Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
9.2 การติดเชื้อที่มาจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์, 9L, เลือด, 300px-SOA…
9.2 การติดเชื้อที่มาจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
1. การตกขาวผิดปกติ
1.1 การตกขาวจากการติดเชื้อรา (Vulvovaginal candidiasis)
เกิดจากฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงขณะตั้งครรภ์ ทำให้เนื้อเยื่อและผิวหนังอ่อนนุ่มลง บอบ บางมากขึ้น จึงมีโอกาสติดเชื้อราได้มากกว่าสตรีที่ไม่ได้ตั้งครรภ์และเชื้อราที่ทำให้เกิดการตกขาวผิดปกติได้ถึงร้อย ละ 80-90 เกิดจากเชื้อรากลุ่ม candida albicans ซึ่งมีระยะฟักตัว 1-4 วัน
ปัจจัยและปัจจัยเสี่ยง
การรับประทานยาปฏิชีวนะเพื่อการรักษาบางชนิดอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีการทำลายเชื้อแบคทีเรีย lactobacillus
การได้รับฮอร์โมนสเตียรอยด์ และได้รับยากดภูมิต้านทานทำให้ภูมิต้านทานของร่างกายลดลง
การรับประทานยาคุมกำเนิดชนิดที่มีปริมาณฮอร์โมนมาก
การสวมใส่ชุดชั้นในที่แน่นเกินไป
การใช้น้ำยาล้างทำความสะอาดช่องคลอด และปากช่องคลอดบ่อยๆ
ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงขึ้น ทำให้ระดับ glycogen ในช่องคลอด สูงขึ้นตาม
อาการและอาการแสดง
คันและระคายเคืองมากในช่องคลอดและปากช่องคลอด
อาจมีอาการเจ็บขณะร่วมเพศ (dyspareunia)
มีอาการปัสสาวะลำบาก และแสบขัดตอนสุด (external dysuria)
ผลกระทบต่อสตรีตั้งครรภ์และทารก
ผลกระทบต่อสตรีตั้งครรภ์
ติดเชื้อราในช่องคลอด
ไม่มีผลเสียต่อการตั้งครรภ์
ระคายเคือง คัน ช่องคลอดมากขึ้น
ผลกระทบต่อทารก
เป็นเชื้อราในช่องปาก (oral thrush)
การประเมินและการวินิจฉัย
การซักประวัติ ประวัติอาการและอาการแสดง ระยะเวลาที่แสดงอาการ ประวัติอาการตกขาวผิดปกติและ การรักษา
การตรวจร่างกาย การตรวจภายในพบช่องคลอดบวมแดง และตกขาวมีลักษณะขุ่นรวมตัวกันเป็นก้อน เหมือนนมตกตะกอน
การพยาบาล
ระยะตั้งครรภ์
อธิบายให้สตรีตั้งครรภ์ เข้าใจสาเหตุของการติดเชื้อ และการดูแลตนเองให้มีอาการสุขสบายขึ้นจาก อาการคันในช่องคลอด และปากช่องคลอ
แนะนำการใช้ยาทา และยาเหน็บช่องคลอดตามแพทย์สั่ง
การทำความสะอาดบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก และการทำความสะอาดชุดชั้นในต้องซักให้สะอาด และตากแดดให้แห้งเสมอ ชุดชั้นในควรเป็นผ้าฝ้ายไม่ควรใช้ไนลอนเพราะจะทำให้อับชื้น
ระยะคลอด
สามารถให้คลอดทางช่องคลอดได้ตามปกติ
ระยะหลังคลอด
ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน และโปรเจสเทอโรนลดลง อาการของการติดเชื้อราในช่องคลอดจะดีขึ้น
สามารถเลี้ยงดูบุตรด้วยนมมารดาได้
เน้นการดูแลความสะอาดของอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกให้สะอาดและแห้งเสมอ ชุดชั้นในต้องสะอาดและ แห้ง ไม่อับชื้น
1.2 การตกขาวจากการติดเชื้อพยาธิ (vaginal trichomoniasis)
