Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การส่งเสริมภาวะโภชนาการ - Coggle Diagram
การส่งเสริมภาวะโภชนาการ
1. ความหมายของโภชนาการและภาวะโภชนาการ
โภชนาการ (Nutrition)
หมายถึง โภชนาการเป็นทั้งวิทยาศาสตร์และศิลปะของการกิน คือ ในทางโภชนาการมิได้มุ่งหวังเพียงจัดการปรุงแต่งอาหารให้มีรสชาติดี สีสันสวยงาม ราคาถูกมากบริโภคเท่านั้น แต่ยังต้องมุ่งเน้นเรื่องคุณภาพของอาหาร หรือปริมาณของสารอาหารที่ร่างกายจะนำมาใช้ประโยชน์ให้มากที่สุดอีกด้วย
ภาวะโภชนาการ (Nutrition Status)
หมายถึง ผล สภาพ หรือภาวะของร่างกายที่เกิดจากการบริโภคอาหาร แบ่งเป็น 2 ลักษณะ ดังนี้
ภาวะโภชนาการดี (Good nutritional status)
ภาวะโภชนาการไม่ดี (Bad nutritional Status) แบ่งเป็น 2 ลักษณะ ดังนี้
ภาวะโภชนาการต่ำกว่าเกณฑ์ (Malnutrition)
ภาวะโภชนาการเกิน (Over nutrition)
2. ปัจจัยที่มีผลต่อภาวะโภชนาการ
อายุ พบว่า ในวัยเด็กมีความต้องการสารอาหารมากกว่าในวัยผู้ใหญ่และวัยสูงอายุ
เพศ พบว่า เพศชายต้องการพลังงานในหนึ่งมากกว่าเพศหญิง
การใช้ยา พบว่า ยาที่มีผลข้างเคียงให้เกิดอาการเบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน
ภาวะสุขภาพ พบว่า การเจ็บป่วยเรื้อรังมีผลต่อภาวะโภชนาการ
ความชอบส่วนบุคคล พบว่า ความชอบและไม่ชอบบริโภคอาหารของแต่ละบุคคลมีผลต่อภาวะโภชนาการ
ผลจากการดื่มแอลกกอฮอล์ พบว่า การดื่มแอลกอฮอล์ทำให้ความรู้สึกอยากอาหารลดลง
วิถีชีวิต ปัจจุบันมีผู้เลือกดำเนินชีวิตตามวิถีสุขภาพโดยเลือกงดรับประทานสัตว์และผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากสัตว์
เศรษฐานะ พบว่า ภาวะเศรษฐกิจดีทำให้ผู้คนเลือกรับประทานอาหารได้ตามความต้องการ
วัฒนธรรม ความเชื่อก และศาสนา พบว่า การดำเนินชีวิตตามบริบทของวัฒนธรรม ความเชื่อ และศาสนา ยังดำเนินชีวิตอยู่ในกระบวนทัศน์เดิม
ปัจจัยด้านจิตใจ พบว่า ความเครียด และความกลัวทำให้ความอยากอาหารลดลง รู้สึกเบื่ออาหาร กลืนอาหารไม่ลงคอ
3. ความสำคัญของอาหารต่อภาวะเจ็บป่วยและความต้องการพลังงานของร่างกายในภาวะเจ็บป่วย
อาหารมีความสำคัญและมีประโยชน์ต่อร่างกายทั้งในภาวะปกติ และภาวะเจ็บป่วยภูมิปัญญาของหมอพื้นบ้าน เป็นการสืบทอดองค์ความรู้จากบรรพบุรุษในการดูแลสุขภาพของตนเอง ครอบครัว และชุมชน ภายใต้บิรบทของวัฒนธรรม และประเพณีของท้องถิ่น ที่ยังคงอยู่ตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน
ภาวะเจ็บป่วยความต้องการพลังงานต้องมากกว่าในภาวะปกติ เพราะต้องช่วยในการสร้างฟื้นฟู และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอทำให้ร่างกายหายเป็นปกติ มีสุขภาวะสมบูรณ์ และมีคุณภาพชีวิตดี ตรงกันข้ามหากในภาวะเจ็บป่วย ผู้ป่วยได้รับสารอาหารและพลังงานไม่เพียงพอ ย่อมส่งผลกระทบ
