Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
9 การส่งเสริมการขับถ่ายปัสสาวะ - Coggle Diagram
9
การส่งเสริมการขับถ่ายปัสสาวะ
ปัจจัยที่มีผลต่อการขับถ่ายปัสสาวะ
อายุ หรือ พัฒนาการในวัยต่าง ๆ
วัยเด็ก
เด็กทารกกระเพาะปัสสาวะมีความจุน้อย
ผู้สูงอายุ
มีน้ำปัสสาวะเพียง 150-200 มิลลิลิตร กระเพาะปัสสาวะก็จะบีบตัวทำให้รู้สึกอยากถ่ายปัสสาวะและทำให้ถ่ายปัสสาวะบ่อยครั้งขึ้น และมักจะตื่นขึ้น มาปัสสาวะในตอนกลางคืน
น้ำและอาหาร
Fluid intake
ร่างกายได้รับน้ำมากจำนวนครั้งของการขับถ่ายและปริมาณปัสสาวะก็จะมาก
Loss of body fluid
การสูญเสียเหงื่อ
มีไข้สูง
อาเจียน
ท้องเสีย
Food intake
ทานอาหารที่มีความเค็มมาก ปัสสาวะจะออกน้อยลงและเข้มข้นมาก
ยา
ยาที่ขับออกทางระบบปัสสาวะจะส่งผลให้สีของน้ำปัสสาวะเปลี่ยนแปลง
ด้านจิตสังคม
ความกลัวที่รุนแรงอาจทำให้กลั้นปัสสาวะไม่ได้
ความเครียดและความวิตกกังวลกระตุ้นให้อยากถ่ายปัสสาวะบ่อยขึ้น
Sociocultural factor
การอบรมเลี้ยงดูในครอบครัวมีอิทธิพลต่อนิสัยการขับถ่ายของบุคคล
ลักษณะท่าทาง
ผู้ชายบางรายจะมีปัญหาในการขับถ่ายปัสสาวะเมื่ออยู่ในท่านอนราบ
ผู้หญิงจะใช้ท่านั่ง ถ้าจำเป็นต้องใช้หม้อนอนบนเตียงราบก็อาจจะไม่สามารถขับถ่ายปัสสาวะได้หมด
กิจกรรมและความตึงตัวของกล้ามเนื้อ
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
ผู้ป่วยที่คาสายสวนปัสสาวะไว้เป็นเวลานาน ทำให้กระเพาะปัสสาวะตึงตัวน้อยลง
สตรีในภาวะหมดประจำเดือน ฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง
ผู้ที่นอนอยู่บนเตียงนาน ๆ ร่างกายไม่ได้เคลื่อนไหว
Pathologic conditions
พยาธิสภาพของโรคหลายชนิดมีผลต่อ
การสร้างปัสสาวะทั้งปริมาณและคุณภาพ
Surgical and diagnostic procedure
ความเครียดและความวิตกกังวลในกระบวนการรักษาทำให้ร่างกายหลั่ง ADH
การตรวจวินิจฉัยในระบบทางเดินปัสสาวะ
การฉีดยาชาที่ไขสันหลัง ส่งผลต่อการขับถ่ายปัสสาวะของผู้ป่วย
แบบแผนการขับถ่ายปัสสาวะและการขับถ่ายปัสสาวะที่ผิดปกติ
แบบแผนการขับถ่ายปัสสาวะ
แบบแผนการขับถ่ายปัสสาวะในคนปกติ
1.เมื่อมีปริมาณปัสสาวะอยู่ในกระเพาะปัสสาวะ 100-400 มิลลิลิตร
2.ในภาวะที่ไม่สามารถถ่ายปัสสาวะได้ทันที ต้องสามารถกลั้นได้ และเมื่อจะปัสสาวะก็สามารถปัสสาวะได้ทันที
3.เวลาที่ใช้ในการถ่ายปัสสาวะแต่ละครั้งมักไม่เกิน 30 วินาที
4.ตลอดการถ่ายปัสสาวะจะไม่มีอาการเจ็บปวด
5.ลำปัสสาวะช่วงแรกจะพุ่งแรงและใหญ่กว่าตอนสุด
6.ปัสสาวะประมาณ 4-6 ครั้งต่อวัน และปัสสาวะกลางวันบ่อยกว่ากลางคืน
