Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การดูแลผู้ป่วยที่ได้รับออกซิเจนและการดูดเสมหะ - Coggle Diagram
การดูแลผู้ป่วยที่ได้รับออกซิเจนและการดูดเสมหะ
การประเมินภาวะพร่องออกซิเจน
1 การประเมินสภาพร่างกาย
2) ระบบหัวใจและหลอดเลือด
3) ระบบประสาทส่วนกลาง
1) ระบบทางเดินหายใจ
4) ระบบผิวหนัง
5) ระบบทางเดินอาหาร
2 การประเมินการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
1) ระดับค่าก๊าซในหลอดเลือดแดง
2) ค่าการอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด
3) การตรวจหาระดับฮีโมโกลบิน
ผู้ชาย 13.0 - 18 gm % (กรัมเปอร์เซนต์)
สาเหตุของ hypoxia และหรือ hypoxemia พบความผิดปกติของระบบต่าง ๆ
โรคเลือดโดยเฉพาะเม็ดเลือดแดงน้อย
ระบบเผาผลาญเมตาบอลิซึมผิดปกติต่าง ๆ
ระบบหัวใจและหลอดเลือด
ระบบประสาทส่วนกลางและส่วนปลาย
ระบบทางเดินหายใจ
ผู้ปุวยที่ได้รับการผ่าตัดโดยเฉพาะการผ่าตัดส่วนอกและช่องท้อง
ผู้หญิง 11.5 – 16.5 gm % (กรัมเปอร์เซนต์)
ความสำคัญของก๊าซออกซิเจนที่มีต่อร่างกาย
ความดันออกซิเจน
เลือดเป็นตัวกลางการ ส่งผ่านออกซิเจนสู่เซลล์
เม็ดเลือดแดงเป็นถังเก็บออกซิเจน
ความดันออกซิเจนและการขนส่งสู่เนื้อเยื่อ
การหมุนเวียนเพื่อกาจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
การขนส่งคาร์บอนไดออกไซด์โดย hemoglobin ในเม็ดเลือดแดง
คาร์บอนไดออกไซด์ไปรวมกับน้ำ
1 การทางานของเม็ดเลือดแดง
มีอายุขัยประมาณ120 วัน
มีส่วนประกอบที่เป็น Hemoglobin
มีหน้าที่ขนส่งก๊าซ
ปัจจัยที่มีผลต่อการได้รับออกซิเจนของบุคคล
ระบบทางเดินหายใจเปนระบบเปดของรางกายที่ติดตอกับสิ่งแวดลอมภายนอก
respiratory unit
neural control
conducting airway
chemical control
oxidation
ภาวะที่ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย อาจเนื่องมาจากสภาวะต่างๆ
ความเครียด
อาหารที่มีไขมันมาก
การเล่นกีฬาหรือออกกาลังกายหนัก ๆ
ผู้สูงอายุ
อยู่ในที่ที่มีมลพิษสูง
การสูบบุหรี่
การเดินทางหรืออาศัยในที่สูง
การดื่มสุราและเครื่องดื่มที่เป็นแอลกอฮอล์
สาเหตุและการพยาบาลผู้ป่วยที่มีอาการผิดปกติของระบบทางเดินหายใจ
3 Hiccup
สาเหตุของอาการสะอึก
ดื่มเครื่องดื่มพวกที่ทาให้เกิดแก๊ส (Carbonate)
ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
กินอิ่มมากเกินไป
สูบบุหรี่ จัด
การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของกระเพาะอาหารทันที
