Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การดูแลผู้ป่วยที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม กลุ่มชาวมุสลิมประเทศสหรัฐอาหรั…
การดูแลผู้ป่วยที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม
กลุ่มชาวมุสลิมประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
วัฒนธรรมและประเพณี
การต้อนรับในแบบอาหรับ
การจิบกาแฟอาราบิก้าหรือ gahwa ทำจากกานพลู กระวาน ยี่หร่าและหญ้าฝรั่ง และเทจากหม้อ dallah ลงในถ้วยเล็ก ๆ ที่เรียกว่า finjaan เพลิดเพลินไปกับ gahwa และอินทผลัมในขณะที่พักผ่อนใน majlis
เทศกาลรอมฎอน
กฎหมายและวัฒนธรรมของดูไบและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์นั้นเชื่อมโยงกับประเพณีของอิสลามโดยตรง ช่วงรอมฎอนซึ่งเป็นเดือนอันศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาอิสลาม โดยผู้ศรัทธาจะงดอาหารตั้งแต่เช้าจรดค่ำ และเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน ชาวมุสลิมก็เพลิดเพลินไปกับอาหารอิฟตาร์กับเพื่อนและครอบครัว สามารถรับประทานอาหารบุฟเฟ่ต์อิฟตาร์มากมาย
ศาสนาอิสลามอยู่คู่กับสังคมเอมิเรตส์อย่างแนบแน่น
แม้สังคมอาหรับในดูไบจะเปิดกว้าง แต่ว่าประเพณีในดูไบยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
📍เชื่อว่าคัมภีร์อัลกุรอานคือพระดำรัสของพระเป็นเจ้า ที่ให้แนวทางด้านจริยธรรมและการดำเนินชีวิตไว้อย่างครอบคลุมมีความศักดิ์สิทธ์ และต้องแสดงความเคารพอย่างเคร่งครัด
📍รอมฏอน เดือนศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิม ทุกคนจะละหมาดถือศีลอด และบริจาคทาน
ลักษณะการแต่งกายของมุสลิม
ขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมตามแต่ภูมิภาคนั้นๆ เช่น สตรีมุสลิมแถบตะวันออกกลางนิยมสวมเสื้อคลุมยาวเรียกว่าอบายะห์
มารยาทและข้อพึงปฎิบัติ
การขายและบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
📍การดื่มหรือเมาสุราในที่สาธารณะมีความผิดรุนแรงและต้องจ่ายค่าปรับในอัตราสูง 📍ในดูไบอนุญาตให้มีการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ แต่จำกัดการขายเฉพาะในสถานบันเทิง บาร์หรือร้านอาหารที่ตั้งอยู่ภายในโรงแรมเท่านั้น
การดื่มและขับรถ
ได้รับโทษถูกจำคุกในทันทีที่ตรวจพบว่ามีความผิด ทั้งนี้อาจมีการบังคับตรวจเลือดในสถานที่บริเวณที่เกิดอุบัติเหตุเพื่อตรวจสอบว่าคนขับ (ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ) ดื่มสุรามาหรือไม่
