Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 10 ยาต้านไวรัส - Coggle Diagram
บทที่ 10 ยาต้านไวรัส
Anti-herpes virus agent
Acyclovir
กลไกการออกฤทธิ์
ยา Acyclovir จะออกฤทธิ์เข้าไปยับยั้งการแพร่พันธุ์ของเชื้อไวรัส โดยรบกวนการสร้างและสังเคราะห์สารทางพันธุกรรม (DNA) ของเชื้อไวรัส ทำให้ไวรัสไม่สามารถแพร่พันธุ์ได้อย่างต่อเนื่อง จึงส่งผลให้อาการของโรคบรรเทาลงในที่สุด
การนำไปใช้ทางคลินิก
รูปแบบขี้ผึ้งสำหรับทาเฉพาะที่ใช้สำหรับทาแผลที่เกิดจากการติดเชื้อเริมที่อวัยวะเพศ
รูปแบบขี้ผึ้งสำหรับป้ายตาใช้สำหรับกระจกตาอักเสบ กระจกตาเป็นแผล ซึ่งเกิดจากเชื้อ Herpes simplex และ Herpes zoster
รูปแบบรับประทานใช้ในการรักษาการติดเชื้อ Herpes simplex (โรคเริม) ที่ผิวหนังและ Mucous membrane (โรคงูสวัด) ใช้ได้ทั้งในการติดเชื้อครั้งแรกและในครั้งต่อ ๆไป
รูปแบบฉีดใช้ในการติดเชื้อ Herpes genitalis (โรคเริม)
ผลข้างเคียง
หากให้ยาทางหลอดเลือดดำ อาจทำให้หลอดเลือดดำอักเสบ
อาการคัน
หากให้ยาทางหลอดเลือดดำ จะทำให้ไตเสียหน้าที่
ปวดศีรษะ
ปวดแสบแวดร้อน
อาเจียน
อาจมีน้ำตาไหล
คลื่นไส้
กลัวแสง
เคืองตา
ข้อควรระวังและข้อห้ามใช้
หลีกเลี่ยงในผู้ป่วยโรคไต ถ้าจำเป็นต้องใช้ให้ลดขนาดยาลง
ไม่ควรให้ Topical steroid ร่วมกับ Topical acyclovir
Ganciclovir
กลไกการออกฤทธิ์
ยาจะถูกเปลี่ยนเป็น Ganciclovir triphosphate ซึ่งไปมีผลยับยั้งเอนไซม์ viral DNA polymerase คล้ายกับ Acyclovir ส่งผลยับยั้งการสังเคราะห์ DNA ของไวรัส
การนำไปใช้ทางคลินิก
รูปแบบฉีด ใช้ในการรักษา Retinitis (จอตาอักเสบ) ที่เกิดจาก cytomegalovirus ในผู้ป่วยเอดส์ ใช้รักษาลำไส้อักเสบ หลอดอาหารอักเสบ และปอดอักเสบ
รูปแบบที่ให้โดยการรับประทาน ใช้ในการป้องกันการเกิด End organ disease จาก CMV ในผู้ป่วยเอดส์และใช้เป็น maintenance therapy ในการรักษาCMV retinitis
ผลข้างเคียง
เป็นพิษต่อระบบประสาท
ปวดศีรษะ
เม็ดเลือดขาวต่ำ
มีการเปลี่ยนแปลงทางจิต
กดไขสันหลัง
ชัก
ข้อห้ามใช้
ผู้ป่วยอยู่ในช่วงเวลาที่ตั้งครรภ์และให้นมบุตร
ผู้ป่วยมีความผิดปกติของไตอย่างรุนแรง
ผู้ป่วยอายุไม่เกิน 12 ปี
ผู้ป่วยมีการติดเชื้อ cytomegalovirus , thrombocytopenia , neutropenia รุนแรง
คำแนะนำ
ควรระมัดระวังในผู้ป่วยที่มีอาการไตวายเฉียบพลันปานกลาง
Foscarnet
กลไกการออกฤทธิ์
ออกฤทธิ์ยับยั้ง viral DNA polymerase และ RNA polymerase
การนำไปใช้