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีอาการสะอึก
แนะนำให้หายใจเข้าออกในถุงปิด
แนะนำให้กลั้นหายใจเป็นพัก ๆ
ให้ชิมของเปรี้ยวจัด
ใช้เทคนิคเบี่ยงเบนความสนใจ
ให้ดมสารที่มีกลิ่นฉุน
ดูแลความปลอดภัยจากสิ่งแวดล้อม
4 Dyspnea
สาเหตุของการหายใจลำบาก
สาเหตุเกี่ยวกับหัวใจ
สาเหตุเกี่ยวกับประสาท
สาเหตุเกี่ยวกับทางเดินหายใจ
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีอาการหายใจลำบาก
เตรียมอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ สาหรับช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉิน
ดูแลให้ยาขยายหลอดลม หรือยาขับเสมหะ ตามแผนการรักษา
ดูแลประคับประคองด้านจิตใจ และประเมินสัญญาณชีพตามความเหมาะสม
ดูแลให้ออกซิเจนชนิดละอองฝอย (nebulizer) เพื่อให้หายใจสะดวก
ดูแลให้ผู้ป่วยนอนศีรษะสูง และให้ออกซิเจนร่วมด้วย
ฝึกให้ผู้ป่วยหายใจและการไออย่างมีประสิทธิภาพ
2 Hemoptysis
สาเหตุของการไอเป็นเลือด
การอักเสบ
เนื้องอก และมะเร็ง
อุบัติเหตุ
ความผิดปกติของหลอดเลือดและโรคปอดต่าง ๆ
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีอาการไอเป็นเลือด
ประเมินชีพจร หายใจ และความดันโลหิต
ถ้าเสียเลือดมาก อาจต้องให้เลือด และพยาบาลจะต้องเฝูาระวังการแพ้เลือดที่อาจเกิดขึ้นได้
ให้ผู้ปุวยพักผ่อนและให้การหายใจเคลื่อนไหวน้อยที่สุด
ผู้ปุวยอาจตกใจมาก ทาให้มีอาการหายใจเร็วขึ้น (hyperventilation) พยาบาลต้องคอย ปลอบโยน ให้กาลังใจ และให้การดูแลจนผู้ปุวยควบคุมตนเองได้
ชนิดของการไอเป็นเลือด
ไอจนมีเลือดปนออกมา
ไอจนมีเลือดออกเป็นสาย
ไอจนมีเลือดสดออกมา พบในวัณโรคปอด
ไอจนมีเสมหะสีคล้ายสนิม จากมีเลือดเก่า ๆ ปนออกมาด้วย
5 Chest pain
อาการเจ็บหน้าอก มีลักษณะแตกต่างกันตามสาเหตุดังนี้
เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบมักเป็นตรงบริเวณหัวใจ และเจ็บ
ตลอดเวลา
ภาวะหลอดเลือดแดงหัวใจโคโรนารี
เยื่อหุ้มปอดอักเสบ
หลอดลมอักเสบ
กล้ามเนื้ออักเสบ
เส้นประสาท เช่น โรครากประสาทสันหลัง
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บหน้าอก
ประเมินหาสาเหตุของอาการ
จัดเตรีมอุปกรณ์การให้ออกซิเจนและพิจารณาให้ออกซิเจนแก่ผู้ป่วย
สังเกตอาการ
1 อาการไอ (Cough)
ลักษณะของอาการไอ
ไอแห้ง ๆ ไม่มีเสมหะ
ไอมีเสมหะ
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีอาการไอ
ดูแลความสะอาดของปาก ฟัน และสิ่งแวดล้อม
กระตุ้นให้ดื่มน้าอุ่นบ่อย ๆ และปริมาณมาก