7.มักถ่ายปัสสาวะก่อนนอน ตอนเช้าหลังตื่นนอน ก่อนหรือหลังรับประทานอาหาร
8.การถ่ายปัสสาวะจะเว้นช่วงห่างประมาณ 2–4 ชั่วโมงในเวลากลางวัน และ 6-8 ชั่วโมง ในเวลากลางคืน
9.จำนวนปัสสาวะประมาณ 250-400 มิลลิลิตรต่อครั้ง หรือไม่ควรน้อยกว่า 30 มิลลิลิตร ใน 1 ชั่วโมง
10.Residual urine ไม่ควรเกิน 50 มิลลิลิตร ในผู้ใหญ่ และไม่ควรเกิน 100 มิลลิลิตรในผู้สูงอายุ
ลักษณะของปัสสาวะที่ปกติ
1.ปริมาณปัสสาวะปกติในผู้ใหญ่ ประมาณวันละ 800–1,600 มิลลิลิตร
2.ลักษณะใส ไม่ขุ่น ไม่มีตะกอน
3.สีเหลืองจางจนถึงสีเหลืองเข้ม สีเหลืองฟางข้าว หรือสีเหลืองอำพัน
4.มีความเป็นกรดอ่อนๆ pH ประมาณ 4.6-8.0
5.มีความถ่วงจำเพาะ (Specific gravity) ประมาณ 1.015-1.025
6.เมื่อตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ไม่พบ Casts, Bacteria, Albumin หรือน้ำตาล ไม่พบเม็ดเลือดแดง
7.ปัสสาวะใหม่มีกลิ่นแอมโมเนียอ่อนๆ ถ้าตั้งทิ้งไว้นานๆ จะได้กลิ่นแอมโมเนียที่แรง
การขับถ่ายปัสสาวะที่ผิดปกติ
ไม่มีปัสสาวะ
ปัสสาวะน้อยกว่าปกติ
ปัสสาวะมากกว่าปกติ
ปัสสาวะตอนกลางคืน
ปัสสาวะขัด ปัสสาวะลำบาก
ถ่ายปัสสาวะบ่อยหรือกะปริบกะปรอย
Enuresis
Urinary retention
Urinary incontinence
True Incontinence
Urge incontinence/ Urgency/ Overactive bladder
Stress incontinence
Overflow incontinence
Functional Incontinence
ส่วนประกอบของปัสสาวะที่ผิดปกติ
Hematuria
หมายถึง ภาวะที่มีเม็ดเลือดแดงปนออกมาในน้ำปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะเป็นสีแดง อาจเห็นชัดเป็นเลือดสดๆ หรือเห็นเมื่อดูจากกล้องจุลทรรศน์
มีสาเหตุที่ไต ท่อไต กรวยไต กระเพาะปัสสาวะ ต่อมลูกหมาก และท่อปัสสาวะ
Glycosuria
หมายถึง ภาวะที่มีน้ำตาลปนออกมาในน้ำปัสสาวะ โดยคนปกติจะตรวจไม่พบน้ำตาลในปัสสาวะ
มักจะพบในผู้ป่วยเบาหวาน
Proteinuria หรือ Albuminuria
หมายถึง ภาวะที่มีโปรตีนหรือแอลบูมิน ในปัสสาวะมากกว่า 150 มิลลิกรัมต่อวัน
อาจเกิดจากกรวยไตอักเสบ
Ketonuria
หมายถึง ภาวะที่ตรวจพบคีโตนในน้ำปัสสาวะโดยคีโตนเป็นผลจากการเผาผลาญไขมันให้เป็นพลังงาน แทนพลังงานที่ได้จากน้ำตาล
พบในผู้ป่วยเบาหวานที่ได้รับการรักษาไม่ดี ควบคุมระดับน้ำตาลไม่ได้ และพบในผู้ป่วยที่ขาดอาหารรุนแรง
Bilirubinuria หรือ Choluria
หมายถึง ภาวะที่ตรวจพบบิลิรูบินในน้ำปัสสาวะ โดย bilirubin เป็น Breakdown product ของ Hemoglobin ซึ่งปกติจะไม่พบในปัสสาวะ
Hemoglobinuria