Foscarnet ใช้รักษาผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อไวรัสที่เริมดื้อยา
Foscarnet ใช้รักษาผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อไวรัส Varicella zoster ที่ดื้อยา
รักษาจอประสาทตาอักเสบจากไวรัส, โรคหลอดลมอักเสบใน cytomegalovirus
ผลข้างเคียง
ภาวะแคลเซียมต่ำ หรือ สูง
ภาวะฟอสเฟสต่ำ หรือ สูง
เกิดอาการไตวาย
มีพิษต่อระบบประสาท
มีพิษต่อไต
คำแนะนำ
เมื่อมีอาการเหล่านี้ต้องรีบมาพบแพทย์
ปวดหรือแสบร้อนขณะปัสสาวะ
มีอาการชัก
ปวดหัวด้วยอาการเจ็บหน้าอก และเวียนศีรษะอย่างรุนแรง เป็นลม หัวใจเต้นเร็ว เม็ดเลือดขาวต่ำ - ไข้, เหงือกบวม, แผลในปาก, ปวดเมื่อกลืน, แผลผิวหนัง, อาการหวัดหรือไข้หวัดใหญ่, ไอ, หายใจลำบาก
เซลล์เม็ดเลือดแดงต่ำ (โรคโลหิตจาง) - ผิวสีซีด, ความรู้สึกหัวเบาหรือหายใจสั้น, อัตราการเต้นของหัวใจเร็ว
Trifluridine หรือ Trifluorothymidine
กลไกการออกฤทธิ์
ออกฤทธิ์โดยยับยั้ง viral DNA synthesis
การนำไปใช้ทางคลินิก
ใช้รักษาการอักเสบของกระจกตาชั้นผิวนอก จากการติดเชื้อ Herpes simplex virus
เป็นยาใช้ภายนอก
Antiretrovirus agents
Reverse transcriptase inhibitors (RTIs)
กลุ่ม Nucleoside reverse transcriptase inhibitors (NRTIs)
Zidovudine (ซิโดวูดีน) / Azidothymidine (อะซิโดไทมิดีน), AZT
ยาดูดซึมได้ดีที่ทางเดินอาหาร
ถูกเปลี่ยนแปลงที่ตับและขับออกทางไต
ช่วยทำให้ผู้ป่วยมีชีวิตยืนยาวขึ้น ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยดีขึ้น
การให้ยาแก่มารดาที่ติดเชื้อก่อนคลอดและให้ยาแก่เด็กแรกเกิดจะช่วยลดการติดเชื้อเอดส์จากแม่สู่ลูก
ควรให้ยาในรูป Combination กับยาชนิดอื่น
การใช้ยา AZT จะช่วยลดการเกิดอาการแสดงทางคลินิก
ยาเป็น Deoxythymidine analog
ผลข้างเคียง
ปวดหัว
นอนไม่หลับ
โรคกระเพาะอาหาร
โรคโลหิตจาง
Didanosine (ไดดาโนซีน), ddl
ใช้รักษาผู้ใหญ่และเด็ก (อายุเกินกว่า 6 เดือน) ที่ติดเชื้อ HIV ขั้นรุนแรงที่ไม่สามารถทนต่อยา Zidovudine หรือมีการตอบสนองทางคลินิก
Zidovudine ปัจจุบันสามารถใช้เป็น First-line drug หรือใช้ร่วมกับยาอื่น ๆ ในการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อ HIV
ใช้รักษาผู้ใหญ่ที่มีการติดเชื้อ HIV ขั้นรุนแรง ที่เคยได้รับการรักษาด้วยยา Zidovudine มาก่อนเป็นเวลานาน
ควรให้ยาขณะที่ท้องว่าง
ยาเป็น Deoxyadenosine analog
ไม่ควรให้ยา ddI ร่วมกับ Tetracycline หรือ Antacid