ถ้าไอมีเสมหะให้สังเกต บันทึกจานวน ลักษณะ สี และกลิ่นของเสมหะด้วย
กระตุ้นให้เปลี่ยนอิริยาบถบ่อย ๆ
สังเกตและบันทึกลักษณะ เสียง ความถี่ และระยะเวลาของการไอ
สอนการไออย่างมีประสิทธิภาพ
ประเมินประสิทธิภาพการไอ
ดูแลให้ยาเพื่อช่วยบรรเทาอาการไอตามแผนการรักษาของแพทย์
สาเหตุของการไอ
ฝุ่น ควัน สารเคมี อาหาร หรือน้าที่สาลักเข้าไป
ความร้อน - เย็นของอากาศ จะทาให้การไอมากขึ้น
การอักเสบหรือการบวมบริเวณทางเดินหายใจ มีอาการไอน้อยกว่า 2 สัปดาห์
ความปลอดภัยขณะผู้ป่วยได้รับออกซิเจน
ข้อควรปฏิบัติและต้องคานึงถึง
อาจเกิดการทำลายเนื้อเยื่อในปอด
อาจเกิดอันตรายกับดวงตา (retrolental fibroplasias)
อาจทำให้เยื่อบุทางเดินหายใจแห้งและเกิดการระคายเคืองได้
อาจเกิดการหยุดหายใจ
อาจเกิดการติดเชื้อโรคแทรกซ้อน
อาจเกิดอุบัติเหตุจาการเกิดไฟไหม้หรือการระเบิด
หลักปฏิบัติในการให้ออกซิเจนชนิดต่าง ๆ
หมุนปุ่มเปิด flow meter ปรับอัตราการไหลของออกซิเจนทิ้งไว้ 1 – 2 นาที
กรณีให้ nasal cannula ให้ปฏิบัติ
1 ทาความสะอาดช่องจมูกทั้งสองข้าง และทุก 8 ชั่วโมงเพื่อให้ช่องจมูกโล่ง
2 สวมเขี้ยวเข้าในช่องจมูกทั้ง 2 ข้างโดยให้ส่วนโค้งแนบไปกับโพรงจมูก คล้องสายกับใบหู2ข้าง ปรับสายให้พอดีไว้ใต้คาง หรืออ้อมรอบศีรษะ
ปรับระดับลูกลอยใน flow meter
กรณีให้ mask ให้ปฏิบัติ
1 simple mask ครอบหน้ากากบริเวณสันจมูกและปากให้แนบสนิท
2 ชนิดมีถุง เปิดออกซิเจนไหลผ่านถุง 10 -20 ลิตร/ นาที
ต่อกระบอกความชื้นที่ใส่น้ากลั่นปลอดเชื้อ
กรณีให้ oxygen hood (oxygen box) ให้ปฏิบัติ ดังนี้
1 ต่อท่อออกซิเจนเข้ากับกล่อง
2 วางครอบเฉพาะศีรษะและไหล่
ใส่ flow meter กับแหล่งที่มาของออกซิเจนที่มาจากชนิดผนัง (wall type)
กรณีให้ T- piece ให้ปฏิบัติ
1 ควรดูดเสมหะออกก่อนเพื่อให้ออกซิเจนไหลผ่านหลอดลมคอได้สะดวก
2 ต่อสาย T – piece ครอบท่อหลอดลมคอ จัดสายไม่ให้เกิดภาวะดึงรั้งกรณีผู้ปุวยที่ได้รับ ยาในรูปการสูดละอองยาเข้าทางเดินหายใจโดยตรง (aerosol therapy)
ประเมินสัญญาณชีพและระดับความรู้สึกตัว
ลงบันทึกทางการพยาบาล
ล้างมือให้สะอาด สวมmask
กระบวนการพยาบาลในการส่งเสริมการได้รับออกซิเจน
การวางแผนการพยาบาล (Planning)
เกณฑ์การประเมินผล
การวางแผน
วัตถุประสงค์
การปฏิบัติการพยาบาล (Implementation)
สอนการไออย่างมีประสิทธิภาพ
วัด vital signs ทุก 4 ชม
จัดท่านอนศีรษะสูง
ประเมิน O2 saturation ทุก 2 ชม.
