Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ยารักษาวัณโรค First-line drug - Coggle Diagram
ยารักษาวัณโรค
First-line drug
Isoniazid/ไอโซไนอาซิด (INH,H)
ผลข้างเคียง
พิษต่อตับ
ปวดท้องส่วนบน เบื่ออาหาร คลื่นไส้ สับสน ชัก
รู้สึกไม่สบายหรืออ่อนเพลียกะทันหัน มีไข้ติดต่อกัน 3 วัน ขึ้นไป
มักเกิดกับผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีโรคตับก่อน ผู้ดื่มเหล้าเป็นประจำหรือติดยาเสพติดให้โทษ
ปัสสาวะสีเข้ม อุจจาระสีซีด ดีซ่าน
เจ็บลึก ๆ ภายในดวงตา มีการเปลี่ยนแปลงทางการมองเห็น
มีปัญหาเรื่องความจำ ความคิดหรือพฤติกรรมผิดปกติผิวซีด มีรอยช้ำหรือเลือดออกง่าย
อาการแพ้ยา
อาการลมพิษ หายใจลำบาก หน้าบวม คอบวม หรือเกิดปฏิกิริยาแพ้ทางผิวหนัง ซึ่งอาจทำให้มีมีไข้ เจ็บคอ แสบตา เจ็บผิว
มีผื่นแดงหรือม่วงกระจายตามร่างกายจนทำให้เกิดแผลพุพองและผิวซีด
พิษต่อระบบประสาท
ทำให้ปลายประสาทอักเสบ เวียนศีรษะ ซึม อาการโรคจิตชักและประสาทตาอักเสบ
ข้อควรระวัง
ระวังการใช้ยาในผู้ป่วยที่มีภาวะพร่องเอนไซม์ G-6-PD
ระวังการใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์และหลีกเลี่ยงการใช้ยาในหญิงที่ให้นมบุตร
ระวังการใช้ยาในผู้ป่วยโรคตับ
ให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร ในกรณีเป็นโรคลมชักโรคเบาหวาน
มีปัญหาการทำงานของตับหรือไต
ข้อบ่งใช้
เป็นยาหลักที่ใช้รักษาวัณโรค ทั้งในการรักษาแบบธรรมดา
และการรักษาแบบระยะสั้น โดยเป็นยายืน พื้นร่วมกับยาตัวอื่นๆ
นอกจากนี้ยังใช้เป็นยาเดี่ยว ในกรณีที่หวังผลในการป้องกัน
การกำเริบของโรค (Prophylactic Treatment)
ข้อห้ามใช้
ห้ามใช้ในผู้ที่เคยแพ้ยาหรือส่วนประกอบของยานี้
ไม่ควรใช้ยานี้ร่วมกับยาบางชนิด เพราะอาจมีผลต่อการรักษาหรือเกิดอันตรายได้ เช่น พาราเซทามอล เลโวโดป้า คีโทโคนาโซล ยารักษาอาการชัก
กลไกการออกฤทธิ์
กลไกการออกฤทธิ์ของยานี้ยังไม่ทราบแน่ชัด เชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่ง
เกิดจากยายับยั้งการสังเคราะห์ ผนังเซลล์ของเชื้อ Mycobacteria
นอกจากนี้ยังอาจมีการออกฤทธิ์อย่างอื่นร่วมด้วย เช่น ยับยั้งกระบวนการ
เมแทบอลิซึมต่างๆ ที่ต้องอาศัยออกซิเจนของเชื้อ
สำหรับเชื้อที่อยู่ในระพัก ยาจะมีฤทธิ์เป็นเพียง bacteriostatic
ขัดขวางการสังเคราะห์DNA หรือทำให้เกิดการสะสมของ
toxic pigments ภายในเซลล์ของเชื้อ
มีฤทธิ์ต้านเชื้อ M.tuberculosis เป็นแบบ bactericidal
แต่จะออกฤทธิ์ได้ดีเฉพาะกับเชื้อที่กำลังมีการแบ่งตัวอยู่เท่านั้น
ข้อแนะนำ
หลีกเลี่ยงการทำงานกับเครื่องจักรหรือขับขี่ยานพาหนะ
งดดื่มสุราเพราะเพิ่มความเป็นพิษในตับ
ควรรับประทานตอนท้องว่าง ก่อนรับประทานอาหาร 1 ชั่วโมง หรือหลังรับประทานอาหาร 2 ชั่วโมง