ปัจจุบันสามารถใช้เป็น First-line drug หรือใช้ร่วมกับยาอื่น ๆ ในการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อ HIV
ผลข้างเคียงที่พบ
ปลายประสาทเสื่อมหรือปลายประสาทอักเสบ
ตับอักเสบ
ตับอ่อนอักเสบ
ท้องเสีย
Lamivudine (ลามิวดิน) / STC
อาหาร ยาถูกขับออกในรูปที่ไม่เปลี่ยนแปลงทางปัสสาวะใช้ในผู้ป่วยที่ติดเชื้อ HIV
ใช้ร่วมกับ Zidovudine
ดูดซึมได้ดี
ไม่ใช้ Lamivudine เดี่ยว ๆ
เป็น Cytosine analog
ผลข้างเคียง
ปวดหัว
นอนไม่หลับ
อ่อนเพลีย
Zalcitabine (ซัลซิตาบีน) / ddC
ควรให้ร่วมกับ AZT จะทำให้มีผลในการรักษาที่ดีกว่าการให้ยาเดี่ยว ๆ
การให้ยาพร้อมกับอาหารหรือยา Antacid จะลดระดับยาในเลือด
ได้ผลต่อเชื้อที่ดื้อต่อ AZT
ผลข้างเคียง
Peripheral neuropathy (เกิดโรคระบบประสาทส่วนปลาย)
ตับอ่อนอักเสบ
ไม่ควรให้ยานี้ร่วมกับยาที่มีอาการไม่พึงประสงค์เช่นเดียวกัน เช่น ยารักษาวัณโรค
เป็น Cytosine analog
Stavudine (สตาวูดีน) / d4T
เป็น Thymidine analog
ดูดซึมได้ดี อาหารไม่มีผลต่อการดูดซึม
ยาถูกขับออกทางไต
ผลข้างเคียง
โรคระบบประสาทสัมผัสส่วนปลาย
ตับอ่อนอักเสบ
ปวดข้อ
ไม่ควรให้ยานี้ร่วมกับยา AZI
Abacavir (อะบาคาเวียร์) / ABC
ยาดูดซึมได้ดีโดยที่กระเพาะอาหาร
ยาถูกเปลี่ยนแปลงที่ตับได้ Inactive metabolite และขับออกทางปัสสาวะ
ผลข้างเคียง
Hypersensitivity
Skin rash
เพิ่มระดับเอนไซม์ Aminotransferase
คลื่นไส้
อาเจียน
ท้องเสีย
อ่อนเพลีย
เป็น Guanosine analog ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่ายาอื่น ๆ ในกลุ่ม NRTls
Non-nucleoside reverse transcriptase inhibitors (NNRTIs)
กลไกการออกฤทธิ์
ออกฤทธิ์โดยการจับกับ Reverse transcriptase enzymes ของเชื้อ HIV
Nevirapine (เนวิราปีน)
ยานี้ใช้เป็นหนึ่งใน Combination ในการรักษาการติดเชื้อ HIV
การให้ single dose ของ nevirapine สามารถป้องกันการ transmission ของ HIV จากแม่สู่ลูกได้
ผลข้างเคียง
ผื่นที่ผิวหนัง (Steven Johnson syndrome, toxic epidermal necrolysis) ตับอักเสบ มีไข้คลื่นไส้ ปวดศีรษะ และอาการง่วงซึม
Delavirdine (ดีลาเวอร์ดีน)
ยามีการดูดซึมที่ลดลงได้เมื่อให้ร่วมกับยาลดกรด ยาถูกเปลี่ยนแปลงที่ตับได้ Inactive metabolite
ควรระมัดระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่มี Hepatic insufficiency
ผลข้างเคียง
การให้ Delavirdine ร่วมกับยาหลายชนิด สามารถลดระดับความเข้มข้นในเลือดได้
ขณะเดียวกัน ยาบางชนิดจะสามารถเพิ่มระดับความเข้มข้นของ Delavirdine
