Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 8•ยาที่ออกฤทธิ์ต่อระบบทางเดินหายใจ ( Respiratory drugs )
•Autocoids…
บทที่ 8•ยาที่ออกฤทธิ์ต่อระบบทางเดินหายใจ ( Respiratory drugs )
•Autocoids drugs
•ยาที่มีผลต่อระบบภูมิคุ้มกันโรค (Immunomodulation drugs)
โรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ
•โรคหวัด ( Acute Rhinopharyngitis;common cold)
•โรคไข้หวัดใหญ่ ( Influenza)
•คออักเสบ ( Acute pharyngitis)
•โรคปอดอักเสบ (Pneumonia)
•โรคหลอดลมอักเสบ ( Acute Bronchitis)
โรคหืด (Asthma )
-
•คือ โรคที่เกิดจากการหดตัวหรือตีบแคบของระบบทางเดินหายใจเป็นครั้งคราว ทาให้ผู้ป่วยมีอาการหายใจหอบเหนื่อย เป็นๆ หายๆ เรื้อรัง
-
•ทาให้เกิดอาการอักเสบเรื้อรังของหลอดลม ทาให้หลอดลมมีความไวต่อสิ่งเร้าต่างๆได้มากกว่าคนปกติ ทาให้เกิดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อหลอดลม เกิดการบวมของเนื้อเยื่อผนังหลอดลม และมีเสมหะมากในหลอดลม ทาให้เกิดภาวะทางเดินหายใจอุดกั้นแบบผันกลับได้
ยาที่ใช้ในการรักษาหอบหืด
-
- ยาต้านการอักเสบ (Anti-inflammatory drugs)
-
-
-
-
การไอ (cough) เป็นกลไกอย่างหนึ่งของร่างกายที่ช่วยในการขับสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นฝุ่น ควัน สารคัดหลั่ง หรือเชื้อโรคที่อยู่ในระบบทางเดินหายใจให้ออกไปจากร่างกาย ทาให้ทางเดินหายใจโล่ง แต่บางครั้งหากการไอนี้มีความรุนแรงจนรบกวนการใช้ชีวิตประจาวันหรือเป็นอันตรายแก่ผู้ป่วย ในกรณีนี้อาจจาเป็นต้องได้รับยาในการรักษา เนื่องจากการไอมีหลายรูปแบบ การเลือกใช้ยาก็จะมีความแตกต่างกันการไออาจแบ่งได้เป็น 2 แบบ ได้แก่
-ไอแบบไม่มีเสมหะ (dry or nonproductive cough) มีลักษณะเป็นการไอแห้งๆ ไอถี่ๆ แต่ไม่มีเสมหะออกมา อาจจาเป็นต้องให้ยาระงับไอหรือยากดการไอ (anti-tussives or cough suppressants)
-การไอแบบมีเสมหะ (productive cough) การไอแบบนี้มีประโยชน์ในการช่วยขับสิ่งแปลกปลอมหรือสารคัดหลั่งต่างๆ ออกจากทางเดินหายใจ ทาให้ทางเดินหายใจโล่ง จึงไม่ควรให้ยาระงับไอหรือยากดการไอ แต่หากเสมหะมีความข้นเหนียวมาก หรือแห้งเหนียวจนไม่สามารถขับออกมาได้ อาจให้ยาละลายเสมหะ (mucolytics) เพื่อให้เสมหะมีความอ่อนตัว ขับออกได้ง่าย หรืออาจให้ยาขับเสมหะ (expectorants)
-
-
ยาแก้แพ้หรือยาต้านฮิสตามินเป็นกลุ่มยาที่มีโครงสร้างคล้ายสารฮิสตามีน (Histamine) ที่เมื่อรับประทานยาเข้าไปแล้ว ยาจะเข้าไปจับกับตัวจับกับตัวรับของสารฮิสตามีน (Histamine receptor) ที่อยู่บนผิวของเนื้อเยื่อตามระบบหายใจ เช่น ในโพรงจมูก หลอดลม ถุงลม และตามผิวหนังต่างๆ แทนตัวสารฮิสตามีนจึงทาให้ฮิสตามีนเข้าไปจับกับตัวรับของมันไม่ได้ จึงทาให้ไม่เกิดอาการที่เป็นผลจากกระบวนการแพ้ทั้งหลาย ดังนั้น ยากลุ่มนี้จึงนามาใช้รักษาอาการที่เกิดจากกระบวนการแพ้หรือโรคภูมิแพ้นั่นเอง
-
โรคภูมิแพ้
-
-
-
-
•ถ้าเกิดที่เยื่อบุตา จะทาให้มีอาการ คันตา เคืองตา น้าตาไหล ตาแดง ที่เรียกว่า เยื่อบุตาอักเสบจากการแพ้
