Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การดูแลผู้ป่วยที่ได้รับออกซิเจนและการดูดเสมหะ - Coggle Diagram
การดูแลผู้ป่วยที่ได้รับออกซิเจนและการดูดเสมหะ
ความปลอดภัยขณะผู้ป่วยได้รับออกซิเจน
หลักปฏิบัติในการให้ออกซิเจนชนิดต่าง ๆ
หมุนปุุมเปิด flow meter ปรับอัตราการไหลของออกซิเจนทิ้งไว้ 1–2 นาทีเพื่อทดสอบว่ามีออกซิเจนไหลผ่าน
กรณีให้ nasal cannulaให้ปฏิบัติ ดังนี้
7.1 ท าความสะอาดช่องจมูกทั้งสองข้างและทุก 8 ชั่วโมงเพื่อให้ช่องจมูกโล่ง
7.2สวมเขี้ยวเข้าในช่องจมูกทั้ง 2 ข้างโดยให้ส่วนโค้งแนบไปกับโพรงจมูก คล้องสายกับใบหู2ข้าง ปรับสายให้พอดีไว้ใต้คาง
ปรับระดับลูกลอยใน flow meter
ต่อกระบอกความชื้นที่ใส่น้ ากลั่นปลอดเชื้อ
กรณีให้ mask
8.1 simple mask
8.2 ชนิดมีถุง
ใส่flow meter กับแหล่งที่มาของออกซิเจนที่มาจากชนิดผนัง (wall type) จากถังใช้high-pressure gas regulatorให้ถูกต้องและแน่นพอดี
กรณีให้ T-piece
10.1 ควรดูดเสมหะออกก่อนเพื่อให้ออกซิเจนไหลผ่านหลอดลมคอได้สะดวก
10.2 ต่อสาย T –piece ครอบท่อหลอดลมคอ
2.ประเมินสัญญาณชีพและระดับความรู้สึกตัว
ลงบันทึกทางการพยาบาล
1.ล้างมือให้สะอาด สวมmask
กรณีให้ oxygen hood (oxygen box)
9.1 ต่อท่อออกซิเจนเข้ากับกล่อง
9.2 วางครอบเฉพาะศีรษะและไหล่
การประเมินภาวะพร่องออกซิเจน
การประเมินการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
3)การตรวจหาระดับฮีโมโกลบิน (Hemoglobin: Hb)
2.ระบบหัวใจและหลอดเลือด
3.โรคเลือดโดยเฉพาะเม็ดเลือดแดงน้อย
4.ระบบเผาผลาญเมตาบอลิซึมผิดปกติต่าง ๆ
ระบบประสาทส่วนกลางและส่วนปลาย
6.ผู้ปุวยที่ได้รับการผ่าตัดโดยเฉพาะการผ่าตัดส่วนอกและช่องท้อง
ระบบทางเดินหายใจ
2)ค่าการอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด (Arterial oxygen saturation)
1)ระดับค่าก๊าซในหลอดเลือดแดง (Arterial blood gas: ABG)
การประเมินสภาพร่างกาย
3) ระบบประสาทส่วนกลาง
4) ระบบผิวหนัง
2) ระบบหัวใจและหลอดเลือด
5) ระบบทางเดินอาหาร
1) ระบบทางเดินหายใจ
ปัจจัยที่มีผลตอการไดรับออกซิเจนของบุคคล
ภาวะที่ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอต่องร่างกาย
5.อาหารที่มีไขมันมาก
6.ผู้สูงอายุ
4.ความเครียด
7.การสูบบุหรี่
3.การเล่นกีฬาหรือออกก าลังกายหนัก ๆ
8.การดื่มสุราและเครื่องดื่มที่เป็นแอลกอฮอล์
2.อยู่ในที่ที่มีมลพิษสูง
1.การเดินทางหรืออาศัยในที่สูง ภาวะดังกล่าวจะมีความหนาแน่นของอากาศลดลง
บทบาทพยาบาลในการส่งเสริมการได้รับออกซิเจน
อาการและอาการแสดงของภาวะขาดออกซิเจน
ระดับความรู้สึกตัวลดลง(decreased level of consciousness)
ความอ่อนเพลีย เหนื่อยล้าเพิ่มขึ้น(increased fatigue)
มีอาการวิงเวียนศีรษะคล้ายบ้านหมุน (vertigo)
ระดับการมีสมาธิลดลง(decreased ability to concentrate)
