Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลเพื่อตอบสนองความต้องการด้านกิจกรรมและการออกกำลังกาย (ต่อ),…
การพยาบาลเพื่อตอบสนองความต้องการด้านกิจกรรมและการออกกำลังกาย (ต่อ)
การประเมินผู้ป่วยก่อนการเคลื่อนย้าย
ท่าที่เป็นข้อห้ามสำหรับผู้ป่วย
ความมั่นคงในการคงท่าของผู้ป่วย
ความอ่อนเพลียของผู้ป่วย
ความสามารถในการช่วยเหลือตนเองของผู้ป่วย
แนวทางการปฏิบัติการเคลื่อนย้าย
ยืนในท่าทรงตัวที่ถูกต้อง
ผ่อนแรงในการยก โดยยืนอยู่ใกล้ผู้ป่วยมากที่สุด
ให้ขาผู้ป่วยด้านที่อ่อนแรง อยู่ใกล้ด้านรถเข็นนั่ง
ใช้อุปกรณ์ช่วยเพื่อผ่อนแรง
กรณีที่ผู้ป่วยช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ควรหาผู้ช่วยเหลือในการเคลื่อนย้าย
ให้สัญญาณในการเคลื่อนย้าย
การปฏิบัติการเคลื่อนย้าย
1)การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยจากเตียงไปเก้าอี้หรือรถเข็นนั่ง
เลื่อนตัวผู้ป่วยให้อยู่ริมเตียง จัดผู้ป่วยให้อยู่ในท่านั่งห้อยเท้าบนเตียง
หมุนตัวให้หลังผู้ป่วยอยู่หน้าเก้าอี้หรือรถเข็นนั่ง
ให้ผู้ป่วยวางมือสองข้างจับที่พักแขน
แล้วหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้หรือรถเข็นนั่ง
พยาบาลยืนอยู่ตรงหน้าผู้ป่วยในท่าก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับย่อเข่าลงให้ ผู้ป่วยใช้มือจับที่ไหล่ทั้งสองข้างของพยาบาล
5 ให้ผู้ป่วยนั่งให้หลังและก้นชิดพนักพิง
นำที่วางเท้าลงเพื่อให้ผู้ป่วยวางเท้า
2)การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยจากเตียงไปรถเข็นนอน
แจ้งให้ผู้ป่วยทราบ
นำรถนอนวางชิดกับเตียง ล็อกล้อเตียงและล้อรถเข็นนอน
ปรับความสูงของเตียงให้พอดีกับความสูงของรถเข็นนอน
พลิกตะแคงตัวผู้ป่วยมาทางด้านตรงข้ามกับรถเข็นนอน
สอดแผ่นเลื่อน (pat slide) เข้าใต้ผ้าขวางเตียง
วางแขนผู้ป่วยไว้บนหน้าอก
ขณะเลื่อนตัวให้พยาบาลคนหนึ่งยึดแผ่นเลื่อนให้อยู่กับที่่
จัดให้ผู้ป่วยนอนหงายอยู่ กลางรถเข็นนอนในท่าที่สุขสบาย ปลอดภัย ยกราวกั้นรถเข็นนอนขึ้น
การจัดท่านอนผู้ป่วยแบบต่างๆ
3)ท่านอนตะแคง (Lateral position)
ช่วยลดการกดทับบริเวณส่วนหลังของร่างกาย
4)ท่านอนตะแคงกึ่งคว่ำ (Semiprone position)
ผู้ป่วยที่ไม่รู้สึกตัว ช่วยทำให้น้ำลาย และเสมหะของผู้ป่วยไหลออกจากปาก จมูกได้สะดวก
2)ท่านอนหงายศีรษะสูง (Fowler’s or semi sitting position)
ผู้ป่วยนอนศีรษะสูง 60 ถึง 90 องศา
1)ท่านอนหงาย (Dorsal or supine position)
เตรียมตรวจอวัยวะด้านหน้าของร่างกาย
5)ท่านอนตะแคงซ้ายกึ่งคว่ำ (Sim’s position)
ให้การพยาบาลที่เกี่ยวข้องกับระบบขับถ่ายอุจจาระ
6)ท่านอนคว่ำ (Prone position)
ผู้ป่วยที่ไม่รู้สึกตัว ช่วยทำให้น้ำลาย และเสมหะของผู้ป่วยไหลออกจากปาก จมูกได้สะดวก
7)ท่านอนหงายชันเข่า (Dorsal recumbent position)
การตรวจช่องคลอด ฝีเย็บ ทวารหนัก สวนปัสสาวะ ทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก และทำคลอดบุตร
