Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การส่งเสริมการขับถ่ายปัสสาวะ - Coggle Diagram
การส่งเสริมการขับถ่ายปัสสาวะ
ปัจจัยที่มีผลต่อการขับถ่ายปัสสาวะ
ด้านจิตสังคม
ความเครียดและความวิตกกังวลกระตุ้น ให้อยากถ่ายปัสสาวะบ่อยขึ้น
ความกลัวที่รุนแรงอาจทําให้กลั้นปัสสาวะไม่ได้
สังคมและวัฒนธรรม
สังคมและวัฒนธรรมประเพณี รวมถึงการอบรมเลี้ยงดูในครอบครัวมีอิทธิพลต่อนิสัยการขับถ่ายของบุคคล
ยา (Medication)
ยาที่ขับออกทางระบบปัสสาวะจะส่งผลให้สีของน้ําปัสสาวะ เปลี่ยนแปลง
ยาที่มีผลต่อระบบประสาทอัตโนมัติจะรบกวนการขับถ่ายปัสสาวะทําให้ปัสสาวะคั่ง
ลักษณะท่าทาง
ผู้ชายจะใช้ท่ายืนซึ่งพบว่าผู้ชายบางรายจะมี ปัญหาในการขับถ่ายปัสสาวะเมื่ออยู่ในท่านอนราบ
ผู้หญิงจะใช้ท่านั่ง ถ้าจําเป็นต้องใช้หม้อนอนบน เตียงราบก็อาจจะไม่สามารถขับถ่ายปัสสาวะได้หมด
น้ําและอาหาร
จํานวนน้ําที่ร่างกายได้รับ ลักษณะของปัสสาวะก็จะเจือจางตามปริมาณน้ําที่ร่างกายได้รับ
จํานวนน้ําที่ร่างกายสูญเสีย การสูญเสียเหงื่อ มีไข้สูง เสีย เลือดมาก อาเจียน ท้องเสีย
อาหารที่ร่างกายได้รับ ปัสสาวะจะออกน้อยลงและเข้มข้นมาก เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนจะทําให้ปัสสาวะบ่อยขึ้น
กิจกรรมและความตึงตัวของกล้ามเนื้อ
การออกกําลังกายสม่ำเสมอ ทําให้การเผาผลาญอาหารเพิ่มขึ้น
ผู้ป่วยที่คาสายสวนปัสสาวะไว้เป็นเวลานาน ทําให้กระเพาะปัสสาวะตึงตัวน้อยลงเนื่องจาก ปัสสาวะไหลตลอดเวลา
อายุ หรือพัฒนาการในวัยต่าง ๆ
วัยเด็ก เด็กทารกกระเพาะปัสสาวะมีความจุน้อยการขับถ่ายปัสสาวะจึงบ่อยคร้ังกว่าผู้ใหญ่
ผู้สูงอายุ จากการเปลี่ยนแปลงของร่างกายตามวัย เมื่อมีน้ําปัสสาวะเพียง 150-200 มิลลิลิตร กระเพาะปัสสาวะก็จะบีบตัวทําให้รู้สึกอยากถ่ายปัสสาวะและทําให้ถ่ายปัสสาวะบ่อยครั้งข้ึน
พยาธิสภาพ
พยาธิสภาพของโรคหลายชนิดมีผลต่อ การสร้างปัสสาวะทั้งปริมาณและคุณภาพ
การผ่าตัดและการตรวจเพื่อการวินิจฉัยต่าง ๆ
การตรวจวินิจฉัยในระบบทางเดินปัสสาวะ
การฉีดยาชาที่ไขสันหลังส่งผลต่อการขับถ่ายปัสสาวะของผู้ป่วย ทําให้ผู้ป่วยไม่รู้สึกอยากถ่ายปัสสาวะ
ความเครียดและความวิตกกังวลในกระบวนการรักษาทําให้ร่างกายหลั่ง ADH
ส่วนประกอบของปัสสาวะที่ผิดปกติ
คีโตนในปัสสาวะ (Ketonuria) ภาวะที่ตรวจพบคีโตนในน้ําปัสสาวะโดยคีโตนเป็น ผลจากการเผาผลาญไขมันให้เป็นพลังงาน
ปัสสาวะมีสีเหลืองน้ําตาลของบิลิรูบิน (Bilirubinuria) เป็นภาวะที่ ตรวจพบบิลิรูบินในน้ําปัสสาวะ โดย bilirubin เป็น Breakdown product
โปรตีนในปัสสาวะ (Proteinuria) ภาวะที่มีโปรตีนหรือแอลบูมินในปัสสาวะมากกว่า 150 มิลลิลิตรต่อวัน