พฤติกรรมบางอย่างของชาวตะวันตก
เช่น การสบถ การแสดงอากัปกิริยาที่หยาบคาย และการแสดงความรักในที่สาธารณะพฤติกรรมเหล่านี้จะถูกจับและลงโทษอย่างหนัก
สิ่งสำคัญเรื่องการแต่งกายทั้งนักท่องเที่ยวหญิงและชาย
ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และแม้ปัจจุบันยังไม่กฎบังคับเรื่องการแต่งกาย นักท่องเที่ยวควรให้ความเคารพต่อสถานที่โดยการแต่งกายให้สุภาพเรียบร้อยและเหมาะสม ควรแต่งกายให้มิดชิดไม่เปิดเผยช่วงแขน ขา หรือเอวซึ่งถือว่าไม่สุภาพโดยเฉพาะเดือนรอมฎอน
มารยาทร้านอาหาร
ถึงแม้ว่าร้านอาหารจะรวมค่าบริการในใบแจ้งค่าอาหารแล้วแต่การให้ทิปพนักงานเป็นเงินสดประมาณร้อยละสิบของค่าอาหารถือเป็นมารยาทที่พึงปฎิบัติเพื่อแสดงความขอบคุณสำหรับมื้ออาหารที่อร่อยหรือบริการที่ดี
ข้อห้าม
ห้ามยกนิ้วกลาง เพราะถือว่าการหยาบคายมากๆ สามารถเรียกตำรวจมาจับเราได้
ห้ามหญิง-ชายที่ไม่ได้เป็นสามีภรรยากันแชร์บ้านกันอยู่หรือแม้แต่การอยู่ในที่ลับตาสองต่อสองก็ห้าม จะโดนจับโดนปรับและโดนเนรเทศ
ห้ามท้องก่อนแต่ง เพราะเมื่อเราตั้งท้องและไปฝากท้องที่โรงพยาบาล สิ่งแรกที่โรงพยาบาลหรือหมอขอดูก็คือ ทะเบียนสมรสถ้าไม่มีเขาจะส่ง Report
ไปให้กระทรวงสาธารณสุขและตำรวจก็จะมาเยี่ยมถึงบ้าน และจะถูกโบย หรือ เฆี่ยน แถมถูกเนรเทศตลอดชีวิต
ยาเสพติดและยาที่มีสารเคมีที่เป็นที่ต้องห้ามของประเทศนี้ หากตำรวจที่นี่ตรวจเจอปริมาณยาเสพติดขนาดเท่ากับน้ำตาลทราย ๑ เม็ด
ถูกจับโดยไม่ฟังความใดๆ ยาแก้ปวดหรือยาแก้แพ้บางตัวอาจมีสารเคมีที่เป็นต้องห้ามผสมอยู่ในตัวยาด้วย ต้องมีใบรับรองแพทย์
ขับรถโปรดระวังอูฐ อูฐถือเป็นสัตว์มีบุญคุณและเป็นสัตว์มีคุณค่าสำหรับคนที่ดูไบ หากขับรถไปชนอูฐ หากอูฐตาย คุณต้องชดใช้ค่าเสียหาย (หรือค่าสินไหม) คิดเป็นเงินไทยประมาณ ๒ ล้านบาท แต่ถ้าหากอูฐไม่ตาย อันนี้ก็ต้องแล้วแต่ตำรวจและศาล
คนโสดห้ามอยู่บ้านเป็นหลัง อยู่แบบอพาร์ทเม้นท์เท่านั้น เพราะแพงมาก
ห้ามใส่เสื้อยืดที่มีข้อความไม่สุภาพ ค่าปรับอย่างน้อย ๒๐๐ เดียร์แร่ห์ม ประมาณ ๑๖๐๐ บาท
ห้ามนุ่งกระโปรงสั้น กางเกงขาสั้น เสื้อผ้ารัดรูปเกินไป หรือซีทรูอวดเนื้อหนังมังสา
ห้ามใส่ชุดว่ายน้ำไปเล่นน้ำหรืออาบแดดตามริมหาดสาธารณะ แต่ถ้าเป็นสระว่ายน้ำตามโรงแรมได้ แต่การเปลือยท่อนบนถือว่าไม่เหมาะสมทางโรงแรมอาจโทรแจ้งตำรวจได้ แต่ว่ากรณีชายหาดจูไมอาห์ ของดูไบ จะเห็นพวกผู้ชายใส่กางแกงขาสั้น สาวๆใส่บิกินี่ นอนอาบแดด อันนี้อนุโลมเพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของดูไบ
ไม่ควรถ่ายรูปผู้หญิง Local ที่แต่งชุดดำหรือ National Dress หรือเรียกว่าชุด อบายะห์
ถ่ายได้แต่ควรถามเขาก่อนว่าเขาอนุญาตหรือไม่
ห้ามถ่ายรูปในสนามบิน ท่าเรือ อาคารที่ทำการของรัฐบาลหรือ สถานที่ราชการ / ทหาร ตำรวจที่อยู่ในเครื่องแบบก็ไม่ควรถ่าย
ไม่ควรใช้มือ "ซ้าย" จับมือในการทักทายหรือหยิบของให้คน Localเพราะถือเป็นการไม่ให้เกียรติอย่างรุนแรง
ห้ามเล่นหัว(ศรีษะ) คนดูไบถือเรื่องนี้
ภาษาที่ใช้
ภาษาที่นิยมใช้ภายในประเทศ
📍ภาษาอาหรับ ภาษาอาหรับมันจะมีแบ่งได้ถึง 27 สำเนียงเพื่อเอาไว้ใช้ติดต่อสิ่งต่างๆซึ่งมันเป็นภาษาทางราชการ
📍ภาษาอังกฤษ สำหรับติดต่อทางธุรกิจ
ภาษาอาหรับและศาสนาอิสลาม
ภาษาอาหรับถูกใช้ในศาสนาอิสลามเป็นส่วนใหญ่และเป็นภาษาที่ใช้เขียนในอัลกุรอาน ซึ่งมีความจำเป็นที่ชาวมุสลิมทุกคนจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้และศึกษาเกี่ยวกับอัลกุรอาน ต้องศึกษาและอ่านให้ได้ เพื่อที่จะได้ทำกิจกรรมทางศาสนาได้
วิถีชีวิต ประเพณี และความเชื่อที่สืบต่อกันมา
การคลุมถุงชน
การลงนามในทะเบียนสมรสเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำ ซึ่งเป็นกฎบังคับในประเทศอาหรับ
การแต่งงานกว่าครึ่งหนึ่งของประเทศอาหรับยังคงเป็นไปตามความประสงค์ของพ่อแม่
แต่หากว่าที่เจ้าสาวไม่ปลื้มว่าที่เจ้าบ่าวก็สามารถปฏิเสธคำขอแต่งงานได้
ผู้หญิงอาหรับมักไม่แต่งงานกับผู้ชายนอกศาสนา เพราะพวกเธอจะถูกเนรเทศออกนอกประเทศ แต่ในกรณีนี้ผู้ชายกลับทำได้ ในกรณีหย่าร้างลูกต้องอยู่กับพ่อ
พิธีแต่งงาน
📍งานเลี้ยงของเจ้าบ่าว เพียงแค่ชา กาแฟ ดินเนอร์ และพูดคุยเสวนาได้ไม่เกิน 4 ชั่วโมง
📍แต่ของเจ้าสาวในศาลากลางจัดหวัด มีทั้งบริกร และศิลปิน
งานแต่งของฝ่ายหญิง ถือเป็นโอกาสในการโชว์เครื่องเพชร รองเท้าสุดหรู และชุดที่ใส่ตอนเย็น เพราะในเวลาปกติความงามของผู้หญิงล้วนถูกซ่อนไว้ภายใต้ฮิญาบ
การมาเยือนของสามีจะมีการประกาศล่วงหน้าเพื่อให้ผู้หญิงทุกคนสามารถปกปิดเรือนร่างด้วยอาบายะห์
งานเลี้ยงฉลองของเจ้าบ่าวเจ้าสาวจัดแยกต่างหาก
ประเพณีการมีภรรยาหลายคน
ศาสนาอิสลามอนุญาตให้มีภรรยาได้ถึง 4 คน แต่ต้องมีบ้าน ของรับขวัญ เครื่องประดับต่างๆ ให้ภรรยาทุกคนอย่างเท่าเทียม การมีภรรยาหลายคนมักเป็นสิทธิที่ชีค หรือคนรวยเท่านั้นที่สามารถเอื้อมถึง