8)ท่านอนหงายพาดเท้าบนขาหยั่ง (Lithotomy position)
การรักษาหรือพยาบาลสามารถเข้าใกล้บริเวณที่ต้องการตรวจได้มากขึ้น ทำให้สะดวกและถนัด ผลดีจึงมีมากกว่า
9)ท่านอนคว่ำคุกเข่า (Knee-chest position)
ท่าเตรียมตรวจหรือทำผ่าตัดบริเวณทวารหนักและลำไส้ใหญ่ส่วนปลายโดยเฉพาะ
10)ท่าฟุบหน้า (Orthopneic position)
ใช้กับผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับการหายใจนอนราบไม่ได้
หลักการปฏิบัติในการจัดท่าและการพลิกตัวผู้ป่วย
คงไว้ซึ่งแนวปกติของร่างกายตลอดเวลา
จัดเปลี่ยนท่านอนอย่างน้อยทุก 2 ชั่วโมง
นวดปุ่มกระดูกที่รับน้ำหนักด้วยโลชั่น
ดูแลเตียงให้สะอาด เรียบตึง ตรวจสภาพที่นอนให้อยู่ในสภาพที่คงรูปได้ดี
ก่อนจัดท่าควรบริหารข้อต่างๆให้เคลื่อนไหวตามขอบเขตที่ทำได้ ป้องกันข้อติดแข็ง
การปฏิบัติการจัดท่า
1) การเลื่อนตัวผู้ป่วย
ผู้ป่วยไม่สามารถช่วยเลื่อนตัวได้
ผู้ป่วยสามารถช่วยเหลือตนเองได้
2) การพลิกตะแคงตัว
แจ้งให้ผู้ป่วยทราบ
เลื่อนตัวผู้ป่วยมาชิดขอบเตียงทางด้านตรงข้ามที่จะพลิกไป
พลิกผู้ป่วยเข้าหาตัวพยาบาลเสมอ เพื่อป้องกันผู้ป่วยตกเตียง
วางแขนผู้ป่วยพาดบนหน้าอก
จัดขาผู้ป่วยด้านไกลตัวพยาบาลไขว้มาทางที่จะพลิก
พลิกตัวผู้ป่วยให้ตะแคงเข้าหา พยาบาล จัดท่าตามต้องการ
ยกราวกั้นเตียงขึ้น
การออกกำลังกาย
ความสำคัญและประโยชน์ของการออกกำลังกาย
การเจริญเติบโต
สุขภาพทั่วไป
สมรรถภาพทางกาย
รูปร่างและทรวดทรง
การป้องกันโรค
การรักษาโรคและฟื้นฟูสภาพ
ผลของการออกกำลังกายต่อระบบกล้ามเนื้อ
มีความทนต่อความร้อนและความเป็นกรด–ด่างได้เป็นอย่างดี
กล้ามเนื้อสามารถนำออกซิเจนมาใช้ได้มากขึ้น
ผลของการออกกำลังกายต่อระบบประสาท
อุณหภูมิในร่างกายลดลง
เพิ่มการถ่ายเทของเสียจากการเผาผลาญ
ผลของการออกกำลังกายต่อระบบหายใจ
ยการหายใจจะเพิ่มมากกว่าตอนพัก
ผลของการออกกำลังกายต่อระบบไหลเวียนเลือด
ปรับสรีรภาพให้รับกับสภาพการณ์ใหม่
การแบ่งตามลักษณะการทำงานของกล้ามเนื้อ
การออกกำลังกายแบไอโซเมตริก
การหดตัวของกล้ามเนื้อ ชนิดที่ความยาวของกล้ามเนื้อคงที่ แต่มีการเกร็งหรือตึงตัว
การออกกำลังกายแบไอโซโทนิก
มีการหดตัวของกล้ามเนื้อ ชนิดที่ความยาวของกล้ามเนื้อมีการเปลี่ยนแปลง
ไอโซคิเนติก
การออกกำลังกายชนิดที่การทำงานของกล้ามเนื้อเป็นไปอย่างสม่ำเสมอตลอดช่วงเวลาของการเคลื่อนไหว
การแบ่งตามลักษณะการใช้ออกซิเจน
การออกกำลังกายแบบแอนแอโรบิก
การออกกำลังกายแบบไม่ต้องใช้ออกซิเจน
การออกกำลังกายแบบแอโรบิก
การออกกำลังกายชนิดที่ต้องใช้ออกซิเจน
หลักและวิธีการออกกำลังกาย
ปริมาณความหนัก ความนาน และความบ่อยในการออกกำลังกาย
ควรใช้เวลาอย่างน้อย 20 –30 นาที
(แต่สำหรับผู้ที่เป็นนักกีฬาควรเพิ่มเวลาให้นานขึ้น)
ความบ่อยของการออกกำลังกาย
ไม่น้อยกว่า 3 วัน และไม่เกิน 6 วัน และควรมีวันพักผ่อนสัปดาห์ละไม่น้อยกว่า 1 วัน
นางสาวงดวงฤทัย ใจบุญ
รหัสนักศึกษา 6203400086
หน้า 2