Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การดูแลผู้ป่วยที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ประเทศอิรัก - Coggle Diagram
การดูแลผู้ป่วยที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม
ประเทศอิรัก
ข้อมูลทั่วไป
ประเทศอิรักหรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐอิรักเป็น
ภูมิประเทศ
พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทะเลทรายและที่ราบกว้างใหญ่
ภูมิอากาศ
ฤดูร้อน ช่วง เม.ย.-ต.ค. อากาศร้อนและแห้งแล้งแบบทะเลทราย
ฤดูหนาว ช่วง พ.ย.-ก.พ. มีอากาศหนาวจัด อุณหภูมิ 3-10 องศาเซลเซียส
ฤดูฝน ช่วง ธ.ค. เป็นช่วงที่มีฝนตก
ศาสนา
ชาวอิรักส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม 96% แบ่งเป็นนิกาย ชีอะห์ 31.5% กับ ซุนนีย์ 64.5% ลัทธิเหตุผล กับ Yazdânism 2.0% ศาสนาคริสต์ 1.2% ศาสนาอื่นๆ 0.8%
โครงสร้างหรือรูปแบบการให้คําแนะนําผู้ป่วยเบาหวาน
ขณะถือศีลอดในเดือนรอมฎอน
1.การให้คําแนะนําเกี่ยวกับอาหารและการวางแผนมื้ออาหาร
อาหารเย็นควรรับประทานคาร์โบไฮเดรตที่ย่อยได้ง่าย นอกจากนี้ยังแนะนําให้มี การดื่มน้ำมากๆ ในช่วงเวลาที่ไม่ได้อดอาหาร และแนะนําว่าอาหารเช้ามืดควรรับประทานในเวลาที่ใกล้เคียงกับ เวลาที่จะเริ่มถือศีลอดในแต่ละวัน
2.การออกกําลังกาย
ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 สามารถออกกําลังกายเบา ๆ จนถึงระดับปานกลาง ได้อย่างปลอดภัย แต่ควรหลีกเลี่ยงการออกกําลังกายที่จริงจังหรือรุนแรง ซึ่งอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดภาวะ น้ำตาลในเลือดต่ำ
3.การตรวจติดตามระดับน้ำตาลในเลือด
ผู้ป่วยเบาหวานทุกคนที่ถือศีลอดควรมีการเตรียมการ เกี่ยวกับการตรวจติดตามระดับน้ำตาลในเลือด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีอาการของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำหรือ รู้สึกไม่สบาย
4.การเฝ้าระวังและการจัดการภาวะแทรกซ้อน
หากผู้ป่วยมีอาการเตือนของภาวะแทรกซ้อน เช่น ภาวการณ์ขาดน้ำ ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
ควรแนะนําให้ ผู้ป่วยยุติการถือศีลอด เพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงจนอาจเป็นอันตรายต่อชีวิต
การดูแลผู้ป่วยเบาหวานระหว่างเดือนรอมฎอน
การดูแลผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1
ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 โดยเฉพาะผู้ที่ควบคุมระดับน้ำตาลได้ไม่ดีจะมีปัจจัยเสี่ยงสูงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง หรือผู้ป่วยที่ไม่สามารถตรวจติดตามระดับน้ำตาลในเลือดได้หลาย ๆ ครั้งในแต่ละวัน อาจจะไม่สามารถถือศีลอดได้
ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 ซึ่งต้องใช้อินซูลิน ในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เมื่อผู้ป่วยถือศีลอดต้องเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดําเนินชีวิตและเวลาในการ รับประทานอาหาร
การดูแลผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2
(1)ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมระดับน้ำตาลด้วยอาหารเพียงอย่างเดียว
ผู้ป่วยสามารถถือ ศีลอดได้โดยมีปัจจัยเสี่ยงค่อนข้างน้อย อย่างไรก็ตามหากผู้ป่วยไม่มีการควบคุมปริมาณอาหารในเวลาเช้ามืดและ เวลาเย็น ก็อาจทําให้เกิดภาวะน้ำตาลสูงหลังอาหารได้
(2) ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมระดับน้ำตาลด้วยยารับประทาน
