Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การดูแลผู้ป่วยที่ได้รับออกซิเจนและการดูดเสมหะ - Coggle Diagram
การดูแลผู้ป่วยที่ได้รับออกซิเจนและการดูดเสมหะ
ความสำคัญของก๊าซออกซิเจนที่มีต่อร่างกาย
การทำงานของเม็ดเลือดแดง
มีหน้าที่ขนส่งก๊าซ เม็ดเลือดแดง เป็นเซลล์เม็ดเลือดชนิดหนึ่งมีหน้าที่หลักในการขนและส่งก๊าซในระบบหมุนเวียน มีอายุขัยประมาณ 120 วัน เซลล์เม็ดเลือดแดงจะมีส่วนประกอบที่เป็น Hemoglobin (ฮีโมโกลบิน) อยู่ถึง 97 % ซึ่งตัว Hemoglobin (ฮีโมโกลบิน) นี้ ท าหน้าที่ในการ“จับกับก๊าซเพื่อการขนส่ง”
ความดันออกซิเจน
ทำให้เกิดการขนส่งออกซิเจนสู่เนื้อเยื่อ
การหมุนเวียนเพื่อกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
การประเมินภาวะพร่องออกซิเจน
การประเมินสภาพร่างกาย
ระบบทางเดินหายใจ
ระยะแรกของเซลล์พร่องออกซิเจนอย่างอ่อนสังเกตพบผู้ป่วยมีอาการหายใจไม่สะดวกหายใจลำบากเมื่อนอนราบมีอาการกระสับกระส่าย การหายใจไม่สม่ำเสมอเวลาหายใจเข้าจะลึกกว่าเวลาหายใจออกเมื่อหายใจเข้ามีเสียงดังและแสดงอาการหายใจหอบสังเกตจากปีกจมูกบานมีการหายใจแบบอ้าปากเหมือนว่าหิวอากาศ
ระบบหัวใจและหลอดเลือด
ประเมินพบชีพจรเต้นเร็วผิดปกติความดันโลหิตเพิ่มขึ้นในระยะแรก
ระบบประสาทส่วนกลาง
สังเกตและประเมินพบความรู้สึกตัวของผู้ป่วยเปลี่ยนแปลงกระสับกระส่าย สับสน มึนศีรษะ ปวดศีรษะ
ระบบผิวหนัง
พบว่าผิวหนังผู้ปุวยเย็น ซีด เพราะร่างกายจะตอบสนองต่อภาวะ พร่องออกซิเจน
ระบบทางเดินอาหาร
ประเมินและสังเกตพบมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนในระยะแรก
การประเมินการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ระดับค่าก๊าซในหลอดเลือดแดง
เป็นการตรวจเพื่อหาประสิทธิภาพการท างานของปอด เพื่อประเมินความสามารถในการแลกเปลี่ยนก๊าซ และการหายใจ
ค่าการอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด
ใช้ pulse oximeter เป็นอุปกรณ์ที่วัดร้อยละของฮีโมโกลบินที่จับกับออกซิเจนต่อปริมาณ ฮีโมโกลบินทั้งหมดในเลือด
การตรวจหาระดับฮีโมโกลบิน
ในเลือดค่าฮีโมโกลบินปกติในผู้หญิง 11.5 – 16.5 gm % และในผู้ชาย 13.0 - 18 gm %
สาเหตุและการพยาบาลผู้ป่วยที่มีอาการผิดปกติของระบบทางเดินหายใจ
อาการไอ
สาเหตุ
การอักเสบหรือการบวมบริเวณทางเดินหายใจมีอาการไอน้อยกว่า 2 สัปดาห์อาจเกิดจากไข้หวัดการติดเชื้อของทางเดินหายใจส่วนบนและส่วนล่างถ้าไอมากกว่า 2 สัปดาห์ อาจเกิดจากหลอดลม อักเสบ จมูกและไซนัสอักเสบเรื้อรังหอบหืด
ฝุ่นควัน สารเคมี อาหาร หรือน้ำที่สำลักเข้าไป
ความร้อน - เย็นของอากาศจะทำให้การไอมากขึ้น
การพยาบาลผู้ป่วย
ประเมินประสิทธิภาพการไอ
สังเกตและบันทึกลักษณะ ความถี่ และระยะเวลาของการไอ
ถ้าไอมีเสมหะให้สังเกต บันทึกจำนวน ลักษณะสีและกลิ่นของเสมหะด้วย
ดูแลความสะอาดของปากฟันและสิ่งแวดล้อม