ปัสสาวะมีสีดําของฮีโมโกลบิน (Hemoglobinuria) ภาวะที่มีการสลายตัวของ เม็ดเลือดแดงทําให้เกิด Oxyhemoglobin ในปัสสาวะ
น้ําตาลในปัสสาวะ (Glycosuria) ภาวะที่มีน้ำตาลปนออกมากับปัสสาวะ
ปัสสาวะเป็นหนอง (Pyuria) ภาวะปัสสาวะที่มีเซลล์หนอง เม็ดเลือดขาวในน้ํา ปัสสาวะบางครั้ง อาจพบมีแบคทีเรียร่วมด้วย
ปัสสาวะเป็นเลือด (Hematuria) ภาวะที่มีเม็ดเลือดแดงปนออกมาในน้ําปัสสาวะทําให้ปัสสาวะเป็นสีแดง
นิ่วในปัสสาวะ (Calculi) ภาวะที่มีก้อนนิ่วปนออกมากับน้ําปัสสาวะเนื่องจากมี การตกตะกอนของเกลือแร่ในร่างกาย
ไขมันในปัสสาวะ (Chyluria) ภาวะปัสสาวะที่มีไขมันออกมาในน้ําปัสสาวะทําให้ เห็นปัสสาวะเป็นสีขาวขุ่น
แบบแผนการขับถ่ายปัสสาวะและการขับถ่ายปัสสาวะที่ผิดปกติ
แบบแผนการขับถ่ายปัสสาวะ
ลักษณะของปัสสาวะในคนปกติ
ลักษณะของปัสสาวะที่ปกติ
สีเหลืองจางจนถึงสีเหลืองเข้ม สีเหลืองฟางข้าว หรือสีเหลืองอําพัน
มีความเป็นกรดอ่อนๆ pH ประมาณ 4.6-8.0
ลักษณะใส ไม่ขุ่น ไม่มีตะกอน
ปัสสาวะใหม่มีกลิ่นแอมโมเนียอ่อนๆ
ปริมาณปัสสาวะปกติในผู้ใหญ่ ประมาณวันละ 800–1,600 มิลลิลิตร
แบบแผนการขับถ่ายปัสสาวะในคนปกติ
ตลอดการถ่ายปัสสาวะจะไม่มีอาการเจ็บปวด
ปัสสาวะประมาณ 4-6 ครั้งต่อวัน และปัสสาวะกลางวันบ่อยกว่ากลางคืน
เวลาที่ใช้ในการถ่ายปัสสาวะแต่ละครั้งมักไม่เกิน 30 วินาที
การถ่ายปัสสาวะจะเว้นช่วงห่างประมาณ 2–4 ชั่วโมงในเวลากลางวัน และ
6-8 ชั่วโมง ในเวลากลางคืน
อยากถ่ายปัสสาวะเมื่อมีปริมาณปัสสาวะอยู่ในกระเพาะปัสสาวะ 100-400 มิลลิลิตร
การขับถ่ายปัสสาวะที่ผิดปกติ
ไม่มีปัสสาวะ(Anuria/Urinarysuppression) เป็นภาวะที่มีปริมาณปัสสาวะน้อยกว่า 50 มิลลิลิตรต่อวันหรือไม่มีการปัสสาวะเลย
ปัสสาวะน้อยกว่าปกติ(Oliguria) เป็นภาวะที่มีปัสสาวะน้อยกว่า500มิลลิลิตรใน24 ชั่วโมง
ปัสสาวะมากกว่าปกติ(Polyuria) เป็นภาวะที่ไตผลิตปัสสาวะออกมาจำนวนมากกว่าปกติ (มากกว่า 2,500–3,000 มิลลิลิตรต่อวัน)
ปัสสาวะตอนกลางคืน (Nocturia) เป็นภาวะที่มีการถ่ายปัสสาวะในตอนกลางคืน มากกว่า 2 ครั้งขึ้นไป
ปัสสาวะขัดปัสสาวะลําบาก(Dysuria) เป็นภาวะที่มีการเบ่งถ่ายปัสสาวะผู้ป่วยจะรู้สึก ปวดเวลาถ่ายปัสสาวะ ถ่ายลําบาก ต้องใช้เวลาและใช้แรงในการเบ่งเพิ่มขึ้น
ถ่ายปัสสาวะบ่อยหรือกะปริบกะปรอย (Pollakiuria) เป็นภาวะที่มีการถ่ายปัสสาวะ บ่อยครั้งกว่าปกติ และมีจํานวนปัสสาวะที่ถ่ายออกแต่ละครั้งลดน้อยลง
ปัสสาวะรดที่นอน(Enuresis) เป็นภาวะที่มีปัสสาวะไหลออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจในเด็กท่มีมี อายุมากกว่า 5 ปีขึ้นไป
กลั้นปัสสาวะไม่อยู่หรือกลั้นปัสสาวะไม่ได้(Urinaryincontinence) เป็นภาวะที่ไม่ สามารถควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะได้