จัดสิ่งแวดล้อมให้มีความปลอดภัย
ติดตามผลเลือด Hb, Hct และ Chest X-Ray
ปรับออกซิเจนให้ได้ 2 lit/ min
ดูแลส่งเสริมการพักผ่อนและการนอนหลับผู้ปุวยให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
ให้การพยาบาลด้านจิตใจและจิตวิญญาณ
ประเมินสภาพผู้ปุวยก่อนได้รับออกซิเจน
การวินิจฉัยทางการพยาบาล (Nursing diagnosis)
การประเมินผลการพยาบาล (Evaluation)
2 ประเมินผลกิจกรรมการพยาบาล
3 ประเมินผลคุณภาพการบริการ
1 ประเมินผลลัพธ์การพยาบาล
การประเมินภาวะสุขภาพ (Health assessment)
บทบาทพยาบาลในการส่งเสริมการได้รับออกซิเจน
3 ข้อชี้บ่งของการให้ออกซิเจน
เกิดภาวะบาดเจ็บขั้นรุนแรง
ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดชนิดเฉียบพลัน
เสี่ยงต่อการเกิดภาวะ hypoxemia
การให้ออกซิเจนเป็นเวลาช่วงสั้น ๆ ในการทาผ่าตัด
มีภาวะขาดออกซิเจนในเลือด
4 ข้อควรระวังและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากการให้ออกซิเจน
ควรระวังการให้ออกซิเจนในผู้ปุวยที่ได้รับพิษจากparaquat
ขณะทำผ่าตัดด้วยวิธีเลเซอร์ในทางเดินหายใจ
อาจเกิดภาวะปอดแฟบ
ควรระวังการให้ความชื้นร่วมกับออกซิเจนโดยเฉพาะการให้ความชื้นแบบ nebulizer
อาจเกิดภาวะกดการหายใจผู้ปุวยที่หายใจเอง
การมีความเข้มข้นระดับสูงของออกซิเจน
2 วัตถุประสงค์ของการให้ออกซิเจนเพื่อการรักษา
เป็นการลดอาการขาดออกซิเจนเรื้อรัง
เป็นการช่วยการทางานของระบบทางเดินหายใจ หัวใจ และระบบการไหลเวียนโลหิตและหลอดเลือดจากภาวะพร่องออกซิเจน
เป็นการรักษาภาวะพร่องออกซิเจนทำให้ออกซิเจนในเลือดต่า
5 การพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับออกซิเจน
ดูแลทางเดินหายใจโดยท่าทางเดินหายใจ(Clear air way)
ดูแลความสะอาดของจมูกและปากบ่อยๆ หรือ ทุก 2 - 3 ชั่วโมง
หมั่นตรวจดูอุปกรณ์ที่ให้ออกซิเจน
ดูแลด้านจิตใจ เพื่อลดความวิตกกังวลของผู้ป่วยและญาติ
หมั่นสังเกตและประเมินภาวะของผู้ป่วย
1 อาการและอาการแสดงของภาวะขาดออกซิเจน
อัตราการเต้นของชีพจรเร็วขึ้น
ในช่วงแรกอัตราการหายใจเร็วและลึก
แสดงพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไป
ความดันโลหิตลดลง
มีอาการวิงเวียนศีรษะคล้ายบ้านหมุน
หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
ความอ่อนเพลีย เหนื่อยล้าเพิ่มขึ้น
มีภาวะซีด
ระดับความรู้สึกตัวลดลง
มีอาการเขียวคล้ำ
ระดับการมีสมาธิลดลง
กรณีเป็นภาวะขาดออกซิเจนเรื้อรัง พบนิ้วปุ่ม
วิตกกังวล(anxiety)กระสับกระส่าย(restlessness)
อาการหายใจลำบาก