กระตุ้นให้ดื่มน้ำอุ่นบ่อยๆและปริมาณมากเพื่อให้เสมหะอ่อนตัว
สอนการไออย่างมีประสิทธิภาพ
Hemoptysis อาการไอเป็นเลือด
สาเหต
อุบัติเหตุ
การอักเสบ
เนื้องอกและมะเร็ง
ความผิดปกติของหลอดเลือดและโรคปอดต่าง ๆ
การพยาบาลผู้ป่วย
ให้ผู้ป่วยพักผ่อนและให้การหายใจเคลื่อนไหวน้อยที่สุด
ประเมินชีพจรหายใจและความดันโลหิต
ถ้าเสียเลือดมากอาจต้องให้เลือดและพยาบาลจะต้องเฝ้าระวังการแพ้เลือดที่อาจเกิดขึ้นได้
ผู้ป่วยอาจตกใจมาก ทำให้มีอาการหายใจเร็วขึ้นพยาบาลต้องคอยปลอบโยนให้กำลังใจ
Hiccup การสะอึก
สาเหตุ
กินอิ่มมากเกินไป
ดื่มเครื่องดื่มพวกที่ทำให้เกิดแก๊ส
ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
สูบบุหรี่จัด
การพยาบาลผู้ป่วย
ให้ดมสารที่มีกลิ่นฉุน
ให้ชิมของเปรี้ยวจัด
แนะนำให้หายใจเข้าออกในถุงปิด
แนะนำให้กลั้นหายใจเป็นพัก ๆ
ใช้เทคนิคเบี่ยงเบนความสนใจ
ดูแลความปลอดภัยจากสิ่งแวดล้อม
Dyspnea อาการหายใจลำบาก
สาเหตุ
เกี่ยวกับทางเดินหายใจ ทางเดินหายใจอุดกั้นหรือปอดถูกทำลาย
เกี่ยวกับหัวใจ การทำงานของหัวใจไม่ดี
ุเกี่ยวกับประสาท
การพยาบาลผู้ป่วย
ดูแลให้ผู้ป่วยนอนศีรษะสูง
ดูแลประคับประคองด้านจิตใจ และประเมินสัญญาณชีพตามความเหมาะสม
เตรียมอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ สำหรับช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉิน
ดูแลให้ยาขยายหลอดลมหรือยาขับเสมหะตามแผนการรักษา
ฝึกให้ผู้ป่วยหายใจและการไออย่างมีประสิทธิภาพ
Chest pain อาการเจ็บหน้าอก
สาเหตุ
กล้ามเนื้ออักเสบ
เยื่อหุ้มปอดอักเสบ
เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบมักเป็นตรงบริเวณหัวใจและเจ็บตลอดเวลา
ภาวะหลอดเลือดแดงหัวใจโคโรนารีตีบแคบ
การพยาบาลผู้ป่วย
สังเกตอาการถ้าผู้ป่วยมีอาการเจ็บปวดที่เยื่อหุ้มปอดควรแนะน าให้นอนตะแคงทับด้านที่เป็น
ประเมินหาสาเหตุของอาการว่าอาการเจ็บหน้าอกเกิดจากหัวใจหรือปอด
จัดเตรีมอุปกรณ์การให้ออกซิเจนและพิจารณาให้ออกซิเจนแก่ผู้ป่วย
ปัจจัยที่มีผลตอการไดรับออกซิเจนของบุคคล
การเดินทางหรืออาศัยในที่สูง
อยู่ในที่ที่มีมลพิษสูง
การเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายหนัก ๆ
ความเครียด
อาหารที่มีไขมันมาก
ปริมาณออกซิเจนในเลือดต่ำลง
ผู้สูงอายุ
การสูบบุหรี่
การดื่มสุราและเครื่องดื่มที่เป็นแอลกอฮอล์
บทบาทพยาบาลในการส่งเสริมการได้รับออกซิเจน
อาการและอาการแสดงของภาวะขาดออกซิเจน
วิตกกังวล
ระดับการมีสมาธิลดลง
ระดับความรู้สึกตัวลดลง
ความอ่อนเพลีย เหนื่อยล้าเพิ่มขึ้น
มีอาการวิงเวียนศีรษะคล้ายบ้านหมุน
ในช่วงแรกอัตราการหายใจเร็วและลึก ระยะต่อมาจะเปลี่ยนเป็นหายใจสั้นและตื้น
กรณีเป็นภาวะขาดออกซิเจนเรื้อรัง พบนิ้วปุูม
วัตถุประสงค์ของการให้ออกซิเจนเพื่อการรักษา
เป็นการรักษาภาวะพร่องออกซิเจนทำให้ออกซิเจนในเลือดต่ำ
