Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 11 ความเป็นครู-หลักธรรมาภิบาล, นางสาวนูร์ไวดา มามะ รหัส 6220160365…
บทที่ 11
ความเป็นครู-หลักธรรมาภิบาล
ความหมายของธรรมมาภิบาล หมายถึง การบริหารของภาครัฐที่มุ่งความดีงามและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่รัฐและประชาชนอย่างทั่วถึงและยุติธรรม
1.การมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
2.มีความโปร่งใส
3.ไม่มีคอร์รัปชั่นหรือผลประโยชน์ทับซ้อนมีความยุติธรรมอย่างทั่วถึง
4.ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างทั่วถึง
วิวัฒนาการของธรรมมาภิบาล
เป็นแนวคิดการปกครองที่มีมาตั้งแต่สมัยเพลโต (plato) และอริสโตเติล (Aristotle) นักปราชญ์หลายท่านได้พยายามที่จะค้นหารูปแบบการปกครองที่ดี แต่ยังไม้ได้ความหมายและขอบเขตที่ชัดเจนอาจกล่าวได้ว่าวิวัฒนาการของรูปแบบอภิบาลที่ดีเกิดขึ้นช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อมีการค้นหารูปแบบการปกครองที่สามารถนำประเทศไปสู่การปกครองแบบประชาธิปไตยแบบตะวันตกของประเทศที่เพิ่งได้รับการปลดปล่อยจากอาณานิคม
ในสมัยของนายชวน หลีกภัย ในช่วงปีใน พ.ศ. 2540-2543 รัฐบาลพยายามกำจัดการเพิ่มจำนวนข้าราชการและมีการส่งเสริมให้ข้าราชการเข้าร่วมโครงการเกษีณก่อนกำหนดโดยเปิดโอกาศให้ข้าราชการทหารที่มีอายุ 45 ปีขึ้นไปและข้าราชการพลเรือนที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปเข้าร่วมโครงการ ทั้งนี้รัฐบาลได้จัดทำโครงการไปได้เพียง 2 รุ่นเท่านั้น
ธรรมาภิบาล
1.การมีส่วนร่วม: การมีส่วนร่วมขอสมาชิกทั้งชายแ
ละหญิงคือการตัดสินใจที่สำคัญในสังคมและสร้างความสามัคคีให้เกิดกับประชาชน
2.การปฎิบัติตามกฎ: ธรรมาภิบาลต้องการความถูกต้องตามกรอบของกฏหมายไม่เลือกปฎิบัติ ไม่ลำเอียง มีการปฎิบัติอย่างเสมอภาค
3.ความโปร่งใส: เป็นการตรวจสอบความถูกต้อง มีการเปิดเผยข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา สิ่งนี้ช่วยแก้ปัญหาการทุจริตและคอรัปชั่นได้ทั้งในภาครัฐและเอกชน
4.ความรับผิดชอบ: เป็นการพยายามให้คนทุกฝ่ายทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุดในการปฎิบัติงาน กล้าที่จะคิด กล้าที่จะตัดสินใจ
5.ความสอดคล้อง: ต้องเป็นการกำหนดและสรุปความต้องการของคนในสังคม ซึ้งมีความแตกต่างกันอย่างมาก
6.ความเสมอภาค: เป็นสทธิขั้นพื้นฐานที่ประชาชนทุกคนได้รับจากรัฐบาล ทั้งการบริการด้านสวัสดิการตลิดจนสาธารณูปโภคด้านอื่นๆ
7.หลักประสิทธิภาพและประสิทธิผล:เป็นวิธีการจัดการทรัพยากรที่มีอยู่อย่งจำกัด โดยการผลิตและจำหน่ายเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับเงินที่ลงทุน
8.การมีเหตุผล:เป็นความต้องการของทุกสังคม ประชาชนทุกคนต้องตัดสินใจและรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเองด้วยผลที่สมเหตุสมผล
ธรรมาภิบาลกับรัฐธรรมนูญแห้งงราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540
ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนได้สร้างกระแสความคิดธรรมาภิบาลใฟ้เกิดขึ้นและสุดม้ายได้บรรจุธรรมาภิบาลไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ในหลายมาตรตรและที่สำคัญบรรจุเป็นแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ
ยุทธศาสตร์ของธรรมาภิบาล
เพื่อให้สามารถบรรลุตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 หรือเพื่อให้บรรลุตามแนวทางแห่งธรรมาภิบาล รัฐควรจะได้มียุทธศาสตร์ในการบริหารราชการ 17 ยุทธศาสตร์
ธรรมมาภิบาลกับการบริหารโรงเรียนที่มีประสิทธิภาพ
กระแสโลกาภิวัฒน์และความก้าวหน้าของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ขึ้นในโลกมากมาย ทั้งในเชิงที่ได้ผลประโยชน์ที่เป็นโอกาศในการเรียนรู้วิทยาการและระบบบริหารจัดการที่ก้าวหน้า และเชิงที่เสียผลประโยชน์ผู้มีข้อมูลมากกว่า ความรู้มากกว่า สามารถสร้างกฎระเบียบโลก ระบบเศรษฐกิจใหม่และใช้ความก้าวหน้าของ IT ออกมาหาประโยชน์จากประเทศที่ล้าหลังกว่าหรือปรับตัวไม่ทัน รวมทั้งประเทศไทยด้วย
ธรรมาภิบาลกับการศึกษา
เป็นการกระจายอำนาจ การมีส่วนร่วมทางการศึกษา เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการปฏิรูปการศึกษาตามเจตนารมณ์แห่ง พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 เพราะจะช่วยให้มีคณะบุคคลเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา/หน่วยงานทางการศึกษาและบริหารจัดการโรงเรียนให้มีประสิทธิภาพ เช่น การสร้างหลักสูตรอันเหมาะสมของท้องถิ่นที่ทันสมัย ทันโลก ผสมผสานกับภูมิปัญญาของท้องถิ่น สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียนและชุมชน
การกระจายอำนาจทางการศึกษา
วิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาศ และข้อจำกัดหรือภัยคุกคาม ซึ่งจะวิเคราะห์จุดแข็งและโอกาศ ซึ่งเป็นเชิงบวก และวิเคราะห์จุดอ่อนและข้อจำกัด ซึ่งเป็นเชิงลบ .
ธรรมาภิบาลกับกิจการนักเรียน
1.หลักนิติธรรม
2.หลักคุณธรรม
3.หลักความโปร่งใส
4.หลักความมีส่วนร่วม
5.หลักความรับผิดชอบ
6.หลักการคุ้มค่า
นางสาวนูร์ไวดา มามะ รหัส 6220160365 เลขที่11