หมายถึง ภาวะที่มีการสลายตัวของเม็ดเลือดแดงทำให้เกิด Oxyhemoglobin หรือ Methemoglobin ในปัสสาวะ
ปัสสาวะเป็นหนอง
หมายถึง ภาวะปัสสาวะที่มีเซลล์หนอง เม็ดเลือดขาวในน้ำปัสสาวะบางครั้ง อาจพบมีแบคทีเรียร่วมด้วย
พบในผู้ป่วย ที่มีการอักเสบติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
Calculi
หมายถึง ภาวะที่มีก้อนนิ่วปนออกมากับน้ำปัสสาวะเนื่องจากมีการตกตะกอนของเกลือแร่ในร่างกาย
Chyluria
หมายถึง ภาวะปัสสาวะที่มีไขมันออกมาในน้ำปัสสาวะทำให้เห็นปัสสาวะเป็นสีขาวขุ่น แยกสีขาวขุ่นจากหนองโดยการใส่อีเธอร์ลงในปัสสาวะ
หลักการส่งเสริมสุขภาพในระบบทางเดินปัสสาวะ
ส่งเสริมให้ได้รับน้ำอย่างเพียงพอ
ผู้ใหญ่ควรได้รับน้ำสะอาด อย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว หรือประมาณ 1,500-2,000 มิลลิลิตร
ป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
ดื่มน้ำ อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว
ฝึกถ่ายปัสสาวะบ่อยๆ ทุก 2-4 ชั่วโมง
ดื่มน้ำ 2 แก้วก่อนและหลังมีเพศสัมพันธ์ และปัสสาวะทิ้งทันทีหลังจากมีเพศสัมพันธ์
อาบน้ำด้วยฝักบัวแทนอาบในอ่างอาบน้ำ
ใส่ชุดชั้นในที่ทำด้วยผ้าฝ้ายดีกว่าทำด้วยไนล่อน
หลีกเลี่ยงการใส่กางเกงที่แน่นหรือคับเกินไป
เพิ่มความเป็นกรดของปัสสาวะ
ใช้ Estrogen cream ตามแผนการรักษาของแพทย์
ส่งเสริมให้กล้ามเนื้อทำงานอย่างเต็มที่
กล้ามเนื้อภายในอุ้งเชิงกรานและช่องคลอดหย่อนสมรรถภาพ จะทำให้ปัสสาวะไม่ออกและกลั้นปัสสาวะไม่ได้ การกระตุ้นให้บริหารร่างกายอย่างสม่ำเสมอ
การช่วยเหลือผู้ป่วยในการขับถ่ายปัสสาวะ กรณีปัสสาวะไม่ออก
จัดให้ผู้ป่วยอยู่คนเดียวในที่มิดชิดขณะถ่ายปัสสาวะ
ช่วยให้ผู้ป่วยได้ถ่ายปัสสาวะในท่าที่สะดวกเป็นธรรมชาติ
การเปิดก๊อกน้ำให้ได้เห็น หรือได้ยินเสียงน้ำไหลจะช่วยในด้านองค์ประกอบทางอารมณ์
การใช้ความร้อนช่วยในการขับถ่ายปัสสาวะ
ให้เวลาในการขับถ่ายปัสสาวะ ไม่เร่งรัดผู้ป่วยเกินไป
ช่วยกดหน้าท้องเบาๆ เหนือบริเวณกระเพาะปัสสาวะจะช่วยให้ปัสสาวะสะดวก
สอนให้นวดกระเพาะปัสสาวะ
การนวดกระเพาะปัสสาวะเป็นเทคนิคที่ช่วยทำให้กระเพาะปัสสาวะว่าง
เสริมสร้างนิสัยของการถ่ายปัสสาวะ
เป็นวิธีที่ใช้สำหรับผู้ป่วยที่มีความบกพร่องเกี่ยวกับความรู้ความเข้าใจในช่วงเวลาถ่ายปัสสาวะที่ยาวนานมาก
การช่วยเหลือผู้ป่วยในการขับถ่ายปัสสาวะ กรณีที่ไม่สามารถไปห้องน้ำได้
พยาบาลอาจต้องนำหม้อนอน (Bedpan) ในกรณีที่ผู้ป่วยเป็นผู้หญิง หรือ กระบอกปัสสาวะ (Urinal) ในกรณีที่ผู้ป่วยเป็นผู้ชายมาให้ผู้ป่วยที่เตียง
การสวนปัสสาวะ
