ประเทศโอมาน

ชื่อทางการ

เมืองหลวง

ที่ตั้ง

รัฐสุลต่านโอมาน

อยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ บนชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของคาบสมุทรอาหรับ

กรุงมัสกัต

การละหมาด

สภาพภูมิอากาศ

การดูแลสุขภาพของชาวมุสลิม

โรคไม่ติดต่อในโอมาน

พิธีสุหนัต

ภาษา

แนวคิดสำคัญตามความเชื่อทางสุขภาพโดยทั่วไปของชาวโอมาน

หลักการอันเป็นข้อบังคับสำหรับมุสลิม

โรคติดต่อในโอมาน

การถือศีลอด

อาหารประจำชาติ

วัฒนธรรม

ใช้ภาษาอาหรับเป็นภาษาราชการ แต่ชาวโอมานส่วนใหญ่สามารถใช้ภาษาอังกฤษติดต่อได้

กับซะฮ์ (อาหรับ: كبسة‎ kabsah)

ส่วนผสมหลัก : ข้าวเมล็ดยาว เนื้อไก่ ผัก และเครื่องเทศ

ฤดูร้อน อุณหภูมิ 31-47 องศาเซลเซียส ระหว่าง เม.ย.-ต.ค.

ฤดูหนาว อุณหภูมิ 20-25 องศาเซลเซียส ระหว่าง พ.ย.-มี.ค.

โรคมาเลเรีย

โรคเรื้อน

โรคไวรัสตับอักเสบ B และ C

วัณโรค, ฝีในปอด

โรคเอดส์ (HIV)

กามโรค เช่น ซิฟิลิส

โรคจิต, วิกลจริต

โรคมะเร็ง

โรคหัวใจ

โรคเบาหวานที่ไม่สามารถควบคุมได้

หลักคุณธรรม(อิห์ซาน)

ทุกคนต้องเรียนรู้หลักการของศาสนาอิสลามไม่มีขอยกเว้นเป็นหน้าที่พึงปฏิบัติปฏิบัติ

หลักปฏิบัติหน้าที่ในศาสนา (อิบาดะห์)

การละหมาด หรือ สวด (นมาซ หรือ นมัสการ)


หลักศรัทธา ความเชื่อในศาสนา

ผู้เป็นมุสลิมจะต้องทําละหมาดวันละ 5 เวลา

เวลาเย็น

เวลาพลบค่ำ

เวลากลางวัน

เวลากลางคืน

เวลาย่ารุ่ง

ผู้ที่จะถือศีลอดต้องมีความพร้อมทั้งด้านร่างกายและจิตใจ และมีความแน่วแน่ที่จะฝ่าฟันอุปสรรค ความยากลำบากด้วยความสมัครใจตลอดเดือนรอมฎอน ภารกิจที่ผู้ถือศีลอดควรกระทำตลอดช่วงเดือนรอมฏอน

การเข้าสุหนัตเป็นพิธีกรรมที่สำคัญอย่างหนึ่งของคนมุสลิม ถือกันว่าคนมุสลิมที่แท้จริงต้องเข้าสุนัต ถ้าไม่เข้าถือว่าเป็นมุสลิมที่ไม่สมบูรณ์ การขลิบในสมัยก่อนนิยมกระทำกันในเวลาเช้า ประมาณ ๐๘.๐๐– ๑๐.๐๐ น. หรือตอนเย็นเพราะเป็นช่วงที่อากาศเย็นกว่าช่วงเวลาตอนกลางวัน เมื่อขลิบแล้วเลือดจะไหลไม่มากและหยุดง่าย หลังจากทำการขลิบแล้วใช้เวลารักษาประมาณ ๑๕ วันก็หายเป็นปกติ

การแต่งกาย ชาวโอมานจะแต่งกายด้วยชุดประจำชาติ โดยเฉพาะ สตรีจะแต่งกายมิดชิด ชาวต่างชาติจึงไม่ควรแต่งกายไม่สุภาพ เช่น นุ่งกางเกงขาสั้น

การจับมือ ในการติดต่อธุรกิจหรืองานสังคมชาวโอมาน ชายทั่วไปจะทักทายด้วย การจับมือกับแขก ส่วนสุภาพสตรีไม่นิยมจับมือกับแขก

ด้านการออกกำลังกาย

การป้องกันและบำบัดโรค

ด้านโภชนาการ

หลักฐานโภชนาการตามแนวทางของอิสลามนั้น อาหารต้องครอบคลุมถึงอาหารทุกชนิดที่จำเป็นต่อร่างกาย เน้นความสำคัญของ นม น้ำผึ้ง เนื้อ ผลไม้ และผักต่างๆ ให้ความสำคัญเรื่องความสะอาดของอาหาร ไม่รับประทานอย่างฟุ่มเฟือย