กลั้นปัสสาวะไม่อยู่โดยสิ้นเชิง
กลั้นปัสสาวะไม่ทัน
ปัสสาวะเล็ด
ปัสสาวะท้น
ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ที่เกิดจากภาวะหรือโรคอื่น
ปัสสาวะคั่ง(Urinaryretention) เป็นภาวะที่มีน้ําปัสสาวะคั่งอยู่ในกระเพาะปัสสาวะเป็นจํานวนมากกว่าปกติและไม่สามารถจะถ่ายปัสสาวะออกมาได้
การสวนปัสสาวะ
เป็นการใส่สายสวนปัสสาวะ (Urinary catheter) ท่ีปลอดเชื้อผ่านท่อปัสสาวะเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะเพื่อระบายปัสสาวะออกมา
วัตถุประสงค์ของการสวนปัสสาวะ
เพื่อช่วยให้กระเพาะปัสสาวะว่างในผู้ป่วยท่ีต้องทําหัตถการต่างๆ
เพื่อตรวจสอบจํานวนน้ําปัสสาวะท่ีเหลือค้างในกระเพาะปัสสาวะ
เพื่อระบายเอาน้ําปัสสาวะออกในผู้ป่วยที่ไม่สามารถถ่ายปัสสาวะเองได้
เพื่อเก็บน้ําปัสสาวะส่งตรวจเพาะเชื้อ
ชนิดของการสวนปัสสาวะ
การสวนปัสสาวะเป็นครั้งคราว เป็นการใส่สายสวน ปัสสาวะผ่านทางท่อปัสสาวะเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะ
การสวนคาสายสวนปัสสาวะ เป็นการสอดใส่สายสวนปัสสาวะชนิด Foley catheter ผ่านทางท่อปัสสาวะเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะแล้วคาสายสวนสวนปัสสาวะไว้
การเลือกใช้สายสวนปัสสาวะควรพิจารณาวัตถุประสงค์ของการใช้งานและขนาดของสายสวนปัสสาวะ
ในผู้หญิงใช้ขนาด 14-16 Fr. ผู้ชายใช้ขนาด 16-20 Fr. เด็กใช้ขนาด 8-10 Fr. และผู้สูงอายุใช้ขนาด 22-24 Fr.
ไม่ควรใช้ 0.9% NaCl ใส่ในบอลลูน เนื่องจากเกลืออาจปิดกั้นช่องที่ใช้ใส่น้ําเพื่อทําให้บอลลูนขยาย ทําให้ บอลลูนไม่แฟบเมื่อดูดน้ําออก
ขนาดของสายสวนปัสสาวะ
สายสวนปัสสาวะที่ใช้สวนเป็นครั้งคราว ควรเลือกใช้แบบ Straight catheterส่วนการสวนคาสายสวนปัสสาวะควรใช้ Foley catheter เพราะมีบอลลูนอยู่ส่วนปลายสาย
วิธีการสวนคาสายปัสสาวะ
จัดท่า ปิดตา คลุมผ้าผู้ป่วย โดยผู้หญิงจัดท่า Dorsal recumbent position และผู้ชายจัดท่า Supine position ขาแยกออกจากกันเล็กน้อย
ทําความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกให้สะอาด
เทน้ํายาลงในถ้วย บีบ KY-jelly ลงในผ้าก๊อซหรือในชามกลมใบใหญ่
ฉีกซองใส่สายสวนปัสสาวะ แล้วใช้ Transfer forceps คีบสายสวนออกจากซอง วางลงในชามกลม ระวังการปนเปื้อนเชื้อโรค
ฉีกซองกระบอกฉีดยาลงในชุดสวนปัสสาวะด้วยวิธีปลอดเชื้อ
ตรวจสอบประสิทธิภาพของบอลลูนที่ปลาย Foley catheter โดยใช้กระบอกฉีดยาดูดน้ํากลั่นแล้วฉีดเข้าตรงปลายหางที่มีแถบสีที่ทําไว้สําหรับใส่น้ํากลั่น
ใช้มือข้างที่ถนัดหยิบสายสวนปัสสาวะหล่อลื่น KY-Jelly ประมาณ 1-2 นิ้ว (เพศหญิง) หรือ 6-7 นิ้ว (เพศชาย)