เทคนิคการพยาบาลที่เกี่ยวข้องในการให้ออกซิเจนแบบต่าง ๆ
ระบบให้ความชื้น (Humidification)
1) ชนิดละอองโต (Bubble)
2) ชนิดละอองฝอย (Jet)
แหล่งให้ออกซิเจน (Oxygen source)
1) ถังบรรจุออกซิเจน (Oxygen tank)
2) ระบบท่อ (Oxygen pipeline)
ระบบการใหอ้ อกซิเจน
1) ระบบการไหลของออกซิเจนชนิดต่ำ
(1) การให้ออกซิเจนชนิดเขี้ยว (nasal cannula) หรือ nasal prongs
ข้อดี ผู้ป่วยสามารถดื่มน้าหรือรับประทานอาหารได้โดยไม่ต้องปลดสายออก
ข้อเสีย อาจมีการระคายเคืองช่องจมูกทั้งสองข้าง
(2) การให้ออกซิเจนทางหน้ากาก (mask)
Reservoir bag (partial rebreathing mask)
Non rebreathing mask
Simple mask
2) ระบบการไหลของออกซิเจนชนิดสูง (High flow system)
(3) การให้ออกซิเจนชนิด croupette tent
(4) การให้ออกซิเจนชนิด hood หรือ oxygen box
(2) การให้ออกซิเจนทางท่อหลอดลม (tracheostomy collar)
(5) การให้ออกซิเจนทางท่อช่วยหายใจ (endotracheal tube: ET)
(1) การให้ออกซิเจนชนิดT- piece
บทบาทพยาบาลในการส่งเสริมการได้รับออกซิเจน
2 การบริหารการหายใจ
2) การหายใจโดยการห่อปาก
วิธีการปฏิบัติ
แนะนาผู้ป่วยให้หายใจเข้าลึกๆ ทางจมูก
แนะนาผู้ป่วยให้หายใจออกทางปากช้า ๆ โดยการห่อปาก
ช่วยเหลือผู้ป่วยจัดท่าให้อยู่ในท่าที่สบาย
อธิบายให้ผู้ป่วยตั้งใจเปุาลมออกทางปากช้า ๆ
ใช้วิธีการหายใจ
เนื่องจากหายใจลำบาก
3) การหายใจเข้าลึกๆ (deep breathing)
วิธีการปฏิบัติ
รวบตรึงบริเวณผ่าตัดด้วยหมอน
แนะนำให้ผู้ป่วยหายใจเข้าลึก ๆ อย่างช้า ๆ
จัดท่าให้ผู้ป่วยหายใจเข้าลึก ๆ
แนะนำผู้ป่วยให้กลั้นหายใจและไอออกแรงๆ
เตรียมกระดาษเยื่อและชามรูปไต
1) การหายใจโดยใช้กล้ามเนื้อหน้าท้องหรือกระบังลม
วิธีการปฏิบัติ
สอนผู้ป่วยให้หายใจเข้าลึกๆ ทางจมูก (ปิดปากให้สนิท)
แนะนาให้ผู้ปุวยหยุดหายใจช้าๆ หลังหายใจเข้าลึกเต็มที่แล้วเปุาลมออกทางปากช้า ๆ
ช่วยเหลือผู้ป่วยจัดท่าให้อยู่ในท่าที่สบาย
กระตุ้นให้ผู้ปุวยหดเกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้องไล่อากาศออกจากปอดให้มากที่สุด
ตรวจดูให้แน่ใจว่าจมูก หลอดลม ไม่มีน้ามูก หรือเสมหะ และไม่มีอาการบวมคั่ง
อธิบายให้ผู้ปีวยเป่าลมออกทางปากช้า ๆ ประมาณ 2 – 3 เท่า
หลังจากฝึกปฏิบัติจนชานาญแล้ว อาจใช้ของหนักประมาณ 5 ปอนด์
ให้ผู้ปุวยฝึกหายใจโดยใช้กล้ามเนื้อหน้าท้องหรือกระบังลมหายใจครั้งละ 10 – 20 นาที ทุกชั่วโมง
3 การดูดเสมหะ (suction)
เครื่องดูดเสมหะ
เครื่องดูดเสมหะชนิดเคลื่อนที่(mobilesuction)
ชนิดติดฝาผนัง (wall suction)
วิธีการดูดเสมหะ