อิสลามถือว่าการมีร่างกายที่แข็งแรงและสุขภาพดีเป็นความโปรดปรานจากอัลลอฮ การรักษาความแข็งแรงและสุขภาพร่างกายของชาวมุสลิมจึงถือเป็นการตระหนักต่อความโปรดปรานจากอัลลอฮ

ชาวมุสลิมให้ความสำคัญและเอาใจใส่ต่อเรื่องความสะอาด การบริโภคอาหารตามหลักโภชนาการ การออกกำลังกายเป็นประจำ

การช่วยผู้ป่วยระยะสุดท้ายไม่สนับสนุนให้ใส่เครื่องช่วยหายใจในผู้ป่วยมีภาวะเป็นผัก

การผ่าศพชันสูตรเป็นสิ่งต้องห้าม นอกจากเป็นข้อบังคับทางกฎหมาย

ผู้ชายจะต้องขลิบอวัยวะเพศชาย ถือเป็นเรื่องที่สำคัญ

หลังคลอดจะมีการนำรกไปฝัง

มีความเชื่อว่าห้ามทำแท้ง จะทำได้ในกรณีที่ต้องรักษาชีวิตแม่เท่านั้น

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้สอดคล้อง
กับการพยาบาล

การปรับเปลี่ยนการพยาบาลให้สอดคล้องกับการดูแลทางจิตวิญญาณ

ปรับเปลี่ยนการพยาบาลให้สอดคล้องกับการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย

การปรับเปลี่ยนการพยาบาลให้สอดคล้องกับการดูแลเรื่องอาหาร

การปรับเปลี่ยนการพยาบาลให้สอดคล้องกับการให้บริการทางการแพทย์และพยาบาล

ในการตรวจผู้ป่วยที่เป็นผู้หญิง เราจะนำเสื้อคลุมที่ยาวสามารถปกปิดร่างกายได้ทั่วก่อนทำการตรวจร่างกาย

แจ้งผู้ป่วยก่อนเสมอว่า ผู้ให้บริการเป็นเพศเดียวกันหรือไม่ เพื่อความสะดวกของผู้ป่วย แต่ส่วนใหญ่สำหรับชาวโอมานจะเน้นผู้ให้บริการเป็นเพศเดียวกัน

เมื่อต้องพูดคุยกับผู้ป่วย จะไม่สบตาหรือจ้องผู้ป่วยนานเกินไป

เราจะนำอ้างน้ำเล็กๆไว้ข้างตัวผู้ป่วย เพราะชาวคูเวตจะล้างมือก่อนและหลังรับประทานอาหารเสมอ

เมื่อเราจะดูแลหรือสัมผัสผู้ป่วย จะใช้มือขวา เพราะชาวมุสลิมจะใช้มือขวาในการจับอาหารหรือเครื่องดื่ม

ในกรณีผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับพลังงานจากเนื้อสัตว์ เราจะไม่นำเนื้อหมูมาให้ผู้ป่วยรับประทาน แต่จะให้เป็นเนื้อไก่หรือปลา

เราจะไม่นำสิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ทางศาสนาอื่นมาไว้ในห้องผู้ป่วย

ในผู้ป่วยที่มีข้อจำกัดหรือผู้ป่วยหลังคลอด การสวดมนต์ของผู้ป่วยเราจะช่วยพยุงตัวผู้ป่วยไปทางทิศตะวันตก เพราะการสวดมนต์ของชาวมุสลิมจะหันหน้าไปทางทิศตะวันตก


จะจัดสถานที่ละหมาดให้ผู้ป่วยทุกครั้ง เพื่อเกิดความสบายใจ

พยาบาลมีหน้าที่เข้าไปให้กำลังใจ ทำให้เขาอบอุ่น และเชื่อมั่นว่าจะหายป่วย

ใส่ใจดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด เพราะชาวมุสลิมจะเชื่อว่าการดูและการเยี่ยมเยือนผู้ป่วย เป็นการช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเผชิญกับความเจ็บของเขา โดยเฉพาะด้านทางจิตใจการเข้าหาผู้ป่วยทำให้เขาลดความกังวล ความคิดถึง ความเศร้าโศกได้

ช่วยพยุงมือผู้ป่วยวางบนส่วนที่ตนเจ็บ แล้วให้การละหมาดเพื่อเป็นการขอพรลดความทุกข์ทรมานจากการเจ็บป่วย