Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การดูแลผู้ป่วยที่ได้รับออกซิเจนและการดูดเสมหะ - Coggle Diagram
การดูแลผู้ป่วยที่ได้รับออกซิเจนและการดูดเสมหะ
7.6.3 การดูดเสมหะ (suction)
การดูดเสมหะ (suction)
เป็นการใช้สายยางชนิดดูดเสมหะสอดใส่เข้าทางเดินหายใจแล้วดูด
เสมหะออกจากทางเดินหายใจ เพื่อช่วยผู้ปุวยที่ไม่สามารถไอเพื่อขับเสมหะออกได้
เครื่องดูดเสมหะ มีให้เลือกใช้อยู่ 2 ชนิด
เครื่องดูดเสมหะชนิดเคลื่อนที่ (mobile suction)
ชนิดติดฝาผนัง (wall suction)
วิธีการดูดเสมหะผู้ปุวย มี 2 วิธี คือ
การดูดเสมหะทางจมูก (Nasopharygeal) หรือปาก (oropharyngeal suction) เป็นการดูดเสมหะผ่านทางจมูก
2. ก ารดูดเสมหะทางท่อช่วยหายใจ (Endotracheal) ห รือ ท า ง ท่อ ห ล อ ด ค อ
(tracheostomy suction) เป็นการดูดเสมหะผ่านท่อช่วยหายใจ Endotracheal
การดูดเสมหะทางปาก
การใช้กระบวนการพยาบาลในขั้นตอนการประเมินสภาพผู้ปุวย
สังเกตแบบแผนและลักษณะการหายใจค่อนข้างแรงมาก อัตราการหายใจเร็ว
ฟังเสียงปอดได้ยินเสียงเสมหะ (adventitions sound)
สังเกตอาการเหนื่อย หายใจลาบาก ได้ยินเสียงดังขณะหายใจเข้าและออก
สังเกตลักษณะสีผิว เล็บ และริมฝีปาก มีอาการ cyanosis
สังเกตอาการซึมลงของผู้ปุวย
ประเมินอาการไอมีประสิทธิภาพที่จะขับเสมหะออกได้ลดลง
การเตรียมเครื่องใช้สาหรับการดูดเสมหะทางปาก
oral airway หรือ nasal airway
เครื่องดูดเสมหะ
สายหล่อลื่นหรือน้ากลั่น
สายดูดเสมหะที่สะอาดปราศจากเชื้อ ตามขนาดผู้ปุวย
ท่อต่อ (connector) ใช้ต่อสายดูดเสมหะกับเครื่องดูดเสมหะ หรือท่อต่อนี้อาจเป็นส่วนหลาย
อาการแทรกซ้อน อาการแทรกซ้อนที่อาจเกิดจากการดูดเสมหะ ได้แก่
แรงกด หรือการระคายเคืองบริเวณรูจมูกและริมฝีปากอาจทาให้เกิดแผล หรือเกิดแผล
มีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย เช่น โพรงจมูกอักเสบ (sinusitis) ภาวะหูอักเสบ (otitis)
เกิดการระคายเคืองของเยื่อบุทางเดินหายใจ ในขณะดูดเสมหะ
การเก็บเสมหะส่งตรวจ (Sputum examination)
การเก็บเสมหะส่งตรวจมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งวิเคราะห์โรค วิธีเก็บเสมหะส่งตรวจ ให้ผู้ปุวยหายใจเข้าลึกๆ แล้วไอออกมา
2. การตรวจเสมหะแบบเพาะเชื้อ (Sputum culture)
กรณีผู้ปุวยไอขับเสมหะได้เอง ให้ผู้ปุวยหายใจเข้าลึกๆ แล้วไอออกมา เพื่อให้ได้เสมหะแล้วบ้วนลง
ภาชนะสะอาดปราศจากเชื้อชนิดมีฝาปิด
กรณีผู้ปุวยที่ไม่สามารถขับเสมหะออกได้เอง ใช้การดูดเสมหะลงภาชนะสะอาดปราศจากเชื้อชนิดมีฝา
ปิด
7.7 ความปลอดภัยขณะผู้ป่วยได้รับออกซิเจน
อาจเกิดการติดเชื้อโรคแทรกซ้อน การให้ออกซิเจนอุปกรณ์ที่ใช้มีโอกาสก่อให้เกิดการติดเชื้อได้
อาจทาให้เยื่อบุทางเดินหายใจแห้งและเกิดการระคายเคืองได้ เนื่องจากออกซิเจนเป็นก๊าซแห้ง เมื่อผ่านเข้าในระบบทางเดินหายใจจะทาให้เยื่อบุแห้ง
อาจเกิดการทาลายเนื้อเยื่อในปอด ออกซิเจนจะก่อพิษในปอดได้หากได้รับในระยะเวลานาน
คือ 24 – 48 ชั่วโมง และความเข้มข้นของก๊าซ มากกว่าร้อยละ 60 อาการเป็นพิษ
หลักปฏิบัติในการให้ออกซิเจนชนิดต่าง ๆ
