Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การดูแลผู้ป่วยที่ได้รับออกซิเจนและการดูดเสมหะ - Coggle Diagram
การดูแลผู้ป่วยที่ได้รับออกซิเจนและการดูดเสมหะ
ระบบทางเดินหายใจและกลไกการทงำาน
ระบบทางเดินหายใจ
จมูก ใช้เพื่อเป็นทางเข้าของอากาศ มีหน้าที่ในการดักจับฝุนละออง และเพิ่มความชุ่มชื้นของอากาศ
โพรงจมูกและช่องคอ ทาหน้าที่ เพิ่มอุณหภูมิ ดักจับเชื้อโรค และเพิ่มความชุ่มชื้นของอากาศ
ฝาปิดกล่องเสียง ทาหน้าที่กันไม่ให้อาหารที่เรากลืนตกลงสู่ ระบบทางเดินหายใจ
กล่องเสียง ใช้ในการสร้างเสียง และเป็นทางเดินหายใจ
หลอดคอ หลอดลม และ หลอดลมฝอย ทาหน้าที่ลาเลียงอากาศ ดักจับเชื้อโรค และกาจัดเชื้อโรค
ถุงลม ทาหน้าที่แลกเปลี่ยนแก๊ส ระหว่างอากาศที่ลาเลียงมากับเส้นเลือดฝอยที่ล้อมรอบ
กลไกการหายใจของมนุษย์
การหายใจเข้า (Inspiration)
จะเกิดขึ้นเมื่อกล้ามเนื้อที่ยึดซี่โครงหดตัว ซึ่งจะทาให้กระดูกซี่โครงเลื่อนสูงขึ้น
ในขณะเดียวกัน กระบังลมก็จะหดตัวและเลื่อนต่าลง
ทาให้ปริมาตรของช่องอกมีมากขึ้นความดันภายในช่องอกจะลดต่ำลง
การหายใจออก (Expiration)
จะเกิดขึ้นหลังจากการหายใจเข้า แล้วทาให้กล้ามเนื้อที่ยึดซี่โครง
มีการคลายตัว จึงทาให้กระดูกซี่โครงเลื่อนต่าลง
ปัจจัยที่เป็นตัวกาหนดอัตราการหายใจเข้าและอัตราการหายใจออก
คือ ความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือด
การหายใจในระดับเซลล์
เป็นกระบวนการทางเคมีที่เกิดขึ้นระหว่างก๊าซออกซิเจนกับสารอาหาร
ภายในเซลล์ทาให้เกิด (adenosine triphosphate: ATP)
กลไกควบคุมการหายใจ
การควบคุมแบบอัตโนมัติ
การควบคุมภายใต้อำนาจจิตใจ
ความสาคัญของก๊าซออกซิเจนที่มีต่อร่างกาย
การทำงานของเม็ดเลือดแดง
มีหน้าที่หลักในการขนและส่งก๊าซในระบบหมุนเวียน
มีอายุขัยประมาณ 120 วัน
มีส่วนประกอบที่เป็น Hemoglobin (ฮีโมโกลบิน) อยู่ถึง 97 %
ความดันออกซิเจน
ทำให้เกิดการขนส่งออกซิเจนสู่เนื้อเยื่อ
การหมุนเวียน
เพื่อกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
ปัจจัยที่มีผลตอการไดรับออกซิเจนของบุคคล
การเดินทางหรืออาศัยในที่สูง
การเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายหนัก ๆ
ความเครียด
อยู่ในที่ที่มีมลพิษสูง
อาหารที่มีไขมันมาก
ผู้สูงอายุ
การสูบบุหรี่
การดื่มสุราและเครื่องดื่มที่เป็นแอลกอฮอล์
การประเมินภาวะพร่องออกซิเจน
การประเมินสภาพร่างกาย
ใช้เทคนิคการสังเกต และการประเมินสัญญาณชีพ
การหายใจ (Respiration: R)
ความดันโลหิต(Blood pressure: BP)
ชีพจร (Pulse: P)
อุณหภูมิร่างกาย (Temperature: T)
สังเกตลักษณะทั่วไป
ระบบทางเดินหายใจ
ระบบหัวใจและหลอดเลือด
ระบบประสาทส่วนกลาง
ระบบผิวหนัง
ระบบทางเดินอาหาร
การประเมินการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ระดับค่าก๊าซในหลอดเลือดแดง (Arterial blood gas: ABG)