การตกขาวจากการติดเชื้อพยาธิ หรือเชื้อโปรโตซัวชื่อ trichomonas vaginalis ก่อให้เกิดการ อักเสบเยื่อบุช่องคลอดชนิด squamous การติดต่อมีได้ 2 ทางคือ ทางเพศสัมพันธ์ และอวัยวะเพศสัมผัสเชื้อ โดยตรง มีระยะฟักตัว 5-28 วัน
อาการและอาการแสดง
ตกขาวมีสีขาวปนเทา หรือสีเหลืองเขียว ตกขาวเป็นฟอง (foamy discharge) มีกลิ่นเหม็น
ระคายเคืองที่ปากช่องคลอด ในช่องคลอด ปากช่องคลอดบวมแดง และอาจทำให้ปากมดลูกอักเสบ มีจุดเลือดออกเป็นหย่อม ๆ (strawberry spot หรือ flea bitten cervix
ปัสสาวะแสบขัดหรือบ่อย ปวดแสบปวดร้อนบริเวณต้นขาด้านใน
เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์
ผลกระทบต่อสตรีตั้งครรภ์และทารก
ผลกระทบต่อสตรีตั้งครรภ์
การติดเชื้อพยาธิในช่องคลอด
ภาวะถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด
การเจ็บครรภ์คลอดกอ่น กำหนด
ผลกระทบต่อทารกในครรภ์
ทารกคลอดก่อนกำหนด
ทารกแรกเกิดมีน้ำหนักตัวน้อย
การประเมินและวินิจฉัย
การซักประวัติ ได้แก่ประวัติการมีตกขาวจำนวนมาก เป็นฟอง มีกลิ่นเหม็น ร่วมกับอาการคัน ประวัติการตก ขาวจากการติดเชื้อพยาธิและการรักษา
การตรวจร่างกาย การตรวจภายในช่องคลอด พบตกขาวเป็นฟองสีเหลืองเขียว อาจพบจุดเลือดออกเป็น หย่อมๆ ที่ผิวปากมดลูก
การตรวจทางห้องปฏิบัติการด้วย wet mount smear จะพบเม็ดเลือดขาวจำนวนมาก อาจพบตัวเชื้อ พยาธิเคลื่อนไหวไปมา ตกขาวมีฤทธิ์เป็นด่าง ค่า pH มากกว่า 4.5
แนวทางการรักษา
ใช้ยา metronidazole แต่ห้ามใช้ในไตรมาสแรก
ให้การรักษาสามีไปด้วย โดยให้ metronidazole หรือ tinidazole รับประทาน 2 กรัม ครั้งเดียว หรือ ornidazole 1.5 กรัม ครั้งเดียว
การพยาบาล
ระยะตั้งครรภ์
ให้คำแนะนำและการดูแลเหมือนสตรีตั้งครรภ์ทั่วไป
แนะนำการเหน็บยา หรือการรับประทานยาตามแผนการรักษาอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ
แนะนำการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยโดยการสวมถุงยางอนามัย
แนะนำการรักษาความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกให้แห้งสะอาดเสมอ และซักชุดชั้นในให้สะอาด ตากแดดให้แห้ง
ระยะคลอด
ให้คลอดทางช่อคลอดได้ตามปกติ
ระยะหลังคลอด
แนะนำให้เลี้ยงบุตรด้วยนมมารดาได้ โดยล้างมือทุกครั้งก่อนสัมผัสบุตร
การติดเชื้อพยาธิในช่องคลอด ต้องได้รับการรักษาทั้งสามีและภรรยาให้หาย ในช่วงที่มีอาการ อาจต้อง งดการมีเพศสัมพันธ์ และรักษาให้หาย รวมถึงแนะนำการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยโดยการใช้ถุงยางอนามัยทุก ครั้ง
1.3 การตกขาวจากการติดเชื้อแบคทีเรีย (bacterial vaginosis)
แบคทีเรียที่เป็นสาเหตุทำให้ช่องคลอดอักเสบมีหลายชนิด และเป็น แบคทีเรียที่ไม่ต้องใช้ออกซิเจน (anaerobes) แต่แบคทีเรียที่ทำให้ช่องคลอดอักเสบมากที่สุดชื่อ gardnerella vaginalis ติดต่อทางการมีเพศสัมพันธ์ หรือได้จากการใช้สบู่ หรือเจลอาบน้ำที่มีสารระคายเคือง การใช้ห่วงคุมกำเนิด การนั่งโถสุขภัณฑ์ การลงสระว่ายน้ำ
