมการรับประทานโดยจะรับประทานวันละหลายๆ ครั้ง ครั้งละมากๆ โดยหลังจากรับประทานเสร็จจะรู้สึกไม่สบายใจและรู้สึกผิดที่รับประทานเข้าไปมากมาย จึงต้องหาวิธีเอาออกโดยอาจล้วงคอให้อาเจียนออกมาจนหมด
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีภาวะAnorexianervosaและBulimianervosa
ส่งเสริมความรู้สึกอยากอาหารให้มากที่สุดและลดความรู้สึกเบื่ออาหารโดยจัดให้รับประทานอาหารในท่าสบาย รักษาความสะอาดโดยเฉพาะปากและฟัน
ดูแลด้านจิตใจ พยายามให้ช่วงเวลารับประทานอาหารเป็นเวลาที่จิตใจสบาย สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายขณะที่รับประทานอาหารเท่าที่ทำได้
หาสาเหตุ ที่พบได้บ่อยๆ เช่น โรคปากและฟัน
การใช้ยา แพทย์อาจพิจารณาให้ยากระตุ้นความอยากอาหาร ในรายที่ไม่พบโรคทางร่างกายและต้องการให้รับประทานอาหารมากขึ้น
การดูแลให้ผู้ป่วยได้รับอาหารเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
พิจารณาและแนะนำเลือกอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ
ส่งเสริมให้มีการเคลื่อนไหวของร่างกาย หรือท ากิจกรรมตามสภาพร่างกายของผู้ป่วย
พยายามให้รับประทานอาหารทางปากมากที่สุด โดยอำนวยความสะดวกและช่วยเหลือเกี่ยวกับการรับประทานตามความเหมาะสม
การให้อาหารด้วยวิธีพิเศษ เช่น การให้อาหารทางสายที่ใส่ทางจมูกถึงกระเพาะอาหาร
Nausea and vomiting(อาการคลื่นไส้และอาเจียน)
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีอาการคลื่นไส้และอาเจียน
สังเกตสิ่งต่างๆ เพื่อบันทึกและรายงานอย่างถูกต้อง
การพยาบาลผู้ป่วยหลังอาเจียน
จัดสิ่งแวดล้อม ดูแลให้อากาศถ่ายเท วางของให้เป็นระเบียบ ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกผ่อนคลายและพักผ่อนได้
ให้ผู้ป่วยพักผ่อนในบรรยากาศที่สงบ
ดูแลความสะอาดของร่างกายและเครื่องใช้
น้ำและอาหาร ในระยะแรกให้งดอาหารและน้ำและเริ่มให้ทีละน้อย
การพยาบาลผู้ป่วยขณะอาเจียน
จัดให้ผู้ป่วยอยู่ในท่าที่อาเจียนออกได้สะดวก ช่วยลูบหลังลงเบา ๆ
คอยอยู่เป็นเพื่อนขณะที่ผู้ป่วยกำลังอาเจียน
จัดหาภาชนะรองรับอาเจียน
การป้องกันและแก้ไขอาการอาเจียน
ให้ผู้ป่วยสูดหายใจเข้าออกลึกๆ ยาวๆ ภายหลังอาเจียน และเมื่อรู้สึกคลื่นไส้
หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวร่างกายหรือเปลี่ยนท่าเร็วๆ รวมทั้งหลีกเลี่ยงการมองสิ่งที่เคลื่อนไหวเร็วๆ ไปมา
พยายามหลีกเลี่ยงและลดแหล่งของความเครียดต่างๆ ดูแลให้ผู้ป่วยผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ
พิจารณาให้ยาระงับอาเจียน (Antiemetic drug)ตามแผนการรักษา
พยายามหาสาเหตุแล้วแก้ไขที่สาเหตุ
ถ้าผู้ป่วยมีอาเจียนอย่างต่อเนื่องมักใส่สายเข้าทางจมูกลงสู่กระเพาะอาหารเป็นทางให้อาเจียนออกหรือเป็นทางใส่สารละลายเข้าไปล้างกระเพาะอาหารในกรณีกินยาพิษหรือสารพิษ
ดูแลความสะอาดร่างกาย ปาก ฟัน เครื่องใช้ สิ่งแวดล้อม
เตรียมพร้อมถ้ามีการอาเจียนซ้ำ
Dysphagia and aphagia(ภาวะกลืนลำบากและกลืนไม่ได้)
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีภาวะกลืนลำบากและกลืนไม่ได้
ระมัดระวังการสำลัก
ดูแลด้านความสะอาดของร่างกาย โดยเฉพาะความสะอาดของปากและฟัน
ดูแลการได้รับยาตามแผนการรักษา
การเตรียมผู้ป่วยเพื่อตรวจหรือรักษา การตรวจรักษาโดยการส่องกล้องเข้าไปดูที่หลอดอาหาร (Esophagoscopy) หลังการตรวจผู้ป่วยอาจรู้สึกเจ็บและมีเสมหะมาก พยาบาลควรให้ค าแนะน าในการปฏิบัติตัวที่เหมาะสม
ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับสารน้ าและอาหารอย่างเพียงพอ
การดูแลด้านจิตใจ ปลอบโยน ให้ก าลังใจ การสังเกตและการดูแลเอาใจใส่ที่ดี สามารถบอกถึงสาเหตุและอาจแก้ไขอาการได้
สังเกตและประเมินอาการเกี่ยวกับการกลืนไม่ได้หรือกลืนล าบากว่าเกิดขึ้นทันทีทันใดหรือค่อยๆ มากขึ้น ชนิดของอาหารที่กลืนไม่ได้ มีอาการเจ็บร่วมด้วยหรือไม่