ค่าการอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด (Arterial oxygen saturation)
การตรวจหาระดับฮีโมโกลบิน (Hemoglobin: Hb)
สาเหตุและการพยาบาลผู้ป่วยที่มีอาการผิดปกติ
ของระบบทางเดินหายใจ
อาการไอ (Cough)
สาเหตุของการไอ
การอักเสบหรือการบวมบริเวณทางเดินหายใจ
ฝุน ควัน สารเคมี อาหาร หรือน้าที่สาลักเข้าไป
ความร้อน - เย็นของอากาศ
ลักษณะของอาการไอ
ไอแห้ง ๆ ไม่มีเสมหะ
ไอมีเสมหะ ซึ่งเสมหะที่เป็นหนอง
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีอาการไอ
ประเมินประสิทธิภาพการไอ
สังเกตและบันทึกลักษณะ เสียง ความถี่ และระยะเวลาของการไอ
ถ้าไอมีเสมหะให้สังเกต บันทึกจานวน ลักษณะ สี และกลิ่นของเสมหะด้วย
ดูแลความสะอาดของปาก
กระตุ้นให้ดื่มน้าอุ่นบ่อย ๆ และปริมาณมาก
กระตุ้นให้เปลี่ยนอิริยาบถบ่อย ๆ
สอนการไออย่างมีประสิทธิภาพ (effective cough)
ดูแลให้ยาเพื่อช่วยบรรเทาอาการไอตามแผนการรักษาของแพทย์
Hemoptysis
ชนิดของการไอเป็นเลือด
ไอจนมีเลือดออกเป็นสาย
ไอจนมีเสมหะสีคล้ายสนิม
ไอจนมีเลือดปนออกมา
ไอจนมีเลือดสดออกมา พบในวัณโรคปอด
สาเหตุของการไอเป็นเลือด
การอักเสบ
เนื้องอก และมะเร็ง
อุบัติเหตุ
ความผิดปกติของหลอดเลือดและโรคปอดต่าง ๆ
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีอาการไอเป็นเลือด
ประเมินชีพจร หายใจ และความดันโลหิต
ถ้าเสียเลือดมาก อาจต้องให้เลือด
ให้ผู้ป่วยพักผ่อนและให้การหายใจเคลื่อนไหวน้อยที่สุด
พยาบาลต้องคอย ปลอบโยน ให้กาลังใจ และให้การดูแลจนผู้ป่วยควบคุมตนเองได้
Hiccup การสะอึก
สาเหตุของอาการสะอึก
ดื่มเครื่องดื่มพวกที่ทาให้เกิดแก๊ส (Carbonate)
ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่จัด
กินอิ่มมากเกินไป
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีอาการสะอึก
แนะนำให้หายใจเข้าออกในถุงปิด
แนะนำให้กลั้นหายใจเป็นพัก ๆ
ให้ชิมของเปรี้ยวจัด เช่น น้ำมะนาว
ใช้เทคนิคเบี่ยงเบนความสนใจ เช่น ชวนคุยในเรื่องที่สนุกตื่นเต้น
ให้ดมสารที่มีกลิ่นฉุน เช่น แอมโมเนีย
ดูแลความปลอดภัยจากสิ่งแวดล้อม เช่น ถือแก้วน้าแล้วหลุดออกจากมือขณะสะอึก
Dyspnea อาการหายใจลำบาก
สาเหตุของการหายใจลำบาก
สาเหตุเกี่ยวกับหัวใจ เช่น การทำงานของหัวใจไม่ดี
สาเหตุเกี่ยวกับประสาท ทาให้การควบคุมการหายใจไม่ดี
สาเหตุเกี่ยวกับทางเดินหายใจเช่นทางเดินหายใจอุดกั้นหรือปอดถูกทำลาย
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีอาการหายใจลำบาก
เตรียมอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ สำหรับช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉิน
ดูแลให้ยาขยายหลอดลม หรือยาขับเสมหะ ตามแผนการรักษา