ไม่ควรใช้ Delairdine ขณะที่ตั้งครรภ์เนื่องจากการศึกษาในสัตว์ทดลองพบว่าทำให้ทารกพิการ
Efavirenz (เอฟฟาไวเร็นซ์
)
ยานี้สามารถใช้ได้เพียงวันละครั้ง เนื่องจากยามี half Life ที่ยาว
ยาดูดซึมได้ดีและการดูดซึมจะเพิ่มขึ้นเมื่อให้ร่วมกับอาหารที่มีไขมัน
ผลข้างเคียง
ควรระมัดระวังในการใช้ยาในผู้ป่วยโรคตับที่มีอาการรุนแรง ไม่ควรใช้ยานี้ในหญิงตั้งครรภ์
Fusion inhibitor
Integrase inhibitors หรือ integrase strand transfer inhibitors (INSTIs)
ผลข้างเคียงของยาน้อยกว่ายาในกลุ่ม NNRTls
ชนิดของยากลุ่มนี้ที่ได้รับความนิยมขึ้นในปัจจุบัน
Elvitegravir / เอลวิทึกราเวียร์
ยังไม่มีผลการศึกษาวิจัยที่เพียงพอในการใช้กับมนุษย์
Dolutegravir / โดลูที่กราเวียร์
ได้อนุญาตให้ใช้ในผู้ป่วยที่ติดเชื้อ HIV ในผู้ป่วย
ผู้ที่เคยใช้ยากลุ่ม Integrase strand transfer inhibitor ตัวอื่นมาแล้ว
เด็กอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป ที่มีน้ำหนักตัวอย่างน้อย 40 กก.
อาจใช้รักษาการติดเชื้อ HIV ในผู้ใหญ่ที่ไม่เคย หรือเคย ได้รับยาต้าน HIV มาแล้ว
ผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงที่พบบ่อย
นอนหลับยาก (Insomnia)
ปวดศีรษะ
ผลข้างเคียงที่รุนแรง
การทำงานของตับผิดปกติในผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซีร่วม
การแพ้ยา
ข้อควรปฏิบัติในการรับประทานยา
รับประทานยาตามที่กำหนด ทุกมื้อ และทุกวัน
อย่าเปลี่ยนยาด้วยตนเอง โดยไม่ปรึกษาแพทย์ ถ้าพบว่าปฏิบัติตามแผนการรักษาได้ยาก ควรปรึกษาแพทย์
เพื่อค้นหาแนวทางการรักษาใหม่ที่เหมาะสม
หากจะใช้ยาอื่นนอกเหนือที่แพทย์สั่ง ควรปรึกษาแพทย์และเภสัชกรก่อนทุกครั้ง
ควรรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอ หากหยุดยาระยะหนึ่งแล้วมารับประทานต่อ ก็อาจทำให้เกิดเชื้อดื้อยา การรักษาจะยิ่งยากมากขึ้น
อาการที่ต้องรีบมาพบแพทย์
ตับอ่อนอักเสบ, ชาปลายมือปลายเท้า, กรดยูริกในเลือดสูง
ปฏิกิริยาภูมิแพ้, อ่อนเพลีย, น้ำหนักลด
คลื่นไส้อาเจียน โลหิตจาง เม็ดเลือดขาวต่ำ
Raltegravir (RAL) / เรียลทิกราเวียร์
ยังไม่มีผลการศึกษาวิจัยที่เพียงพอในการใช้กับมนุษย์
กลไกการออกฤทธิ์
ขัดขวางการกระจายของไวรัสในผู้ที่ติดเชื้อ
ออกฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ Integrase ทำให้วงจรการเพิ่มจำนวนของไวรัสถูกยับยั้ง
ยาในกลุ่มนี้เป็นยาต้านไวรัสเอชไอวีที่มีประสิทธิภาพสูง
Enfuvirtide / เอ็นฟูเวอร์ไทด์