ล้างมือให้สะอาด สวมmask เพื่อปูองกันการนาเชื้อเข้าสู่ผู้ปุวย
ประเมินสัญญาณชีพและระดับความรู้สึกตัว เพื่อประเมินอาการผู้ปุวย
ใส่ flow meter กับแหล่งที่มาของออกซิเจนที่มาจากชนิดผนัง
(wall type) จากถังใช้ highpressuregas regulator ให้ถูกต้องและแน่นพอดี
ต่อกระบอกความชื้นที่ใส่น้ากลั่นปลอดเชื้อ ให้ระดับน้าอยู่ตรงตาแหน่งขีดที่กาหนดข้างกระบอกปูองกันไม่ให้ flow meter เสียหรือน้อยกว่าขีด ออกซิเจนต้องผ่านความชื้นจะไม่ทาให้ระคายเคือง
7.8 กระบวนการพยาบาลในการส่งเสริมการได้รับออกซิเจน
ตัวอย่าง
หญิงไทยสูงอายุ 90 ปี ปุวยเป็นโรคชราและความจาเสื่อม ช่วยเหลือตนเองได้น้อยมาก นอนติดเตียง (bed redden) ให้ออกซิเจน cannula 2 lit/min มีเสมหะใสไอออกได้เองจงประยุกต์ใช้กระบวนการพยาบาลในการส่งเสริมการได้รับออกซิเจนสาหรับผู้ปุวยรายนี้
1. การประเมินภาวะสุขภาพ (Health assessment)
S : “ผู้ปุวยบอกว่าหายใจไม่สะดวก”
O : หญิงไทยสูงอายุ ปุวยเป็นโรคชราและความจาเสื่อมนอนติดเตียง อ่อนเพลีย ซีดเล็กน้อยรูปร่างผอมบาง ช่วยเหลือตนเองได้น้อย on O2 cannula 2 lit/min
2. การวินิจฉัยทางการพยาบาล (Nursing diagnosis)
เสี่ยงต่อภาวะพร่องออกซิเจนเนื่องจากประสิทธิภาพในการแลกเปลี่ยนก๊าซลดลง
ข้อมูลสนับสนุน ผู้ปุวยมีเสมหะสีเหลืองข้น
3. การวางแผนการพยาบาล (Planning)
วัตถุประสงค์
เพื่อส่งเสริมให้ผู้ปุวยได้รับออกซิเจนได้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย 2 lit/ min ตามแผนการรักษา และไม่เกิดภาวะพร่องออกซิเจน
4. การปฏิบัติการพยาบาล (Implementation)
ประเมินสภาพผู้ปุวยก่อนได้รับออกซิเจน ประเมินภาวะพร่องออกซิเจน ประเมินอัตราการหายใจ ชีพจร สีของเล็บ ปลายมือปลายเท้า เยื่อบุผิวหนัง ลักษณะการซีด และเขียว
ปรับออกซิเจนให้ได้ 2 lit/ min แล้วจัดให้สาย cannula อยู่ในตาแหน่งที่เหมาะสมคล้องสายกับหูทั้งสองข้างให้พอดี
จัดสิ่งแวดล้อมให้มีความปลอดภัย ติดปูายห้ามสูบบุหรี่ หรือห้ามนาวัตถุไวไฟเข้าใกล้บริเวณเตียงผู้ปุวย และดูแลให้น้ากลั่นใน humidifier ในระดับปกติ
จัดท่านอนศีรษะสูง เพื่อทาให้กระบังคมเคลื่อนต่าลง ปอดขยายตัวได้เต็มที่เพิ่มพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนก๊าซมากขึ้น
สอนการไออย่างมีประสิทธิภาพ การไออย่างมีประสิทธิภาพจะทาให้ลดการคั่งค้างของ
5. การประเมินผลการพยาบาล (Evaluation) สิ่งที่ต้องประเมิน
5.1 ประเมินผลลัพธ์การพยาบาล
1) ประเมินความสุขสบายของผู้ปุวย (โดยการสอบถามผู้ปุวย)
2) ผู้ปุวยได้รับ O2 cannula 2 lit/min และปลอดภัย
3) ไม่มีพบอาการของภาวะพร่องออกซิเจน และค่า O2 sat ไม่น้อยกว่า 95 %
4) อัตราการหายใจอยู่ในช่วง 16 - 24 ครั้ง/ นาที ลักษณะการหายใจปกติ
5) ผลเลือด Hb = 12 - 16 g/ dl และHct = 37 - 47 %
6) ฟังปอด พบ fine Crepitation at Right lower lobe ลดลง
5.2 ประเมินผลกิจกรรมการพยาบาล
1) ประเมินการปฏิบัติถูกต้องครบและเป็นไปตามขั้นตอนของการปฏิบัติ
2) ประเมินการจัดเตรียมอุปกรณ์เครื่องใช้ครบถ้วนเพียงพอหรือไม่