การสวนล้างช่องคลอดบ่อยๆ
อาการและอาการแสดง
มีอาการคัน ปวดแสบปวดร้อนปากช่องคลอด ในช่องคลอด
ถ่ายปัสสาวะลำบาก แสบขัด
เจ็บขณะร่วมเพศ
ตก ขาวสีขาว สีเทา หรือสีเหลือง ข้นเหนียว มีกลิ่นเหม็นเน่าเหมือนคาวปลา (fishy smell)
ผลกระทบต่อสตรีตั้งครรภ์และทารกในครรภ์
ผลกระทบต่อสตรีตั้งครรภ์
ติดเชื้อในมดลูก (chorioamnionitis)
ปีกมดลูกอักเสบ (salpingitis)
การ อักเสบในอุ้งเชิงกราน (pelvic inflammatory disease: PID)
การแท้งติดเชื้อ (septic abortion
ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด
เจ็บครรภ์คลอดก่อน กำหนด
ผลกระทบต่อทารก
ทารกแรกเกิดน้ำหนักตัวน้อย
ทารกคลอดก่อนกำหนด
ภาวะหายใจลำบาก
มีแบคทีเรียในเลือด
การประเมินและวินิจฉัย
การซักประวัติ ได้แก่ ประวัติการมีตกขาวจำนวนมาก ปวดแสบปวดร้อนบริเวณปากช่องคลอดและในชอ่ง คลอด ถ่ายปัสสาวะลำบา เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ ประวัติการตกขาวจากการติดเชื้อแบคทีเรียและการรักษา
การตรวจร่างกาย การตรวจทางช่องคลอดและการทำ pap smear จะพบเชื้อแบคทีเรีย ตรวจความเป็น กรด-ด่างในช่องคลอด จะได้ผลมีฤทธิ์เป็นด่าง ค่า pH มากกว่า 4.5
แนวทางการรักษา
ให้ยา metronidazole 250 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง หรืออาจให้ metronidazole 500 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 7-10 วัน
ให้ ampicillin 500 มิลลิกรัม วันละ 4 ครั้ง เป็นเวลา 7 วัน
การพยาบาล
ระยะตั้งครรภ์
รักษาความสะอาดของอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกไม่ให้อับชื้นโดยใช้น้ำธรรมดา หลีกเลี่ยงการใช้สบซู่ึ่งอาจ ไปทำลายเชื้อโรคประจำถิ่นได้
แนะนำให้พาสามีไปตรวจและรักษาโรคพร้อมกัน
หากมีอาการผิดปกติ เช่น ปวดท้อง ท้องแข็งบ่อย มีเลือดออกทางช่องคลอด ให้รีบไปพบแพทย์ทันที เนื่องจากอาจเป็นอาการของการคลอดก่อนกำหนดได้
ระยะคลอด
ผู้คลอดสามารถคลอดทางช่องคลอดได้ตามปกติ
ระยะหลังคลอด
สามารถเลี้ยงบุตรด้วยนมมารดาได้ โดยเน้นเรื่องการล้างมือทุกครั้งก่อนสัมผัสบุตร
เน้นการทำความสะอาดของอวัยวะสืบพันธุ์ให้สะอาดและแห้งเสมอ
2. ซิฟิลิส (Syphilis)
อาการและอาการแสดง
ซิฟิลิสระยะแรก หรือระยะที่หนึ่ง (primary stage)
ได้รับเชื้อ 10-90 วัน หรือประมาณ 3 สัปดาห์ จะเกิดแผล กลม นิ่ม ขอบนูนแข็ง ไม่เจ็บ เรียว่าแผล chancre บริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกหรือในช่อง
คลอดและปากมดลูก ต่อมน้ำเหลืองบริเวณขาหนีบโตแต่กดไม่เจ็บ
ซิฟิลิสระยะที่สอง (secondary stage)
แผลกำลังจะหาย หรือหลังจากแผลหายจะพบผื่นกระจาย ทั่วร่างกาย ฝ่ามือฝ่าเท้า เยื่อบุรวมทั้งอวัยวะสืบพันธุ์ อวัยวะสืบพันธุ์จะยกนูน ร่วมกับมีอาการ ไข้ ต่อมน้ำเหลืองโต เจ็บคอ ผมร่วงเป็นหย่อมๆ ปวดศีรษะ น้ำหนักลด ซึ่งอาการในระยะนี้จะหายได้เองแม้ไม่ไดร้บั การรักษา จากนั้นประมาณ 3-12 สัปดาห์จะเข้าสู่ระยะแฝง
