Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 10 การส่งเสริมการขับถ่ายอุจจาระ - Coggle Diagram
บทที่ 10
การส่งเสริมการขับถ่ายอุจจาระ
10.1ความสำคัญของการขับถ่ายอุจจาระ
ในภาวะปกติอุจจาระจะมีส่วนประกอบเป็นน้ำประมาณร้อยละ70-80 ส่วนที่เป็นของแข็งครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งเป็นแบคทีเรีย โดยส่วนใหญ่สารอาหารและสิ่งที่มีคุณค่าจากอาหาร จะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดผ่านทางลำไส้เล็กก่อนที่อาหารจะเดินทางเข้าสู่ลำไส้ใหญ่ เส้นใยอาหารประเภทเซลลูโลสและลิกนินซึ่งไม่ถูกย่อยสลายโดยแบคทีเรียจะเหลืออยู่ในอุจจาระและช่วยอุจจาระอุ้มน้ำไว้ น้ำหนักของอุจจาระขึ้นอยู่กลับปริมาณของเส้นใยอาหาร
การขับถ่ายอุจจาระจึงเป็นสิ่งสำคัญเพราะเป็นการขับของเสียออกจากร่างกายหากร่างกายไม่ขับถ่ายอาจทำให้เกิดสารพิษและของเสียที่ตกค้างอยู่ในลำไส้ ยิ่งถ้าร่างกายมีการสะสมของเสียตกค้างเป็นเวลานานนั้นย่อมมีโอกาสในการได้รับสารพิษกลับเข้าไปในร่างกาย และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งลำไส้มากขึ้น ดังนั้นการขับถ่ายอุจจาระจึงถือได้ว่าเป็นทั้งการนำสารพิษและของเสียที่ตกค้างอยู่ในลำไส้ออกไปและเป็นการสร้างระบบขับถ่ายที่ดีต่อร่างกายและดีต่อสุขภาพของร่างกายเรา
10.5การสวนอุจจาระ
วัตถุประสงค์
3) เตรียมผ่าตัดในรายที่ผู้ป่วยจะต้องดมยาสลบ
4) เตรียมคลอด
2)เตรียมตรวจทางรังสี
5) เพื่อการรักษาเช่น การระบายพิษจากแอมโมเนีย
คั่งในกระแสเลือดในผู้ป่วยโรคตับ เป็นต้น
1) ลดปัญหาอาการท้องผูก
ชนิดของการสวนอุจจาระแบ่งเป็น 2ชนิด
Cleansing enemaเป็นการสวนน้ าหรือน้ำยาเข้า
ไปในลำไส้ใหญ่เพื่อกระตุ้นให้มีการเคลื่อนไหวของลำไส้
Retention enemaการสวนเก็บเป็นการสวนน้ำยาเข้า
ไปเก็บไว้ในลำไส้ใหญ่ในผู้ใหญ่ไม่เกิน 200 ml.
10.7การเก็บอุจจาระส่งตรวจ
ชนิดการเก็บอุจจาระส่งตรวจ
2)การตรวจอุจจาระหาเลือดแฝง (Occult blood)ตรวจในรายที่สงสัยว่ามีเลือดแฝงในอุจจาระ เช่นผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ ผู้ป่วยมีพยาธิปากขอ เป็นต้น
3)การตรวจอุจจาระโดยการเพาะเชื้อ(Stool culture)
เพื่อนำไปเพาะเชื้อเลี้ยงเชื้อแบคทีเรียและ
ดูความไวต่อยาของเชื้อที่เพาะได้
1)การตรวจอุจจาระหาความผิดปกติ
(Fecal examination หรือStool examination)
อุปกรณ์เครื่องใช้
1) ภาชนะมีฝาปิดมิดชิด
4) กระดาษชำระ
3) ไม้แบนสำหรับเขี่ยอุจจาระ
5)หม้อนอน
2)ใบส่งตรวจ
10.3ลักษณะของอุจจาระปกติ
และสาเหตุของอุจจาระที่ผิดปกติ
Type 4
Like a sausage or snake, smooth and soft
(ลักษณะยาวหรือขดม้วน เรียบ และนุ่ม)
Type 5
Soft blobs with clear-cut edges
(ลักษณะเป็นก้อนนุ่มๆ แยกออกจากันชัดเจน)
Type 3
Like a sausage but with cracks on surface
(ลักษณะยาวหรือขดม้วน แต่พื้นผิวบนนุ่มๆ)
Type 6