ดูแลประคับประคองด้านจิตใจ และประเมินสัญญาณชีพตามความเหมาะสม ทุก 1 - 2 ชั่วโมง
ดูแลให้ออกซิเจนชนิดละอองฝอย (nebulizer) เพื่อให้หายใจสะดวก
ดูแลให้ผู้ป่วยนอนศีรษะสูง และให้ออกซิเจนร่วมด้วย
ฝึกให้ผู้ป่วยหายใจและการไออย่างมีประสิทธิภาพ
Chest pain อาการเจ็บหน้าอก
สาเหตุ
สาเหตุจาก เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบมักเป็นตรงบริเวณหัวใจ
สาเหตุจากหัวใจ มักมีอาการแน่นหน้าอกบริเวณกระดูก sternum
สาเหตุจากเยื่อหุ้มปอดอักเสบ มักเจ็บตรงบริเวณที่มีอาการอักเสบ
สาเหตุจากหลอดลมอักเสบ มักมีอาการแน่นหน้าอกบริเวณหลังกระดูก อาจเจ็บตลอดเวลา
สาเหตุจากกล้ามเนื้ออักเสบ มักมีอาการเจ็บเฉพาะที่
สาเหตุจากเส้นประสาท จะปวดร้าวไปตามแขนงของประสาทintercostalnerve
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บหน้าอก
ประเมินหาสาเหตุของอาการว่า อาการเจ็บหน้าอกเกิดจากหัวใจหรือ ปอด
จัดเตรีมอุปกรณ์การให้ออกซิเจนและพิจารณาให้ออกซิเจนแก่ผู้ป่วย
สังเกตอาการ
บทบาทพยาบาลในการส่งเสริมการได้รับออกซิเจน
อาการและอาการแสดงของภาวะขาดออกซิเจน
ช่วงแรกอัตราการหายใจเร็วและลึก (increase rate and depth respiration)
ระยะต่อมาจะเปลี่ยนเป็นหายใจสั้นและตื้น (shallow and slow respiration)
อัตราการเต้นของชีพจรเร็วขึ้น (increase pulse rate) ขั้นรุนแรง และพบ bradycardia
อาการหายใจลำบาก (dyspnea)
แสดงพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไป (behavior changes)
ความดันโลหิตลดลง (blood pressure will decrease)
มีอาการวิงเวียนศีรษะคล้ายบ้านหมุน (vertigo)
หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ (cardiac dysthymias)
ความอ่อนเพลีย เหนื่อยล้าเพิ่มขึ้น (increased fatigue)
มีภาวะซีด (pallor)
ระดับความรู้สึกตัวลดลง (decreased level of consciousness)
มีอาการเขียวคล้ำ (cyanosis)
ระดับการมีสมาธิลดลง (decreased ability to concentrate)
กรณีเป็นภาวะขาดออกซิเจนเรื้อรัง พบนิ้วปุ้ม (clubbing)
วิตกกังวล(anxiety)กระสับกระส่าย(restlessness)
วัตถุประสงค์ของการให้ออกซิเจนเพื่อการรักษา
เป็นการลดอาการขาดออกซิเจนเรื้อรัง
เป็นการช่วยการทางานของระบบทางเดินหายใจ หัวใจ และระบบการไหลเวียนโลหิตและ
หลอดเลือดจากภาวะพร่องออกซิเจน
เป็นการรักษาภาวะพร่องออกซิเจนทาให้ออกซิเจนในเลือดต่ำ
ข้อชี้บ่งของการให้ออกซิเจน
เกิดภาวะบาดเจ็บขั้นรุนแรง (severe trauma)
ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดชนิดเฉียบพลัน (acute myocardial infarction: MI)
เสี่ยงต่อการเกิดภาวะ hypoxemia
การให้ออกซิเจนเป็นเวลาช่วงสั้น ๆ ในการทาผ่าตัด
มีภาวะขาดออกซิเจนในเลือด
ข้อควรระวังและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากการให้ออกซิเจน
ควรระวังการให้ออกซิเจนในผู้ป่วยที่ได้รับพิษจากparaquat
