Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 5 การพยาบาลผู้ป่วยในระยะก่อน-หลังผ่าตัด การเคลื่อนไหวและการอ…
บทที่ 5
การพยาบาลผู้ป่วยในระยะก่อน-หลังผ่าตัด
การเคลื่อนไหวและการออกกeลังกาย
5.3 การฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วย
5.3.1 การช่วยเหลือผู้ป่วยเคลื่อนไหวบนเตียง
5.3.1.1 การประเมินผู้ป่วย
1) ความสามารถของผู้ป่วยในการช่วยเหลือตนเอง
2) ท่าที่เหมาะสม และระยะเวลาที่ผู้ป่วยจะคงอยู่ในท่าที่เปลี่ยนให้ใหม
3) ความยากลำบากและไม่สุขสบายในขณะเปลี่ยนท่าหรือเมื่ออยู่ในท่าที่จัดให้
4) ปัญหาอื่นๆ ที่พบในผู้ปุวย เช่น ความผิดปกติเกี่ยวกับผิวหนัง กระดูก หลอดเลือด เป็นต้น
5.3.1.2 ปฏิบัติการพยาบาลในการให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยบนเตียง
1) การเตรียมผู้ป่วย ให้เอาหมอนหนุนศีรษะของผู้ป่วยออก วางหมอนไว้ที่พนักหัวเตียง ปรับระดับเตียงให้อยู่ในแนวราบพร้อมทั้งดูแลความปลอดภัยของผู้ป่วย
2) การเตรียมตัวพยาบาล พยาบาลควรยืนในท่าที่ถูกต้อง พยุงผู้ปุวยด้วยความนุ่มนวลและมั่นคง ขณะยกตัวหรือเลื่อนตัวผู้ป่วยให้ใช้วิธีสอดมือเข้าใต้ตำแหน่งร่างกายส่วนที่จะยก
3) การจัดท่าผู้ป่วย
(1) ท่านอนหงาย (Dorsal or Supine position)
(2) ท่านอนตะแคง (Lateral or Slide-lying position)
(3) ท่านอนคว่ำ (Prone position)
(4) ท่านอนตะแคงกึ่งคว่ำ (Semiprone position)
(5) ท่านั่งบนเตียง (Fowler’s position)
(6) ท่านอนหงายชันเข่า (Dorsal recumbent position)
(6) ท่านอนหงายชันเข่า (Dorsal recumbent position)
(7) ท่านอนหงายพาดเท้าบนขาหยั่ง (Lithotomy position)
(8) ท่านอนคว่ำคุกเข่า (Knee-chest position)
(9) ท่านอนศีรษะต่ำปลายเท้าสูง (Trendelenburg position)
5.3.2 การเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
5.3.2.1 หลักการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
1) ควรจัดท่าผู้ป่วยให้นอนหงายราบอยู่ในท่าที่สบาย
2) หันหน้าเข้าหาผู้ป่วยและไปในทิศทางที่จะเคลื่อนย้าย
3) ควรยืนในท่าที่ถูกต้องและมั่นคง
4) ยืนแยกเท้าทั้งข้างห่างกันพอสมควร และเฉียงปลายเท้าไปตามทิศทางที่ต้องการเคลื่อนย้าย
5) หลังตรง ป้องกันการปวดหลัง
6) ย่อเข่าและสะโพก
7) หาวิธีที่เหมาะสมเพื่อผ่อนแรงในการยกหรือเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
8) ผู้ป่วยควรอยู่ใกล้พยาบาลมากที่สุด
9) ยกตัวผู้ป่วยให้พ้นจากที่นอนเล็กน้อยเพื่อลดแรงเสียดทาน
10) ใช้ผ้าขวางเตียงช่วยในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยแทนการเลื่อนผู้ป่วย
11) ให้สัญญาณเพื่อความพร้อมเพรียง
12) ผู้ป่วยที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ควรหาผู้ช่วยเหลือตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป
5.3.2.2 การประเมินผู้ป่วยก่อนการเคลื่อนย้าย
1) ความสามารถในการช่วยเหลือตนเอง
2) ท่าที่เป็นข้อห้ามของผู้ป่วย
3) ส่วนที่อ่อนแรงหรือพิการ
4) ความมั่นคงในการคงท่าของผู้ป่วย
5) ส่วนที่จำเป็นต้องให้อยู่นิ่งๆ
6) ผู้ป่วยอ่อนเพลียมากน้อยแค่ไหน
7) ความต้องการการเคลื่อนย้ายเปลี่ยนท่าและความสุขสบายของผู้ป่วย
5.3.2.3 วิธีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
1) แจ้งให้ผู้ปุวยทราบและบอกวิธีการให้ความร่วมมือถ้าทำได้
2) นำหมอนหนุนศีรษะของผู้ปุวยออก วางหมอนที่พนักหัวเตียง อุปกรณ์ที่ไม่จำเป็นเอาออกจากเตียง
3) พยาบาลยืนในท่าที่ถูกต้องมั่นคงและใช้หลักการของกลไกการเคลื่อนไหวร่างกาย
4) พยุงผู้ป่วยด้วยความนุ่มนวลและมั่นคง โดยใช้วิธีสอดมือเข้าไปในตำแหน่งของ
5.3.3 การช่วยเหลือผู้ป่วยหัดเดิน
5.3.3.1 การออกกำลังกายเพื่อเตรียมผู้ป่วยเดิน
1) ให้ผู้ป่วยงอและเหยียดข้อตะโพก
2) หมุนข้อตะโพก
3) กางและหุบข้อตะโพก
4) เหยียดข้อเข่า
5) งอข้อเท้า
6) งอและเหยียดนิ้วเท้า
7) เกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้อง ตะโพก ต้นขา
5.3.3.2 การช่วยเหลือผู้ป่วยหัดเดิน
1) การช่วยเหลือผู้ปุวยหัดเดินโดยพยาบาล 1 คน
(1)กรณีใช้เข็มขัดหรือผ้าคาดเอว เมื่อช่วยผู้ป่วยลงจากเตียงแล้ว พยาบาลยืนเยื้องด้านหลังผู้ป่วย ใช้มือ 2 ข้างยืดเข็มขัดหรือผ้าคาดเอวเพื่อพยุงผู้ป่วยขณะผู้ป่วยเดิน
(2)กรณีไม่ใช้เข็มขัด ให้ใช้มือด้านใกล้ตัวจับที่ต้นแขนของผู้ป่วย มือไกลตัวจับที่ปลายแขนของผู้ป่วย
2) การช่วยเหลือผู้ป่วยหัดเดินโดยพยาบาล 2 คน
ให้พยาบาลยืนข้างผู้ปุวยคนละด้าน มือพยาบาลข้างใกล้ตัวผู้ป่วยสอดใต้รักแร้ผู้ป่วยอีกข้างหนึ่งจับปลายแขนหรือมือผู้ป่วยข้างเดิม ผู้ป่วยและพยาบาลทั้ง 2 คนเดินพร้อมกัน
5.3.4 การช่วยเหลือผู้ป่วยหัดเดินด้วยอุปกรณ์ช่วยเดิน
5.3.4.1 ชนิดของอุปกรณ์ช่วยเดิน
1) Parallel bar = ราวคู่ขนาน ราวเดิน
2) Walker หรือ Pick – up frames
3) Cane
4) Crutches
5.3.4.2 ประโยชน์ของอุปกรณ์ช่วยเดิน
1) ช่วยแบ่งเบาหรือรับน้ำหนักแทนขา
2) เพิ่มการพยุงตัว (Support) เพื่อให้สามารถทรงตัวได้ (Balance)
5.3.4.3 การเตรียมผู้ป่วยก่อนการฝึกใช้อุปกรณ์ช่วยเดิน
1) การฝึกความแข็งแรง (Strength) ความทนทาน (Endurance) และการประสานสัมพันธ์ของกล้ามเนื้อ (Co – ordination) ที่ใช้ในการเดินด้วยอุปกรณ์ช่วยเดิน
2) การฝึกในท่าตั้งตรง (Upright) บนเตียงหรือเบาะ เช่น การฝึกการทรงตัวในท่านั่ง
3) การฝึกในราวคู่ขนาน เช่น ฝึกยืน ฝึกทรงตัว ฝึกท่าทางการเดิน
5.3.4.4 การลงน้ำหนักที่ขาเวลาเดิน (Weight Bearing Status)
ป่วยจะต้องลงน้ำหนักตามแผนการรักษา
5.3.4.5 รูปแบบการเดิน (Gait pattern)
1) Four – point gait เป็นรูปแบบการเดินที่มีความมั่นคงมากที่สุด
2) Two – point gait มีการเคลื่อนไหวของแขนขาเหมือนการเดินตามธรรมชาติ ใช้ได้กับไม้ค้ำยันและไม้เท้า
3) Three – point gaitเป็นรูปแบบการเดินที่ใช้บ่อยในผู้ปุวยที่มีพยาธิสภาพของขา 1 ข้าง
4) Swing – to gait วิธีนี้เหมาะที่สุดสำหรับผู้ป่วยที่มีการจำกัดในการใช้ขาทั้ง 2 ข้าง
5) Swing – through gait ผู้ป่วยจะต้องมีความแข็งแรงและการ
ทรงตัวที่ดี
5.4 การออกกำลังกายและการเคลื่อนไหวร่างกาย
5.4.1 การออกกำลังกาย
5.4.1.1 การออกกำลังกายชนิดให้ผู้ป่วยทำเอง (Active or Isotonic Exercise)
การทำกิจวัตรประจำวันด้วยตนเอง การให้ผู้ป่วยยกแขน ขา ขณะนอนอยู่บนเตียง
.4.1.2 การออกก าลังกายโดยให้ผู้อื่นทำให้ผู้ป่วย (Passive exercise)
พยาบาลหรือญาติช่วยผู้ป่วยในการยกแขน ขา ในผู้ป่วยรายที่เป็นอัมพาตหรือไม่รู้สึกตัว
5.4.1.3 การออกกำลังกายชนิดที่ให้ผู้ป่วยทำร่วมกับความช่วยเหลือของผู้อื่น (Active