เป็นการใส่สายสวนปัสสาวะ (Urinary catheter) ที่ปลอดเชื้อผ่านท่อปัสสาวะเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะเพื่อระบายปัสสาวะออกมา
วัตถุประสงค์ของการสวนปัสสาวะ
เพื่อระบายเอาน้ำปัสสาวะออกในผู้ป่วยที่ไม่สามารถถ่ายปัสสาวะเองได้
เพื่อช่วยให้กระเพาะปัสสาวะว่างในผู้ป่วยที่ต้องทำหัตถการต่างๆ
เพื่อตรวจสอบจำนวนน้ำปัสสาวะที่เหลือค้างในกระเพาะปัสสาวะ
เพื่อเก็บน้ำปัสสาวะส่งตรวจเพาะเชื้อ
เพื่อสวนล้างกระเพาะปัสสาวะ หรือใส่ยาในกระเพาะปัสสาวะ
เพื่อศึกษาความผิดปกติของท่อปัสสาวะ
เพื่อตรวจสอบจำนวนน้ำปัสสาวะที่ขับออกมาในผู้ป่วยอาการหนักอย่างถูกต้อง
ชนิดของการสวนปัสสาวะ
Intermittent catheterization
เป็นการใส่สายสวนปัสสาวะผ่านทางท่อปัสสาวะเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะ
Indwelling catheterization or retained catheterization
เป็นการสอดใส่สายสวนปัสสาวะชนิด Foley catheter ผ่านทางท่อปัสสาวะเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะแล้วคาสายสวนสวนปัสสาวะไว้
อุปกรณ์
ชุดทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ 1 ชุด หม้อนอน ถุงมือสะอาด 1 คู่ ถุงกระดาษหรือถุงพลาสติกสำหรับทิ้งสำลีใช้แล้ว
ชุดสวนปัสสาวะที่ปราศจากเชื้อ
ถุงมือปลอดเชื้อ
ผ้าสี่เหลี่ยมเจาะกลาง 1 ผืน
ชามกลมใหญ่ 1 ใบ
ถ้วย 2 ใบ สำหรับใส่สำลี 6-8 ก้อน และผ้าก๊อส 1-2 ผืน
Forceps 1-2 อัน
สารหล่อลื่นสายสวนชนิดละลายน้ำได้
น้ำกลั่นปลอดเชื้อและน้ำยาทำลายเชื้อ
กระบอกฉีดยาปลอดเชื้อขนาด 10 มิลลิลิตร 1 อัน
ถุงรองรับปัสสาวะปลอดเชื้อและเป็นระบบปิด 1 ใบ
Transfer forceps
โคมไฟ หรือไฟฉาย
พลาสเตอร์, เข็มกลัด, ผ้าปิดตา
สายสวนปัสสาวะ
สายสวนปัสสาวะที่ใช้สวนเป็นครั้งคราว ควรเลือกใช้แบบ Straight catheter
ขนาดของสายสวนปัสสาวะ วัดจากเส้นผ่าศูนย์กลางรอบนอกของสายสวน
วิธีการสวนปัสสาวะ
การสวนคาสายสวนปัสสาวะ
บอกผู้ป่วยอธิบายให้เข้าใจถึงความจำเป็นของการสวนปัสสาวะ
ล้างมือให้สะอาด เตรียมของใช้ ไปที่เตียงผู้ป่วย
กั้นม่าน และจัดให้มีแสงสว่างเพียงพอ
แขวนถุงรองรับปัสสาวะกับขอบเตียงให้อยู่ต่ำกว่ากระเพาะปัสสาวะ
จัดท่า ปิดตา คลุมผ้าผู้ป่วย
ทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกให้สะอาด
วางชุดสวนปัสสาวะลงบนเตียงระหว่างขาของผู้ป่วย และเปิดผ้าห่อออกด้วยเทคนิคปลอดเชื้อ
ใช้ Transfer forceps จัดวางเครื่องใช้เรียงไว้ตามลำดับ
เทน้ำยาลงในถ้วย บีบ KY-jelly ลงในผ้าก๊อซ
ฉีกซองใส่สายสวนปัสสาวะ แล้วใช้ Transfer forceps คีบสายสวนออกจากซองวางลงในชามกลม
