Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Upper Gastrointestinal bleeding ภาวะเลือดออกทางเดินอาหารส่วนต้น - Coggle…
Upper Gastrointestinal bleeding ภาวะเลือดออกทางเดินอาหารส่วนต้น
ข้อมูลผู้ป่วย
ประวัติการเจ็บป่วยในปัจจุบัน
: 1 ชั่วโมงก่อนมาโรงพยาบาล ผู้ป่วยถ่ายเป็นลิ่มเลือด สีดำปนแดง 1ครั้ง ญาติจึงนำส่งโรงพยาบาล
ประวัติการเจ็บป่วยในอดีต
: 17 ปีที่แล้ว เคยผ่าตัดต้อกระจกที่ตาทั้งสองข้าง
อาการสำคัญที่มาโรงพยาบาล
: ถ่ายเหลวเป็นลิ่มเลือด สีดำปนแดง 1 ครั้ง 1 ชั่วโมงก่อนมาโรงพยาบาล
ประวัติการเจ็บป่วยในครอบครัว
: มารดาและน้องสาวเป็นมะเร็งเต้านมข้างซ้าย
การวินิจฉัยโรคในปัจจุบัน
Upper Gastrointestinal bleeding ภาวะเลือดออกทางเดินอาหารส่วนต้น
มีโรคประจำตัวคือ
โรคภูมิแพ้คุ้มกันตัวเอง(Systemic Lupus Erythematosus) ,โรคความดันโลหิตสูง(Hypertension), โรคไขมันในเลือดสูง (Dyslipidemia) และโรคหลอดเลือดสมองตีบ(Ischemic stroke
มีประวัติแพ้ยา Amlodipine ยาลดความดันโลหิต
ผู้ป่วยเพศหญิง
อายุ 84 ปี เชื้อชาติ ไทย สัญชาติไทย ศาสนา พุทธ
การวินิจฉัยพยาบาล
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลข้อที่ 2
มีภาวะซีด เนื่องจากตัวนำออกซิเจนลดลง
วัตถุประสงค์
ไม่มีภาวะซีด
เกณฑ์การประเมิณ
RBC ค่าปกติอยู่ในช่วง4.2-5.4 10^6 cell/uL
HCT ค่าปกติอยู่ในช่วง 37-47 %
Hb ค่าปกติอยู่ในช่วง 12-16 g/dL
BUN ค่าปกติอยู่ในช่วง 7-20 mg/dL
ข้อมูลสนับสนุน
O : ตรวจดูเยื่อบุเปลือกตาล่าง conjunctiva ซีด
O : ปลายมือปลายเท้าเย็น ซีด
S : ผู้ป่วยบอกว่าเหนื่อย อ่อนเพลีย ไม่ค่อยมีแรง
O : ถ่ายอุจจาระสีดำปนเลือด
O : RBC Count = 4.1 10^6 cell/uL ,
Hb = 11.2 %,
HCT = 34.1 %
BUN = 34.4 mg/dL
กิจกรรมการพยาบาล
1.ประเมินวัด V/S ก่อนและหลังให้เลือด เพื่อประเมินเปรียบเทียบถึงความเปลี่ยนแปลงความผิดของร่างกาย
2.ประเมินตรวจ Capillary filling time ปกติเนื้อใต้เล็บจะแดงขึ้นทันทีภายในหนึ่งวินาที ที่เล็บถูกกด
3.ดูแลให้เลือดตามแผนการรักษาและสังเกตภาวะแทรกซ้อน เช่น ผื่นคัน หนาวสั่น
4.ติดตามดูผลทางห้องปฏิบัติการ RBC,HCT,Hb,BUN เพื่อดูค่าความเปลี่ยนแปลง
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลข้อที่ 3
มีโอกาสเกิดภาวะ Hypovolemic shock เนื่องจากมีเลือดออกภายในกระเพาะอาหาร
วัตถุประสงค์
ป้องกันการเกิดการช็อกจากการเสียเลือดในทางเดินอาหาร
เกณฑ์การประเมิณ
PR : ปกติอยู่ในช่วง 60-100 ครั้ง/นาที
RR : ปกติอยู่ในช่วง 16-20 ครั้ง/นาที
T : ปกติอยู่ในช่วง 36.5-37.4 องศาเซลเซียส
Keep O2 saturation > 95%
BP : ปกติอยู่ในช่วง 140-80/90-60 มิลลิเมตรปรอท
ข้อมูลสนับสนุน
S : ผู้ป่วยบอกว่า หายใจไม่ค่อยสะดวก เหนื่อยอ่อนเพลีย มึนงงเป็นบางครั้ง
O : On O2 cannula 3 LPM
S : ผู้ป่วยบอกว่าถ่ายอุจจาระเป็นลิ่มเลือดมาก 1 ครั้ง ก่อนมาโรงพยาบาล
O : มีประวัติเคยได้รับส่วนประกอบของเลือด คือ PRC 1 ครั้ง, LPRC 6 ครั้ง, FFP 4 ครั้ง
กิจกรรมการพยาบาล