แจ้งให้แพทย์ทราบหากอาการไม่ดีขึ้นหรือแย่ลง
ไม่ควรรับประทานร่วมกับยาที่มีส่วนผสมกับ aluminium เพราะจะทำให้การดูดซึมลดลง
หากลืมใช้ยาตามเวลาที่กำหนด ให้ใช้ยาได้ทันที แต่หากใกล้ถึงเวลาใช้ยาในรอบถัดไป ให้ข้ามไปใช้ยารอบต่อไป ห้ามเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า
ใช้ยา Isoniazid ให้ครบตามปริมาณที่แพทย์สั่ง แม้ว่าอาการจะดีขึ้นแล้วก็ตาม เพราะหากขาดยาอาจทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อซ้ำซ้อนหรือเกิดเชื้อดื้อยา
Pyrazinamide/ไพราซินาไมด์ (PZA,Z)
ผลข้างเคียง
พิษต่อตับ : ไม่อยากอาหาร อาเจียน อ่อนเพลีย ตัวเหลืองตาเหลือง
ท้องไส้ปั่นป่วน ปวดท้อง ปัสสาวะมีสีเข้ม อุจจาระมีสีซีด เป็นไข้
พิษต่อไต: มีการเปลี่ยนแปลงของปริมาณปัสสาวะ
เลือดออกหรือเกิดรอยช้ำได้ง่าย และหัวใจเต้นเร็ว
ข้อควรระวัง
ควรระมัดระวังการใช้ยาในผู้ป่วยที่มีประวัติเป็นโรคเบาหวาน การจัดการโรคเบาหวานนั้นอาจยากมากขึ้นจำเป็นต้องเฝ้าระวังและวัดระดับน้ำตาลในเลือดอยู่เสมอ
ควรระวังการใช้ยาในผู้ป่วยโรคตับ และคนไข้ที่มีประวัติ เป็นโรคข้ออักเสบ gout
ข้อบ่งใช้
ใช้ในการกำจัดเชื้อโรคที่หลบซ่อนอยู่ในเชลล์ macrophage เพราะบริเวณดังกล่าวมีสภาวะเป็นกรดอ่อนซึ่งเหมาะต่อการออกฤทธิ์ของยา
โดยใช้ร่วมกับยา isoniazid และ rifampicin
กลไกการออกฤทธิ์
ออกฤทธิ์ได้ดีในภาวะที่เป็นกรดอ่อน PH ประมาณ 5.0-5.5 ในภาวะที่เป็นกลางยาออกฤทธิ์ได้น้อยมาก
กลไกการออกฤทธิ์ของยานี้ยังไม่ทราบชัดสันนิษฐานว่าเกิดจากยาขัดขวางการใช้ nicotinamide เป็น cofactor
มีฤทธิ์ต้านเชื้อ Tubercle bacilli เป็นแบบbactericidal
ในกระบวนการ dehydrogenation ของเชื้อ Mycobacteria
ในกระบวนการ dehydrogenation ของเชื้อ Mycobacteria
ข้อแนะนำ
สามารถรับประทานยา Pyrazinamide พร้อมอาหารหรือไม่ก็ได้
ใช้ยา Pyrazinamide ตามที่แพทย์สั่งจนครบกำหนด แม้ว่าอาการจะดีขึ้นแล้วก็ตาม
ใช้ยาตามฉลากและตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด
หากลืมรับประทานยา ให้รับประทานทันทีที่นึกขึ้นได้ หากใกล้กับเวลาที่ต้องใช้ยาในรอบต่อไป ให้ข้ามไปใช้ยารอบถัดไป และห้ามเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า
หากสงสัยว่าตนใช้ยาเกินกว่าปริมาณที่กำหนด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที
แจ้งให้แพทย์ทราบหากอาการไม่ดีขึ้นหรือแย่ลง
ห้ามให้ผู้อื่นใช้ยานี้ และห้ามใช้ยาของผู้อื่น
เก็บยาไว้ที่อุณหภูมิห้อง ให้ห่างจากความชื้น แสงแดด
และความร้อน โดยเก็บให้พ้นจากสายตาเด็กและสัตว์เลี้ยง
ข้อห้ามใช้
และเป็นโรคเกาต์ฉับพลัน
ห้ามใช้ยาไพราซินาไมด์ในผู้ป่วยที่เป็นโรคตับขั้นรุนแรง