ฉีกซองกระบอกฉีดยาลงในชุดสวนปัสสาวะด้วยวิธีปลอดเชื้อ
เปิดซองถุงมือและใส่ถุงมือด้วยวิธีปลอดเชื้อ
ตรวจสอบประสิทธิภาพของบอลลูนที่ปลาย Foley catheter
คลี่และวางผ้าสี่เหลี่ยมเจาะกลางบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก
ใช้มือซ้ายแหวก Labia ให้กว้างจนเห็นรูเปิดของท่อปัสสาวะแล้วใช้ Forceps คีบสำลีชุบน้ำเกลือเช็ดบริเวณเปิดของท่อปัสสาวะ
ใช้มือข้างที่ถนัดหยิบสายสวนปัสสาวะหล่อลื่น KY-Jelly ประมาณ 1-2 นิ้ว
ยกภาชนะรองรับปัสสาวะวางบนผ้าสี่เหลี่ยมเจาะกลางระหว่างขาผู้ป่วย
ใช้ Forceps ที่เหลือหรือมือข้างที่ถนัดจับสายสวนปัสสาวะให้มั่นคง
ค่อยๆ สอดสายสวนปัสสาวะเข้าไปในรูเปิดของท่อปัสสาวะลึก 2-3 นิ้ว (เพศหญิง) หรือ 6-8 นิ้ว (เพศชาย)
เมื่อใส่สายสวนเข้าไป 2-3 นิ้ว (เพศหญิง) หรือ 6-8 นิ้ว (เพศชาย) จะเห็นปัสสาวะไหลออกมาจากนั้นให้ดันสายสวนเข้าไปให้ลึกอีกประมาณ ½-1 นิ้ว (เพศหญิง) หรือเกือบสุดสาย (เพศชาย)
ใช้มือข้างที่ไม่ถนัดที่แหวก Labia (ในเพศหญิง) หรือ จับ Penis (ในเพศชาย) อยู่เลื่อนมาจับสายสวน
สอดปลายสายของถุงรองรับปัสสาวะลอดบริเวณเจาะกลางออกมา
เช็ดบริเวณ Vulva ให้แห้งด้วยสำลีที่เหลือ
ถอดถุงมือ ติดพลาสเตอร์ยึดสายสวนกับต้นขาของผู้ป่วย และใช้เข็มกลัดติด สายของถุงรองรับปัสสาวะกับที่นอน
เก็บ Set สวนปัสสาวะออกจากเตียง จัดท่าผู้ป่วยให้สุขสบาย
เก็บของใช้ไปทำความสะอาด และบันทึกรายงานการสวนคาสายสวนปัสสาวะ
Removing Indwelling or Retention catheters
เตรียมเครื่องใช้ ได้แก่ ถุงมือสะอาด 1 คู่ Syringe สะอาดขนาด 10 มิลลิลิตร 1 อัน กระดาษชำระ ชุดทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ ถุงกระดาษหรือถุงพลาสติก 1 ใบ สำหรับใส่สำลีที่ทิ้งแล้ว และใส่สายสวนปัสสาวะที่ถอดออกมา
บอกผู้ป่วย ใส่ถุงมือทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ และบริเวณ Urethra meatus ให้สะอาด
ต่อ Syringe เข้ากับหางของสายสวนปัสสาวะที่ใช้สำหรับใส่น้ำกลั่นแล้วดูดน้ำกลั่นออกจนหมด
บอกผู้ป่วยให้หายใจเข้าออกลึกๆ เพื่อให้ผู้ป่วยผ่อนคลาย ขณะที่ค่อย ๆ ดึงเอาสายสวนออกแล้วใส่ในถุงที่เตรียมไว้
ใช้กระดาษชำระเช็ดบริเวณ Perineum ให้แห้ง
สังเกตลักษณะ จำนวนปัสสาวะในถุงก่อนเอาไปเททิ้ง ลงบันทึกวันเวลาที่เอาสายสวนออก จำนวน สี ลักษณะของปัสสาวะลงในบันทึกทางการพยาบาล
กระตุ้นให้ผู้ป่วยดื่มน้ำมาก ๆ สังเกตความผิดปกติของผู้ป่วย
Condom catheter
วัตถุประสงค์