ระยะแฝง (latent syphilis)
ไม่มีอาการใด ๆ แต่แพร่กระจายเชื้อได้ รวมถึงอาจมีการกำเริบของโรคได้
ซิฟิลิสระยะที่ 3 หรือระยะท้ายของโรคซิฟิลิส (tertiary syphilis)
ผิวหนังอักเสบ กระดูกผุ เยื่อบุสมองอักเสบ และเสียชีวิตในที่สุด
ผลกระทบต่อสตรีตั้งครรภ์และทารก
ผลกระทบต่อสตรีตั้งครรภ์
ผิวหนังและเนื้อเยื่ออักเสบ
คลอดก่อนกำหนด
แท้งบุตร
ผลต่อทารก
ทารกคลอดก่อนกำหนด
ตายคลอด
ทารกแรกเกิดติดเชื้อซิฟิลิส (neonatal syphilis)
ตับม้ามโต ทารกตัวบวมน้ำ ตัวเหลือง
ผิวหนังที่ฝ่ามือฝ่าเท้าอักเสบและลอกเป็นขุย
ปัญญาอ่อน เป็นโรคหัวใจแต่กำเนิด
แนวทางการรักษา
การรักษาเป็นแนวทางเดียวกับสตรีที่ติดเชื้อซิฟิลิสขณะไม่ตั้งครรภ์ โดยยึดหลักการรักษาให้หาย ครบถ้วน และต้องให้สามีมารับการตรวจและรักษาพร้อมกัน
ให้ยา Penicillin G ซึ่งเป็นยาที่มีประสิทธิภาพในการรักษาซิฟิลิสในสตรีตั้งครรภ์ และป้องกันการติดเชื้อ ของทารก
การรักษาในระยะ primary, secondary และ early latent syphilis รักษาด้วย Benzathine Penicillin G Sodium 2.4 ล้านยูนิต ฉีดเข้ากล้ามเนื้อสะโพกครั้งเดียว
การรักษาในระยะ late latent syphilis จะรักษาด้วย Benzathine Penicillin G Sodium 2.4 ล้านยูนิต ฉีดเข้ากล้ามเนื้อสะพก 3 สัปดาห์ติดต่อกัน และภายหลังการรักษาควรตรวจ VDRL title เมื่อครบ 6 และ 12 เดือน
หนองใน (Gonorrhea)
อาการและอาการแสดง
มีการอักเสบของปากมดลูก
ช่องคลอดทำให้ตกขาวเป็นหนองข้นปริมาณมาก
กดเจ็บบริเวณ ต่อมบาร์โธลิน (bartholin’s gland)
ปัสสาวะแสบขัด
ปัสสาวะบ่อย
ปัสสาวะกระปิดกระปรอย เป็นหนองข้น
ปัสสาวะเป็นเลือด
ผลกระทบต่อสตรีตั้งครรภ์และทารก
ผลกระทบต่อสตรีตั้งครรภ์
ไม่มีอาการ มีบุตรยาก
ถุงน้ำคร่ำอักเสบและติดเชื้อ
ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด
แท้งบุตร
เจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด
ผลกระทบต่อทารก
ช่องคลอดมีการติดเชื้อหนองในที่ปากมดลูก ช่องคลอด หรืออวัยวะ สืบพันธุ์ภายนอก
ตาอักเสบ (gonococcal ophalmia neonatorum)
ช่องปากอักเสบ หูอักเสบ กระเพาะอาหารอักเสบได้
การประเมินและวินิจฉัย
การซักประวัติ ประวัติเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อหนองใน หรือมีประวัติเคยป่วยด้วยโรคหนอง
การตรวจร่างกาย ตรวจทางช่องคลอดจะพบหนองสีขาวขุ่น บางรายอาจพบเลือดปนหนอง หากมีการ อักเสบมากขาหนีบจะบวม กดเจ็บบริเวณต่อมบาร์โธลิน หรือต่อมข้างท่อปัสสาวะ
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ ตรวจขั้นต้นโดยการเก็บน้ำเหลืองหรือหนองจากส่วนที่มีการอักเสบมาย้อมสี ตรวจ gram stain smear หากมีการติดเชื้อจะพบ intracellular gram negative diplocooci ส่วนการตรวจเพอื่ ยืนยันผลทำได้โดยการเพาะเชื้อ (culture) หรือการตรวจ Nucleic acid test (NAT) เพื่อยืนยันผล หากผล positive ต่อ Neiseria gonorrheae จะแปลผลว่ามีการติดเชื้อ