1. ความต้องการพลังงานของร่างกายในภาวะเจ็บป่วย
ความต้องการพลังงานหรือพลังงานที่ต้องการใช้ (Energy Expenditure: EE) เหมาะกับความต้องการของร่างกายในการสร้าง Adenosine triphosphate: ATP
ความต้องการพลังงานพื้นฐาน (Basal energy expenditure: BEE) หรือพลังงานที่ต้องการขณะพัก (Resting Energy Expenditure:REE)
ความต้องการพลังงานทั้งหมด (Total Energy Expenditure: TEE) ผลรวมของพลังงานทั้งหมดใน 1 วัน
สูตร BEE เพศชาย
BEE = 66.47 + (13.75 x น้ำหนัก(kg)) + (5.00 x ความสูง(cm)) -(6.75 x อายุ(ปี))
สูตร BEE เพศหญิง
BEE = 655.09 + (9.56 x น้ำหนัก(kg)) + (1.85 x ความสูง(cm)) - (4.68 x อายุ(ปี))
TEE = BEE x Activity factor x strees factor
4. การประเมินภาวะโภชนาการ
1. การวัดสัดส่วนของร่างกาย (Anthorpometric measurement:A)
ดัชนีมวลของร่างกาย (Body Mass Index; BMI)
BMI น้ำหนักตัว(กิโลกรัม)/ส่วนสูง(เมตร)กำลัง2
2. การประเมินทางชีวเคมี (Biochemical assessment:B)
เป็นวิธีการเจาะเลือด เพื่อประเมินภาวะโภชนาการ
ค่าของฮีโมโกลบิน Hb ค่าต่ำกว่า 10mg% แสดงผลภาวะโลหิตจาง
ชาย ค่าปกติ 14 -18 mg%
หญิง ค่าปกติ 12 - 16 mg%
ค่าฮีมาโตรคิต Hct ค่าต่ำว่า 30% แสดงผลภาวะโลหิตจาง
ชาย ค่าปกติ 40 - 54 %
หญิง ค่าปกติ 37 - 47 %
3. การตรวจร่างกายทางคลินิก (Clinical assessment: C)
เป็นวิธีการตรวจร่างกายเช่นเดียวกับการประเมินภาวะสุขภาพ แต่จะให้ความสนใจตรวจร่างกายเบื้องต้น ได้แก่ ผิวหนัง ผม ฟัน เหงือก ริมฝีปาก
4. การประเมินจากประวัติการรับประทานอาหาร (Dietary assessment: D)
ประกอบด้วย ประวัติการรับประทานอาหาร ชนิดของอาหารที่บริโภค พฤติกรรมการรับประทานอาหาร
5. การส่งเสริมภาวะโภชนาหารในผู้ป่วยที่มีปัญหาภาวะโภชนาการ
1. Obesity (ภาวะอ้วน)
การพยาบาลผู้ที่มีภาวะอ้วน
คำนวณพลังงานที่ควรได้รับต่อวัน
จำกัดมื้ออาหารและสัดส่วนของอาหารตามพีระมิดอาหาร
จำกัดการใช้น้ำมัน ไขมัน น้ำตาล
หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่แป้งและไขมันสูง
รับประทานอาหารครั้งละน้อย แต่บ่อยครั้งและจำกัดอาหารมื้อเย็น
หลีกเล่ยงการรับประทานอาหารขณะดูโทรทัศน์
เพิ่มการรับประทานอาหารที่มีใยอาหารจากผักผลไม้ และธัญพืชที่ไม่ขัดสี
ส่งเสริมให้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอหรือสัปดาห์ละ 3 วัน
2. Emaciation (ภาวะผอมแห้ง)
- Anorexia nervosa