วิตกกังวล (anxiety) กระสับกระส่าย(restlessness)
แสดงพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไป (behavior changes)
อัตราการเต้นของชีพจรเร็วขึ้น (increase pulse rate)
วัตถุประสงค์ของการให้ออกซิเจนเพื่อการรักษา
เป็นการลดอาการขาดออกซิเจนเรื้อรัง
เป็นการช่วยการทำงานของระบบทางเดินหายใจหัวใจและระบบการไหลเวียนโลหิตและหลอดเลือดจากภาวะพร่องออกซิเจน
เป็นการรักษาภาวะพร่องออกซิเจนท าให้ออกซิเจนในเลือดต่ า
ข้อชี้บ่งของการให้ออกซิเจน
เสี่ยงต่อการเกิดภาวะ hypoxemia ตามมาหลังได้รับการรักษาเบื้องต้นแล้ว
เกิดภาวะบาดเจ็บขั้นรุนแรง(severe trauma)
1.มีภาวะขาดออกซิเจนในเลือด
ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดชนิดเฉียบพลัน(acute myocardial infarction: MI)
การให้ออกซิเจนเป็นเวลาช่วงสั้น ๆ ในการท าผ่าตัด
ข้อควรระวังและภาวะแทรกซ้อน
3.ควรระวังการให้ออกซิเจนในผู้ปุวยที่ได้รับพิษจาก paraquat
ขณะท าผ่าตัดด้วยวิธีเลเซอร์ในทางเดินหายใจ ควรจ ากัดความเข้มข้นของออกซิเจนที่ใช้ในต่ าที่สุด
อาจเกิดภาวะปอดแฟบ (lung atelectasis) ออกซิเจนเป็นพิษ (oxygen toxicity) หรือกดการท างานของcilia
ควรระวังการให้ความชื้นร่วมกับออกซิเจนโดยเฉพาะการให้ความชื้นแบบnebulizer
อาจเกิดภาวะกดการหายใจผู้ปุวยที่หายใจเอง เมื่อค่าPaO2≥ 60 มม.ปรอท โดยที่ค่า PaCO2สูงกว่าภาวะปกติ
การมีความเข้มข้นระดับสูงของออกซิเจนบริเวณที่เกิดไฟไหม้จะท าให้ขบวนการติดไฟเพิ่มความรุนแรงยิ่งขึ้น
การพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับออกซิเจน
2.หมั่นตรวจดูอุปกรณ์ที่ให้ออกซิเจน
2.3 ออกซิเจนไม่รั่วจากขวดท าน้ ากลั่นที่ท าความชื้น
2.4ถ้าเป็นออกซิเจนถัง จะต้องให้มีออกซิเจนอยู่เสมอ
2.2ขวดท าความชื้นมีน้ าอยู่พอเหมาะไม่มากหรือน้อยจนเกินไป
2.5 เปลี่ยนและน าอุปกรณ์การใช้ออกซิเจน ไปท าความสะอาดและท าให้ปลอดเชื้
2.1 ตรวจดูสายยาง
3.ดูแลทางเดินหายใจโดยท่าทางเดินหายใจ(Clear air way)
3.2ดูดเสมหะที่ค้างตามท่าทางเดินหายใจเป็นระยะๆ
3.3 สอนการไออย่างถูกวิธี
3.1 การจัดท่านอน ท่านั่ง ให้ผู้ปุวยรู้สึกสบาย
3.4 กระตุ้นให้ได้รับน้ าอย่างเพียงพอ
1.หมั่นสังเกตและประเมิน
1.1ตรวจวัดสัญญาณชีพ
1.2ความผิดปกติของสีผิว
1.3ระดับความรู้สึกตัว
1.4วัดปริมาตรหายใจเข้า-ออกต่อครั้ง(Tridal Volume)
1.5ติดตามผลค่าก๊าซให้ออกซิเจน(Blood gas)
ดูแลความสะอาดของจมูกและปากบ่อยๆ หรือ ทุก2-3 ชั่วโมง
4.2 ถ้าเจ็บคอ ให้ล้างปากด้วยน้ ายา หรือบ้วนด้วยน้ าสะอาดบ่อยๆ
4.3 ทาริมฝีปากด้วย กลีเซอรีน บอแรกซ์
4.1 ให้จิบน้ าบ่อยๆ
4.4 ท าความสะอาดช่องจมูก
4.5 ดูแลความสะอาดบริเวณหน้า
5.ดูแลด้านจิตใจ เพื่อลดความวิตกกังวลของผู้ป่วยและญาติ
5.3 แนะน า อธิบายให้ผู้ปุวยรู้จักเครื่องมือต่างๆได้ง่าย