Fluffy pieces with ragged edges, a mushy stool
(ลักษณะเป็นก้อนนุ่มปุยมีขอบขยักไม่เรียบ)
Type 2
Sausage shaped but lumpy(ลักษณะยาวแต่เป็นก้อน)
Type 7
Watery, no solid pieces(entirely liquid)
(ลักษณะเป็นน้ำไม่มีเนื้ออุจจาระปน)
Type 1
Separate hard lumps, like nuts(Difficult to pass)
ลักษณะแข็งคล้ายเมล็ดถั่วคนไทยเรียกว่า “ขี้แพะ”
10.8กระบวนการพยาบาลใน
การส่งเสริมการขับถ่ายอุจาจาระ
3.การวางแผนการพยาบาล(Planning)
4.การปฏิบัติการพยาบาล(Implementation)
2.ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล(Nursing diagnosis)
5.การประเมินผลการพยาบาล(Evaluation)
การประเมินภาวะสุขภาพ(Health assessment)
10.6 ข้อควรคำนึงในการสวนอุจจาระ
ข้อควรระวังในการสวนอุจจาระ
5)การปล่อยน้ำเปิดClamp ให้น้ำไหลช้าๆ
6) ความลึกของสายสวนที่สอดเข้าไปในลำไส้
และลักษณะของสายสวนอุจจาระ
4) แรงดันของสารน้ำที่สวนให้แก่ผู้ป่วย ควรแขวนหม้อสวน
ให้สูงไม่เกิน 1 ฟุตเหนือระดับที่นอนในเด็กเล็กไม่ควรเกิน 3 นิ้ว
7)การหล่อลื่นหัวสวนด้วยสารหล่อลื่น
3) ท่านอนของผู้ป่วยท่านอนตะแคงซ้ายกึ่งคว่ำ (Sim’s position)
8)ทิศทางการสอดหัวสวน
2) ปริมาณสารละลายใช้สวนอุจจาระขึ้นอยู่กับอายุและขนาดร่างกาย
9)ระยะเวลาที่สารน้ำกักเก็บอยู่ในลำไส้ใหญ่
1)อุณหภูมิของสารน้ำอุณหภูมิที่เหมาะสมคือ105 ̊F (40.5 ̊C
10)การแก้ไขเมื่อสารละลายในหม้อสวนไม่ไหลเป็นปกติ
10.2ปัจจัยที่ส่งผลกระทบ
ต่อการขับถ่ายอุจจาระ
การเคลื่อนไหวของร่างกาย
(Body movement)
อารมณ์
(Emotion)
ปริมาณน้ำที่ร่างกายได้รับ
(Fluid intake)
ความสม่ำเสมอในการขับถ่าย
(Defecation habits )
ชนิดของอาหารที่รับประทาน
(Food intake)
ความเหมาะสม
(Opportunity)
อายุ (Age)
ยา(Medication)
การตั้งครรภ์
(Pregnancy)
อาการปวด (Pain)
โรคริดสีดวงทวาร (Hemorrhoid)
การผ่าตัดและการดมยาสลบ
(Surgery andAnesthesia)
การตรวจวินิจฉัยโรค
(Diagnostic test)
10.4สาเหตุและการพยาบาลผู้ป่วย
ที่มีปัญหาการขับถ่ายอุจจาระ
ภาวะท้องอืด (Flatulence
หรือAbdominal distention)
สาเหตุ
2)มีแก๊สในกระเพาะอาหารหรือลำไส้ปริมาณมาก
3)มีการสะสมของอุจจาระมาก
เนื่องจากไม่ได้ขับถ่ายออกตามปกติ
1) มีการสะสมของอาหารหรือน้ำมาก
อาหารไม่ย่อย รับประทานอาหารมาก
เกินไปหรือเคี้ยวอาหารไม่ละเอียด
4) ปริมาตรของช่องท้องลดลงจากความผิดปกติ
ของอวัยวะที่อยู่ใกล้เคียง เช่น ตับโต ม้ามโต
ท้องมานน้ำ (Ascites)เป็นต้น
การกลั้นอุจจาระไม่ได้
(Fecal incontinence)
ผลของการกลั้นอุจจาระไม่ได้
2) ผลด้านจิตใจ
เนื่องด้วยอุจจาระเป็นเรื่องของความไม่สะอาด
ทั้งกลิ่นและสิ่งขับถ่าย อุจจาระจึงทำให้เกิด
การสูญเสียความรู้สึกมีคุณค่าและความนับถือ
ต่อตนเองและอาจส่งผลรุนแรงมากขึ้นจากปฏิกิริยา
ของบุคคลที่อยู่รอบข้างซึ่งมีการแสดงออกถึง
ความน่ารังเกียจต่อสิ่งที่ได้รับรู้
3) ผลด้านสังคม