1.ประเมิน V/S ทุก 4 ชั่วโมงเพื่อทราบการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย
2.ประเมินความรุนแรงของโรคจากปริมาณของเลือดที่ออก อาการเหงื่อออก ตัวเย็น การเต้นของชีพจร
3.สังเกตอาการและอาการแสดงของการมีเลือดออกระบบทางเดินอาหาร เช่น อาการอาเจียนเป็นเลือด ถ่ายดำเป็นเลือด
Record I/O ทุก 8 ชั่วโมง
5.จัดท่านอนให้ผู้ป่วยนอน 6.ดูแลให้สารน้ำและยาทางหลอดเลือดดำและยาตามแผนการรักษาของแพทย์
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลข้อที่ 1
มีโอกาสเลือดออกซ้ำ เนื่องจากมีแผลในทางเดินอาหาร
วัตถุประสงค์
ป้องกันการเกิดเลือดออกซ้ำภายในทางเดินอาหารส่วนต้น
เกณฑ์การประเมิณ
HCT ค่าปกติอยู่ในช่วง 37-47 % ,Hb ค่าปกติอยู่ในช่วง 12-16 g/dL
ข้อมูลสนับสนุน
O : HCT = 34.1 % ↓,
Hb = 11.2 % ↓
O : กระเพาะอาหารอักเสบมีเลือดออกเล็กน้อย mild hemorrhagic gastritis
S : ผู้ป่วยบอกว่ามีโรคประจำตัวร่วมด้วย คือ โรคความดันโลหิตสูง , โรคไขมันพอกในตับ , โรคแพ้ภูมิคุ้มกันตัวเอง ,โรคหลอดเลือดสมองตีบ
O : ถ่ายอุจจาระสีดำ
O : T = 37.2 องศาเซลเซียส , BP = 147/84 มิลลิเมตรปรอท ,PR = 86 ครั้ง/นาที , RR = 18 ครั้ง/นาที
O : การใช้ยาเสตรียรอยด์(Prednisoline) ในการรักษาโรคประจำตัวของตนเอง คือ โรคภูมิแพ้ตัวเอง(SLE)
กิจกรรมการพยาบาล
1.ประเมิน V/S ทุก 4 ชั่วโมงเพื่อทราบการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย
2.จัดท่านอนศีรษะสูง 45 องศาและยกปลายเท้าสูง จัดให้ผู้ป่วย Absolute bed rest เพื่อให้ผู้ป่วยได้นอนพักอย่างเต็มที่ให้มากที่สุด
3.สังเกตอากรมีภาวะเลือดออกภายในทางเดินอาหารของผู้ป่วย เช่น การอาเจียนออกมาเป็นเลือด การถ่ายอุจจาระอออกมาเป็นเลือดสด ซีด เหนื่อยหอบ
4.ดูแลให้ผู้ป่วยได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ เพื่อให้ผู้ป่วยได้พักผ่อนอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง
5.ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อร่างกาย
6.ดูแลให้ยาและสารน้ำทางหลอดเลือดดำตามการรักษาของแพทย์ เพื่อให้ผู้ป่วยให้รับการรักษาต่อเนื่อง
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลข้อที่ 4
พร่องกิจวัตรประจำวันเนื่องจากช่วยเหลือตัวเองได้น้อย
วัตถุประสงค์
ส่งเสริมให้ผู้ป่วยปฏิบัติกิจวัตรประจำวันมากขึ้น
ผู้ป่วยมีสุขวิทยาส่วนบุคลและสภาพแวดล้อมที่ดี
เกณฑ์การประเมิณ
มีสุขวิทยาส่วนบุคคลที่ดี
สภาพแวดล้อมสะอาดน่าอยู่
-สามารถช่วยเหลือตัวเองได้มากขึ้น
ข้อมูลสนับสนุน
S : ผู้ป่วยบอกว่าแขนขาไม่ค่อยมีแรง เวลายกหยิบจับอะไรก็ไม่ถนัด
S : ผู้ป่วยบอกว่ามีลูกที่มาเยี่ยมจะคอยมาช่วยเหลือดูแลทำความสะอาดร่างกายให้
O : On NG tube, On O2 cannula 3 LPM
O : เหนื่อย อ่อนเพลีย
กิจกรรมการพยาบาล
1.ประเมินความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวัน
2.ดูแลพลิกตะแคงตัวทุกๆ 2 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับ
3.ดูแล Feed อาหาร BD (1:1) 300x4 Feed และน้ำตาม 80 ml.