Rifampicin/ไรแฟมพิซิน (R)
ผลข้างเคียง
Flu-like syndrome ได้แก่ ไข้หนาวสั่น ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อและกระดูก
ยา RMP ทำให้ปัสสาวะ อุจจาระและน้ำหลั่งต่างๆ มีสีส้มแดงได้
คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ตับอักเสบ ผื่นขึ้น เกร็ดเลือดต่ำ
มีหรือไม่มีเลือดออกตามผิวหนัง
ข้อควรระวัง
การรับประทานยานี้อาจทำให้เกิดตับอักเสบได้ ดังนั้นผู้ป่วยที่เป็นโรคตับ หรือมีประวัติการดื่มแอลกอฮอล์ หรือรับประทานยาอื่นที่อาจมีผลต่อตับ
จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด และถึงแม้ว่าจะไม่มีโรคตับก็ต้องเฝ้าดูอาการของตับอักเสบด้วยเช่นกัน
ควรระมัดระวังการใช้ยานี้ในหญิงตั้งครรภ์และหญิงที่ให้นมบุตร
ผู้ป่วยเบาหวานที่รับประทานยานี้อาจทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้น
ควรระวังในการใช้ยาผู้ป่วยที่โรคตับ
ข้อบ่งใช้
เป็นยาที่ใช้สำหรับรักษาโรคเรื้อน ใช้ร่วมกับ vancomycin ในการรักษาโรคติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อ Staphylococci ที่ดื้อต่อการรักษา
ใช้ในการป้องกันโรคติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อ Meningocci
ใช้ในการรักษาวัณโรค
ข้อห้ามใช้
ห้ามใช้ยานี้กับผู้ที่เคยมีประวัติการแพ้ยาไรแฟมพิซิน
ห้ามใช้ยานี้กับผู้ป่วยโรคดีซ่าน
กลไกการออกฤทธิ์
ขัดขวางการสร้าง RNA ของเชื้อโรค M. Tyberculosis และรบกวนการทำงานของเอนไซม์ DNA dependent-RN polymerase bacilli
มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อวัณโรครองลงมาจาก Isoniazid
ข้อแนะนำ
หากลืมรับประทานตามเวลาที่กำหนดให้รับประทานทันทีที่นึกได้
ไม่ควรใช้ยาในปริมาณมากกว่า น้อยกว่า หรือใช้ติดต่อกันนานกว่าที่กำหนด
ควรรับประทานยาติดต่อกันให้ครบตามที่แพทย์แนะนำและรับประทานให้ตรงเวลา
ไม่ควรรับประทานยาลดกรดใน 1 ชั่วโมงแรกหลังจากใช้ยาไรแฟมพิซินชนิดแคปซูล
ควรรับประทานยาตอนท้องว่าง ก่อนรับประทานอาหาร 1 ชั่วโมง
หรือหลังรับประทานอาหาร 2 ชั่วโมง
Ethambutol/อีแทมบูทอล (EMB,E)
ผลข้างเคียง
Hyperuricemia เกิดจากยาทำให้มีการขับกรดยูริก
ออกทางปัสสาวะลดลงและมีภาวะกรดยูริกในเลือดสูง
อาการแพ้ยา เป็นไข้ อ่อนเพลีย ปวดตามข้อ ปวดศีรษะ มีผื่นขึ้น
Optic neuritis ซึ่งสัมพันธ์กับยาขนาดยาที่ได้รับอาการผิดปกติที่เกิดขึ้น คือ ตามัว ตาบอดสี
ข้อควรระวัง
ควรลดขนาดยาลงในผู้ป่วยโรคไต
ผู้ป่วยที่ได้รับยานี้ควรได้รับการตรวจประสิทธิภาพของตาก่อนการรักษาและทุก ๆเดือนในระหว่างการใช้ยา โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่ได้รับยาเป็นเวลานาน หรือได้รับยาขนาดสูงกว่า 15 มก./กก.