ผลข้างเคียง
การเกิดปฏิกิริยาของบริเวรที่ฉีดยา อาจเกิด Hypersensitivity ได้
ป้องกันการเปลี่ยนแปลง รูปร่าง ที่จำเป็นต่อการหลอมรวมของเชื้อเข้ากับ Cell membrane
ยานี้จะจับกับ gp41 subunit ของเปลือกหุ้มที่เป็นไกลโคโปรตีนของไวรัส
กลไกการออกฤทธิ์
ออกฤทธิ์ยับยั้งการหลอมตัวของไวรัสเข้ากับ Cell membrane ของ เชลล์เจ้าบ้าน
สามารถยับยั้งกระบวนการเข้าเซลล์ ของไวรัสได้
Protease Inhibitors (PI)
กลไกการออกฤทธิ์
ยับยั้งเอนไซม์ Viral protease เส้นเป็นสายสำคัญที่ช่วยให้ไวรัสสามารถตัดแต่งโปรตีนที่สังเคราะห์ขึ้นมาให้เป็นโปรตีนที่ Active
ทำงานได้ Protease enzyme
ผลข้างเคียงที่พบ
การเปลี่ยนแปลงการกระจายไขมันของร่างกาย นอกจากนี้ยังทำให้เกิดภาวะ Insulin resistance และHyperlipidemia
Saquinavir
กลไกการออกฤทธิ์
รูปแบบเดิมของ Saquinavir อยู่ในรูปของ hard gel capsule เส้นดูดซึมไม่ดี
รูปแบบใหม่อยู่ในรูปของ soft gel capsule ซึ่งมีการดูดซึมเพิ่มขึ้นจากเดิม 3 เท่าและการดูดซึมจะเพิ่มขึ้นเมื่อให้ร่วมกับอาหาร
ผลข้างเคียง
การให้Saquinavir ร่วมกับ ritonavri จะช่วยยับยั้ง first pass metabolism และทำให้ได้ระดับยาที่สูงขึ้น
Ritonavir
กลไกการออกฤทธิ์
ยาดูดซึมได้ดีขึ้น เมื่อให้ร่วมกับอาหาร การให้ยาต้องค่อยๆให้การเพิ่มขนาดยาทีละน้อย
เพื่อลดการเกิดอาการไม่พึงประสงค์ ยาขับทางอุจจาระเป็นหลัก และต้องระมัดระวังการให้ยาในผู้ป่วยโรคตับ
ผลข้างเคียง
การรบกวนทางเดินอาหาร, อาการชา, มีระดับเอนไซม์อะมิโนทรานสเฟอเรส เพิ่มขึ้น, รสชาติเปลี่ยนไป, ไขมันในเลือดสูง, คลื่นไส้, อาเจียนและปวดท้อง
Indinavir
กลไกการออกฤทธิ์
ควรให้ขณะที่ท้องว่างเพื่อเพิ่มการดูดซึม ยาถูกเปลี่ยนแปลงที่ตับและขับออกทางอุจจาระ ยาเข้าสู่ cerebrospinal fluid ได้ดีที่สุดในกลุ่ม Pis
ผลข้างเคียง
hypertriglyceridemia,ภาวะมีนิ่วในไต ผู้ป่วยควรดื่มน้ำมาก ๆเพื่อป้องกันการเกิดนิ่วในไต
Nelfinavri
กลไกการออกฤทธิ์
ดูดซึมได้ดีจากการรับประทานอาหาร ถูกเปลี่ยนแปลงที่ตับและขับออกทางอุจจาระ
ผลข้างเคียง
diarrhea , flatulence
Apmrenavir
กลไกการออกฤทธิ์
ดูดซึมได้ดีจากการรับประทานอาหารแต่อาหารที่มีไขมันมากจะลดการดูดซึมยา จึงควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารประเภทไขมันขณะรับประทานยา
ผลข้างเคียง
คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย รู้สึกชารอบปาก และผื่น ซึ่งผื่นอาจรุนแรงถึงขั้น Steven Johnson syndrome ได้