4.ดูแลทำความสะอาดร่างกายผู้ป่วยหลังขับถ่าย
5.ดูแลทำความสะอาดสิ่งแวดล้อมรอบเตียง
6.กระตุ้นให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน
ปัจจัยบ่งบอกความเสี่ยง
ผู้ป่วยอายุมากกว่า 60 ปีมีโรคร่วมหรือขณะที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลด้วยสาเหตุอื่น
ความรุนแรงของเลือดที่ออก ได้แก่ ผู้ป่วยมีเลือดออกตลอดเวลา หรือเลือดออกซ้ำ ,พบเลือดแดงสดหลังใส่สาย NG tube ,อาเจียนหรือถ่ายเป็นเลือดสด ,ต้องให้เลือดมากกว่า 6 Unit/24hr. ,สัญญาณชีพไม่คงที่
สาเหตุ
โรคที่อวัยวะข้างเคียง เช่น โรคทางเดินน้ำดีทำให้เกิดเลือดออกในทางเดินน้ำดี(hemobilia)
โรคทางร่างกายทั่วไป เช่น การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ
โรคทางเดินอหารส่วนบน เช่น โรคกระเพาะและโรคลำไส้อักเสบจากแผลเปบติก(peptic ulcer) สาเหตุหลักของ peptic ulcer คือ Helicobacter pylori infection และการรับประทานยาแก้ปวดในกลุ่ม nonsteroid anti-infammatory drug(NSAIDs) รวมทั้ง aspirin แผลที่เกิดจากความเครียด แผลจากการดื่มสุรา หลอดเลือดโป่งพองที่หลอดอาหาร
อาการทางคลิกนิก
อาเจียนเป็นเลือดสด(Hematemesis),ถ่ายอุจจาระสีดำเหนียว(melena),ถ่ายอุจจาระมีสีแดงสด (Hematochezia),หรือถ่ายอุจจาระสีแดงเลือดนก(maroon stool)
อาการแสดงจากการเสียเลือด เช่น อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย เจ็บหน้าอก หน้ามืดเป็นลม ตรวจพบโลหิตจาง สัญญาณชีพไม่คงที่
การตรวจพิเศษ
Esophagogastroduodenoscope : EGD การส่องกล้องตรวจหลอดอาหาร ,กระเพาะอาหาร ,และลำไส้เล็กส่วนต้น
Mild hemorrhagic gastritis กระเพาะอาหารอักเสบมีเลือดออกเล็กน้อย
พยาธิสภาพของโรค
ภาวะเลือดออกในทางคืนอาหารส่วนบน เกิดจกทางดินอาหารอักสบหรือเป็นแผล ตามปกติทางเดินอาหารจะมี mucosal barrier เพื่อป้องกันการย่อยตัวเอง(acid autodigestion) เมื่อมีการหลั่งกรด โดยมี prostaglandin เป็นตัวช่วยป้องกัน แค่กลไกการป้องกันล้มเหลวหรือขาดความสมดุล จะทำให้ทางเดินอาหารอักสบมีการทำลายของ moucosa ทำให้เกิดอันตรายต่อเส้นเลือดเล็กๆ(small vessels) ทำให้เกิดการบวม เลือดออก และรอยถลอก เลือดที่ออกมาจะทำปฏิกิริยากับน้ำช่อยในกระเพาะอาหาร จึงทำให้เลือดเป็นสีดำผู้ป่วยมักมาด้วยอาการอาเจียนเป็นเลือดสดหรือเลือดเก่า และถ่ายดำ
อาการและอาการแสดง
ผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนเพลีย คลื่นไส้ ปวดท้องในระยะแรก มีความรู้สึกอยากถ่ายอุจจาระ
2.อาจมีอาเจียยนเลือดสดหรือเลือดเก่า และถ่ายอุจจาระดำ และมีอาการปวดศีรษะ กระหายน้ำเหงื่อออก ใจสั่น กระวนกระวาย ความดันโลหิตต่ำ ชีพจรเบาเร็ว
อาการอื่นๆ เช่น มีไข้ อาจกิดภายใน 24 ชั่วโมง ในผู้สูงอายุอาจเกิด myocardial infarction