ภาวะเบื่ออาหารอาจพบเป็นกลุ่มอาการเฉพาะอย่างหนึ่งที่เกิดต่อเนื่องกันนาน โดยไม่พบสาเหตุทางร่างกาย บุคคลนั้นอาจไม่รับประทานอาหารเลย หรือรับประทานน้อยมากเป็นช่วงเวลาหนึ่งติดต่อกัน จนทำให้ร่างกายผอมแห้ง น้ำหนักลดมาก ขนตามตัวบาง ประจำเดือนหยุดชะงัก สาเหตุมักเกิดจากปัญหาทางจิตใจ พบได้ทุกเพศทุกวัย
- Bulimia Nervosa
เป็นความผิดปกติของพฤติกรรมการรับประทาน โดยจะรับประทานวันละหลายๆครั้ง ครั้งละมากๆ โดยหลังจากรับประทานเสร็จจะรู้สึกไม่สบายใจและรู้สึกผิดที่รับประทานเข้าไปมากมาย จึงต้องหาวิธีเอาออกโดยอาจล้วงคอให้อาเจียนออกมาจนหมดหรือกินยาระบายอย่างหนัก ตลอดจดอดอาหาร
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีภาวะ Anorexia และ Bulimia Nervosa
หาสาเหตุ ที่พบได้บ่อย เช่น โรคปากและฟัน คออักเสบ
ส่งเสริมความรู้สึกอยากอาหารให้มากที่สุดและลดความรู้สึกเบื่ออาหาร โดยจัดให้รับประทานอาหารในท่าสบาย
ดูแลด้านจิตใจ ให้ช่วงเวลารับประทานอาหารเป็นเวลาที่จิตใจสบาย
การใช้ยา พิจารณาให้ยากระตุ้นความอยากอาหาร
การดูแลให้ผู้ป่วยได้รับอาหารเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
3. Nausea and vomiting (อาการคลื่นไส้และอาเจียน)
- อาการคลื่นไส้
เป็นความรู้สึกอยากขับอาหารที่กินเข้าไปแล้วออกทางปาก เป็นอาการนำก่อนอาเจียน แต่อาจเกิดคลื่นไส้โดยไม่อาเจียนได้ อาการที่เกิดร่วม คือ มีน้ำลายมาก เป็นลม ตาลาย เวียนศีรษะ ความดันเลือดลดลง
- อาการอาเจียน
การที่มีแรงดันจากภายในดันเอาสิ่งที่อยู่ในกระเพาะอาหารออกมาทางปาก เป็นผลจากมีการบีบตัวของลำไส้เล็กส่วนต้น หรือกระเพาะอาหารส่วนล่างอย่างแรง
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีอาการคลื่นไส้และอาเจียน
รีบให้การช่วยเหลือโดยมีเป้าหมายให้ผู้ป่วยปลอดภัยและสุขสบาย
สังเกตสิ่งต่างๆเพื่อบันทึกและรายงานอย่างถูกต้อง
การพยาบาลผู้ป่วยหลังอาเจียน
ดูแลความสะอาดของร่างกายและเครื่องใช้
จัดสิ่งแวดล้อม ดูแลให้อากาศถ่ายเท
ให้ผู้ป่วยพักผ่อนในบรรยากาศที่สงบ
น้ำและอาหาร ระยะแรกให้งด และเริ่มให้ทีละน้อย
การป้องกันและแก้ไขอาการอาเจียน
พยายามหาสาเหตุแล้วแก้ไขที่สาเหตุ
พยายามหลีกเลี่ยงและลดแหล่งของความเครียดต่างๆ
ให้ผู้ป่วยสูดหายใจเข้าออกลึกๆ ยาวๆ ภายหลังอาเจียน
หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวร่างกายหรือเปลี่ยนท่าเร็วๆ
พิจารณาให้ยาระงับอาเจียนตามแผนการรักษา
ผู้ป่วยมีอาเจียนอย่างต่อเนื่องมักใส่สายเข้าทางจมูกลงสู่กระเพาะอาหารเป็นทางให้อาเจียนออก
ดูแลความสะอาดร่างกาย ปาก ฟัน เครื่องใช้ สิ่งแวดล้อม
เตรียมพร้อมถ้ามีการอาเจียนซ้ำ
4. Abdominal distention (ภาวะท้องอืด)