-
โรค Auto immune
•ออโตอิมมูน (Autoimmune)” หมายถึงการที่ภูมิคุ้มกันร่างกายเข้าทาร้ายเนื้อเยื่อร่างกายของตัวเอง
เพร็ดนิโซโลน (Prednisolone)
•เพรดนิโซโลน (Prednisolone)จัดเป็นสารสังเคราะห์กลุ่ม Glucocorticoid นามาใช้ทางการแพทย์โดยมีวัตถุประสงค์ต้านการอักเสบ เช่น ยับยั้งการอักเสบอันมีสาเหตุจากการทางานของระบบภูมิคุ้มกันต้านทานโรคของร่างกาย การอักเสบของกระดูก อาการหอบในโรคหืด ภาวะภูมิแพ้/โรคภูมิแพ้ต่างๆ อาทิ ผื่นคันทางผิวหนัง นอกจากนี้ยังถูกนาไปช่วยบาบัดรักษาอาการของโรคมะเร็งในเม็ดเลือด/มะเร็งเม็ดเลือดขาว
เมโธเทรกเซท (Methotrexate)
•methotrexate เป็นยาเคมีบาบัดชนิดหนึ่ง ออกฤทธิ์ยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์ร่างกายเป็นยาที่มีประสิทธิภาพดีและนิยมใช้ในการรักษาโรคสะเก็ดโรคและข้ออักเสบรูมาตอยด์ (rheumatoid arthritis)ที่ไม่สามารถควบคุมได้โดยใช้ยาอื่นมีข้อควรระวังเป็นพิเศษ
เอซาไธโอพรีน (Azathioprine)
•Azathioprine เป็นยา immunosuppressants มีฤทธิ์กดการทางานของภูมิคุ้มกัน มีข้อบ่งใช้ร่วมกับยาอื่นเมื่อมีการเปลี่ยนถ่ายอวัยวะเพื่อป้องกันการปฏิเสธการเข้ากันได้ของเนื้อเยื่อ ใช้บรรเทาอาการในผู้ป่วยโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ และรักษาโรคแผลอักเสบในลาไส้ azathioprine และ เมตาบอไลท์ที่ออกฤทธิ์ของมัน คือ 6-mercaptopurine (6-MP) และ 6-ThioGTP ออกฤทธิ์ยับยั้งกระบวนการสร้างดีเอ็นเอ ยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์ และกระตุ้นให้เกิดการตายของเซลล์ (apoptosis) โดยเชื่อว่า 6-thioguanine nucleotides เข้าแทรกในขบวนการสร้างสายดีเอ็นเอ ทาให้ไม่สามารถสร้าง DNA ได้ตามปกติ และ 6-thioguanine triphosphate แย่ง GTP เข้าจับกับโปรตีน Rac1 ซึ่งนาไปสู่การกระตุ้นให้เกิดการตายของเซลล์ โดยเชื่อว่ากลไกการกดภูมิคุ้มกันของยานี้เกิดจากการกระตุ้นให้เกิดการตายของ T-cell
ไซโคลสปอริน (Cyclosporin)
•ยาไซโคลสปอรินนามาใช้กดภูมิคุ้มกันฯในการปลูกถ่ายอวัยวะ เพื่อป้องกันการปฏิเสธสิ่งปลูกถ่ายในผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะ รวมถึงใช้รักษาในโรคจากภูมิคุ้มกันผิดปกติ เช่น โรคข้อรูมาตอยด์ (Rheumatoid arthritis), โรคทางผิวหนัง เช่น โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis) โดยใช้เป็นยาทางเลือกเมื่อโรคไม่ตอบสนองต่อยามาตรฐาน เช่น ยาเมทโทรเทรกเสด (Methrotrexate)
ไซโคลฟอสฟาไมด์ (Cyclophosphamild)
•ยาซัยโคลฟอสฟาไมด์เป็นยาที่อยู่ในกลุ่ม Alkylating agents กระบวนการออกฤทธิ์เพื่อต้านมะเร็งของยาซัยโคลฟอสฟาไมด์คือ ตัวยาจะออกฤทธิ์โดยการจับหรือรวมตัวกับดีเอ็นเอ(DNA) ของเซลล์มะเร็ง ทาให้ดีเอ็นเอทาหน้าที่ไม่ได้ ทาให้ไม่มีการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็งเกิด ขึ้นได้ จึงเสมือนว่ายายับยั้งการสร้างดีเอ็นเอและหยุดเซลล์มะเร็งไม่ให้มีการแบ่งตัวเกิดขึ้น