แนวทางการรักษา
ตรวจคัดกรองขณะตั้งครรภ์ตามปกติ (VDRL)
หากพบว่ามีเชื้อให้ยา ceftriaxone, azithromycin, penicillin ได้ทั้งรับประทานและฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ทั้งนี้ควรระวังเรื่องของการเพิ่มของ blood level ระหว่างที่ได้รับยาเนื่องจากจะมีผลต่อการทำงานของหัวใจของ สตรีขณะตั้งครรภ์
การรักษาในสตรีตั้งครรภ์ควรคำนึงว่ามีการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์อื่นร่วมด้วยหรือไม่ เช่น ซิฟิลิส HIV เป็น ต้น หากมีควรรักษาพร้อมกัน รวมถึงต้องตรวจและรักษาคู่นอนด้วยเช่นกัน
4. การติดเชื้อเริม (Herpes simplex)
เกิดจากเชื้อไวรัสคอื Herpes simplex virus (HSV) เข้าสู่ร่างกายโดยผ่านทางเยื่อบุ หรือแผลที่ผิวหนัง
พยาธิสรีรภาพ
เชื้อเข้าสู่ร่างกายจะทำให้ผิวหนังเป็นตุ่มน้ำใส เล็ก ๆจำนวนมาก เมื่อตุ่มน้ำแตก หนังกำพร้าจะ หลุดพร้อมกับทำให้เกิดแผลตื้น ทำให้รู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่แผล
อาการและอาการแสดง
อาการคล้ายหวัด ได้แก่ ไข้ต่ำ ๆ อ่อนเพลัย ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต
ผลกระทบต่อสตรีตั้งครรภ์และทารก
ผลกระทบต่อสตรีตั้งครรภ์
เสี่ยงต่อการแท้ง
การเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด
ผลกระทบต่อทารก
ีการเจริญเติบโตช้าในครรภ
ทารกคลอดก่อนกำหนด
พิการแต่กำเนิด
้ทารกเสียชีวิต
การประเมินและการวินิจฉัย
การซักประวัติ ประวัติเกี่ยวกับการเคยติดเชื้อเริมมาก่อน
การตรวจร่างกาย จะพบตุ่มน้ำใส หากตุ่มน้ำแตกจะพบแผลอักเสบ แดง ปวดแสบปวดร้อนบริเวณขอบ แผลค่อนข้างแข็ง แต่ไม่ติดแน่นกับอวัยวะข้างเคียงเหมือนกับแผลจากการติดเชื้อซิฟิลิส อาจพบต่อน้ำเหลืองที่ขา หนีบโตแบบกดไม่เจ็บ
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การเพาะเชื้อใน Hank’s medium โดยนำของเหลวที่ได้จากตุ่มน้ำหรอืจากกน้แผลมาทำการเพาะเชอื้ เป็นวิธีที่มีความแม่นยำสูงและมีความไวมาก
การขูดเนื้อเยื่อจากแผล
การทำให้ตุ่มน้ำแตกแล้วขูดบริเวณก้นแผลมาป้ายสไลด์แล้วย้อมสี (Tzanck’s test)
แนวทางการรักษา
รักษาแบบ ประคับประคองตามอาการ เช่น ให้ยาแก้ปวด ยาปฏิชีวนะในรายที่มีการติดเชื้อซ้ำเติม ล้างแผลด้วย NSS ในรายที่ เป็นการติดเชื้อเริมที่อวัยวะเพศครั้งแรกและมีอาการรุนแรง เป็นต้น
ให้ Acyclovir 200 mg รับประทานวันละ 5 ครั้ง นาน 5-7 วัน แต่หากมีอาการของระบบอื่นที่รุนแรงร่วม ด้วยอาจให้ Acyclovir 5 mg/kg ฉีดเข้าหลอดเลือดดำ ทุก 8 ชั่วโมง นาน 5-7 วัน
5. หูดหงอนไก่ (Condyloma acuminate)
เกิดจากการติดเชื้อ human papilloma virus (HPV) มีระยะฟักตัว นาน 2-3 เดือน ติดต่อจากการสัมผัสรอยโรคโดยเฉพาะทางเพศสัมพันธ์
อาการและอาการแสดง