การดูดเสมหะทางจมูก (Nasopharygeal) หรือปาก (oropharyngeal suction)
การดูดเสมหะทางท่อช่วยหายใจ(Endotracheal) หรือทางท่อหลอดคอ (tracheostomy suction)
การส่งเสริม การได้รับออกซิเจนให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกายให้ปฏิบัติดังนี้
การเพิ่มปริมาณออกซิเจนที่เข้าปอดโดยอาจมีการให้ออกซิเจน
การลดความต้องการปริมาณออกซิเจนในร่างกาย
การเพิ่มความสามารถในการขยายตัวของทรวงอกและปอด
การผ่อนคลายความวิตกกังวล
การช่วยทำให้ทางเดินหายใจโล่ง
การดูดเสมหะทางปาก
สังเกตลักษณะสีผิว เล็บ และริมฝีปาก มีอาการ cyanosis
สังเกตอาการซึมลงของผู้ป่วย
สังเกตอาการเหนื่อย หายใจลำบาก ได้ยินเสียงดังขณะหายใจเข้าและออก
ประเมินอาการไอมีประสิทธิภาพที่จะขับเสมหะออกได้ลดลง
ฟังเสียงปอดได้ยินเสียงเสมหะ (adventitions sound)
สังเกตลักษณะเสมหะ เหนียว และมีจำนวนมาก
สังเกตแบบแผนและลักษณะการหายใจค่อนข้างแรงมาก
สังเกตอาการอาเจียนหรือขย้อนอาหารอยู่ในปาก
การเตรียมเครื่องใช้สำหรับการดูดเสมหะทางปาก
สายดูดเสมหะที่สะอาดปราศจากเชื้อ ตามขนาดผู้ป่วย
ท่อต่อ (connector)
สายหล่อลื่นหรือน้ำกลั่น
ไม้กดลิ้นที่สะอาด
เครื่องดูดเสมหะ
ถุงมือสะอาด
1.oralairwayหรอื nasalairway
ขวดน้าเกลือใช้ภายนอก (normal saline external use) ขนาด1000 ซซี
อาการแทรกซ้อน
เกิดการระคายเคืองของเยื่อบุทางเดินหายใจ
อาจเกิดการสาลักจากการกระตุ้น gag reflex
มีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย
ริมฝีปากแห้งเกิดเป็นแผลได้ง่าย
แรงกด
อาจเกิดความผิดปกติในผู้ป่วยโรคหัวใจ
การพยาบาลผู้ป่วยด้านจิตใจก่อน/ ขณะ/ และหลังการดูดเสมหะ
อธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจว่าจะมีการหายใจลาบากในขณะดูด
ทำการดูดเสมหะด้วยความเบามือ และนุ่มนวล
บอกให้ผู้ป่วยทราบก่อนว่า “จะทาการดูดเสมหะอย่างเบามือที่สุด
หลังดูดเสมหะเสร็จเช็ดทำความสะอาด
แสดงท่าทางสุภาพอ่อนโยน
พูดให้กำลังใจก่อนเดินออกจากเตียงผู้ป่วย
อธิบายให้ผู้ป่วยเข้าในถึงวัตถุประสงค์และความจาเป็นของการดูดเสมหะ
การเก็บเสมหะ มี 2 วิธี คือ
การเก็บเสมหะส่งตรวจ (Sputum examination)
การตรวจเสมหะแบบเพาะเชื้อ (Sputum culture)
1 การจัดท่าผู้ป่วย
ผู้ปุวยที่หายใจลาบากทาให้นอนราบไม่ได้ ควรจัดท่า orthopnea position เป็นท่าศีรษะสูง
(hypoxia) ควรจัดอยู่ในท่าศีรษะสูง
อุปกรณ์และวิธีการให้ออกซิเจนเพื่อการรักษา
การให้ออกซิเจนชนิดหน้ากาก
บทบาทกึ่งอิสระของพยาบาล
การให้ ออกซิเจนชนิดเขี้ยวทางจมูก