Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 1 การสร้างสภาพแวดล้อมเชิงสร้างสรรค์ในห้องเรียน, นางสาวอังคณา ดำสม…
บทที่ 1 การสร้างสภาพแวดล้อมเชิงสร้างสรรค์ในห้องเรียน
ห้องเรียน คือ
สถานที่ซึ่งเกิดการปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูและผู้เรียน โดยการนำข้อมูลต่าง ๆ ที่มีอยู่ไปผ่านกระบวนการเรียนการสอนเพื่อให้นำไปสู่ความรู้ ความเข้าใจ กิจกรรมต่าง ๆในห้องเรียนจึงเกี่ยวเนื่องถึงเป้าประสงค์ในการสื่อสารกับบรรดาผู้เรียน
การกำหนดกิจกรรมการเรียนรู้
การติดตามพัฒนาการของผู้เรียน
การกระตุ้นให้ผู้เรียนต้องการเรียนรู้
การทำให้ผู้เรียนคิดวิเคราะห์และคิดเชิงสร้างสรรค์และรักษาระเบียบวินัย
ชั้นเรียนปกติมีพื้นที่ใช้สอยโดยเฉลี่ยที่ 80 ตารางเมตร ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่ใช้สำหรับวางโต๊ะ เก้าอี้สำหรับครุ 1 ชุด ตู้ชั้นวางอุปกรณ์สื่อการเรียนการสอนและชั้นเลื่อนสำหรับวางฉายภาพโปรเจคเตอร์
รูปแบบของสิ่งแวดล้อมทางจิตภาพในชั้นเรียนจึงมีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อพฤติกรรมและมุมมองในการเรียนรู้ หน้าที่ของครู คือ สร้างบรรยากาศที่ทำให้ทุกฝ่ายทำงานร่วมกันอย่างกลมกลืน
การปฏิสัมพันธ์ในชั้นเรียน
องค์ความรู้
นักเรียน
ครู
ก่อนที่ครูจะจัดห้องเรียนทุกครั้งครูต้องคำนึงถึง
มีกิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหวหรือไม่
วิธีการสอนหลัก เช่น สอนทั้งชั้นเรียน หรือ สอนโดยแบ่งกลุ่มย่อย
การจัดวางโต๊ะ เก้าอี้บดบังทัศนวิสัยของกระดานดำ หรือ สื่อการสอนอื่น ๆ หรือไม่
ชนิดและลักษณะรวมถึงที่เก็บอุปกรณ์การเรียนการสอนมีพร้อมใช้หรือไม่
สถาพแวดล้อมในการเรียนรู้
สภาพแวดล้อมทั้งหมดและวัฒนธรรมของชั้นเรียน ซึ่งรวมถึงรูปแบบการสือสาร การออกแบบจักวางพื้นที่ ดังนั้น เป็นหน้าที่ของครูที่จะสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมนอกจากแง่มุมทางกายภาพ ครูต้องให้ความสำคัญต่อแง่มุมทางจิตใจด้วย และต้องคงไว้ซึ่งความเป็นระเบียบเรียนร้อยของห้องเรียน เพื่อให้ผู้เรียนรู้สึกสบายใจในการเรียน ครูต้องสร้างทัศนคติ ผู้เรียน ในชั้นเรียนเพื่อเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์ในเชิงสร้างสรรค์ระหว่างครู -ผู้เรียน
สภาพแวดล้อมเชิงกายภาพ
องค์ประกอบทางกายภาพ เช่น แสง เสียง พื้นที่ เฟอร์นิเจอร์ ซึ่งมีอิธิพลต่อความสบายของผู้เรียน โดยต้องกระตุ้นประสาทสัมผัสการมองเห็น การได้ยิน เพื่อส่งเสริมให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพมากที่สุด
ในระดับมัธยม จะต้องสลับสับเปลี่ยนครูตามวิชา แต่ครูจะต้องให้ความสำคัญต่อการจัดห้องเรียน เพราะห้องเรียนที่เป็นระเบียบเรียบบร้อยจะทำให้เกิดบรรยากาศสบายน่าเรียนและทำให้ผู้เรียนจดจ่อกับการเรียนมากขึ้น
โรงเรียนมัธยมบางแห่ง จะใช้ระบบโฮมรูม หรือการจัดให้มีครูประจำชั้นเรียน โดยผู้เรียนจะต้องเดินไปเข้าเรียนตามแต่วิชาต่าง ๆ กำหนดไว้
สภาพแวดล้อมเชิงจิตตภาพ
โดยทั่วไปแล้วครูมักจะคิดว่าห้องเรียนเป็นสถานที่สำหรับการเสริมสร้างความรู้ แต่ห้องเรียนยังเป็นสถานที่ซึ่งผู้เรียนจะสามารถสร้างมิตรภาพและเรียนรู้ไปพร้อมกับเพื่อน ๆ
ห้องเรียนจะต้องมีบรรยากาศซึ่งทำให้ผู้เรียนทุกคนรู้สึกดี ปลอดภัยและสบาย
ครูจะต้องสอดส่องดูแลการเข้าสังคมและการจับกลุ่มปฏิสัมพันธ์ของผู้เรียนในชั้นเรียน โดยไม่ให้เกิดสถานการณ์ไม่ดี เช่น การจับกลุ่มเป็นอันธพาล การรีดไถเงิน การรังแกกัน