เป็นความรู้สึกแน่น อึดอัด ไม่สบายในท้องที่เกิดจากมีแรงดันในท้องเพิ่ม ทำให้เกิดอาการที่ตามมา เช่น ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีภาวะท้องอืด
จัดให้นอนศีรษะสูง 45 - 60 องศา เพื่อช่วยลดอาหารแน่นท้อง และผายลมสะดวก
งดอาหารที่ทำให้เกิดแก๊ส เช่น มะม่วงดิบ แตงโม
แสดงความเข้าใจและเห็นใจ และยินดีให้การช่วยเหลือ
ค้นหาสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะท้องอืดและช่วยเหลือ
5. Dysphagia and aphagia (ภาวะกลืนลำบากและกลืนไม่ได้)
ภาวะกลืนลำบาก เป็นความรู้สึกที่ผู้ป่วยเกิดความลำบากในการกลืน อาจรู้สึกว่ากลืนแล้วติดอยู่ที่ใดที่หนึ่ง
ภาวะกลืนไม่ได้ ไม่สามารถกลืนได้ ไม่ว่าจะเป็นอาหารแข็ง อาหารธรรม อาหารอ่อน
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีภาวะกลืนลำบากและกลืนไม่ได้
สังเกตและประเมินอาการเกี่ยวกับการกลืนไม่ได้หรือกลืนลำบากว่าเกิดขึ้นทันทีทันใดหรือค่อยๆมากขึ้น
ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับสารน้ำและอาหารอย่างเพียงพอ
ดูแลการได้รับยาตามแผนการรักษา
ระมัดระวังการสำลัก
ดูแลด้านความสะอาดของร่างกาย โดยเฉพาะปากและฟัน
การเตรียมตัวผู้ป่วยเพื่อตรวจหรือรักษา
การดูแลด้านจิตใจ ปลอบโยน ให้กำลังใจ
6. การส่งเสริมภาวะโภชนาการในผู้ป่วยที่รับประทานอาหารเองไม่ได้
1. การป้อนอาหาร (Feeding)
วัตถุประสงค์
เพื่อให้ผู้ป่วยที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ได้รับอาหารตามความต้องการของร่างกาย
อุปกรณ์เครื่องใช้
ถาดอาหารพร้อมอาหาร
ช้อนหรือช้อนส้อม
แก้วน้ำพร้อมน้ำดื่ม และหลอดดูดน้ำ
กระดาษหรือผ้าเช็ดปาด
ผ้ากันเปื้อน
วิธีปฏิบัติ
การเตรียมผู้ป่วยและสิ่งแวดล้อม
การป้อนอาหาร
สำรหับผู้ป่วยพิการ
ถ้าผู้ป่วยจับช้อนไม่ถนัดควรสาธิตการใช้ช้อนและส้อมในการตักอาหารใส่ปาก
ถ้าผู้ป่วยรับประทานอาหารได้น้อย ควรรับประทานอาหารเหลวที่สอดคล้องกับแผนการรักษา
สำหรับผู้ป่วยกลืนลำบาก
จัดให้ผู้ป่วยอยู่ในท่านั่งหรือศีรษะสูงในลักษณะก้มเล็กน้อย
สอบถามผู้ป่วยถึงความรู้สึกเกี่ยวกับอาหารในปาก
สอนวิธีการใช้ลิ้นและการกลืน
ควรเริ่มจากอาหารกึ่งแข็งกึ่งเหลวก่อน
ให้อาหารครั้งละน้อยแต่บ่อยครั้ง
ในขณะรับประทานอาหารควรหยุดพักเป็นระยะๆ
2. การใส่และถอดสายยางให้อาหารจากจมูกถึงกระเพาะอาหาร (Nasogastric intubation)
วัตถุประสงค์
เป็นทางให้อาหาร น้ำ หรือยา ในกรณีที่ผู้ป่วยรับประทานทางปากไม่ได้
เป็นการลดแรงในกระเพาะอาหารหรือลำไส้
เป็นการเพิ่มแรงดันเข้าไปในระบบทางเดินอาหาร
ล้างภายในกระเพาะอาหาร
เก็บสิ่งตกค้างในกระเพาะอาหารไปตรวจทางห้องปฏิบัติการ
อุปกรณ์เครื่องใช้
ถาดสำหรับใส่เครื่องใช้
สาย NG tube เบอร์ 14-18 fr.