ควรใช้ยานี้อย่างระมัดระวังในผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของตา เช่น ต้อกระจก
ข้อบ่งใช้
มีจุดประสงค์เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการดื้อยาของเชื้อ ช่วยให้ผลในการรักษาดีขึ้น
ยานี้ไม่เหมาะสมที่จะใช้กับเด็กอายุน้อยกว่า 5 ปี เพราะอาจเกิดพิษต่อประสาทตา
เป็นยาที่นิยมใช้ร่วมกับ isoniazid และ ifampicn ในการรักษาวัณโรค
ข้อห้ามใช้
ห้ามใช้ในผู้ที่แพ้ยานี้ และผู้ป่วยที่ทีตาอักเสบ
กลไกการออกฤทธิ์
กลไกการออกฤทธิ์ยังไม่ทราบชัดเข้าใจว่าอาจเกิดจากยาขัดขวางไม่ให้mycolic acid เข้าไปรวมตัวกับผนังเซลล์
หรืออาจเกิดจากการขัดขวางการสังเคราะห์ RNA ยาถูกขับออก
จากร่างกายในปัสสาวะในรูปของยาที่ไม่ถูกเปลี่ยน
Ethambutol จัดเป็น bacteriostatic
ดังนั้นผู้ป่วยที่มีไตวายหรือไตทำงานผิดปกติจะต้องลดขนาด
ของยาลง EMB สามารถผ่านรกและขับออกทางน้ำนมได้
ข้อแนะนำ
ใช้ยา Ethambutol อย่างต่อเนื่องจนครบตามที่แพทย์สั่ง แม้อาการจะดีขึ้นแล้วก็ตาม
รับประทานยาพร้อมอาหารหรือไม่ก็ได้ และควรรับประทานยาในเวลาเดิมทุกวัน โดยต้องไม่ลืมใช้ยา
ยานี้อาจต้องใช้ร่วมกับยาอื่น ๆ จึงควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการใช้ยาอย่างละเอียด
หากลืมใช้ยาตามเวลาที่กำหนด ให้ใช้ยาทันทีที่นึกขึ้นได้
ใช้ยาตามฉลากและตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด
แจ้งให้แพทย์ทราบหากอาการไม่ดีขึ้นหรือแย่ลง
หากสงสัยว่าตนใช้ยาเกินกว่าปริมาณที่กำหนด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที
ห้ามให้ผู้อื่นใช้ยานี้ และห้ามใช้ยาของผู้อื่น
เก็บยาไว้ที่อุณหภูมิห้อง ให้ห่างจากแสงแดดและความชื้น
รวมถึงเก็บให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
Streptomycin/สเตรปโตมัยซิน (SM,S)
ผลข้างเคียง
พิษต่อไต
อาจทำให้เกิด neuromuscular blockade โดยเฉพาะเมื่อให้ทาง IV อย่างรวดเร็ว
คลื่นไส้ อาเจียน ท้องไส้ปั่นป่วน เบื่ออาหาร ท้องเสีย เกิดอาการแดง
ระคายเคือง หรือเจ็บบริเวณที่ฉีดยา
อาการแพ้ยา
ลมพิษ หายใจลำบาก หน้าบวม ริมฝีปากบวม ลิ้นบวม คอบวม มีผื่นคัน ผิวหนังบวมแดง พุพอง ผิวลอกพร้อมกับมีไข้หรือไม่มีไข้
แน่นหน้าอกหรือลำคอ หายใจเสียงดัง มีปัญหาในการหายใจหรือการพูด เสียงแหบ
พิษต่อหู
ทำลาย cranial nerve function คู่ที่8 ซึ่งสัมพันธ์กับขนาดยา
ความบกพร่องที่เกิดมีได้ตั้งแต่เสียการทรงตัว tinnitus และหูหนวกถาวร
ข้อควรระวัง
ยานี้อาจทำให้เกิดความผิดปกติต่อประสาทหู ทำให้หูหนวกตึงได้
ยานี้มีพิษติ่ไต จึงควรใช้อย่างระมัดระวัง และลดขนาดในผู้ป่วยที่ไตทำงานผิดปกติ และเด็ก
ข้อบ่งใช้
ใช้ต้านเชื้อแบคทีเรียชนิด aerobic gr- และมีผลดีต่อ gr+ Enterococcus และ Staphylococcus