ขณะทำผ่าตัดด้วยวิธีเลเซอร์ในทางเดินหายใจ ควรจำกัดความเข้มข้นของออกซิเจนที่ใช้ในต่ำที่สุด
อาจเกิดภาวะปอดแฟบ (lung atelectasis)
ควรระวังการให้ความชื้นร่วมกับออกซิเจน
อาจเกิดภาวะกดการหายใจผู้ป่วยที่หายใจเอง
การมีความเข้มข้นระดับสูงของออกซิเจน บริเวณที่เกิดไฟไหม้จะทำให้ขบวนการติดไฟ เพิ่มความรุนแรงยิ่งขึ้น
การพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับออกซิเจน
ดูแลทางเดินหายใจโดยท่าทางเดินหายใจ(Clear air way)
ดูแลความสะอาดของจมูกและปากบ่อยๆ หรือ ทุก 2 - 3 ชั่วโมง
หมั่นตรวจดูอุปกรณ์ที่ให้ออกซิเจน
ดูแลด้านจิตใจ เพื่อลดความวิตกกังวลของผู้ป่วยและญาติ
หมั่นสังเกตและประเมินภาวะของผู้ป่วย
เทคนิคการพยาบาลที่เกี่ยวข้องในการให้ออกซิเจนแบบต่าง ๆ
ระบบการให้ออกซิเจน
ระบบการไหลของออกซิเจนชนิดต่ำ (Low flow system)
การให้ออกซิเจนทางหน้ากาก (mask)
การให้ออกซิเจนชนิดเขี้ยว (nasal cannula)
ระบบการไหลของออกซิเจนชนิดสูง (High flow system)
การให้ออกซิเจนชนิดT- piece
การให้ออกซิเจนทางท่อหลอดลม (tracheostomy collar)
การให้ออกซิเจนชนิด croupette tent
การให้ออกซิเจนชนิด hood หรือ oxygen box
การให้ออกซิเจนทางท่อช่วยหายใจ (endotracheal tube: ET)
ระบบให้ความชื้น (Humidification)
ชนิดละอองโต (Bubble)
ชนิดละอองฝอย (Jet)
แหล่งให้ออกซิเจน (Oxygen source)
ระบบท่อ (Oxygen pipeline)
ถังบรรจุออกซิเจน (Oxygen tank)
บทบาทพยาบาลในการส่งเสริมการได้รับออกซิเจน
การจัดท่าผู้ป่วย
การบริหารการหายใจ
การหายใจโดยใช้กล้ามเนื้อหน้าท้องหรือกระบังลม (diaphragmatic breathing)
การหายใจโดยการห่อปาก (pursed - lip breathing)
การหายใจเข้าลึกๆ (deep breathing)
การดูดเสมหะ (suction)
เครื่องดูดเสมหะชนิดเคลื่อนที่(mobilesuction)
ชนิดติดฝาผนัง (wall suction)
การเก็บเสมหะ
การเก็บเสมหะส่งตรวจ (Sputum examination)
การตรวจเสมหะแบบเพาะเชื้อ (Sputum culture)
ความปลอดภัยขณะผู้ป่วยได้รับออกซิเจน
อาจเกิดอันตรายกับดวงตา (retrolental fibroplasias)
อาจเกิดการทำลายเนื้อเยื่อในปอด
อาจเกิดการหยุดหายใจ ในผู้ปุวยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
อาจทำให้เยื่อบุทางเดินหายใจแห้งและเกิดการระคายเคืองได้
อาจเกิดอุบัติเหตุจาการเกิดไฟไหม้หรือการระเบิด เพราะการสันดาป (combustion)
อาจเกิดการติดเชื้อโรคแทรกซ้อน
กระบวนการพยาบาลในการส่งเสริมการได้รับออกซิเจน
การวางแผนการพยาบาล (Planning)
การวินิจฉัยทางการพยาบาล (Nursing diagnosis)
การปฏิบัติการพยาบาล (Implementation)
การประเมินภาวะสุขภาพ (Health assessment)
การประเมินผลการพยาบาล (Evaluation)
ประเมินผลลัพธ์การพยาบาล
ประเมินผลกิจกรรมการพยาบาล
ประเมินผลคุณภาพการบริการ