Toomey syringe ขนาด 50 ml 1 อัน
ถุงมือสะอาด 1 คู่
Stethoscope
สารหล่อลื่น เช่น K.Y.jelly
แก้วน้ำ
หลอดดูดน้ำ
พลาสเตอร์
กระดาษเช็ดปาก
ชามรูปไต
ผ้าเช็ดตัว
วิธีปฏิบัติ
ตรวจสอบความถูกต้องของคำสั่งการรักษา
ล้างมือให้สะอาด
นำอุปกรณ์ที่เตรียมไว้ไปที่เตียงผู้ป่วย ตรวจสอบโดยดูป้ายชื่อ และสอบภาพชื่อ-สกุลผู้ป่วย
บอกให้ผู้ป่วยทราบถึงวัตถุประสงค์ของการใส่สายยางจากจมูกถึงกระเพาะอาหาร
จัดท่าให้ผู้ป่วย จัดให้ผู้ป่วยอยู่ในท่านั่งหรือนอนศีรษะสู
ใส่ถุงมือสะอาด และ Mask ตรวจดูรูจมุก ผนังกั้นจมูก
เปิดซองสาย NG tube จากนั้นบีบ K.Y.jelly ลงด้านในของซองสาย Ng tube
นำสาย NG วัดตำแหน่งที่จะใส่สาย
เปิดห่อ Toomey syringe แล้วใส่ Plunger ให้เรียบร้อย
บอกให้ผู้ป่วยตั้งศีรษะให้ตรงหรือเงยหน้าเล็กน้อย
เมื่อสายผ่านถึงคอ ผู้ใส่หักข้อมือเล็กน้อยให้ผู้ป่วยก้มศีรษะลง
ตรวจสอบว่าสาย NG เข้าไปถึงกระเพาะอหาร
ใช้พลาสเตอร์พันสายติดกับจมูก
ทำความสะอาดปาก และจมูก
นำเครื่องใช้ไปทำความสะอาด เก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย
ลงบันทึกทางการพยาบาล
3. การให้อาหารทางสายยางให้อาหารจากจมูกถึงกระเพาะอาหาร
มีวิธีดังนี้
Bolus dose เป็นการให้อาหารทางสาย NG โดยใช้ Toomey syrine เหมาะสำหรับผู้ป่วยทั่วไปที่ไม่สามารถรับประทานอาหารทางปากได้เอง
Dirp feeding เป็นการให้อาหารทางสาย NG โดยใช้ชุดให้อาหาร เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ใช้เครื่องช่วยหายใจ
อุปกรณ์เครื่องใช้
ถาดสำหรับใส่เครื่องใช้
อาหารเหลวสำเร็จรูป
ในกรณีที่มียาหลังอาหารบดยาเป็นผงและละลายน้ำ
ผ้ากันเปื้อน
Toomey syrine ขนาด 50 ml 1 อัน
ถุงมือสะอาด 1 คู่
Stethoscpe
แก้วน้ำ
กระดาษหรือผ้าเช็ดปาก
สำลีชุบ 70% Alcohol 2 ก้อน
ชุดทำความสะอาดปาก ฟัน และจมูก
วิธีปฏิบัติ
อธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจเหตุผล ข้อดีและประโยชน์ในการให้อาหารทางสายให้อาหาร
ไขหัวเตียงสูงเพื่อจัดให้ผู้ป่วยอยู่ในท่านั่ง
ทำความสะอาดปาก ฟัน กรณีใช้เครื่องช่วยหายใจ
ปูผ้ากันเปื้อนรองตรงปลายสายให้อาหาร
ปลดผ้าก๊อซที่หุ้มปลายสายให้อาหารออก
ทดสอบตำแหน่งของสายให้อาหาร ได้ 2 วิธี
วิธีที่ 1 ใช้ Toomey syrine ต่อกับปลายสาย ดูด Gastric content ออกมาตรวจดูปริมาณ