สอดปลายสายของถุงรองรับปัสสาวะลอดบริเวณเจาะกลางออกมา ระวังอย่าให้ ปลายสาย contaminate แล้วต่อหางสายสวนเข้ากับปลายสายของถุงรองรับปัสสาวะให้แน่นสนิท
เมื่อใส่สายสวนเข้าไปะเห็นปัสสาวะ ไหลออกมาจากนั้นให้ดันสายสวนเข้าไปให้ลึกอีก และดันน้ํากลั่นเข้าไปทางหาง Foley ที่มีแถบสี ไม่เกิน 10 มิลลิลิตร
ค่อยๆ สอดสายสวนปัสสาวะเข้าไปในรูเปิดของท่อปัสสาวะลึก 2-3 นิ้ว (เพศหญิง) หรือ 6-8 นิ้ว (เพศชาย) หรือจนกว่าน้ําปัสสาวะจะไหล
การเก็บปัสสาวะส่งตรวจ
วิธีการเก็บปัสสาวะ 24 ชั่วโมง
เป็นการเก็บปัสสาวะที่มีการรวบรวมไว้จนครบ 24 ชั่วโมงแล้วส่งตรวจ
เริ่มเก็บปัสสาวะเวลา 08.00 น. โดยให้ผู้ป่วยถ่ายปัสสาวะทิ้งก่อนเริ่มเก็บ และรวบรวม น้ําปัสสาวะที่เก็บได้หลัง 08.00 น. จนครบกําหนด 24 ชั่วโมง
แล้วถ่ายปัสสาวะเก็บเป็นครั้งสุดท้าย คือ เวลา 08.00 น. เช้าวันรุ่งขึ้น ควรแนะนําให้งดโปรตีน คาเฟอีน ก่อนการเก็บปัสสาวะประมาณ 6 ชั่วโมง
ให้ผู้ป่วยดื่มน้ํามากๆ ก่อนและระหว่างการเก็บ
วิธีการเก็บปัสสาวะจากสายสวนปัสสาวะที่คาไว้
เตรียม Syringe sterile เข็มปลอดเชื้อ Sterile swab น้ํายาฆ่าเชื้อ
ล้างมือ สวมถุงมือสะอาด เช็ดบริเวณที่จะเก็บปัสสาวะด้วยน้ํายาฆ่าเชื้อ
ใช้ Clamp หนีบสายสวนปัสสาวะที่ใต้รอยต่อระหว่างสายต่อของถุงกับสายสวนไว้นาน ประมาณ 15–30 นาที
ใช้กระบอกฉีดยาที่มีเข็มปลอดเชื้อแทงที่สายสวนปัสสาวะตรงตําแหน่งที่ทําความสะอาดฆ่าเชื้อไว้แล้ว ดูดปัสสาวะออกมาประมาณ 10 มล. ส่งตรวจเพาะเชื้อทันที
วิธีการเก็บปัสสาวะแบบรองเก็บปัสสาวะช่วงกลาง
ให้ผู้ป่วยทําความสะอาดบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ด้วยน้ําสะอาด ให้ ปัสสาวะทิ้งช่วงต้นไปเล็กน้อย เก็บปัสสาวะในช่วงถัดมาประมาณครึ่งภาชนะ หรือประมาณ 30-50 ml. แล้วปัสสาวะช่วงสุดท้ายทิ้งไป
หลักการพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับการใส่ถุงยางอนามัยเพื่อระบายปัสสาวะได้
ผู้ป่วยที่ใส่ถุงยางอนามัยเพื่อระบายปัสสาวะเป็นเวลานานมีโอกาสที่ผิวหนังบริเวณองคชาต จะบวม แดง และถลอก ดังนั้นต้องเปลี่ยนถุงยางอนามัยให้ผู้ป่วยทุกวัน
วัตถุประสงค์
ป้องกันการเกิดแผลกดทับในรายที่ต้องรักษาตัวนาน ๆ
ป้องกันการติดเชื้อจากการใส่สายสวนปัสสาวะค้างไว้
เพื่อรักษาความสะอาด และป้องกันการระคายเคืองของผิวหนัง เนื่องจากเปียกปัสสาวะบ่อย ๆ
ป้องกันการอักเสบในรายที่มีแผล
กระบวนการพยาบาลในการส่งเสริมและช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีปัญหาการขับถ่ายปัสสาวะ
การวางแผนการพยาบาล และการปฏิบัติการพยาบาล
ประเมินอาการและอาการแสดงของการติดเชื้อที่ระบบทางเดินปัสสาวะทั้งก่อนและ หลังให้การพยาบาล
ประเมินสัญญาณชีพ