เนื่องด้วยการถ่ายอุจจาระ เป็นเรื่องส่วนตัวที่ต้องควรระมัดระวัง
เมื่อการกลั้นอุจจาระไม่ได้ เป็นเรื่องน่าอับอายส่งผลให้ไม่ต้อง
การออกสังคม หรือพบปะผู้คนโดยไม่มีเหตุจำเป็น
จึงกลายเป็นคนแยกตัวออกจากสังคม
1)ผลด้านร่างกาย
เนื่องด้วยการขับถ่ายอุจจาระที่ควบคุมไม่ได้ จึงทำให้มีอุจจาระ
ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว จึงเกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง
และอาจเกิดแผลจากการระคายเคืองเสียดสีของผิวหนังบริเวณ
รอบรูทวารซึ่งผิวหนังมีลักษณะอ่อน และเกิดความสกปรก
เปรอะเปื้อนของเสื้อผ้าและเครื่องใช้
4) ผลด้านจิตวิญญาณ
สืบเนื่องด้วยผลกระทบด้านร่างกาย จิตใจ และสังคม
ส่งผลให้ด้านจิตวิญญาณคือ ความรู้สึกเสียคุณค่า
ในตนเองลดลง และขาดการแสดงออกถึงความต้องการ
การมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางศาสนากลัวสิ่งที่จะเกิด
ขึ้นกับตนเองในอนาคต
การอัดแน่นของอุจจาระ
(Fecal impaction)
การพยาบาลผู้ป่วยที่มี
การอัดแน่นของอุจจาระ
เปูาหมายสำคัญของการพยาบาล คือ การช่วยเหลือ
เอาก้อนอุจจาระออกจากร่างกายโดยการล้วงอุจจาระ
(Evacuation) และอาจใช้ยาระบายเพื่อทำให้ก้อนอุจจาระ
อ่อนนุ่มและหล่อลื่นหรือการสวนอุจจาระในกรณีที่ใช้ยาไม่ได้ผล
การล้วงอุจจาระ
(Evacuation)
การล้วงอุจจาระออกโดยตรง เป็นการช่วยเหลือผู้ป่วย
ในกรณีที่ผู้ปุวยถ่ายอุจจาระออกเองไม่ได้ อุจจาระจับ
เป็นก้อนและไม่ถูกขับออกมาตามปกติ ประมาณ
4-5 วัน หรือมีอาการท้องอืดตึงเป็นต้น
ภาวะท้องเสีย(Diarrhea)
สาเหตุของภาวะท้องเสีย
2)จากการเปลี่ยนแปลงทางจิตใจและอารมณ์
จนทำให้เกิดการเจ็บป่วยที่แสดงออกทางร่างกาย
เรียกว่า “Psychosomatic disorder”
3) การได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะและมีอาการข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์(Sideeffect)เช่นCeftriaxone (Cef-3), Claforan, Azithromycin, Levefloxacin เป็นต้น
1) จากอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อโรค
เช่น อาหารที่มีแมลงวันตอม เป็นต้น
ภาวะท้องผูก
(Constipation)
สาเหตุ
1) ภาวะท้องผูกแบบปฐมภูมิ
โดยภาวะท้องผูกปฐมภูมินี้มีความสัมพันธ์กับการรับประทานอาหารที่มีกากใยน้อยภาวะขาดน้ำการเคลื่อนไหวลดลงแรงตึงตัวของกล้ามเนื้อลดลง
2)ภาวะท้องผูกแบบทุติยภูมิ
อาจเกิดจากความเจ็บป่วย
หรือการรักษาด้วยยา
ฝิ่นหรือยาระงับปวดที่เป็นอนุพันธ์ของฝิ่น
การอุดกั้นของระบบทางเดินอาหาร
ความผิดปกติในการทำหน้าที่ของไขสันหลัง
ภาวะท้องผูกจากการลดลงของการเคลื่อนไหวของลำไส้
การทำหน้าที่ผิดปกติของกล้ามเนื้อพื้นเชิงกราน
ภาวะผิดปกติของลำไส้มีความสัมพันธ์กับภาวะท้องผูก
การถ่ายอุจจาระทางหน้าท้อง
(Fecal diversion)
การผ่าตัดเอาลำไส้มาเปิดออกทางหน้าท้องเพื่อให้เป็นทางออก
ของอุจจาระมักทำในผู้ป่วยที่มีพยาธิสภาพที่ลำไส้