5.4 ดูแลควบคุมอัตราการไหของออกซิเจนให้เพียงพอ ไม่ให้ผู้ปุวยอึดอัด
5.2พยาบาลควรมีความช านาญในการใช้เครื่องมือ
5.5 สนใจ รับฟังความต้องการของผู้ปุวยอย่างจิงจัง
5.1บอกประโยชน์ของการได้รับออกซิเจน
บทบาทพยาบาลในการส่งเสริมการได้รับออกซิเจน
การบริหารการหายใจ
2) การหายใจโดยการห่อปาก (pursed -lip breathing)
3)การหายใจเข้าลึกๆ (deep breathing)
1) การหายใจโดยใช้กล้ามเนื้อหน้าท้องหรือกระบังลม (diaphragmatic breathing)
การดูดเสมหะ(suction)
1.การดูดเสมหะทางจมูก(Nasopharygeal) หรือปาก (oropharyngealsuction)
2.การดูดเสมหะทางท่อช่วยหายใจ(Endotracheal) หรือทางท่อหลอดคอ (tracheostomy suction)
การจัดท่าผู้ป่วย
สาเหตุและการพยาบาลผู้ป่วยที่มีอาการผิดปกติของระบบทางเดินหายใจ
อาการไอ (Cough)
สาเหตุของการไอ
ฝุุน ควัน สารเคมี อาหารหรือน้ าที่ส าลักเข้าไป
ความร้อน -เย็นของอากาศจะท าให้การไอมากขึ้น
1.การอักเสบหรือการบวมบริเวณทางเดินหายใจ
ลักษณะของอาการไอ
ไอแห้งๆ ไม่มีเสมหะ
ไอมีเสมหะ
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีอาการไอ
สังเกตและบันทึกลักษณะ เสียง ความถี่และระยะเวลาของการไอ
ถ้าไอมีเสมหะให้สังเกต บันทึกจ านวน ลักษณะ สีและกลิ่นของเสมหะด้วย
1.ประเมินประสิทธิภาพการไอ
4.ดูแลความสะอาดของปาก
5.กระตุ้นให้ดื่มน้ าอุ่นบ่อยๆ และปริมาณมาก
กระตุ้นให้เปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ
สอนการไออย่างมีประสิทธิภาพ (effective cough)
ดูแลให้ยาเพื่อช่วยบรรเทาอาการไอตามแผนการรักษาของแพทย์
Hemoptysisอาการไอเป็นเลือด
สาเหตุของการไอเป็นเลือด
2.การอักเสบ
1.อุบัติเหตุ
3.เนื้องอก และมะเร็ง
ความผิดปกติของหลอดเลือดและโรคปอดต่างๆ
ชนิดของการไอเป็นเลือด
ไอจนมีเลือดสดออกมาพบในวัณโรคปอด
ไอจนมีเลือดปนออกมา
ไอจนมีเลือดออกเป็นสาย
ไอจนมีเสมหะสีคล้ายสนิม จากมีเลือดเก่าๆ ปนออกมาด้วย พบในวัณโรคปอด
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีอาการไอเป็นเลือด
ประเมินชีพจร หายใจ และความดันโลหิต
ถ้าเสียเลือดมากอาจต้องให้เลือด
1.ให้ผู้ปุวยพักผ่อนและให้การหายใจเคลื่อนไหวน้อยที่สุด
ผู้ปุวยอาจตกใจมาก ท าให้มีอาการหายใจเร็วขึ้น (hyperventilation) พยาบาลต้องคอยปลอบโยน ให้ก าลังใจ
Hiccup การสะอึก
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีอาการสะอึก
แนะน าให้หายใจเข้าออกในถุงปิด
แนะน าให้กลั้นหายใจเป็นพักๆ
ให้ชิมของเปรี้ยวจัด
ใช้เทคนิคเบี่ยงเบนความสนใจ
ให้ดมสารที่มีกลิ่นฉุน เช่น แอมโมเนีย
ดูแลความปลอดภัยจากสิ่งแวดล้อม
Dyspneaอาการหายใจล าบาก
สาเหตุของการหายใจล าบาก
2.สาเหตุเกี่ยวกับหัวใจ
3.สาเหตุเกี่ยวกับประสาท
1.สาเหตุเกี่ยวกับทางเดินหายใจ
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีอาการหายใจล าบาก