Force oral fluid มากกว่า 2,000-3,000 มิลลิลิตรต่อวัน
ให้การพยาบาลโดยยึดหลัก Aseptic technique
ทําความสะอาดบริเวณฝีเย็บให้สะอาด วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น
ดูแลให้ถุงรองรับปัสสาวะอยู่ต่ำกว่าระดับกระเพาะปัสสาวะเสมอ
ใช้สบู่อ่อนและน้ําหรือน้ํายาทําความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก
อย่าปล่อยให้ปัสสาวะเต็มถุงรองรับ ควรเททิ้งอย่างน้อยทุก 8 ชั่วโมง
ส่งเสริมให้ปัสสาวะเป็นกรด เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ และป้องกันการเกิดนิ่ว
ประเมินผลการพยาบาล
ภายหลังให้การพยาบาลควรมีการประเมินทุกครั้งตามเกณฑ์ การประเมินผล
ปัสสาวะสีเหลืองใสไม่มีตะกอน
สัญญาณชีพปกติ
ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการไม่พบเชื้อ
การวินิจฉัยทางการพยาบาล
มีการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
การประเมิน
วิเคราะห์ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ตรวจร่างกายในระบบทางเดินปัสสาวะ
การซักประวัติแบบแผนและลักษณะการขับถ่ายปัสสาวะปกติจํานวนครั้งใน24ชั่วโมง ลักษณะและสีของปัสสาวะ
หลักการส่งเสริมสุขภาพในระบบทางเดินปัสสาวะ
ส่งเสริมให้กล้ามเนื้อทํางานอย่างเต็มที่ กล้ามเนื้อภายในอุ้งเชิงกรานและช่องคลอดหย่อนสมรรถภาพ จะทําให้ปัสสาวะไม่ออกและกลั้นปัสสาวะไม่ได้
การช่วยเหลือผู้ป่วยในการขับถ่ายปัสสาวะ กรณีปัสสาวะไม่ออก
ช่วยให้ผู้ป่วยได้ถ่ายปัสสาวะในท่าที่สะดวกเป็นธรรมชาติ
เปิดก๊อกน้ำในการช่วยให้ขับถ่ายได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
จัดให้ผู้ป่วยอยู่คนเดียวในที่มิดชิดขณะถ่ายปัสสาวะ สิ่งแวดล้อมในห้องน้ำสะอาด
ไม่เร่งรัดผู้ป่วยมากเกินไป
ป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
ดื่มน้ําอย่างน้อยวันละ8แก้ว (แก้วละ240มิลลิลิตร)
ฝึกถ่ายปัสสาวะบ่อยๆทุก2-4ชั่วโมงเพื่อชะล้างแบคทีเรียออกจากท่อปัสสาวะ
ดื่มน้ํา 2 แก้ว ก่อนและหลังมีเพศสัมพันธ์
อาบน้ําด้วยฝักบัวแทนอาบในอ่างอาบน้ําหลีกเลี่ยงการใช้สบู่ที่แรง
สอนให้นวดกระเพาะปัสสาวะ เป็นเทคนิคที่ช่วยทําให้กระเพาะ ปัสสาวะว่าง
ส่งเสริมให้ได้รับน้ําอย่างเพียงพอ ในผู้ใหญ่ควรได้รับน้ําสะอาด อย่างน้อยวันละ6-8 แก้ว หรือประมาณ 1,500-2,000 มิลลิลิตร
เสริมสร้างนิสัยของการถ่ายปัสสาวะ เป็นวิธีที่ใช้สําหรับผู้ป่วยที่มีความบกพร่องเกี่ยวกับ ความรู้ความเข้าใจในช่วงเวลาถ่ายปัสสาวะ
การช่วยเหลือผู้ป่วยในการขับถ่ายปัสสาวะ กรณีท่ีไม่สามารถไปห้องน้ําได้พยาบาลอาจต้องนําหม้อนอน (Bedpan) ในกรณีที่ผู้ป่วยเป็นผู้หญิงหรือ กระบอกปัสสาวะ (Urinal) ในกรณีที่ผู้ป่วย เป็นผู้ชายมาให้ผู้ป่วยที่เตียง