ข้อห้ามใช้
ไม่ควรใช้ยาตัวนี้เพียงตัวเดียวในการรักษาวัณโรค เพราะจะทำให้เชื้อดื้อยาง่าย ต้องใช้ร่วมกับไอเอ็นเอช และยารักษาวัณโรคชนิดอื่น ๆ
ไม่ควรใช้ในทารกและหญิงมีครรภ์หรือระยะให้นมบุตร
กลไกการออกฤทธิ์
เกิดการอ่านผิดนำไปสู่การทำลายโปรตีน ตัวยาจะเข้าถึงเนื้อเยื่อได้ดียกเว้น CNS ยาจะถูกกำจัดออกทางไตโดย glomerular filtrationอย่างรวดเร็ว
สำหรับผู้ป่วยที่ไตทำงานปกติคือ 2-3 ชม. ในผู้ป่วยไตวายหรือบกพร่อง ต้องปรับขนาดยาโดยลดขนาดลง หรือเพิ่มระยะเวลาในการให้ยาแต่ละ dose ให้นานขึ้น
จึงทำให้มีฤทธิ์ bactericidal initiateสังเคราะห์โปรตีนไม่ได้
ไม่สามารถต่อสายchain ของโปรตีนให้ยาวขึ้นได้ T-RNA
ยับยั้งการสังเคราะห์โปรตีนของเชื้อโดยเข้าไปจับกับ 30S ribosome
ควรทำการตรวจวัดระดับยาในเลือดโดยเฉพาะเมื่อจะใช้ยาในขนาดสูง
ข้อแนะนำ
ยา Streptomycin ใช้ฉีดเข้าทางกล้ามเนื้อต้นขาหรือก้นส่วนบน
หากรับยามาฉีดเองที่บ้าน ผู้ป่วยต้องศึกษาขั้นตอนการเตรียมยา
และวิธีใช้ยาจากแพทย์หรือเภสัชกรให้ดีก่อน
ใช้ยาตามฉลากและตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด
แจ้งให้แพทย์ทราบหากอาการไม่ดีขึ้นหรือแย่ลง
ห้ามให้ผู้อื่นใช้ยานี้ และห้ามใช้ยาของผู้อื่น
หากสงสัยว่าตนใช้ยาเกินกว่าปริมาณที่กำหนด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที
ตรวจสอบความผิดปกติของยาก่อนใช้ และห้ามใช้ยาหากยาเปลี่ยนสีหรือมีตะกอน
Thiacetazone/ไธอาเซตาโซน (T)
ผลข้างเคียง
ปวดศีรษะอย่างรุนแรง นอนไม่หลับ ชาตามปลายมือปลายเท้า ร้อนซู่ซ่า สับสน เหนื่อย อ่อนเพลีย เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องอืด ปากแห้ง กระหายน้ำ
เม็ดเลือดขาวต่ำ เป็นพิษต่อไต
ข้อควรระวัง
ควรระมัดระวังการใช้ยาในผู้ป่วยที่มีประวัติเป็นโรคเบาหวาน การจัดการโรคเบาหวานนั้นอาจยากมากขึ้นจำเป็นต้องเฝ้าระวังและวัดระดับน้ำตาลในเลือดอยู่เสมอ
ในขณะที่ใช้ยานี้หากเกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน
ควรให้ผู้ป่วยทนกินยาต่อไปแล้วอาการอาจจะดีขึ้น
ควรระวังการใช้ยาในผู้ป่วยโรคตับ และคนไข้ที่มีประวัติ เป็นโรคข้ออักเสบ gout
ข้อบ่งใช้
ใช้ร่วมกับ soniazid ในการรักษาวัณโรคครั้งแรก
กลไกการออกฤทธิ์
ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อวัณโรค ที่มีฤทธิ์ค่อนข้างอ่อนและมีผลข้างเคียงมากหากใช้ ใช้ร่วมกับ Isoniazid
พบว่าให้ผลการรักษาดีพอสมควร และผลข้างเคียงไม่มากนักมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อวัณโรคได้ช้า
ข้อแนะนำ
ขณะใช้ยาจะทำให้ปัสสาวะ อุจจาระ และสารคัดหลั่งต่างๆ มีสีส้มแดง
ขณะใช้ยาอาจเกิดอาการคล้ายมีไข้ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและกระดูก