Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลมารดาและทารกที่มีภาวะติดเชื้อขณะตั้งครรภ์การติดเชื้อระบบขับถ่ายปั…
การพยาบาลมารดาและทารกที่มีภาวะติดเชื้อขณะตั้งครรภ์การติดเชื้อระบบขับถ่ายปัสสาวะระหว่างตั้งครรภ์ (Urinary system Infection during pregnancy)
-
สาเหตุและปัจจัยส่งเสริม
ญ่เกิดจากการติดเชื้อ Escherichia Coli (E. Coli) ที่อยู่รอบท่อปัสสาวะ โดยมีปัจจัยส่งเสริม คือ การเพิ่มขึ้นของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนขณะตั้งครรภ์ ทำให้ท่อไตตึงตัว ทำให้การเคลื่อนไหวและการหดรัดตัวของท่อไตลดลง ประสิทธิภาพในการดูดซึมกลับลดลง ทำให้ปัสสาวะค้างอยู่ในทางเดินปัสสาวะมากขึ้น และจากการที่มดลูกมีการขยายขนาดใหญ่ขึ้นและกดเบียดกระเพาะปัสสาวะทำให้รูเปิดของหลอดไตที่กระเพาะปัสสาวะเกิดการบิดงอขับปัสสาวะออกไม่สะดวก ปัสสาวะค้างอยู่ในกระเพาะปัสสาวะ ส่งผลให้กระเพาะปัสสาวะและกรวยไตอักเสบเฉียบพลันตามมา
ในระยะตั้งครรภ์มีการเปลี่ยนแปลงของระบบทางเดินปัสสาวะตั้งแต่ไต ลงมาจนถึง ureter มีการขยายใหญ่ขึ้นซึ่งอาจทำให้มีปัสสาวะค้างอยู่นาน และเป็นสาเหตุทำให้ติดเชื้อได้ง่าย นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงหน้าที่ของไต ได้แก่ GFR (Glomerrular infiltration rate ) และ ERPF (Effective Renal Plasma Flow) เพิ่มขึ้นส่วนการขับโปรตีนเพิ่มขึ้นน้อยมาก และถือว่าผิดปกติเมื่อมีโปรตีนในปัสสาวะเกิน 300 มก. ใน 24 ชั่วโมง
-
การประเมินและวินิจฉัย
- การตรวจร่างกาย จะตรวจพบปัสสาวะขุ่น หรือพบปัสสาวะเป็นสีน้ำล้างเนื้อ มีไข้ ปวดบริเวณท้องน้อยเหนือหัวหน่าว หากกดบริเวณ costovertebral angleจะปวดมาก (positive Goldflam sign or kidneypunch)
- การตรวจทางห้องปฏิบัติการ ตรวจ urine analysis จะพบไข่ขาว เม็ดเลือดขาวตรวจ urine culture จะ พบเชื้อแบคทีเรียมากกว่า 105 dfu/ml ถ้าติดเชื้อให้ตรวจ u/c ด้วยและตรวจซ้ำตอนอายุครรภ์ 28 week
- การซักประวัติ ซักประวัติเกี่ยวกับการติดเชื้อของระบบทางเดินปัสสาวะ หรือการติดเชื้อของระบบสืบพันธุ์ ซักประวัติอาการและอาการแสดงของการติดเชื้อของระบบสืบพันธุ์
-
พยาธิสรีรวิทยา
เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียบริเวณปากช่องคลอด หรือทวารหนักใกล้ท่อปัสสาวะ ย้อนกลับขึ้นไป(ascending infection) ร่วมกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและการทำงานของ ระบบทางเดินปัสสาวะขณะตั้งครรภ์ จากผลของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) และการขยายตัวของขนาดมดลูก เป็นปัจจัยเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อระบบทางเดิน ปัสสาวะได้ ร่วมกับการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาขณะตั้งครรภ์ของไต
อาการและอาการแสดง
Lower UTI
ท่อปัสสาวะอักเสบกระเพาะปัสสาวะอักเสบ เป็นต้น สตรีตั้งครรภ์จะมีอาการปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะแสบขัด กระปิดกระปรอย กลั้นปัสสาวะไม่ได้ บางรายอาจพบปัสสาวะเป็นเลือดหรือสีน้ำล้างเนื้อ ปวดบริเวณหัวหน่าว
Upper UTI
กรวยไตอักเสบ โดยจะพบปัสสาวะเป็นสีขุ่น หรือสีน้ำล้างเนื้อ เจ็บบริเวณชายโครง ปวดหลังบริเวณตำแหน่งของไต มีไข้ หนาวสั่น คลื่นไส้อาเจียน หากอาการรุนแรงอาจมีอาการของการติดเชื้อในกระแสเลือด และหากไม่ได้รับการรักษาอาจช็อกและเสียชีวิต
-
แนวทางการป้องกันและรักษา
การป้องกัน
-
-
ทำการคัดกรองการติดเชื้อตั้งแต่ต้น โดยตรวจเพาะเชื้อปัสสาวะ(urine culture) ในสตรีที่มาฝาก
ครรภ์ครั้งแรกทุกรายหรือรายที่มีความเสี่ยง
การรักษา
รายที่มีการติดเชื้อแบบ ASB จำเป็นต้องได้รับยาปฏิชีวนะเพื่อการรักษาทุกราย เพื่อป้องกันการเกิด upper UTI หลังจากได้รับการรักษา 7 วัน ควรตรวจ urine culture เพื่อตรวจหาเชื้อโรคซ้ำ จากนั้นตรวจทุกเดือนจนกระทั่งคลอด ถ้ายังพบเชื้ออาจจะให้ยาระยะยาว
รายที่มีการติดเชื้อที่กระเพาะปัสสาวะรักษาโดยให้ยาปฏิชีวนะที่มีความไวต่อเชื้อและปลอดภัยต่อ
มารดาและทารกมากที่สุด
รายที่เป็นกรวยไตอักเสบเฉียบพลัน ต้องรับไว้ในโรงพยาบาลเพื่อให้สารละลายทางหลอดเลือดดำ และ
ให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำ พร้อมทั้งส่งตรวจ Urine culture เมื่อตรวจไม่พบเชื้อในปัสสาวะจึงเปลี่ยนมาเป็นยาชนิดรับประทาน และติดตามผลการตรวจเพาะเชื้อเป็นระยะไปจนถึงหลังคลอด
การพยาบาล
ระยะตั้งครรภ์
- เน้นความสำคัญของการมาตรวจครรภ์ตามนัดอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ เพื่อประเมินภาวะสุขภาพของมารดาและทารกในครรภ์
- แนะนำการปฏิบัติตัวขณะตั้งครรภ์เพื่อป้องกันการติดเชื้อ เช่น การพักผ่อน ดื่มน้ำ ดูแลความสะอาดโดยเฉพาะอวัยวะสืบพันธุ์
- ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดำเนินของโรค ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นกับสตรีตั้งครรภ์และทารก และแผนการรักษาพยาบาล
- กรณีที่มีการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะและได้รับการรักษา ติดตามการเปลี่ยนแปลงของโรครวมทั้งสังเกตอาการผิดปกต
- กรณีที่ต้องรับเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล ต้อง อธิบายให้สตรีตั้งครรภ์เข้าในถึงความจำเป็นในการเข้ารับการรักษา ดูแลการพักผ่อน ประเมิน v/s ทุก 4 ชม. ประเมินเสียงหัวใจของทารกและการดิ้นของทารก สังเกตและบันทึกปริมาณสารน้ำเข้าและออกจากร่างกาย และติดตามผลการตรวจทาง
ห้องปฏิบัติการเพื่อประเมินการทำงานของไต
ดูแลให้ได้รับยา ให้การพยาบาลเพื่อบรรเทาความไม่สุขสบาย ดูแลด้านสภาพจิตใจ
ระยะคลอด
ให้การพยาบาลเช่นเดียวกับผู้คลอดทั่วไป และเน้นเรื่องการทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกทุกครั้งหลังการขับถ่าย เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
ระยะหลังคลอด
- การป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ และการป้องกันการกลับเป็นซ้ำ
- ให้คำแนะนำเช่นเดียวกับคำแนะนำเพื่อป้องกันการติดเชื้อในขณะตั้งครรภ์