เป็นการลดอาการขาดออกซิเจนเรื้อรัง
เป็นการช่วยการทำงานของระบบทางเดินหายใจ
ข้อชี้บ่งของการให้ออกซิเจน
มีภาวะขาดออกซิเจนในเลือด
เสี่ยงต่อการเกิดภาวะ hypoxemia
เกิดภาวะบาดเจ็บขั้นรุนแรง
ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดชนิดเฉียบพลัน
การให้ออกซิเจนเป็นเวลาช่วงสั้น ๆ ในการทำผ่าตัด
ข้อควรระวังและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากการให้ออกซิเจน
อาจเกิดภาวะกดการหายใจผู้ป่วยที่หายใจเอง
อาจเกิดภาวะปอดแฟบ
การพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับออกซิเจน
หมั่นสังเกตและประเมินภาวะของผู้ป่วยเกี่ยวกับ
หมั่นตรวจดูอุปกรณ์ที่ให้ออกซิเจน
ดูแลทางเดินหายใจโดยท่าทางเดินหายใจ
ดูแลความสะอาดของจมูกและปากบ่อยๆหรือทุก 2 - 3 ชั่วโมง
ดูแลด้านจิตใจ เพื่อลดความวิตกกังวลของผู้ป่วยและญาติ
เทคนิคการพยาบาลที่เกี่ยวข้องในการให้ออกซิเจนแบบต่าง ๆ
ระบบการให้ออกซิเจน
ระบบการไหลของออกซิเจนชนิดต่ำ
การให้ออกซิเจนชนิดเขี้ยว nasal cannula
การให้ออกซิเจนทางหน้ากาก mask
Simple mask เป็นชนิดที่ให้ออกซิเจนความเข้มข้นร้อยละ 40-50
Reservoir bag ให้ความเข้มข้นสูงกว่าร้อยละ 60– 90 ซึ่งสูงกว่าชนิดไม่มีถุง
Non rebreathing mask ลักษณะคล้าย partial rebreathing ยกเว้นรูระบายอากาศส่วนหน้ากากลักษณะเป็นลิ้นไหลทางเดียว
ระบบการไหลของออกซิเจนชนิดสูง
การให้ออกซิเจนชนิดT- piece
การให้ออกซิเจนทางท่อหลอดลม
การให้ออกซิเจนชนิด croupette tent
การให้ออกซิเจนชนิด hood หรือ oxygen box
การให้ออกซิเจนทางท่อช่วยหายใจ
บทบาทพยาบาลในการส่งเสริมการได้รับออกซิเจน
การจัดท่าผู้ป่วย
ควรจัดอยู่ในท่าศีรษะสูง
การบริหารการหายใจ
การหายใจโดยใช้กล้ามเนื้อหน้าท้องหรือกระบังลม
การหายใจโดยการห่อปาก
การหายใจเข้าลึกๆ
การดูดเสมหะ
การช่วยทำให้ทางเดินหายใจโล่ง
การเพิ่มความสามารถในการขยายตัวของทรวงอกและปอด
การเพิ่มปริมาณออกซิเจนที่เข้าปอดโดยอาจมีการให้ออกซิเจน
การลดความต้องการปริมาณออกซิเจนในร่างกาย
การผ่อนคลายความวิตกกังวลโดยแนะนำการทำสมาธิ หรือการนอนใส่หูฟังให้ฟังเพลง
ความปลอดภัยขณะผู้ป่วยได้รับออกซิเจน
ข้อควรปฏิบัติและต้องคำนึงถึง
อาจเกิดการติดเชื้อโรคแทรกซ้อน
อาจทำให้เยื่อบุทางเดินหายใจแห้งและเกิดการระคายเคืองได้
อาจเกิดการทำลายเนื้อเยื่อในปอด
อาจเกิดอันตรายกับดวงตา
อาจเกิดการหยุดหายใจ
อาจเกิดอุบัติเหตุจาการเกิดไฟไหม้หรือการระเบิด
หลักปฏิบัติในการให้ออกซิเจนชนิดต่าง ๆ
ล้างมือให้สะอาด สวมmask
ประเมินสัญญาณชีพและระดับความรู้สึกตัว
ใส่ flow meter กับแหล่งที่มาของออกซิเจนที่มาจากชนิดผนัง
ต่อกระบอกความชื้นที่ใส่น้ำกลั่นปลอดเชื้อ
ปรับระดับลูกลอยใน flow meter
หมุนปุ่มเปิด flow meter ปรับอัตราการไหลของออกซิเจนทิ้งไว้ 1 – 2 นาที เพื่อทดสอบว่า มีออกซิเจนไหลผ่าน
ลงบันทึกทางการพยาบาล