ดูแลให้ผู้ปุวยนอนศีรษะสูง และให้ออกซิเจนร่วมด้วย
2.ดูแลประคับประคองด้านจิตใจ
เตรียมอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ ส าหรับช่วยเหลือผู้ปุวยฉุกเฉิน
ดูแลให้ยาขยายหลอดลม หรือยาขับเสมหะ
ดูแลให้ออกซิเจนชนิดละอองฝอย (nebulizer)เพื่อให้หายใจสะดวก
ฝึกให้ผู้ปุวยหายใจและการไออย่างมีประสิทธิภาพ
Chest pain อาการเจ็บหน้าอก
ลักษณะการเจ็บอก
2) อาการเจ็บหน้าอกสาเหตุจากเยื่อหุ้มปอดอักเสบ มักเจ็บตรงบริเวณที่มีอาการอักเสบ
3) อาการเจ็บหน้าอกสาเหตุจาก เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบมักเป็นตรงบริเวณหัวใจ
1) อาการเจ็บหน้าอกสาเหตุจากกล้ามเนื้ออักเสบ มักมีอาการเจ็บเฉพาะที่
4) อาการเจ็บหน้าอกสาเหตุจากหัวใจ
5) อาการเจ็บหน้าอกสาเหตุจากหลอดลมอักเสบ มักมีอาการแน่นหน้าอกบริเวณหลังกระดูก
6) อาการเจ็บหน้าอกสาเหตุจากเส้นประสาท
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บหน้าอก
1.สังเกตอาการ
2.ประเมินหาสาเหตุของอาการว่า อาการเจ็บหน้าอกเกิดจากหัวใจหรือ ปอด ถ้าเป็นอาการเจ็บหน้าอกจากหัวใจ
จัดเตรีมอุปกรณ์การให้ออกซิเจนและพิจารณาให้ออกซิเจนแก่ผู้ปุวย
เทคนิคการพยาบาลที่เกี่ยวข้องในการให้ออกซิเจนแบบต่างๆ
ระบบการให้ออกซิเจน
2) ระบบการไหลของออกซิเจนชนิดสูง (High flow system)
(1)การให้ออกซิเจนชนิดT-piece
(2) การให้ออกซิเจนทางท่อหลอดลม (tracheostomy collar)
(3) การให้ออกซิเจนชนิด croupette tent
(4) การให้ออกซิเจนชนิด hood
(5) การให้ออกซิเจนทางท่อช่วยหายใจ(endotracheal tube: ET)
1) ระบบการไหลของออกซิเจนชนิดต่ า (Low flow system)
(2) การให้ออกซิเจนทางหน้ากาก (mask)
(2.1) Simple mask
(2.2) Reservoir bag (partial rebreathing mask)
(2.3) Non rebreathing mask
(1) การให้ออกซิเจนชนิดเขี้ยว (nasal cannula)
ระบบให้ความชื้น (Humidification)
2) ชนิดละอองฝอย (Jet)
1) ชนิดละอองโต (Bubble)
แหล่งให้ออกซิเจน (Oxygen source)
2) ระบบท่อ(Oxygen pipeline)
1) ถังบรรจุออกซิเจน (Oxygen tank)
ความส าคัญของก๊าซออกซิเจนที่มีต่อร่างกาย
การท างานเป็น 3 ส่วนหลัก
2.ความดันออกซิเจนท าให้เกิดการขนส่งออกซิเจนสู่เนื้อเยื่อ
3.การหมุนเวียนเพื่อก าจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
1.การท างานของเม็ดเลือดแดงมีหน้าที่ขนส่งก๊าซเม็ดเลือดแดงเป็นเซลล์เม็ดเลือดชนิดหนึ่ง มีหน้าที่หลักในการขนและส่งก๊าซในระบบหมุนเวียน
กระบวนการพยาบาลในการส่งเสริมการได้รับออกซิเจน
การประเมินภาวะสุขภาพ (Health assessment)
การวินิจฉัยทางการพยาบาล (Nursing diagnosis)
การวางแผนการพยาบาล (Planning)
การปฏิบัติการพยาบาล (Implementation)
5.การประเมินผลการพยาบาล (Evaluation)
5.1 ประเมินผลลัพธ์การพยาบาล
5.2 ประเมินผลกิจกรรมการพยาบาล
5.3 ประเมินผลคุณภาพการบริการ