เนื่องจากในขณะที่มีการถือ ศีลอดผู้ป่วยจะไม่สามารถรับประทานอาหาร ดื่มน้ำ รวมทั้งการรับประทานยา ดังนั้นเภสัชกรควรให้คําแนะนํา ในการใช้ยาแก่ผู้ป่วย โดยพิจารณาจากยาที่ผู้ป่วยใช้และปัจจัยเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อน
การดูแลผู้ป่วยเบาหวานหลังเดือนรอมฎอน
หลังจากสิ้นสุดเดือนรอมฎอน ผู้ป่วยเบาหวานควรได้รับการตรวจร่างกาย เพื่อติดตามเกี่ยวกับการ เปลี่ยนแปลงระดับน้ำตาลในเลือด หรือค่าทางชีวเคมีอื่นๆ ตามปัจจัยเสี่ยงของผู้ป่วยแต่ละราย และประการสําคัญแพทย์จะต้องมีการพิจารณาปรับเปลี่ยน ขนาดและวิธีการใช้ยาของผู้ป่วยให้กลับสู่สภาวะปกติ โดยอาจจะพิจารณาจากผลการตรวจร่างกายหลังจาก สิ้นสุดการถือศีลอด
แนวทางในการนำทฤษฎีsunrise model ไปใช้ในการปฏิบัติการพยาบาลโดยใช้กระบวนการพยาบาล
1.การประเมิน ข้อมูลจากการประเมินภาวะสุขภาพ 11 แบบแผน
ข้อมูลทั่วไป: นับถือศาสนาอิสลาม
ข้อมูลเกี่ยวกับความเจ็บป่วย: เป็นโรคเบาหวานและรักษาตนเองด้วยการกินอินทผาลัมและน้ำในช่วงฝนช่วงถือศีลอด
การรับรู้และการดูแลสุขภาพ: เป็นโรคเบาหวานต้องรับประทานยาสม่ำเสมอแต่ในช่วงเดือนรอมฎอนต้องมีการเปลี่ยนแปลงการรับประทานยาให้เหลือวันละ 2 ครั้ง
อาหารและการเผาผลาญสารอาหาร: ปกติรับประทานอาหารอิสลามวันละ 3 มื้อแต่ในช่วงเวลาของเดือนรอมฎอนจะรับประทานวันละ 2 มื้อโดยในระหว่างที่มีการอดอาหารเป็นเวลานานผู้ป่วยบางคนมีพฤติกรรมการบริโภคที่ไม่เหมาะสมมีการบริโภคอาหารเย็นมากขึ้นและเป็นอาหารที่มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตสูง
คุณค่าและความเชื่อ: เชื่อในพระอัลเลาะห์ ถือศีลอดในเดือนรอมฎอนอย่างเคร่งครัด ละหมาดวันละ 5 ครั้ง
2.การกำหนดข้อวินิจฉัยการพยาบาล
1.มีโอกาสเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูงเนื่องจากแบบแผนการดำเนินชีวิตตามความเชื่อของตนเองโดยไม่สอดคล้องกับแผนการรักษา
2.มีโอกาสได้รับภาวะแทรกซ้อนจากการรับประทานอาหารเย็นที่มากขึ้นและรับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง ได้แก่ ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง ภาวะคีโตซิส ละภาวะขาดน้ำ
3.การวางแผนการพยาบาลและการปฏิบัติการพยาบาล
1.อธิบายให้ผู้ป่วยทราบว่าผู้ป่วยสามารถนำอาหารมารับประทานเองได้และสามารถรับประทานอาหารตามเวลาของผู้ป่วยได้
2.แนะนำให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารที่ย่อยง่ายและไม่มีส่วนประกอบของคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลสูงมาก เช่น ข้าวกล้อง ถั่วลันเตา สาลี่
3.ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับแผนการรับประทานอาหารของผู้ป่วยในเดือนรอมฎอนเพื่อปรับเวลาในการให้ยาและขนาดยาให้สอดคล้องกับแผนการดำเนินชีวิตของผู้ป่วย
4.ติดตามประเมินน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยหลังปรับการให้ยาตามแผนการรักษา
5.จัดห้องให้ผู้ป่วยสำหรับการละหมาดโดยใช้ห้องพักพยาบาลสำหรับการละหมาดและแจ้งพยาบาลทราบเวลาที่ผู้ป่วยจะใช้ห้องพัก
6.แนะนำในเรื่องของการออกกำลังกาย โดยจะออกกำลังกายแบบเบาๆจนถึงปานกลางหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่จริงจังและรุนแรง
7.ควรให้การสนับสนุนผู้ป่วยปฏิบัติกิจกรรมประจำวันตามปกติ เช่น การละหมาดให้ตรงเวลา
4.การประเมินผลทางการพยาบาล
1.ผู้ป่วยสามารถบอกเกี่ยวกับอาหารที่มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตได้และบอกให้ผู้ป่วยเปลี่ยนการรับประทานอาหารเช่น เปลี่ยนจากข้าวขาวเป็นนข้าวกล้อง เปลี่ยนจากแอปเปิลแดงเป็นแอปเปิลเขียวแทน