ติ่งเนื้อสีชมพูคล้ายหงอนไก่
มีผิวขรุยระคล้ายดอกกะหล่ำและยุ่ยมาก
ผลกระทบต่อสตรีตั้งครรภ์และทารก
ผลกระทบต่อสตรีตั้งครรภ์
ตกเลือดหลังคลอด
มะเร็งปากมดลูก
ผลต่อทารก
เกิดการอุดกั้นของระบบทางเดินหายใจส่วนบน เสียงเปลี่ยน (voice change) เสียงร้องไห้ แหบผิดปกติ (abnormal cry)
การประเมินและการวินิจฉัย
การซักประวัติ ประวัติเคยติดเชื้อหูดหงอนไก่มาก่อน หรือเคยมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่เป็นหูดหงอนไก่ รวมถึง อาการและอาการแสดงของการติดเชื้อหูดหงอนไก่
การตรวจร่างกาย จะพบรอยโรคเป็นติ่งเนื้อสีชมพูคล้ายหงอนไก่ ผิวขรุขระคล้ายดอกกะหล่ำบริเวณปาก ช่องคลอด ในช่องคลอด หรือบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ ควรวินิจฉัยแยกโรคออกจากซิฟิลิสและ genital cancer (CA vulva) โดย การตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจทางพยาธิวิทยา หรือตรวจ Pap smear หรือตรวจหาเชื้อ HPV โดยวิธี Polymerase Chain Reaction (PCR) หรือการตรวจ DNA (DNA probe)
แนวทางการรักษา
ทาบริเวณรอยโรคด้วย 85% trichlorracetic acid หรือ bichloroacetic acid ทุก 7-10 วัน
แนะนำการรักษาความสะอาด หลีกเลี่ยงการอับชื้นบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก
ระยะคลอดหากหูดหงอนไก่มีขนาดใหญ่ อาจพิจารณาผ่าตัดคลอด เพื่อหลีกเลี่ยงการคลอดติดขัดและการ ตกเลือดหลังคลอด เพื่อป้องกันการติดเชื้อในทารกแรกเกิด
6. การติดเชื้อเอชไอวีในสตรีตั้งครรภ์ (Human Immunodeficiency Virus [HIV] during pregnancy)
การติดเชื้อเอชไอวี (Human Immunodeficiency Virus: HIV)
อาการและอาการแสดง
ระยะเริ่มแรกของการติดเชื้อ HIV
เริ่มมีไข้ เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามตัว มีผื่นขึ้น ต่อมน้ำเหลืองโต บาง รายอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเหลว หรือมีฝ้าขาวในช่องปาก อาการเหล่านี้จะเป็นอยู่ 1-2 สัปดาห
ระยะติดเชื้อโดยไม่มีอาการ
ไม่แสดงอาการของโรคแต่แพร่เชื้อได้
ระยะติดเชื้อที่มีอาการ
มีอุณหภูมิร่างกายสูงมากกว่า 37.80C เป็นพักๆ หรือติดต่อกันทุกวัน ท้องเดินเรื้อรัง หรืออุจจาระร่วงเรื้อรัง น้ำหนักลดเกิน 10% ของน้ำหนักตัว ต่อมน้ำเหลืองโตมากกว่า 1 แห่ง เป็นงูสวัด และพบเชื้อราในปากหรือฝ้าขาว (hairy leukoplakia) ในช่องปาก
ระยะป่วยเป็นเอดส์
ไข้ ผอม ต่อมน้ำเหลืองโตหลายแห่ง ซีด อาจพบลิ้นหรือช่อง ปากเป็นฝ้าขาวจากเชื้อรา แผลเริมเรื้อรัง ผิวหนังเป็นแผลพุพอง
ผลกระทบต่อสตรีตั้งครรภ์และทารก
ผลกระทบต่อสตรีตั้งครรภ์
สตรีตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อ HIV และมีปริมาณ CD4 ต่ำ มีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนจากการติดเชื้อฉวยโอกาสได้ ง่ายขึ้น
ผลกระทบต่อทารก
ทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์ ทารกคลอดก่อนกำหนด ทารกแรกเกิดน้ำหนักตัวน้อย ทารกมี ขนาดเล็กกว่าอายุครรภ์ และทารกตายคลอด
การพยาบาล
ระยะตั้งครรภ์
คัดกรองสตรีตั้งครรภ์และสามีที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ โดยให้คำปรึกษาก่อนและหลังการตรวจเลือด
ให้ข้อมูลแก่สตรีตั้งครรภ์และครอบครัวเกี่ยวกับการดำเนินของโรค ความแตกต่างระหว่างการตดิเชื้อ HIV กับการเป็นเอดส์
ติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่น ผลการตรวจ CD4 หากน้อยกว่า 200 copies/mL แสดง ถึงความเสี่ยงต่อการติดเชื้อฉวยโอกาสสูง และผลการตรวจปริมาณ viral load
ระยะคลอด
ทำคลอดด้วยวิธีที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บต่อผู้คลอดกและทารกน้อยที่สุด และหลีกเลี่ยงการใช้สูติศาสตร์ หัตถการที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ
ดูแลให้ผู้คลอดและทารกได้รับยาต้านไวรัสตามแผนการรักษา เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อจาก มารดาไปสู่ทารก
ประเมินอาการเปลี่ยนแปลงและภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้แก่ ภาวะตกเลือดหลังคลอด ภาวะติดเชื้อ ภาวะซีด ความผิดปกติทางโลหิตวิทยา และเม็ดเลือดขาวต่ำ
ระยะหลังคลอด
หลีกเลี่ยงเลี้ยงบุตรด้วยนมมารดา
แนะนำให้ใส่เสื้อชั้นในที่คับเพื่อยับยั้งการสร้างและหลั่งน้ำนม
ไม่แนะนำให้ใช้ยาฆ่าอสุจิ (spermicides) เพราะจะทำให้เยื่อบุปากมดลูก และช่องคลอด เกิดการระคายเคือง ทำให้เพิ่มปริมาณไวรัสในช่องคลอด เพิ่มโอกาสการถ่ายทอดเชื้อ
การใช้ห่วงอนามัยไม่เหมาะสำหรับรายที่ CD4 ต่ำ และ viral load ในเลือดสูง เพราะเสี่ยง ต่อการอักเสบในอุ้งเชิงกราน
การพยาบาลสตรีตั้งครรภ์ที่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซิฟิลิส หนองใน เริม และหูดหงอนไก่
ระยะตั้งครรภ์
คัดกรองและประเมินภาวะสุขภาพของสตรีตั้งครรภ์ โดยการซักประวัติโดยละเอียด ตรวจร่างกาย หาก สงสัยว่ามีการติดเชื้อควรส่งพบแพทย์ เพื่อให้ได้รับวินิจฉัยตั้งแต่เริ่มฝากครรภ์
แนะนำให้นำสามีมารับการตรวจเพื่อวินิจฉัยโรค และหากมีการติดเชื้อแนะนำให้รักษาพร้อมกัน และ ติดตามการรักษาอย่างต่อเนื่อง
หลีกเลี่ยงการสัมผัสแผลและหนอง และล้างมือให้สะอาดทุกครั้งหลังการสัมผัสแผลหรือหนอง
ระยะคลอด
หลีกเลี่ยงการทำหัตถการทางช่องคลอด เช่น การตรวจทางช่องคลอด การเจาะถุงน้ำคร่ำ หากหลีกเลยี่ง ไม่ได้ ควรทำอย่างระมัดระวังและไม่ทำให้ถุงน้ำคร่ำแตก
ดูแลให้ผู้คลอดและทารกได้รับยาตามแผนการรักษาเพื่อป้องกนัการติดเชื้อ
ระยะหลังคลอด
แนะนำการเลี้ยงบุตร โดยล้างมือให้สะอาดก่อนจับทารกทุกครั้ง และหากไม่มีแผลบริเวณหัวนมหรอืเตา้ นมสามารถให้นมมารดาได้ และหากสงสัยว่าทารกอาจมีตาอักเสบ
ดูแลให้มารดาหลังคลอดและทารกได้รับยาป้องกันการติดเชื้อตามแผนการรักษา
ประเมินอาการติดเชื้อของทารกแรกเกิด ได้แก่ มีไข้ อ่อนเพลีย ดูดนมไม่ดี ตัวเหลือง ชัก หรือมีแผล