Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 1 การสร้างสภาพแวดล้อมเชิงสร้างสรรค์ในห้องเรียน, นางสาวอัสมะห์ …
บทที่ 1 การสร้างสภาพแวดล้อมเชิงสร้างสรรค์ในห้องเรียน
ห้องเรียนคืออะไร
ห้องเรียนคือสถานที่ซึ่งเกิดการปฎิสัมพันธ์ระหว่างครูและผู้เรียน โดยการนำข้อมูลต่างๆ ที่มีอยู๋ไปผ่านกระบวนการเรียนการสอนเพื่อให้นำไปสู่ความรู้ ความเข้าใจ
ชั้นเรียนปกติมีพื้นที่ใช้สอยโดยเฉลี่ยที่ 80 ตารางเมตร ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่ใช้สำหรับวางโต็ะ เก้าอี้สำหรับครู 1 ชุด สำหรับผู้เรียนประมาณ 30-40 ชุด ตู้หรือชั้นวางอุปกรณ์สื่อการเรียนารสอนและชั้นเลื่อนสำหรับวางเครื่องฉายภาพโปรเจคเตอร์
การจัดวางโต๊ะ เก้าอี้ ต้องคำนึงถึงหลักต่อไปนี้
วิธีการสอนหลัก เช่น สอนทั้งชั้นเรียน หรือ สอนโดยแบ่งกลุ่มย่อย
ชนิดและลักษณะรวมถึงที่เก็บอุปกรณ์การเรียนการสอนมีพร้อมใช้หรื่อไม่
การจัดวางโต๊ะ เก้าอี้บดบังทัศนวิสัยของกระดานดำหรือสื่อการสอนอื่นๆหรื่อไม่
สภาพแวดล้อมในการเรียนรู้
หมายถึง สภาพแวดล้อมทั้งหมดและวัฒนธรรมของชั้นเรียนนั้นๆ ซึ่งรวมถึง รูปแบบการสื่อสาร การออกแบบ จัดวางพื้นที่และความสามารถของครูในการบริหารจัดการชั้นเรียน
เป็นหน้าที่ของครูที่จะสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม นอกจากแง่มุมทางกายภาพแล้ว ครูจะต้องให้ความสำคัญค่อแง่มุมทางจิตใจด้วย
สภาพแวดล้อมเชิงกายภาพ
หมายความถึง องค์ประกอบทางกายภาพ เช่น แสง เสียง พื้นที่ เฟอร์นิเจอร์ ซึ่งมีอิทธิพลต่อความสบายของผู้เรียนในการเรียนรู้
ระดับมัธยม แม้ว่าจะต้งสลับสับเปลี่ยนครูตามวิชา แต่ครูจะต้องให้ความสำคัญต่อการจัดห้องเรียน เพราะห้องเรียนที่เป็นระเบียบเรียบร้อยจะทำให้เกิดบรรยากาศสบายน่าเรียน และทำให้ผู้เรียนจดจ่อกับการเรียนมากขึ้น
ระดับประถม การจัดระเบียบห้องเรียนดังกล่าวจะทำให้ง่ายขึ้นเนื่องจากครูจะต้องสอนวิชาหลักๆให้เฉพาะชั้นเรียนของครูเท่านั้น จึงควบคุมชั้นเรียนได้อย่างเต็มที่
ในการจัดห้องเรียน สิ่งที่ต้องคำนึงคือ จะต้องมีพื้นที่ว่างเพียงพอให้ครูเดินได้โดยรอบเพื่อดูแลตรวจสอบผู้เรียนแต่ละคนได้อย่างทั่วถึง
สิ่งสำคัญที่อาจมองข้ามไเ้ คือ การจัดวางสื่อการเรียนการสอนที่ใช้ประจำให้สามารถหยิบจับได้ง่าย เป็นระเบียบเรียบร้อย แยกเป็นหมวดหมู่ นอกจากนี้จะต้องให้ความสนใจกับอุปกรณ์สื่อสารในห้อง เช่น เครื่องฉายภาพ ว่าจะบดบังทัศนวิสัย ภาพไม่ชัด เสียงดัง หรือ ความร้อนจากตัวเครื่องฉายมากเกินไปหรือไม่
สภาพแวดล้อมเชิงจิตภาพ
ห้องเรียนเป็นสถานที่สำหรับการปฏิสัมพันธ์โดยการพัฒนาทักษะด้านการเข้าสังคม เสริมสร้างความมั่นใจในตัวเองและสร้างบุคลิกลักษณะพิเศษประจำตัวให้แก่ผู้เรียนแต่ละคนอีกด้วย
ห้องเรียนจะต้องมีบรรยากาศซึ่งทำให้ผู้เรียนทุกคนรู้สึกดี ปลอดภัยและสบาย นอกจากนี้ครูจะต้องสอดส่องดูแลการเข้าสังคมและการจับกลุ่มปฏิสัมพันธ์ของผู้เรียนในชั้นเรียนด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องไม่ให้เกิดสถานการณ์ไม่ดี เช่น การจับกลุ่มเป็นอันธพาล การรีดไถเงิน หรือการรังแกกัน
ครูจะต้องสร้างบรรยากาศที่ดีในการเรียนและสร้างวัฒนธรรมความรู้สึกของ ผู้เรียน ขึ้นในชั้นเรียน
ลักษณะของสภาพแวดล้อมเชิงจิตภาพที่ดีในชั้นเรียน
ปลอดภัยจากสิ่งคุกคามและอันตรายต่อร่างกาย
มีบรรยากาศเป็นมิตร
ผู้เรียนรู้สึกดีที่จะเป็นสมาชิกในชั้นเรียน
สามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างเสรี
มีบรรยากาศของการเรียนรู้ร่วมกัน
ธรรมชาติของการทำงานในชั้นเรียน
Doyle ได้จำแนก 6 ลักษณะ
เป็นงานที่มีมิติหลากหลาย เช่น ครูจะต้องมีส่วนร่วมในการอธิบายแนวความคิดและสาธิตทักษะต่างๆ ให้คแนะนำในการทำงานกลุ่ม กระตุ้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในชั้นเรียน และแจ้งความก้าวหน้าของผู้เรียน
เป็นงานที่ต้องทำหลายอย่างในเวลาเดียวกัน เช่น ขณะที่ครูกำลังสอนแนวคิดต่างๆนั้น จะต้องพิจารณายกตัวอย่างที่เหมาะสมกับประสบการณ์ของผู้เรียน
เป็นงานที่ต้องแก้ไขปัญหาเแพาะหน้า เช่น ห่ากผู้เรียนทะเลาะกัน ครูจะต้องพิจารณาแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าว
เป็นงานที่ไม่สามารถคาดเดาได้ เช่น การที่ผู้เรียนซึ่งมักเงียบ ลุกขึ้นมาพูดแสดงความเห็นอย่างหนักแน่นจริงจังโดยไม่เกี่ยวข้องกับหัวข้อการเรียนการสอน
เป็นงานที่มีความเป็นสาธารณะ ชั้นเรียนไม่มีความเป็นส่วนตัว ทุกคนสามารถเฝ้าดูพฤติกรรมของกันและกันได้ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมของครูหรือผู้เรียน ทำให้ในบางครั้งผู้เรียนเริ่มมีพฤติกรรมที่ต้องการความเป็นส่วนตัว เช่น การแอบอ่านหนังสือการ์ตูนในชั้นเรียน
เป็นงานที่ต้องสั่งสมความทรงจำและประวัติที่ผ่านมา เช่น ผู้เรียนอาจจดจำว่าครูไม่เคยลงโทษตามคำขู่เลย ดังนั้น ผู้เรียนจึงไม่เคยเคารพเชื่อฟังหากครูเตือนว่าจะลงโทษในครั้งต่อๆไป
กรณีศึกษา ผู้เรียนในประเทศสิงคโปร์
สิงคโปร์เป็นประเทศที่ประกอบด้วยชนหลายเชื้อชาติไม่ว่าจะเป็น จีน มาเลย์ อินเดีย และชนกลุ่มน้อยอื่นๆ ดั้งนั้น ชั้นเรียนในสิงคโปร์จึงสะท้อนให้เห็นความแตกต่างที่หลากหลายทั้งด้านฐานะทางเศรษฐกิจ สังคม ศาสนา ภูมิหลังทางวัฒนธรรม และแรงบันดาลใจทางการศึกษา โดยปกติแล้ว เด็กสิงคโปร์จะเริ่มเรียนระดับประถมศึกษาเมื่ออายุ 6 ปีขึ้นไป และเรียนระดับมัธยมศึกษาเมื่ออายุ 12 ปีขึ้นไป และจบการศึกษาเมื่ออายุ 16 ปีขึ้นไป ครูจึงต้องตระหนักว่าผู้เรียนในแต่ละช่วงอายุมีความสามรถทางร่างกายและความสามรถในการเรียนรู้แตกต่างมากน้อยเพียงใด
การแบ่งสายการเรียนของสิงคโปร์ออกเป็น ประถม1 ประถม 2 ประถม3 และตั้งแต่ระดับประถมศึกษาปีที่5 เรื่มพิจารณาจากความถนัดทางภาษาแม่ ภาษาอังกฤษ และคณิตศาตร์
ในระดับมัธยมศึกษานั้น แบ่งออกเป็น กลุ่มเรียนลัด กลุ่มปกติ (วิชาการ) กลุ่มปกติ (วิชาชีพ)โดยพิจารณาจากความสามารถทางวิชาการซึ่งวัดจากผลการทดสอบจบการศึกษาในระดับประถมศึกษา
การบริหารจัดการชั้นเรียนคืออะไร
การบริหารจัดการชั้นเรียนแบ่งออกเป็น 3 ระดับ
ระดับที่1 ครูต้องบริหารจัดการกิจกรรมการเรียนการสอน โดยต้องวิเคราะห์วัตถุประสงค์ จัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เหมาะสม นกิจกรรมไปปฏิบัติและประเมินผลการเรียนรู้
ระดับที่2 ครูจะต้องจัดการพฤติกรรมของผู้เรียนเพื่อให้ผู้เรียนใส่ใจและทุ่มเทพลังงานทั้งหมดไปยังกระบวนการเรียนรู้ และต้องให้ผู้เรียนทุกคนมีส่วนร่วม พร้อมกันนี้ครูจะต้องกำหนดข้อปฏิบัติทั่วไปสำหรับพฤติกรรมที่เหมาะสมในชั้นเรียนอีกด้วย
ระดับที่ 3 ครูจะต้องบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมเชิงกายภาพและจิตตภาพเพื่อทำให้เกิดสภาพที่น่าทำงาน
https://www.youtube.com/watch?v=-YXpc2_5X3A
นางสาวอัสมะห์ มะเซ็ง 6220160449 กลุ่ม 6 เลขที่20