assistive exercise)
การพยุงหรือช่วยเหลือผู้ป่วยในการลุก – นั่งข้างเตียง
5.4.1.4 การออกกำลังกายโดยให้กล้ามเนื้อทำงานแต่ข้อไม่เคลื่อน (Isometric or
Static exercise)
การกระตุ้นให้ออกกำลังกายโดยการเกร็ง
กล้ามเนื้อหน้าขา
5.4.1.5 การออกกำลังกายให้ผู้ป่วยออกแรงต้านกับแรงอื่น (Resistive exercise)
การใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ให้ผู้ป่วยออกแรงต้าน
5.4.2 การเคลื่อนไหวร่างกาย
หมายถึง
การเคลื่อนไหวร่างกายใดๆ ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะในบ้าน ที่ทำงาน หรือแม้แต่สันทนาการใดๆ เช่น การออกกำลังกาย
การเคลื่อนไหวได้อย่างถูกต้องทำให้เกิดผลดีต่อร่างกาย
ส่งเสริมและสนับสนุนการทำงานของร่างกายให้เป็นไปตามปกติ
ป้องกันไม่ให้เกิดอันตราย หรือมีความพิการของกระดูก และกล้ามเนื้อ
ลดการเมื่อยล้า หรือการใช้พลังงานมากเกินไป
5.4.3 ผลกระทบจากการไม่เคลื่อนไหวร่างกาย
5.4.3.1 ระบบผิวหนัง
1) เกิดแรงกดทับ (Pressure)
2) เซลล์ตายและลุกลามกลายเป็นแผล
3) การเสียดทาน (Friction)
4) แรงดึงรั้ง (Shearing force)
5.4.3.2 ระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ
1) กระดูกผุ เปราะบาง (Osteoporosis)
2) การประสานงานของกล้ามเนื้อแขนขาลดลงหรือไม่สัมพันธ์กัน
3) กล้ามเนื้ออ่อนแรง ลีบเล็ก (Muscle atrophy)
4) อาการปวดหลัง (Back pain)
5.4.3.3 ระบบหัวใจและหลอดเลือด
1) หัวใจทำงานมากขึ้น
2) มีการคั่งของเลือดในหลอดเลือดดำที่ขา
3) เกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ (Thrombus)
4) ความดันต่ำขณะเปลี่ยนท่า (Orthostatic Hypotension)
5.4.3.4 ระบบทางเดินหายใจ
1) ปอดขยายตัวลดลง (Decrease lung expansion)
2) มีการคั่งของเสมหะมากขึ้น
5.4.3.5 ระบบทางเดินอาหาร
1) มีผลต่อการรับประทานอาหาร
2) มีผลต่อการขับถ่าย ทำให้ท้องผูก
5.4.3.6 ระบบทางเดินปัสสาวะ
1) การถ่ายปัสสาวะมากกว่าปกติในระยะแรกๆ (Diuresis)
2) มีการคั่งของปัสสาวะในไตและกระเพาะปัสสาวะ (Urinary stasis)
3) เกิดนิ่วในไตและกระเพาะปัสสาวะ (Renal Calculi)
5.4.3.7 ระบบเมตาบอลิซึมและการเผาผลาญอาหาร
1) การเผาผลาญอาหารลดลง
2) มีระดับโปรตีนในกระแสเลือดลดต่ำลง (Hypoproteinemia)
3) มีความผิดปกติด้านอัตมโนทัศน์และภาพลักษณ์ (Self concept and Body image)
5.5 กระบวนการพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยก่อนและหลังผ่าตัด
5.5.1 การประเมินสภาพผู้ป่วย
รวบรวมข้อมูลที่จำเป็นเพื่อนำไปสู่การวางแผนการพยาบาล
5.5.2 ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
วิตกกังวลเนื่องจากกลัวการผ่าตัด
วิตกกังวลเกี่ยวกับโรคและแผนการรักษา
5.5.3 การวางแผนการพยาบาล ให้การพยาบาล และประเมินผลหลังให้การพยาบาล
5.5.3.1 ประเมินระดับความวิตกกังวล
5.5.3.2 เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยระบายความรู้สึก และค้นหาสาเหตุของความวิตกกังวล
5.5.3.3 ร่วมกันหาทางแก้ไขสาเหตุของความวิตกกังวลร่วมกับผู้ป่วยและญาติ
5.5.3.4 ดูแลความสุขสบายทั่วไป
5.5.3.5 จัดหมวดหมู่กิจกรรมการพยาบาลเพื่อลดการรบกวนผู้ป่วยและให้ผู้ป่วยได้พัก
5.5.3.6 รายงานแพทย์เมื่อพบอาการผิดปกติ
นายศราวุฒิ เป็งมูล เลขที่ 11 6201210255 Sec.B วิชา SN 213
💛
💚
💙