ครูจะต้องเข้าไปมีส่วนร่วมในการตัดสินใจของผู้เรียนที่จะทำให้ชั้นเรียนมีบรรยากาศดี เหมาะแก่การเรียนรู้และมีประสิทธิภาพมากที่สุด คือชั้นเรียนที่ปลอดภัยซึ่งผู้เรียนทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนความคิดกับเพื่อน ๆ
การที่ชั้นเรียนมีบรรยากาศที่เป็นประชาธิปไตยก็ยังช่วยผู้เรียนรู้จักที่เคารพความคิดซึ่งกันและกัน ลักษณะของสภาพพแวดล้อมเชิงจิตภาพที่ดีชั้นเรียน
ผู้เรียนรู้สึกดีที่จะเป็นสมาชิกในชั้นเรียน
สามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างเสรี
มีบรรยากาศเป็นมิตร
มีบรรยากาศกระตุ้นการเรียนรู้
ปลอดภัยจากสิ่งคุกคามและอันตรายต่อร่างกาย
มีบรรยากาศของการเรียนรู้ร่วมกัน
ธรรมชาติของการทำงานในชั้นเรียน
ชั้นเรียนประกอบไปด้วยผู้เรียนที่มีภูมิหลัง ประสบการณ์และความคาดหวังที่แตกต่างกัน ครูต้องมีหน้าที่ในการตอบสนองทุกความแตกต่างเหล่านั้นได้จำแนก 6 ลักษณะเด่นของการทำงานในชั้นเรียน ดังนี้
เป็นงานที่มีมิติหลากหลาย โดยอ้างอิงถึงธรรมชาติของกิจกรรมในชั้นเรียนเนื่องจากครูจะต้องปรับตัวให้เข้ากับบรรดาผู้เรียน เช่น ครูต้องมีส่วนร่วมในการอธิบายแนวความคิดและสาธิตทักษะ
เป็นงานที่ต้องทำหลายอย่างในเวลาเดียวกัน ครูต้องหมั่นตรวจสอบความเข้าใจของผู้เรียนและต้องคอยตรวจสอบพฤติกรรมและการเรียนการสอน
เป็นงานที่ต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ครูจะต้องรู้จักแก้สถานการณ์เฉพาะหน้าได้อย่างทันท่วงที เช่น หากผู้เรียนกำลังทะเลาะกัน ครูจะต้องพิจารณาแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าว
เป็นงานที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ครูไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ใดบ้างในชั้นเรียน เช่น การที่ผู้เรียนซึ่งมักเงียบ ลุกขึ้นมาพูดแสดงความเห็นอย่างหนักแน่นจริงจัง
เป็นงานที่มีความเป็นสาธารณะ ชั้นเรียนไม่มีความเป็นส่วนตัว ทุกคนสามารถเฝ้าดูพฤติกรรมของกันและกันได้ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมของครูหรือผู้เรียน ทำให้ในบางครั้งผู้เรียนเริ่มมีพฤติกรรมที่ต้องการความเป็นส่วนตัว เช่น การแอบอ่านหนังสือการ์ตูนในชั้นเรียน
เป็นงานที่ต้องสั่งสมความทรงจำและประวัติที่ผ่านมา ครูจะต้องรวบรวมประสบการณ์ทั้งในแง่บวกและแง่ลบเพื่อประมวลว่าจะเกิดปฏิกิริยาอย่างไรในแต่ละสถานการณ์ต่าง ๆ ในอนาคต เช่น ผู้เรียนอาจจดจำว่าครูไม่เคยลงโทษตามที่คำขู่เลย ดังนั้น ผู้เรียนจึงไม่เคารพเชื่อฟังหารครูเตือนว่าจะลงโทษในครั้งต่อไป
การบริหารจัดการชั้นเรียน
การบริหารจัดการชั้นเรียนแบ่งออกเป็น 3 ระดับ
ระดับที่ 3 ครูจะต้องบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมเชิงกายภาพและจิตตภาพเพื่อทำให้เกิดสภาพที่น่าทำงาน โดยครูต้องบริหารจัดการทั้งสามระดับ
ระดับที่ 2 ครูจะต้องจัดการพฤติกรรมของผู้เรียนเพื่อให้ผู้เรียนใส่ใจและทุ่มเทพลังงานไปยังกระบวนการเรียนรู้ และต้องให้ผู้เรียนทุกคนมีส่วนร่วม พร้อมกันครูต้องกำหนดข้อปฏิบัิทั่วไปสำหรับพฤติกรรมที่เหมาะสมในชั้นเรียน
ระดับที่ 1 ครูต้องบริหารจัดการกิจกรรมการเรียนการสอน โดยต้องวิเคราะห์วัตถุประสงค์ จัดกิจกรรมการเรียนการเรียนรู้ที่เหมาะสม นำกิจกรรมไปปฏิบัติและประเมินผลการเรียนรู้
นางสาวอังคณา ดำสม รหัส 6220160443
กลุ่มที่ 6 เลขที่ 16