วิธีที่ 2 วาง Stethoscope ที่บริเวณ Epigastrium และใช้ Toomey syrine ดันอากาศประมาณ 5-10 มล.เข้าไปทางสายให้อาหาร
หักพับสาย ถอด Toomey syrine แล้วดึง Plunger ออก
เทอาหารใส่กระบอก คลายรอยพับออก แล้วปล่อยให้อาหารไหลลงช้าๆ
กรณีให้ยาหลังอาหาร
ก่อนที่อาหารจะหมดควรเหลืออาหารไว้ใน และควรรินยาลงไป
ก่อนยาจะหมด เหลือค้าง แล้วเติมน้ำสะอาดเพื่อไล่เศษอาหารและยาที่ตกค้างอยู่ในสายให้อาหาร
หักพับปลายสายให้อาหาร และเช็ดปลายด้วยสำลีชุบ 70%
ปิดจุกสาย NG ให้ก๊อซปิดไว้ให้เรียบร้อย
ให้ผู้ป่วยอยู่ในท่าเดิมอย่างน้อย 30 นาที
เก็บเครื่องใช้ทำความสะอาด และเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย
ลงบันทึกทางการพยาบาล
4. การถอดสายยางให้อาหารจากจมูกถึงกระเพาะอาหาร
อุปกรณ์เครื่องใช้
ผ้ากันเปื้อนหรือผ้าเช็ดตัว
ชามรูปไต
น้ำยาบ้วนปาก
สำลีชุบ 70% Alcohol
ไม้พันสำลีชุบเบนซิน และน้ำเกลือ
ถุงมือสะอาด
ผ้าก๊อสสะอาด
วิธีปฏิบัติ
อธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจเหตุผล
ไขหัวเตียงสูงเพื่อจัดให้ผู้ป่วยอยู่ท่านั่ง
ตรวจคำสั่งการรักษา
ล้างมือให้สะอาด เช็ดให้แห้งและใส่ถุงมือ สวมmask
ปูผ้ากันเปื้อนหรือผ้าขนหนู และแกะพลาสเตอร์ที่ยึดสายจมูกออก
หักพับสาย และดึงสายออก ขณะดึงสายให้ผู้ป่วยอ้าปากหายใจยาวๆใช้ผ้าก๊อสจับสายที่ดึงออกมาด้วยมืออีกข้างหนึ่ง
เช็ดรอยพลาสเตอร์ด้วยเบนซิน เช็ดตามด้วยน้ำเกลือและแอลกอฮอล์
ทำความสะอาดปาก ฟัน และจมูก
5. การให้อาหารทางสายยางให้อาหารที่ใส่เข้าทางรูเปิดของกระเพาะอาหาร
วัตถุประสงค์
เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับอาหารตามความต้องการของร่างกาย
อุปกรณ์เครื่องใช้
เหมือนกับการให้อาหารทางสาย NG tube
วิธีปฏิบัติ
แจ้งและอธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจจุดประสงค์และวิธีทำ
จัดให้อยู่ในท่านั่ง หรือนอนในท่าศีรษะสูง
เปิดเสื้อผ้าบริเวร Gastrostomy tube ออก ปูผ้ากันเปื้อนไว้ใต้ Tube
ล้างมือให้สะอาด ใส่ mask
ตรวจสอบคำสั่งการรักษา
ปลดผ้าก๊อซที่หุ้มปลายสายออกทำความสอาดปลายสายด้วยสำลีชุบ 70% Alcohol
ใช้ Toomey syrine ต่อกับปลายสายดูด Gastric content เพื่อตรวจสอบความสามารถของกระเพาะอาหารในการบีบไล่อาหารไปลำไส้เล็ก
หักพับสาย ถอด Syrine แล้วดึง Plunger ออก และต่อกระบอกสูบเข้ากับสายให้อาหาร