แต่การแต่งงานครั้งแรกเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ไม่ว่าจะมีภรรยากี่คนก็ตาม
การหย่าร้าง
ตามประเพณีดั้งเดิม เมื่อผู้ชายต้องการหย่าจากภรรยา จะต้องพูดว่า “ผมเลิกกับคุณ” ทวนซ้ำ 3 ครั้ง และหลังจากการเซ็นใบหย่า
ภรรยาสามารถขอหย่าได้หากสามีไม่เต็มที่พอ ในโลกของอาหรับ ผู้ชายไม่ได้แสดงความรักด้วยดอกไม้ หากแต่เป็นทองและเครื่องเพชร
ในกรณีอื่นผู้หญิงอาจหย่าร้างยาก เพราะศาลมักเข้าข้างฝ่ายชาย
สิทธิสตรี
ผู้หญิงอาหรับเป็นหนึ่งในคนกลุ่มแรกที่ได้สิทธิ์ในการแต่งงานตามความต้องการ
ของตนเอง มีสิทธิ์ในการขอหย่า และสิทธิ์ในการมีทรัพย์สินเป็นของตัวเอง
วันสตรีประจำสัปดาห์ มีขึ้นสัปดาห์ละ 1 วัน โดยชายหาดทั้งหมด และร้านเสริมสวยจะเปิดบริการสำหรับผู้หญิงเท่านั้น
ภรรยาของชาวมุสลิมทำทุกอย่างตามความยินยอมของสามี
การดูแลผู้ป่วยมุสลิมชาวตะวันออกกลางในประเทศไทย
ชาวตะวันออกกลางจะให้ความสำคัญกับการบริการทุกขั้นตอนเริ่มตั้งแต่เข้ามาในโรงพยาบาลควรต้องมีเจ้าหน้าที่พูดคุยทักทาย
ชาวตะวันออกกลางจะรู้สึกสนิทใจและเชื่อถือมุสลิม/ผู้ที่นับถือศาสนาเดียวกันมากกว่าผู้ให้บริการจากต่างศาสนา
คำนึงถึงหลักการทางศาสนาและวัฒนธรรมของผู้ป่วย
มุสลิมจะไม่ทักทายผู้ที่นับถือศาสนาอื่นว่า “อัสลามมุ อาลัยกุม”
ทุกๆวันมุสลิมทุกคนต้องละหมาด (สวด มนต์) วันละ 5 ครั้ง (5 เวลา) ฉะนั้นผู้ให้บริการทุกคนในโรงพยาบาลควรสามารถแนะนำทางไปห้อง ละหมาดให้ผู้ป่วยได้
ในการเยี่ยมไข้ของแพทย์และพยาบาลก็เช่นกันควรรอจนผู้ป่วยเสร็จสิ้นการละหมาด และอนุญาตให้เข้าห้อง เพื่อเว้นช่วงเวลาให้คนไข้เตรียมตัวให้พร้อมและปกปิดร่างกายให้มิดชิด
การตรวจอวัยวะสงวนของผู้หญิงโดยเฉพาะผู้หญิงอาหรับสูงอายุหรือผู้หญิงโสดเช่น ตรวจภายใน ตรวจเต้านมต้องขออนุญาตคนไข้เสียก่อนเพราะในความคิดของผู้หญิงอาหรับร่างกายทั้งหมดคือสิ่งพึงสงวนที่ต้องปกปิดยกเว้นใบหน้าและฝ่ามือที่เปิดเผยได้
ชาวตะวันออกกลางที่เคร่งครัดแต่เข้าใจผิดเรื่องการถือศีลอดจะไม่อนุญาตให้ฉีดยา เจาะเลือด หรือให้ น้ำเกลือในขณะถือศีลอดเพราะเข้าใจว่าทำให้เสียการ ถือศีลอดในครั้งนั้น
บางคนปฏิเสธรับประทานยาแก้ไอ เพราะมองว่ามีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
อิสลามห้ามทำศัลยกรรมทุกประเภทโดยปราศจาก ความจำเป็น/ทำเพื่อความสวยงามให้ดูหนุ่มสาวขึ้น เช่นการดึงหน้า ฉีดโบท็อกซ์ หรือฉีดฟิลเลอร์เพื่อลบรอย เหี่ยวย่น อย่างไรก็ตาม การทำศัลยกรรมเพื่อรักษาโรค เป็นที่อนุมัติในอิสลามว่าทำได้