เพื่อรักษาความสะอาด และป้องกันการระคายเคืองของผิวหนัง
ป้องกันการเกิดแผลกดทับในรายที่ต้องรักษาตัวนาน ๆ
ป้องกันการติดเชื้อจากการใส่สายสวนปัสสาวะค้างไว้
ป้องกันการอักเสบในรายที่มีแผล
การเก็บปัสสาวะส่งตรวจ
Clean mid-stream urine
ผู้ป่วยทำความสะอาดบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ด้วยน้ำสะอาด ล้างมือให้สะอาด และเช็ดให้แห้ง ให้ปัสสาวะทิ้งช่วงต้นไปเล็กน้อย เก็บปัสสาวะในช่วงถัดมาประมาณครึ่งภาชนะ หรือประมาณ 30-50 ml. โดยห้ามสัมผัสด้านในของภาชนะ แล้วปัสสาวะช่วงสุดท้ายทิ้งไป นำปัสสาวะไปส่งให้เจ้าหน้าที่โดยเร็วที่สุด
วิธีการเก็บปัสสาวะจากสายสวนปัสสาวะที่คาไว้
ใช้ Clamp หนีบสายสวนปัสสาวะที่ใต้รอยต่อระหว่างสายต่อของถุงกับสายสวนไว้นานประมาณ 15–30 นาที
เตรียม Syringe sterile เข็มปลอดเชื้อ Sterile swab น้ำยาฆ่าเชื้อ
ล้างมือ สวมถุงมือสะอาด เช็ดบริเวณที่จะเก็บปัสสาวะด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ
ใช้กระบอกฉีดยาที่มีเข็มปลอดเชื้อแทงที่สายสวนปัสสาวะตรงตำแหน่งที่ทำความสะอาดฆ่าเชื้อไว้แล้ว ดูดปัสสาวะออกมาประมาณ 10 มล. ส่งตรวจเพาะเชื้อทันที
วิธีการเก็บปัสสาวะ 24 ชั่วโมง
เป็นการเก็บปัสสาวะที่มีการรวบรวมไว้จนครบ 24 ชั่วโมงแล้วส่งตรวจ เริ่มเก็บปัสสาวะเวลา 08.00 น. โดยให้ผู้ป่วยถ่ายปัสสาวะทิ้งก่อนเริ่มเก็บ และรวบรวม น้ำปัสสาวะที่เก็บได้หลัง 08.00 น. จนครบกำหนด 24 ชั่วโมง แล้วถ่ายปัสสาวะเก็บเป็นครั้งสุดท้าย คือ เวลา 08.00 น. เช้าวันรุ่งขึ้น
ควรแนะนำให้งดโปรตีน คาเฟอีน ก่อนการเก็บปัสสาวะประมาณ 6 ชั่วโมง และให้ผู้ป่วยดื่มน้ำมากๆ ก่อนและระหว่างการเก็บ
กระบวนการพยาบาลในการส่งเสริมและช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีปัญหาการขับถ่ายปัสสาวะ
การประเมิน
การซักประวัติ แบบแผนและลักษณะการขับถ่ายปัสสาวะปกติ จำนวนครั้งใน 24 ชั่วโมง
ตรวจร่างกายในระบบทางเดินปัสสาวะ
วิเคราะห์ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การวินิจฉัยทางการพยาบาล
การวางแผนการพยาบาล และการปฏิบัติการพยาบาล
ประเมินอาการและอาการแสดงของการติดเชื้อที่ระบบทางเดินปัสสาวะทั้งก่อนและหลังให้การพยาบาล
ประเมินสัญญาณชีพ
ให้การพยาบาลโดยยึดหลัก Aseptic technique
Force oral fluid มากกว่า 2,000-3,000 มิลลิลิตรต่อวัน
ทำความสะอาดบริเวณฝีเย็บให้สะอาด วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น และหลังถ่ายอุจจาระ ทุกครั้ง
ประเมินผลการพยาบาล
พยาบาลควรมีการประเมินทุกครั้งตามเกณฑ์ การประเมินผล