เทอาหารใส่กระบอด Syrine และปล่อยให้อาหารไหลเข้าช้าๆ ต่อเนื่องกัน ไปไม่ให้ขาดระยะ
กรณีให้ยาหลังอาหาร
ก่อนที่อาหารจะหมดควรเหลืออาหารค้างไว้ และควรรินยาลงไปตรงๆ
ก่อนยาจะหมด เหลือค้างแล้วเติมน้ำสะอาดเพื่อไล่เศษอาหารและยาที่ตกค้างอยู่ในสายอาหาร
เช็ดปลายสายให้อาหารด้วยสำลีชุบ 70% Alcohol
หักพับปลายสายให้อาหาร เพื่อป้องกันอากาศเข้าไปในกระเพาะอาหาร
ปิดปลายสายอาหารให้เรียบร้อย
ให้ผู้ป่วยอยู่ในท่าเดิมอย่างน้อย 30 นาที
เก็บเครื่องใช้ทำความสะอาด
ลงบันทึกทางการพยาบาล
7. การล้างภายในกระเพาะอาหาร (Gastric lavage)
วัตถุประสงค์
ล้างกระเพาะอาหารในกรณีที่ผู้ป่วยกินยาหรือสารพิษ
ทดสอบหรือยับยั้งการมีเลือดออกจำนวนน้อยในทางเดินอาหารส่วนบน
ตรวจสอบการอุดตันของสาย
ตรวจหาเชื้อที่เป็นสาเหตุของโรคปอดและหลอดลม
อุปกรณ์เครื่องใช้
ชุดล้างกระเพาะอาหาร
สารละลายที่ใช้ล้างกระเพาะอาหาร ใช้น้ำเกลือ
ชามรูปไตหรืออ่างกลม
ผ้าเช็ดปาก หรือผ้าขนหนูผืนเล็ก
สายยางสำหรับใส่ในกระเพาะอาหาร
Ky jelly
ถุงมือสะอาด 1 คู่ และ Mask
วิธีปฏิบัติ
ตรวจสอบคำสั่งการรักษา
ประเมินสภาพผู้ป่วย อธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจ ปิดประตูหรือกั้นม่านให้เรียบร้อย
ล้างมือก่อนจัดเตรียมอุปกรณ์เครื่องใช้
เตรียมอุปกรณ์เครื่องใช้ให้พร้อม นำเครื่องใช้ต่างๆใส่ถาดหรือรถเข็นแล้วนำไปเตียงผู้ป่วย
ปูผ้าคลุมบนเตียงและตัวผู้ป่วยตรงที่จะปลดสาย
ใช้ Toomey syrine ดูดสารละลาย 50 ซีซี
หักพับสายไว้ก่อนปลดรอยต่อ จากนั้นต่อสายกับกระบอกฉีดยาแล้วปล่อยสายที่หักพับไว้
ดูดน้ำออกเบาๆ หรือปล่อยให้สารละลายไหลออกเอง
ใส่สารละลายเข้าไปแล้วปล่อยหรือดูดน้ำออกเรื่อยๆ
ถ้ากรณีล้างกระเพาะอาหาร เพื่อห้ามเลือดในกระเพาะ ต้องล้างจนสารน้ำมีลักษณะสีแดงจากที่สุด
เมื่อสิ้นสุดการล้างกระเพาะอาหารแล้ว ให้ทำความสะอาดช่องปากและจัดท่าผู้ป่วย
เก็บเครื่องใช้ทำความสะอาด และเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย
ลงบันทึกทางการพยาบาล
8. กระบวนการพยาบาลในการส่งเสริมภาวะโภชนาการ
การประเมินภาวะสุขภาพ (Assessment)
การวินิจฉัยทางการพยาบาล (Nursing diagnosis)
การวางแผนการพยาบาล (Planning)
วัตถุประสงค์
เกณฑ์การประเมิน
การปฏิบัติการพยาบาล (Implementation)
การประเมินการพยาบาล (Evaluation)
ประเมินผลลัพธ์การพยาบาล
ประเมินผลกิจกรรมการพยาบาล